söndag 7 december 2014

เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่..."สองคน สองคม." ผู้กระหายอำนาจโดยสันดาน ...ผู้สั่งการตัวจริงเสียงจริงสองขี้ข้าทาสรับใช้ ที่เป็นมือตีนให้แก่กษัตริย์เผด็จการทรราชฆาตกรเจ้าของระบอบราชาธฺิปไตย เมื่อกษัตริย์ และราชินีหมดสภาพความเป็นคนไปแล้ว

สองคน สองคม...ตัวจริงเสียงจริงสองขี้ข้าทาสรับใช้ ที่เป็นมือตีนให้แก่กษัตริย์เผด็จการทรราชฆาตกรเจ้าของระบอบราชาธฺิปไตย เมื่อกษัตริย์ และราชินีหมดสภาพความเป็นคนไปแล้ว เปรมและ นางจรุงจิต ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญก็ออกมาใช้อำนาจแทน ที่ขับเคลื่อนโดยใช้อำนาจเถื่อนสั่งการองค์กรอิสระต่างๆ ศาล ทหาร เจ้าหน้าที่รัฐ พวกม็อบโจรใต้ ให้ขัดขวางทำลายประเทศชาติและปล้นแย่งชิงอำนาจรัฐที่มาจากประชาชนให้ได้ทุกวิถีทาง เพื่อคงอำนาจของสถาบันและพรรคพวกตัวเองไว้....ไอ้อีสองตัวกาลีนี้ประชาชนต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือขุดรากถอนโคนให้หมดไปจากประเทศไทยให้หมด....นี่คือพวกสวะ หรือสิ่งปฎิกูลของประเทศ....ที่ทำให้ชาติต้องล่มจมและพังทะลายอู่ในเวลานี้.



จาก “ป๋าเปรม” ถึง “ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์” แผนทำลายกระทบชิ่ง !!            จาก “ป๋าเปรม” ถึง “ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์” แผนทำลายกระทบชิ่ง !!


จะอยู่กันอย่างไร? ถ้าศาลและองค์กรอิสระ คิดทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง แทนทหาร
by   Red Heart,
9 มีนาคม 2014
    ถ้า นายกฯ ลาออกย่อมผิดเงื่อนไขในข้อกฎหมายของรัฐธรรมนูญ***การปลดออกจากนายกรักษาการ พวกมึง องกรอิสระฯ มึงต้องไปแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ๕๐ ก่อนที่จะพิพากษาว่านายกให้ต้องพ้นสภาพรักษาการ พวกมึงทำความเข้าใจ คำว่ารักษาการให้ถ้องแท้ เขามาอยู่ในตำแหน่งที่รัฐธรรมนูญ ให้เป็นยามรักษาสังคมไทย และ ประเทศไทย ปลดจากตำแหน่งยามก็ต้องฉีกใบสัญญาว่าจ้างทิ้งไป เพราะสัญญาว่าจ้างนั้นก็คือ รัฐธรรมนูญปี๕๐ นั้นเอง การทำเช่นนั้นเท่ากับ องกรอิสระฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง ไม่ต่างอะไรกับการยึดอำนาจประชาชนโดยตรง เหมือนกับการยึดอำนาจประชาชนโดยใช้ศาลฯ ทำการปฏิวัติรัฐประหารโดยองค์กรอิสระ ซึ่งศาลจะเป็นผู้การกบฎสะเอง ไม่ต่างอะไรกับใช้ทหารยึดอำนาจ แต่จะเลวร้ายยิ่งกว่า เพราะศาลฯเป็นสัญลักษณ์แห่งความเที่ยงธรรม แต่คิดการก่อการกบฎ เป็นการสะท้อนอำนาจนอกระบบ ที่พยายามบั่นทอนอำนาจประชาชน มาเนินนาน จนประชาชนเข้าใจว่าอำนาจสูงสุดอยู่ที่กฎหมายและผู้เป็นจอมบงการหรือมาเฟีย ที่เขียนกฎหมายให้เกิดความไขว้เขว้ และทับซ้อนอำนาจ บริหารจัดการที่เป็นของประชาชน เพราะคำว่าประชาธิปไตย อำนาจสูงสุดก็ยังเป็นของประชาชน และถ้าประชาชนลุกขึ้นมาหาคำตอบความถูกต้อง ประชาชนต่างหากที่จะเป็นตัวฉีกกฎหมายอัปรีย์นี้ทิ้งไป และเกิดความชอบธรรม เพราะเป็นการ ปฎิวัติรัฐประหารโดยประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ศาลฯและองกรอิสระ เป็นเพียงลูกจ้างของประชาชน ในรัฐธรรมนูญ๕๐ ที่ใช้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข (คำว่าพระประมุขนั้น ความหมายคือขนบธรรมเนียมปฏิบัติ ที่ดีงามและสวยงาม ซึ่งจะละเมิดธรรมเนียมมิได้ จะถือว่าผิดกฎหมาย แต่ไม่ได้มาใช้ฟุมเฟื่อยกับบทลงโทษทางกฎหมาย ถ้าผู้ที่ไม่รู้ไม่เข้าใจกฎหมาย พระองค์ทรงมีความเมตตา ไม่คิดเอาโทษทัณฑ์อยู่แล้ว) ดังนั้น การเขียนกฎหมายอะไรขึ้นมาเพื่อบังคับใช้ ต้องคำนึงถึงอำนาจของประชาชน ไม่ใช่เขียนกฎหมายเพื่อตีความ และ เชื่อได้ว่า ผิด หรือ ถูก ต้องเป็นของพวกกู พวกมึง แล้วคำว่าความถูกต้องซึ่งสถิตย์ไว้ซึ่งความยุติธรรม จะคว้านหาได้จากสถาบันใด มิกลายเป็นการปกครองแแบมาเฟียกระนั้นฤๅ





    .....................................

    เฮโรอินไทยไปไต้หวัน : 'ดวงจำปา' มีรายงาน  (คัดมาบางตอนนำมาลงซ้ำอีกครั้ง)

    วันอังคาร, สิงหาคม 19, 2557
     
    ข่าวที่เงียบกริบในเมืองไทยเรื่องว่ามี การจับกุมการลักลอบขนยาเสพติด ด้วยสายการบินไทยจากกรุงเทพฯ เข้าสู่ไต้หวัน โดยสอดใส่ไว้ในกล่องนมถั่วเหลืองยี่ห้อ 'ดอยคำ' นั้นเป็นที่สนใจกันอย่างล้นหลามในแวดวงโซเชียลมีเดีย หากแต่ไม่มีรายละเอียดที่สมบูรณ์และแน่นอนมากนัก เนื่องจากเนื้อหาข่าวหลักเรื่องนี้ปรากฏในภาษาจีน และไม่มีใครแปลจากภาษาจีนไต้หวันไปสู่ภาษาไทยไว้โดยตรง


    คุณดวงจำปาเธอมีคอมเม้นต์ต่อการที่เกิดคลาดเคลื่อนในเนื้อหาข่าวที่กระจายอยู่ตามหน้ากระดานอีเล็คโทรนิคเล็กน้อย
    คุณดวงจำปากรุณานำข้อเท็จจริงล่าสุดมาสมทบไว้ด้วย
    "มีรายงาน Confirm มาว่า Flight ของนาง Chen กับ นาย Liao นั้น เดินทางด้วยสายการบินไทยเที่ยวบิน TG636 ในวันที่ 10 สิงหาคม
    จากข่าวที่สรุปไว้ก็หมายความว่า ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 11 สิงหาคม กลุ่มบุคคลอีกสองคนที่ขนยาเสพติด ก็โดยสารเข้าประเทศไต้หวันโดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG636 เช่นเดียวกัน
    TG 636 เป็นเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ เข้ามาถึงไต้หวัน อันนี้ยืนยันว่าเป็นเครื่องบินจากข่าวที่นำมาลงและมีการอ้างอิงไว้ในคอมเม้นท์ที่สอดคล้องกัน
    การวางแผนงานเป็นทีมนั้นใช้บุคคลากรทำงานกันสองชุด ชุดละสองคน เป็นผู้หญิงหนึ่งผู้ชายอีกหนึ่ง และใช้โค้ดด้วยการนำเอา Flight Number หมายเลขเดียวกันเพื่อสะดวกในการรับของ รวมทั้งเวลาที่มาถึงด้วย พวกทำการขนส่งแบบนี้จะเช็คดูทุกอย่างว่าช่วงไหนเป็นช่วงที่วุ่นวาย Busy มากที่สุด เพื่อถือโอกาสที่ว่าของที่นำเข้ามาอาจจะเล็ดลอดผ่านไปได้ หรือไม่ก็ถ้าถูกตรวจค้นก็สามารถหลบหนีออกไปตัวเปล่าได้ เนื่องจากว่าผ่านด่านคนตรวจคนเข้าเมืองมาเรียบร้อยแล้ว
    แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากๆ คือ ทำไมทางประเทศไทยไม่มีมาตรการตรวจสอบกระเป๋าที่บรรจุยาเสพติดเหล่านี้ได้เลย หรือ? ไม่ทราบว่ามีหรือไม่ (เช่นเอาสุนัขไปดมๆ กระเป๋าที่ต้องสงสัย) และติดตามถึงเทคโนโลยี่ ที่สามารถตรวจค้นยาเสพติดได้จากการ x-ray หรือจากการใช้เครื่องมืออะไรก็แล้วแต่"




    คุณดวงจำปาให้ความเห็นอันน่าสนใจ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการป้องกันการลักลอบเช่นนี้
    "เพียง แต่แค่ต้นเดือนสิงหาคมอย่างเดียว ยาเสพติดเฮโรอีนเป็นจำนวนเกือบ 24 กิโลกรัม ได้ถูกนำเข้าสู่ประเทศไต้หวัน ถึง 3 ครั้ง ภายในเวลาไล่เลี่ยกัน ประมาณแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้นเอง
    และที่สำคัญที่สุดคือ เฮโรอินเหล่านั้น มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทย
    ดู ไปแล้ว มันเหมือนกับว่าทางเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของไทยกลับไปทำ Priority เรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับการจับกุมบุคคลผู้มีทัศนคติเห็นต่าง หรือเกี่ยวกับเรื่องการหมิ่นฯ กันทั้งหมด เพื่อสร้างผลงานและอ้างถึง "ความจงรักภักดี" แทนที่จะทุ่มเทให้กับเรื่องการปราบปรามยาเสพติดเหล่านี้กันบ้าง
    เห็นบอกว่าต้องการรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากจีนและไต้หวัน ก็อาจจะกลายเป็นประเภทของนักท่องเที่ยวแบบนี้แทน คือเข้ามาขนของรับส่งกลับบ้านมั้งคะ?"






    Inga kommentarer:

    Skicka en kommentar