onsdag 10 december 2014

ข่าวคดี "ม.๑๑๒" เปรียบได้กับโรคร้ายที่กำลังบั่นทอนกัดกินทำลายดึง"สถาบัน" ให้ต่ำลงทุกที ปล่อยให้ใช้กันได้อย่างไม่มีขอบเขตประชาชนกล่าวหาแจ้งจับประชาชนด้วยกันอย่างเสรี โดยฝ่ายที่ถูกกล่าวหาไม่มีโอกาสได้ป้องกันตัวเอง...ถือเป็นเรื่องอันตรายต่อประชาชนไทยทั้งประเทศ...ใครรับผิดชอบ..และขอประนาม."สำนักข่าวทีนิวส์" สื่อทาส..แผล็บๆๆ.

-จนท.ทหารตำรวจมีมติให้ สภ.ขอนแก่น ดำเนินคดี ม.112 ลูกจ้าง รพ.ศรีนครินทร์

ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง นิติกร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประชุมที่ มทบ.23 ก่อนมีมติให้ดำเนินคดี 'อารีย์' จนท.รพ.ศรีนครินทร์ ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขณะที่อารีย์ขอลาพักร้อน 7 วัน
ด้าน 'สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม' หนุนให้ฟ้อง เพราะคนไทยเกือบ 100% จงรักภักดี ส่วนอารีย์เป็นคนส่วนน้อย

10 ธ.ค. 2557 - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และนิติกร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นัดประชุมที่มณทลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ เพื่อพิจารณาข้อความที่ นางอารีย์ (ขอสงวนนามสกุล) ลูกจ้างประจำ ตำแหน่งบุคลากรทางการแพทย์ รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เบื้องต้นที่ประชุมมีมติร่วมกันให้ตำรวจภูธรเมืองขอนแก่นรับไปดำเนินคดีตามที่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ เนื่องจากเห็นว่าข้อความดังกล่าวเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน
ด้านสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 รายงานว่า นางอารีย์ขณะนี้ขอลาพักร้อน 7 วัน
นอกจากนี้ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้บริหารสำนักข่าวทีนิวส์ แสดงความเห็นวันนี้ (10 ธ.ค.) ในเว็บทีนิวส์ว่า "กระแสที่คนเสื้อแดงบอกว่า ขณะนี้ดูเหมือนเกิดสถานการณ์ล่าแม่มด หรือกลั่นแกล้งคุณอารีย์ จริงๆไม่ใช่หรอกครับ คนไทยร้อยละเกือบร้อย จงรักภักดีและรักพระเจ้าอยู่หัว พวกคุณอารีย์และคนที่คิดอย่างนี้ต่างหาก เป็นคนส่วนน้อย เรื่องนี้ต้องให้กระบวนการตามกฎหมายดำเนินกันไปครับ"

สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้บริหารสำนักข่าวทีนิวส์ แสดงความเห็นเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ว่าควรดำเนินคดีนางอารีย์ (ที่มา: สำนักข่าวทีนิวส์) สื่อข้าทาสรับใช้ผู้จงรักภักดี

กลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ปกป้องสถาบัน แจ้งความต่อนางอารีย์ (ขอสงวนนามสกุล) ที่ สน.ลุมพินี เมื่อวันนี้ 8 ธ.ค.  (ที่มาของภาพ: สำนักข่าวไทย)
สำหรับกรณีดังกล่าว นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ชื่อดังประจำ รพ.สมิติเวช โพสต์ร้องเรียนว่านางอารีย์โพสต์รูปชุดดำและโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คระหว่างวันที่ 4-5 ธ.ค. ซึ่งเขาเห็นว่าไม่เหมาะสม ต่อมาวันที่ 8 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. ขอนแก่น ได้เชิญนางอารีย์และเพื่อนอีก 4 คนที่ปรากฏในภาพไปสอบถามและปรับทัศนคติ พร้อมแนะนำให้ใช้คำราชาศัพท์เพื่อสื่อว่ารักในหลวง  ขอให้พร้อมแสดงตนเทิดทูนสถาบัน และร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติ
ขณะเดียวกัน มีกลุ่มคนรักในหลวงไปฟ้องดำเนินคดีนางอารีย์ ที่ สน.ลุมพินี สภ.เมืองขอนแก่น และ สภ.เมืองมหาสารคาม
............................................................
-จับ 'สุดาทิพย์' ข้อหา ม.112 หลังมีผู้ร้องอ้างสถาบันเบื้องสูงในการทำธุรกิจภรรยาอดีตผกก.ตม.สมุทรสาคร ข้อหาม.112 หมิ่นสถาบัน นำตัวมาสอบสวนเบื้องต้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล /





[​IMG]

[​IMG]

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีการจับกุมผู้ต้องหาคดีเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก.เพิ่มเติม ว่า ได้รับการประสานมาว่าทางเจ้าหน้าที่ทหารจะนำตัวนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 45 ปี ที่เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ โดยควบคุมตัวได้จากย่านฝั่งธนบุรีมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนตามความผิดข้อหามาตรา 112 ในเวลาประมาณ 15.00-16.00 น. เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม

พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนจะมีการสอบสวนนางสุดาทิพย์อย่างละเอียด และหากซัดทอดถึงบุคคลใดอีก ตำรวจก็จะเรียกมาสอบสวนเพิ่มเติม จากนั้นจะส่งมอบตัวนางสุดาทิพย์ให้พนักงานสอบสวนสน.สามเสนนำไปควบคุมไว้ ก่อนฝากขังศาลอาญา ในวันที่ 11 ธ.ค.ต่อไป

พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวอีกว่า ในส่วนของคดีอาวุธปืนของนายชากานต์ ภาคภูมิ ผู้ต้องหาอีกรายในท้องที่สน.คันนายาวนั้น ขณะนี้สรุปสำนวนเรียบร้อยแล้ว และจะนำส่งฟ้องยังอัยการภายในวันที่ 11 ธ.ค. เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าคดีความต่าง ๆ และสำนวน ซึ่งตนเป็นผู้รับผิดชอบนั้น จะมีความโปร่งใส รัดกุม รอบคอบ และสมบูรณ์ที่สุด เป็นไปตามตัวบทกฎหมายที่ระบุไว้

ผบช.น.กล่าวว่า ในกรณีจะสอบปากคำพยานเพิ่มเติมหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.จะเป็นผู้สั่งการให้ดำเนินการต่อไป นอกจากนี้หากมีการขยายผลไปยังบุคคลใดที่เชื่อได้ว่ามีความเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นจากการรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือมีผู้ร้องเรียนมา ก็จะต้องติดตามจับกุมตัวเพื่อมาดำเนินคดีต่อไป

สำหรับนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 45 ปี เป็นหลานสาวของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ เดิมนามสกุลอัครพงศ์ปรีชา เป็นแม่ของนายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา และยังเป็นพี่สาวของนายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา และนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา 3 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคดีแอบอ้างเบื้องสูง และต่อมาได้ถอดนามสกุล"อัครพงศ์ปรีชา" เนื่องจากเป็นนามสกุลพระราชทาน โดยทั้งหมดกลับไปใช้นามสกุลเดิม คือ สุวะดี

โดยนางสุดาทิพย์ เป็นภรรยาของพ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล อดีตผกก.ตม.สมุทรสาคร ซึ่งทั้ง 2 คนถูกออกหมายจับในข้อหาร่วมกันแผ้วถางป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และข้อหาร่วมกันปลูกสร้างอาคาร ฝาย ล่วงล้ำในแม่น้ำลำคลอง ตามพ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 และได้รับการประกันตัวไปในชั้นพนักงานสอบสวนไปก่อนหน้านี้

มีรายงานข่าวแจ้งว่าการจับกุมนางสุดาทิพย์ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.สามเสน ว่านางสุดาทิพย์ มีพฤติกรรมแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงในการทำธุรกิจน้ำพริกและเครื่องเสวย

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE9ESXhNek0yTnc9PQ==&subcatid




 -ข่าวค่ำ ตรงประเด็น


จับ"สุดาทิพย์ ม่วงนวล"ข้อหาม.112 แอบอ้างจัดหาน้ำพริกราคาแพง
ตรงประเด็นข่าวค่ำ : จับ "สุดาทิพย์ ม่วงนวล" ข้อหามาตรา 112 แอบอ้างจัดหาน้ำพริกราคาแพง "NOW26" 10-12-57  ตำรวจยังเดินหน้าจับกุมเครือข่ายพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวน อย่างต่อเนื่อง
โดยในวันนี้ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการสืบสวน สอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและตำรวจหญิง ได้นำหมายจับศาลอาญา เลขที่ 2238/2557 ลงวันที่ 10 ธันวาคม เข้าจับกุม นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 45 ปี ภรรยาของ พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล อดีตผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง สมุทรสาคร ในข้อหา ป.อาญา ม. 112 หมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านซ.ทวีวัฒนาและถูกควบคุมตัวนำมาสอบสวนขยายผลที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลในช่วงเย็นวันนี้
การจับกุมนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ครั้งนี้ นับเป็นบุคคลอีก 1 คนในครอบครัวนี้ในเครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยก่อนหน้านี้มีการจับกุม นายณัฐพล นายณรงค์ และสิทธิศักดิ์ ที่เคยใช้นามสกุลพระราชทานคือ "อัครพงศ์ปรีชา" โดยมีผู้ต้องหาอีกหลายคนที่มีความเกี่ยวโยงกระทำความผิดร่วมกัน
สำหรับนางสุดาทิพย์ ก่อนหน้านี้ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ พร้อมด้วย พ.ต.อ.โกวิท ในข้อหาร่วมกันบุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือทำด้วยประการใด ๆอันเป็นการทำลาย หรือเข้ายึดครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และร่วมกันปลูกสร้างฝาย ล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 117 ภายหลังการสอบสวน ทั้งสองคนได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก่อนที่นางสุดาทิพย์จะถูกตำรวจจับกุมอีกครั้งในวันนี้
สำหรับความผิดในครั้งนี้ พ.ต.ท.สมชาย เอื้อทยา พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.สามเสน เดินทางไปที่ศาลอาญา เพื่อให้ผู้พิพากษาพิจารณาสำนวนการสอบสวนเบื้องต้นหลังจากที่กองกิจการในพระองค์ ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนางสุดาทิพย์ ที่แอบอ้างพระราโชบาย จัดหาอาหารจำพวกน้ำพริก ซึ่งนางสุดาทิพย์จัดหาราคาแพงกว่าท้องตลอด เช่นน้ำพริกคั่วกลิ้งปลาดุกสับ กิโลกรัมละ 300 บาท น้ำพริกหลนปู กิโลกรัมละ 200 บาท ผักกะหล่ำปลีต้ม กิโลกรัมละ 90 บาท พริกกระเทียม กิโลกรัมละ 200 บาท ทำให้ร้านค้าไม่กล้าเข้าประมูลราคา 


Inga kommentarer:

Skicka en kommentar