-จนท.ทหารตำรวจมีมติให้ สภ.ขอนแก่น ดำเนินคดี ม.112 ลูกจ้าง รพ.ศรีนครินทร์
ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง นิติกร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประชุมที่ มทบ.23 ก่อนมีมติให้ดำเนินคดี 'อารีย์' จนท.รพ.ศรีนครินทร์ ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขณะที่อารีย์ขอลาพักร้อน 7 วัน
ด้าน 'สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม' หนุนให้ฟ้อง เพราะคนไทยเกือบ 100% จงรักภักดี ส่วนอารีย์เป็นคนส่วนน้อย
10 ธ.ค. 2557 - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และนิติกร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นัดประชุมที่มณทลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ เพื่อพิจารณาข้อความที่ นางอารีย์ (ขอสงวนนามสกุล) ลูกจ้างประจำ ตำแหน่งบุคลากรทางการแพทย์ รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เบื้องต้นที่ประชุมมีมติร่วมกันให้ตำรวจภูธรเมืองขอนแก่นรับไปดำเนินคดีตามที่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ เนื่องจากเห็นว่าข้อความดังกล่าวเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน
นอกจากนี้ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้บริหารสำนักข่าวทีนิวส์ แสดงความเห็นวันนี้ (10 ธ.ค.) ในเว็บทีนิวส์ว่า "กระแสที่คนเสื้อแดงบอกว่า ขณะนี้ดูเหมือนเกิดสถานการณ์ล่าแม่มด หรือกลั่นแกล้งคุณอารีย์ จริงๆไม่ใช่หรอกครับ คนไทยร้อยละเกือบร้อย จงรักภักดีและรักพระเจ้าอยู่หัว พวกคุณอารีย์และคนที่คิดอย่างนี้ต่างหาก เป็นคนส่วนน้อย เรื่องนี้ต้องให้กระบวนการตามกฎหมายดำเนินกันไปครับ"
สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้บริหารสำนักข่าวทีนิวส์ แสดงความเห็นเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ว่าควรดำเนินคดีนางอารีย์ (ที่มา: สำนักข่าวทีนิวส์) สื่อข้าทาสรับใช้ผู้จงรักภักดี
กลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ปกป้องสถาบัน แจ้งความต่อนางอารีย์ (ขอสงวนนามสกุล) ที่ สน.ลุมพินี เมื่อวันนี้ 8 ธ.ค. (ที่มาของภาพ: สำนักข่าวไทย)
สำหรับกรณีดังกล่าว นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ชื่อดังประจำ รพ.สมิติเวช โพสต์ร้องเรียนว่านางอารีย์โพสต์รูปชุดดำและโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คระหว่างวันที่ 4-5 ธ.ค. ซึ่งเขาเห็นว่าไม่เหมาะสม ต่อมาวันที่ 8 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. ขอนแก่น ได้เชิญนางอารีย์และเพื่อนอีก 4 คนที่ปรากฏในภาพไปสอบถามและปรับทัศนคติ พร้อมแนะนำให้ใช้คำราชาศัพท์เพื่อสื่อว่ารักในหลวง ขอให้พร้อมแสดงตนเทิดทูนสถาบัน และร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติ
ขณะเดียวกัน มีกลุ่มคนรักในหลวงไปฟ้องดำเนินคดีนางอารีย์ ที่ สน.ลุมพินี สภ.เมืองขอนแก่น และ สภ.เมืองมหาสารคาม
............................................................
-จับ 'สุดาทิพย์' ข้อหา ม.112 หลังมีผู้ร้องอ้างสถาบันเบื้องสูงในการทำธุรกิจภรรยาอดีตผกก.ตม.สมุทรสาคร ข้อหาม.112 หมิ่นสถาบัน นำตัวมาสอบสวนเบื้องต้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล /
-จับ 'สุดาทิพย์' ข้อหา ม.112 หลังมีผู้ร้องอ้างสถาบันเบื้องสูงในการทำธุรกิจภรรยาอดีตผกก.ตม.สมุทรสาคร ข้อหาม.112 หมิ่นสถาบัน นำตัวมาสอบสวนเบื้องต้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล /
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีการจับกุมผู้ต้องหาคดีเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก.เพิ่มเติม ว่า ได้รับการประสานมาว่าทางเจ้าหน้าที่ทหารจะนำตัวนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 45 ปี ที่เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ โดยควบคุมตัวได้จากย่านฝั่งธนบุรีมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนตามความผิดข้อหามาตรา 112 ในเวลาประมาณ 15.00-16.00 น. เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนจะมีการสอบสวนนางสุดาทิพย์อย่างละเอียด และหากซัดทอดถึงบุคคลใดอีก ตำรวจก็จะเรียกมาสอบสวนเพิ่มเติม จากนั้นจะส่งมอบตัวนางสุดาทิพย์ให้พนักงานสอบสวนสน.สามเสนนำไปควบคุมไว้ ก่อนฝากขังศาลอาญา ในวันที่ 11 ธ.ค.ต่อไป
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวอีกว่า ในส่วนของคดีอาวุธปืนของนายชากานต์ ภาคภูมิ ผู้ต้องหาอีกรายในท้องที่สน.คันนายาวนั้น ขณะนี้สรุปสำนวนเรียบร้อยแล้ว และจะนำส่งฟ้องยังอัยการภายในวันที่ 11 ธ.ค. เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าคดีความต่าง ๆ และสำนวน ซึ่งตนเป็นผู้รับผิดชอบนั้น จะมีความโปร่งใส รัดกุม รอบคอบ และสมบูรณ์ที่สุด เป็นไปตามตัวบทกฎหมายที่ระบุไว้
ผบช.น.กล่าวว่า ในกรณีจะสอบปากคำพยานเพิ่มเติมหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.จะเป็นผู้สั่งการให้ดำเนินการต่อไป นอกจากนี้หากมีการขยายผลไปยังบุคคลใดที่เชื่อได้ว่ามีความเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นจากการรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือมีผู้ร้องเรียนมา ก็จะต้องติดตามจับกุมตัวเพื่อมาดำเนินคดีต่อไป
สำหรับนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 45 ปี เป็นหลานสาวของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ เดิมนามสกุลอัครพงศ์ปรีชา เป็นแม่ของนายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา และยังเป็นพี่สาวของนายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา และนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา 3 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคดีแอบอ้างเบื้องสูง และต่อมาได้ถอดนามสกุล"อัครพงศ์ปรีชา" เนื่องจากเป็นนามสกุลพระราชทาน โดยทั้งหมดกลับไปใช้นามสกุลเดิม คือ สุวะดี
โดยนางสุดาทิพย์ เป็นภรรยาของพ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล อดีตผกก.ตม.สมุทรสาคร ซึ่งทั้ง 2 คนถูกออกหมายจับในข้อหาร่วมกันแผ้วถางป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และข้อหาร่วมกันปลูกสร้างอาคาร ฝาย ล่วงล้ำในแม่น้ำลำคลอง ตามพ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 และได้รับการประกันตัวไปในชั้นพนักงานสอบสวนไปก่อนหน้านี้
มีรายงานข่าวแจ้งว่าการจับกุมนางสุดาทิพย์ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.สามเสน ว่านางสุดาทิพย์ มีพฤติกรรมแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงในการทำธุรกิจน้ำพริกและเครื่องเสวย
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE9ESXhNek0yTnc9PQ==&subcatid
จับ"สุดาทิพย์ ม่วงนวล"ข้อหาม.112 แอบอ้างจัดหาน้ำพริกราคาแพง
โดยในวันนี้ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการสืบสวน สอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและตำรวจหญิง ได้นำหมายจับศาลอาญา เลขที่ 2238/2557 ลงวันที่ 10 ธันวาคม เข้าจับกุม นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 45 ปี ภรรยาของ พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล อดีตผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง สมุทรสาคร ในข้อหา ป.อาญา ม. 112 หมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านซ.ทวีวัฒนาและถูกควบคุมตัวนำมาสอบสวนขยายผลที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลในช่วงเย็นวันนี้
การจับกุมนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ครั้งนี้ นับเป็นบุคคลอีก 1 คนในครอบครัวนี้ในเครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยก่อนหน้านี้มีการจับกุม นายณัฐพล นายณรงค์ และสิทธิศักดิ์ ที่เคยใช้นามสกุลพระราชทานคือ "อัครพงศ์ปรีชา" โดยมีผู้ต้องหาอีกหลายคนที่มีความเกี่ยวโยงกระทำความผิดร่วมกัน
สำหรับนางสุดาทิพย์ ก่อนหน้านี้ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ พร้อมด้วย พ.ต.อ.โกวิท ในข้อหาร่วมกันบุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือทำด้วยประการใด ๆอันเป็นการทำลาย หรือเข้ายึดครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และร่วมกันปลูกสร้างฝาย ล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 117 ภายหลังการสอบสวน ทั้งสองคนได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก่อนที่นางสุดาทิพย์จะถูกตำรวจจับกุมอีกครั้งในวันนี้
สำหรับความผิดในครั้งนี้ พ.ต.ท.สมชาย เอื้อทยา พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.สามเสน เดินทางไปที่ศาลอาญา เพื่อให้ผู้พิพากษาพิจารณาสำนวนการสอบสวนเบื้องต้นหลังจากที่กองกิจการในพระองค์ ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนางสุดาทิพย์ ที่แอบอ้างพระราโชบาย จัดหาอาหารจำพวกน้ำพริก ซึ่งนางสุดาทิพย์จัดหาราคาแพงกว่าท้องตลอด เช่นน้ำพริกคั่วกลิ้งปลาดุกสับ กิโลกรัมละ 300 บาท น้ำพริกหลนปู กิโลกรัมละ 200 บาท ผักกะหล่ำปลีต้ม กิโลกรัมละ 90 บาท พริกกระเทียม กิโลกรัมละ 200 บาท ทำให้ร้านค้าไม่กล้าเข้าประมูลราคา
ตำรวจยังเดินหน้าจับกุมเครือข่ายพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวน อย่างต่อเนื่อง
โดยในวันนี้ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการสืบสวน สอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและตำรวจหญิง ได้นำหมายจับศาลอาญา เลขที่ 2238/2557 ลงวันที่ 10 ธันวาคม เข้าจับกุม นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 45 ปี ภรรยาของ พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล อดีตผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง สมุทรสาคร ในข้อหา ป.อาญา ม. 112 หมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านซ.ทวีวัฒนาและถูกควบคุมตัวนำมาสอบสวนขยายผลที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลในช่วงเย็นวันนี้
การจับกุมนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ครั้งนี้ นับเป็นบุคคลอีก 1 คนในครอบครัวนี้ในเครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยก่อนหน้านี้มีการจับกุม นายณัฐพล นายณรงค์ และสิทธิศักดิ์ ที่เคยใช้นามสกุลพระราชทานคือ "อัครพงศ์ปรีชา" โดยมีผู้ต้องหาอีกหลายคนที่มีความเกี่ยวโยงกระทำความผิดร่วมกัน
สำหรับนางสุดาทิพย์ ก่อนหน้านี้ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ พร้อมด้วย พ.ต.อ.โกวิท ในข้อหาร่วมกันบุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือทำด้วยประการใด ๆอันเป็นการทำลาย หรือเข้ายึดครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และร่วมกันปลูกสร้างฝาย ล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 117 ภายหลังการสอบสวน ทั้งสองคนได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก่อนที่นางสุดาทิพย์จะถูกตำรวจจับกุมอีกครั้งในวันนี้
สำหรับความผิดในครั้งนี้ พ.ต.ท.สมชาย เอื้อทยา พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.สามเสน เดินทางไปที่ศาลอาญา เพื่อให้ผู้พิพากษาพิจารณาสำนวนการสอบสวนเบื้องต้นหลังจากที่กองกิจการในพระองค์ ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนางสุดาทิพย์ ที่แอบอ้างพระราโชบาย จัดหาอาหารจำพวกน้ำพริก ซึ่งนางสุดาทิพย์จัดหาราคาแพงกว่าท้องตลอด เช่นน้ำพริกคั่วกลิ้งปลาดุกสับ กิโลกรัมละ 300 บาท น้ำพริกหลนปู กิโลกรัมละ 200 บาท ผักกะหล่ำปลีต้ม กิโลกรัมละ 90 บาท พริกกระเทียม กิโลกรัมละ 200 บาท ทำให้ร้านค้าไม่กล้าเข้าประมูลราคา
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar