คลิกอ่าน-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1430740452
กรณี "สรยุทธ" บทเรียน : ริษยา ของ "ชนชั้นกลาง"
ถ้าถามว่าใครคือ "ดาราชาย" ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมืองไทย
เสียงก็อาจจะแตกเป็นหลายเสี่ยง
บางกลุ่มก็ว่า "ณเดชน์"
บางคนอาจเชียร์ "เจมส์ จิ"
ถ้าถามถึง "ดาราหญิง" บ้าง
บางคนอาจชอบ "อั้ม พัชราภา"
บางคนชอบ "ชมพู่ อารยา"
ถ้าวัยรุ่นอาจชอบ "ญาญ่า"
แต่หากถามว่าใครคือผู้ประกาศข่าวที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมืองไทย
น่าจะมีเพียงคำตอบเดียว
"สรยุทธ สุทัศนะจินดา"
ต้องยอมรับว่า "สรยุทธ" นั้นมีคุณสมบัติที่น่าหมั่นไส้เป็นอย่างยิ่ง
ทั้งบุคลิกส่วนตัวที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ยอมใคร
และภาพในจอจะค่อนข้างเป็น "ผู้นำ" ที่แสดงความเหนือชั้นกับพิธีกรร่วม
ไม่ว่าจะเป็น "กนก รัตน์วงศ์สกุล" สมัยที่ทำรายการ "คุยคุ้ยข่าว"
หรือ "ปลื้ม" ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ตอนทำรายการเรื่องเล่าเช้านี้ด้วยกัน
ภาพที่ปรากฏหน้าจอเช่นนี้เองทำให้คนจำนวนหนึ่งไม่ค่อยชอบ "สรยุทธ"
นอกจากนั้น "สรยุทธ" ยังเป็นผู้ประกาศข่าวที่ร่ำรวยมาก
ถ้าเทียบกับคนทำธุรกิจ อาจไม่ถือว่ารวยมากนัก
แต่ถ้าเทียบกับคนในแวดวงข่าวแล้ว
"สรยุทธ" รวยมาก
บริษัทไร่ส้ม บริษัทส่วนตัวของเขาที่เป็นเจ้าของรายการ "เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์" มีอัตราการทำกำไรเหนือกว่าแทบทุกธุรกิจ
เพราะรายจ่ายต่ำมาก
แต่รายรับมโหฬาร
ถ้าบอกว่า "สรยุทธ" คือ "ผู้ประกาศข่าวพันล้าน" ก็คงไม่ผิดจากความเป็นจริง
นอกจาก "รวย" แล้ว เขายัง "ดัง" มากด้วย
เป็นคนข่าวที่มีคนกรี๊ดไม่แพ้ซูเปอร์สตาร์
ตอนที่เขาออกหนังสือในงานสัปดาห์หนังสือ
คนที่ยืนรอขอลายเซ็นยาวเหยียดมากกว่านักเขียนคนไหน
คุณสมบัติทั้งหลายทั้งปวงนี้เองที่ทำให้ "สรยุทธ" น่าหมั่นไส้
โดยเฉพาะสำหรับ "ชนชั้นกลาง"
รวมถึงคนในแวดวงสื่อด้วยกัน
กรณีเรื่องที่ดินเขาใหญ่ ถือเป็น "ตัวอย่าง" ที่ดีที่สุด
เรื่องนี้เริ่มต้นจากการบุกตรวจสอบโครงการโบนันซ่าของรัฐบาลว่าบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่
ในมุมของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นี่คือ การพิทักษ์ป่าสงวน
ขอคืนพื้นที่ป่าจากผู้บุกรุก
เพราะหลักฐานที่ฝ่ายรัฐหยิบยกขึ้นมาค่อนข้างน่าเชื่อถือว่าสนามแข่งรถของโบนันซ่ารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่า
แต่ในมุมการเมือง หลายฝ่ายก็สงสัยว่าทำไมมุ่งเล่นงานแต่โครงการโบนันซ่า
เพราะเป็นที่รู้กันว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดง มักจะเลือกที่ "โบนันซ่า" เป็นประจำ
ถ้าเจ้าของไม่หนุนก็คงจัดไม่ได้
ในทางข่าวเชื่อกันว่าเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม
กระทืบเท้าขู่ทางการเมือง
ที่สำคัญการตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่เขาใหญ่ที่เริ่มต้นที่โครงการโบนันซ่า ดูเหมือนจะไม่ขยายพื้นที่ตรวจสอบออกไป
หยุดนิ่งที่โครงการนี้นานทีเดียว
จนเริ่มมีคนชี้เป้าเพิ่ม
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ "เป้า" ที่ชี้ ไม่ใช่โครงการขนาดใหญ่
กลับเป็นบ้านพักตากอากาศของ "สรยุทธ" ในโครงการ "มูนแดนซ์"
พื้นที่ 8 ไร่
คนชี้เป้าก็คือคนในแวดวงสื่อด้วยกัน
ส่วนหนึ่ง เพราะ "สรยุทธ" โพสต์ภาพบ้านพักที่เขาใหญ่ในสื่อโซเชียลมีเดียหลายครั้ง
ทุกครั้งที่โพสต์ก็จะมีสื่อหยิบขึ้นมาเป็นข่าว
ทั้งที่บ้านของ "สรยุทธ" เมื่อเทียบกับมหาเศรษฐีในเมืองไทยที่มีบ้านพักที่เขาใหญ่แล้ว
ถือว่าเทียบกันไม่ได้เลย
และที่สำคัญทุกคนก็รู้ว่ามหาเศรษฐีในเมืองไทยไม่ต่ำกว่า 50% มีบ้านพักหรือที่ดินที่เขาใหญ่
เอ่ยชื่อออกมา มีกันทุกคน บางคนทำเป็นโรงแรมหรือโครงการจัดสรรที่ดินด้วย
แต่กระแสข่าวกลับพุ่งเป้าไปที่บ้านของ "พิธีกรชื่อดัง" คนหนึ่งเพียงหลังเดียว
เหมือนเรียกแขกและที่น่าแปลกก็คือ เรียกแขกสำเร็จ
หน่วยงานรัฐทั้งหมดไม่ว่าสีอะไรก็เข้าไปตรวจสอบบ้านของ "สรยุทธ" อย่างจริงจัง เหมือนมีบ้านพัก
แบบนี้แห่งเดียวในเขาใหญ่
ที่สำคัญ "สรยุทธ" ไม่ใช่นักธุรกิจที่ซื้อที่ดินจากชาวบ้าน แปลงเอกสารสิทธิ์จาก ส.ป.ก. หรือ สค. มา
เป็นโฉนดเพื่อทำโครงการบ้านจัดสรรขายลูกค้า เขาไม่ได้ซื้อที่ดินจากชาวบ้าน
แต่เขาเป็น "ลูกค้า" ที่ไปซื้อที่ดินจากโครงการ "มูนแดนซ์"เหมือนกับนักธุรกิจและคนดังอีกหลายคน
"สรยุทธ" ก็เหมือนชาวบ้านคนหนึ่งที่ไปซื้อที่ดินจากโครงการจัดสรร
ไม่มีใครรู้หรอกว่าที่ดินแปลงนี้รุกป่าสงวนฯ หรือเปล่า
ถ้าเจ้าของโครงการมีโฉนดยืนยัน เราก็ต้องเชื่อเอกสารของรัฐบาล
ถ้ามีเงื่อนงำหรือผิดพลาด คนที่ต้องรับผิดชอบคือเจ้าของโครงการ ไม่ใช่ "ลูกค้า"
นี่คือ ตรรกะง่ายๆ ของเรื่องนี้ แต่คนจำนวนมากละเลยไป ไม่สนใจ "ความ"
แต่สนใจว่า "คน" ที่เป็นข่าวคือใคร พอเห็นชื่อ "สรยุทธ" คนที่ไม่ชอบก็เชื่อเลยว่าเขาผิด
เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีของ "คีรีมายา" ของ "กิตติ-ธนัท ธนากิจอำนวย" แห่งค่ายโนเบิล
"ธนัท" นั้นเป็นแกนนำ กปปส. คนหนึ่ง
"ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์" เป็นคนชี้เป้าคนแรกว่าถ้าตรวจสอบโครงการโบนันซ่า ก็ต้องตรวจสอบ "คีรีมายา
ด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทางการเมือง ตรวจ "แดง" ก็ต้องตรวจ "เหลือง" ด้วย
แต่กว่าหน่วยงานรัฐจะเริ่มขยับก็ใช้เวลานานพอสมควร
ที่สำคัญ เขาตรวจบ้าน "สรยุทธ" พื้นที่ 8 ไร่ก่อน "คีรีมายา" 1,600 ไร่
กรณีของ "คีรีมายา" ก็น่าเห็นใจในประเด็นที่ซื้อที่ดินมาจากหน่วยงานของรัฐ
มีบางส่วนถูกต้อง แต่บางส่วนก็มีตำหนิ ที่น่าสนใจก็คือ เรื่องราวที่คล้ายกัน แต่ทำไมกระแสโจมตี
"สรยุทธ" จึงแรงกว่า "คีรีมายา "เหมือนเป็นเรื่องพวกใครพวกมัน
เช่นเดียวกับเมื่อ "สรยุทธ" ออกมาชี้แจงข่าวการบุกรุกป่าของตนเอง โดยอาศัยเวลา "เรื่องเล่าเช้านี้" หลังจากที่มีข่าวโจมตีเขามาพักใหญ่
เหมือนค่ายเนชั่นที่ใช้พื้นที่หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจตอบโต้กลุ่มทุนที่เข้ามาซื้อหุ้นบริษัทของตนเอง
แต่ "สรยุทธ" กลับโดนวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องจริยธรรม เป็น "สื่อ" ทำแบบนี้ไม่ได้
ที่น่าสนใจก็คือ "สื่อมวลชน" ที่วิจารณ์คือ คนที่ไปยืนบนเวทีปราศรัย เลือกข้างทางการเมืองอย่าง
ชัดเจน ไม่เป็นกลางอย่างเปิดเผย
สังคมไทยวันนี้อยู่ในสถานะที่แตกแยกทางความคิดอย่างชัดเจน
"สรยุทธ" กลายเป็น "เหยื่อ" รายหนึ่งของความขัดแย้งนี้ เขาถูกผลักให้ไปยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
และด้วยคุณสมบัติที่พร้อมมูลที่น่าหมั่นไส้ เขาจึงเป็นกรณีศึกษา
เรื่อง "ความริษยา" ของ "ชนชั้นกลาง"
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar