ปีกระชับอำนาจ คอลัมน์ ใบตองแห้ง - khaosod
ปีกระชับอำนาจใบตองแห้ง
2560 เป็นปีที่รัฐธรรมนูญจะประกาศใช้ แต่ทุกคนรู้แก่ใจ ถ้อยคำ “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย” หรือ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับการคุ้มครอง” ไม่มีความหมาย ภายใต้กรอบอำนาจหลายชั้น โดยเฉพาะ ม.44 ที่ผ่านประชามติอย่าง “ชอบธรรม”
ประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้นำประเทศกลับสู่ประชา ธิปไตย แต่นำไปสู่การกระชับอำนาจของรัฐราชการ ทหาร ศาล ตำรวจ และองค์กรต่างๆ ที่สถาปนาตนเป็น “รัฐศีลธรรมอันดี” กำกับควบคุมประเทศด้วยดุลพินิจ ประชาชนมีหน้าที่เชื่อฟัง เชื่อมั่น ปฏิบัติตามคำสั่ง ข้าราชการ ข้าของแผ่นดิน ล้วนเป็นคนดีคนเก่ง จะนำชาติวัฒนา ตามแนวทาง “ประชารัฐ” ยุทธศาสตร์ 20 ปี ไทยแลนด์ 4.0 ลดความเหลื่อมล้ำ
ด้วยเหตุนี้ ประชาชนจึงแสดงพฤติกรรมเย้ยหยันอำนาจรัฐไม่ได้ ถือเป็นการไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ก่อความเสียหายต่อประเทศชาติ เพราะนี่คืออำนาจรัฐอันดีงาม ไม่ใช่อำนาจจากเลือกตั้ง
หลังรักษาความสงบเกือบ 3 ปี การบังคับใช้กฎหมายยิ่งยกระดับ ประชาชนต้องเคารพกฎหมาย รู้จักหน้าที่ มีวินัย อยู่ใต้กติกาบ้านเมือง โดยไม่ต้องคำนึงว่า “กฎหมาย” นั้นมาจากการออกประกาศคำสั่งเองก็ถือเป็นกฎหมาย ใช้สภาที่แต่งตั้งเอง อ้างตนเป็น “ผู้แทนปวงชนชาวไทย” ลงมติเอกฉันท์ ก็เป็นกฎหมาย
เราอยู่ใต้รัฏฐาธิปัตย์ ที่มาจากยึดอำนาจ แต่ทำตนเสมือน “ชอบธรรม” มีอารยะ ไม่ใช่เผด็จการโบราณ ไม่จับคนไปฆ่าไปขังตามอำเภอใจ แต่ใช้อำนาจภิวัตน์ ออกประกาศคำสั่ง หรือผ่าน สนช.เป็นกฎหมาย แล้วใช้กฎหมายจับกุม ส่งอัยการ ศาล ตามกระบวนการ โดยพักหลังไม่ต้องใช้ศาลทหารด้วยซ้ำ
พูดได้อย่างภาคภูมิใจ? เราปกครองด้วยระบบกฎหมาย? แล้วเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดหลักนิติรัฐนิติธรรม
ภายใต้อำนาจรัฐดีงาม ประชาชนต้องไม่ทำตามอำเภอใจ มีความทุกข์ยากเดือดร้อนใด ให้รายงานศูนย์ดำรงธรรม อย่าโวยวายไม่พอใจโดยพลการ หากต้องการชุมนุมประท้วงทางราชการ ก็ต้องขออนุญาตทางราชการ ไม่เช่นนั้นยืนเฉยๆ ก็ผิด หากจะโพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์ ก็ต้องพับเพียบเรียบร้อย ใครโพสต์ด่าตำรวจตั้งด่านพร่ำเพรื่อ จะถูกแจ้งจับ โทษหนักทั้งหมิ่นเจ้าพนักงานและ “บิดเบือน” ตาม พ.ร.บ.คอมพ์
ต่อไป กระทั่งสื่อ ยังอาจต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ใบอนุญาตแสดงความคิดเห็น “โดยอิสระ” แต่ไม่ขัดต่อศีลธรรม ไม่เช่นนั้นถูกถอนใบอนุญาต
ประชาชนตัวอย่างแห่งปี 2559 จึงได้แก่พ่อค้าเร่บุรีรัมย์ “มนุษย์ใบอนุญาต” จะทำมาหากินอะไรต้องขออนุญาต นำใบอนุญาตมาแปะข้างรถเป็นตับ ขณะที่ผู้ร้ายแห่งปี ได้แก่ชายชราตัดไม้พะยูงในที่ของตัวเอง
นี่เป็นทิศทางของรัฐแห่งความดีงาม ที่จัดระเบียบทุกอย่าง จัดระเบียบรถตู้ไม่รู้กี่ครั้งในรอบ 3 ปี แต่ยังเชื่อกันว่ารัฐศีลธรรมที่เข้มแข็งนี่แหละ จะสามารถดัดนิสัยคนไทยให้อยู่ในโอวาท นำชาติเจริญ เหมือนจีน เหมือนสิงคโปร์ ทั้งที่ผลสอบ PISA ไปคนละทาง
รัฐแห่งความถูกต้อง ไม่ได้กีดกันการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่อย่าแสดงความเห็นต่าง อย่ามีความคิดอิสระทางการเมือง อย่าวิจารณ์อำนาจ ใครอยากช่วยชาติก็มารณรงค์บริจาคเพื่อการกุศล ปลูกป่า รักษ์โลก รีไซเคิล ช่วยคนจน หรือรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนคนไร้สัญชาติ ตามมติ ครม.
ขอเพียงอย่า “หัวแข็ง” อย่างประชาธิปไตยใหม่ ไผ่ ดาวดิน ฯลฯ ล้วนเป็นคนดี
นี่คือทิศทางประเทศ ที่กำลังจะเดินหน้า (หรือถอยหลัง) อย่างไม่สามารถยับยั้ง ไม่ว่ามีเลือกตั้งหรือไม่มีเลือกตั้ง ภายใต้อุดมคติความมั่นคงสำคัญสูงสุด ถัดมาคือ GDP แล้วค่อยเศรษฐกิจปากท้อง คุณภาพชีวิต “โลกสวย” ของคนชั้นกลาง ฯลฯ โดยเสรีภาพประชาธิปไตยสำคัญอันดับโหล่
คนที่ชอบก็ชื่นอกชื่นใจ สนับสนุนกันไป คนที่ไม่เห็นด้วยก็ทำอะไรไม่ได้ ขัดขวางไม่ได้ แค่เอาตัวรอดปลอดภัย ก็บุญเหลือบุญหลาย
ภายใต้การกระชับอำนาจรัฐ เน้นความมั่นคงเป็นหลัก สำหรับประชาชน นี่คือปีแห่งการเอาตัวให้รอด ตั้งแต่คนเห็นต่าง ซึ่งกำลังตัวเล็กลงๆ ทำอย่างไรจะอยู่รอดในประเทศนี้ได้ (ไม่อยากอยู่ก็ไปเสีย แบบที่มีคนไล่) ขณะที่คนทั่วๆ ไปก็ต้องรู้จักคล้อยตามอำนาจ เข้าหาอำนาจ ซึ่งไม่ยากเท่าไหร่ เพราะเป็นวัฒนธรรมไทย เพียงอาจลำบากหน่อยกับเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งถ้าไม่ดีขึ้นก็โทษใครไม่ได้ ตัวใครตัวมัน ต้องเอาตัวให้รอดไว้ก่อน
แต่เชื่อเหอะ ยังไงๆ ก็ไม่เป็นปัญหากับอำนาจ คนไทยนะครับ ยังไงก็ “อยู่เป็น” ไม่งั้นประเทศคงไม่เป็นถึงเพียงนี้หรอก
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar