lördag 3 januari 2015

ปีใหม่ 2558 จะกลายเป็นปีที่ปั่นป่วนยิ่งขึ้นกว่าปี 2557 จากภาวะความขัดแย้งที่ไม่ลงตัวและยากอย่างยิ่งที่จะลงตัว ของครอบครัวกษัตริย์

สถานการณ์ประชาธิปไตยไทย 2558


"วิกฤติวังผูกติดวิกฤติประชาธิปไตย"

1 มกราคม 2558

โดย...กลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.)

 ความขัดแย้งเชิงโครง สร้างของสังคมไทยที่กองกำลังฝ่ายราชสำนักหวลกลับเข้าครองอำนาจเหนือฝ่ายคณะ ราษฎรและรวบอำนาจประเทศอย่างเบ็ดเสร็จนับแต่ปี 2500 เป็นต้นมาพร้อมทั้งจัดระบบอำนาจแฝงของกษัตริย์ในลักษณะ"มือที่มองไม่เห็น"จนการปกครองไทยได้กลายเป็นระบอบราชาธิปไตยและได้สร้างวิกฤติสะสมจนถึงวันนี้ไม่มีทางออกนอกจากจะเกิดการพังทะลายของระบอบราชาธิปไตยเอง

ตลอดเวลา 50 กว่าปีที่ผ่านมากษัตริย์ภูมิพลได้เพิ่มทวีอำนาจแฝงด้วยการโยนบาปความวุ่นวาย ของสังคมการเมืองไทยที่ตัวเองมีส่วนสำคัญในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังวิกฤติว่า เป็นความขัดแย้งระหว่างนักการเมืองกับทหารนั้นวันนี้ได้ปรากฎชัดแล้วว่าความ ขัดแย้งหลักของสังคมไทยคือความขัดแย้งระหว่างวังกับประชาชนคือ " วังไม่ยอมให้อำนาจเป็นของประชาชน " และล่าสุดจุดประทุที่สร้างตาสว่างทั้งแผ่นดินเมื่อใกล้สิ้นรัชกาลที่ 9 คือความขัดแย้งแย่งชิงราชสมบัติระหว่างสมเด็จพระบรมฯและสมเด็จพระเทพฯอันเป็นบาปเคราะห์มาจากการรวมศูนย์อำนาจไว้กับราชสำนัก

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาฝ่ายวังได้ใช้ลูกสมุนกลุ่มพันธมิตรและประชาธิปัตย์ร่วมก่อจราจล อย่างชัดแจ้งเพื่อสร้างความชอบธรรมให้นำกองกำลังทหารสุนัขรับใช้ก่อรัฐ ประหารโค่นล้มอำนาจภายใต้วาทกรรมว่า "การเลือกตั้งที่ไม่เป็นประชาธิปไตย" ครั้งแล้วครั้งเล่าและปั้นพยานเท็จด้วยคำว่า "ทักษิณคือวิกฤติของประเทศ" แต่ วันนี้บ่วงบาศที่วังได้เหวี่ยงใส่ทักษิณและระบอบประชาธิปไตยได้ย้อนกลับเข้า ผูกแข้งผูกขามัดวิกฤติของวังเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม ที่ขนานนามว่า " ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข " ทำให้เป้าโจมตีที่เคยรวมศูนย์อยู่ที่ตัวพตท.ทักษิณเคลื่อนไปสู่วิกฤติของวัง,ถึง วันนี้ไม่มีคำอธิบายแล้วว่าทำไมสังขารของกษัตริย์ภูมิพลที่ไม่สามารถจะ บริหารประเทศได้แล้วแต่ทำไมจึงไม่ยอมถ่ายอำนาจไปสู่รัชกาลใหม่ ?, คำตอบเดียวที่ประชาชนไทยและคนทั้งโลกเข้าใจได้คือเกิดการแย่งชิงราชสมบัติภายในวังจนไม่อาจจะสถาปณารัชกาลที่ 10 ได้นั่นเอง

แม้ก่อนสิ้นปี กษัตริย์ภูมิพลจะพยามลากสังขารออกมาโชว์ว่าตัวเองยังไม่ตายตามข่าวลือแต่ สภาพที่เห็นก็ฟ้องตัวเองว่าหมดสภาพและหมดสติสัมปชัญญะแล้วเพราะตลอดเวลาของ การถ่ายทอดร่างชายแก่ที่นั่งบนรถเข็นไม่อาจจะขยับอะไรได้แม้แต่การหันหน้า หรือขยับปากที่อ้าอยู่ตลอดเวลา

รูปธรรมที่ฟ้องตัวเองเด่นชัดคือรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ที่คนสายพระเทพฯเช่นอธิการบดีหลายมหาวิทยาลัยที่นำมวลชนออกสมทบร่วมก่อจราจล กับกลุ่มกปปส.และแกนนำอาจารย์ลูกสมุนพระเทพฯที่แสดงตัวสนับสนุนการรัฐประหาร ก็ได้ขึ้นคุมสภาทั้งสอง,รวมทั้งการเตรียมการขึ้นดำรงตำแหน่งรัชกาลที่ 10 ด้วยการปลดภาระที่เป็นเครื่องถ่วงหลังของพระบรมฯโดยจำเป็นต้องใช้พระวรฉายา ศรีรัศมิ์เป็นแพะบูชายันต์และล่าสุดพลเอกเปรมประธานองคมนตรีก็ออกมารับ สารภาพในโอกาสที่พลเอกประยุทธ์นำคณะเข้าเยี่ยยมคารวะอย่างมีเลศนัยว่า "พลเอกประยุทธ์ทำรัฐประหารเพื่อกษัตริย์ภูมิพล"

 วิกฤติของวังจึงเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองตลอดปี 2558 โดยเฉพาะในครึ่งปีแรกที่อาจจะต้องเกิดการเปลี่ยนอำนาจครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ภาวะการหมดสภาพของ กษัตริย์ภูมิพลแต่กลับถูกลากดึงเพียงเพื่อใช้ชื่อกล่าวอ้างในฐานะประมุขแห่ง รัฐต่อไปเพราะความไม่ลงตัวของความขัดแย้งภายในวังเช่นนี้ได้กลายเป็นตัวเร่ง ทำลายเศรฐกิจที่จะส่งผลให้เกิดการพังทะลายของระบอบราชาธิปไตยหนักหน่วงยิ่ง ขึ้นเพราะนับแต่นี้ไปกฎหมายและเอกสารของรัฐทั้งหมดที่มีลายเซ็นของกษัตริย์ ในฐานะประมุขล้วนเป็นเอกสารปลอมทั้งสิ้นเพราะกษัตริย์ภูมิพลไม่อาจจะพิจารณา และจับปากกาลงนามได้แล้ว

วิกฤติความขัดแย้งในราช สำนักครั้งนี้มีนัยยะสำคัญทำให้ประชาชนตาสว่างถึงขั้นที่ประชาชนต้องเลือก เอาว่าจะเอาประชาธิปไตยหรือราชาธิปไตยเพราะวังและอำมาตย์ได้ปิดประตูทางออก ของระบอบประชาธิปไตยแล้ว,โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาชนผู้ ทุกข์ยากได้เข้าใจแล้วว่าความทุกข์ยากของพวกเขาเป็นผลโดยตรงจากความเป็น บุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกของกษัตริย์ภูมิพล
นับแต่การปฏิเสธที่ไม่สามารถออกมาปรากฎพระองค์ต่อสาธารณชนในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมาท่ามกลางความขัดแย้งแย่งชิงราชบัลลังก์ของทั้งสองฝ่ายได้ กลายเป็นจุดอันตรายที่สุดของวังที่จะนำไปสู่การพังทะลายของศรัทธาทั้งสมเด็จ พระบรมฯและสมเด็จพระเทพฯไม่ว่าใครจะขึ้นเป็นรัชกาลที่ 10 เพราะประชาชนได้รู้ความจริงแล้วว่าผู้ที่มักมากในอำนาจทาง การเมืองอย่างไร้ขอบเขตตัวจริงเสวยอำนาจอย่างมูมมามและไร้ศีลธรรมที่สุดไม่ ใช่นักการเมืองและทหารแต่เป็นคนในครอบครัวกษัตริย์ที่หลอกหลวงประชาชนมายาว นานว่าเป็นผู้มีแต่ความพอเพียงนั่นเอง

ความขัดแย้งของวังได้เปิดช่องทางให้กลุ่มทหารภายใต้การนำของกลุ่ม 3 ป. (ประวิทย์-ป๊อก-ประยุทธ์) หาผลประโยชน์โดยฉกฉวยตักตวงอย่างตะกะตะกามโดยการอ้างสังขารกษัตริย์บังหน้า จะส่งผลให้การร่างรัฐธรรมนูญต้องขยายเวลาออกไปเกินกว่า1ปีตามเวลาที่คสช.เคยสัญญาไว้กับประชาชนเพราะคสช.จำเป็นจะต้องแน่ชัดว่าใครจะเป็นรัชกาลที่ 10 เพราะรัฐธรรมนูญใหม่จะต้องสอดคล้องและหนุนเนื่องอำนาจของ รัชกาลใหม่ที่จะต้องเกิดขึ้นก่อน ซึ่งภาวะความยืดเยื้อภายใต้ภาวะไร้ประมุขแห่งรัฐนี้จะกลายเป็นการเพิ่มทวี ความขัดแย้งของฝ่ายต่างๆซึ่งจะทำให้คสช.เกิดความหวาดกลัวและฉวยโอกาสคงอำนาจ กฎอัยการศึกไว้ถาวรซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจการลงทุนและการท่อง เที่ยวอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

ในภาวะวิกฤติของวังเช่น นี้ได้ทำให้ความคาดหวังที่จะมีรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยเป็นไปไม่ได้เลย เพราะภาระกิจของการร่างรัฐธรรมนูญที่สมาชิกสภาร่างทุกคนเข้าใจคือต้องทำให้ อำนาจพรรคการเมืองและอำนาจของประชาชนอ่อนแอมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อมิ ให้เกิดการแข่งขันอำนาจกับการเถลิงถวัลศกใหม่ของรัชกาลใหม่ 

ปีใหม่ 2558 จะกลายเป็นปีที่ปั่นป่วนยิ่งขึ้นกว่าปี 2557 จากภาวะความขัดแย้งที่ไม่ลงตัวและยากอย่างยิ่งที่จะลงตัว    

                                                                             ...จบ...


                                             

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar