lördag 12 september 2015

"ถ้าจริงใจ" ยังไม่สายเกินไปนะ วงเสวนา “พลเมืองปฏิรูปประเทศ” ก่อนอื่นพวกท่านต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการปฎิรูปปรับเปลี่ยนแนวคิดยกระดับ ก้าวให้ทันแนวคิดความต้องการของประชาชนไทยที่ก้าวผ่านปฎิเสธไม่ยอมรับระบอบเผด็จการ หรือ ระบบรัฐสภาน้ำเน่าที่เลือกตั้งมาจากกฏของเผด็จการ เพราะไม่ใช่วิถีทางที่จะปลดปล่อยตัวเองและประเทศชาติให้พ้นจาก"วงจรอุบาทว์"..ออกเป็นไทยได้ .ท้ายนี้ยินดีต้อนรับเพื่อนมิตรร่วมเดินทาง.

บีบีซีไทย - BBC Thai




บีบีซีไทย - BBC Thais foto.

วงเสวนา “พลเมืองปฏิรูปประเทศ” ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย อดีต สปช. แกนนำ กปปส. –นปช. และนักวิชาการอิสระ เห็นพ้องจะออกจากวงจรอุบาทว์ทางการเมืองต้องปฏิรูปพรรคการเมือง และเปิดทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมปฏิรูป และเพิ่มการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย
โดยนายบัณฑูร เศรษฐ์ศิโรตม์ อดีต สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ และกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่าความขัดแย้งของสังคมไทยเหมือนยอดของภูเขาน้ำแข็งที่มาฐานจากความเหลื่อมล้ำและขาดการมีส่วนร่วม โครงสร้างการเมืองยังปิดแคบ ประชาชนไม่สามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจที่ระดับท้องถิ่น การปฏิรูปที่จะทำได้จริง ต้องเปลี่ยนตัวกติกาทางการเมืองให้ไปสู่ประชาธิปไตยในเชิงเนื้อหาด้วยไม่ใช่เพียงแค่ระบบประชาธิปไตยที่มอบให้เพียงผู้แทน แม้เขาจะยอมรับว่าระบบผู้แทนมีความสำคัญอย่างมาก แต่ต้องมีกระบวนการประชาธิปไตยในเชิงเนื้อหา ที่เปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่าเพียงแค่แสดงความเห็น แต่ต้องยกระดับไปสู่ระดับการตัดสินใจด้วย
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เห็นว่าผู้มีอำนาจไม่ว่ามาจากแนวทางใด ก็มักปฏิเสธความแตกต่างและข้อทักท้วงและเห็นความแตกต่างเป็นอันตรายต่ออำนาจของตน
“คนที่เป็นรัฐบาลไม่ว่าจากการเลือกตั้งหรือมาแบบพลเอกประยุทธ์ก็ตาม แทนที่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสในการแก้ไข กลับมองว่าชาวบ้านเป็นปัญหามาโค่นล้มตัวเอง ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลทั้งนั้น แม้แต่พวกผมเอง เพราะคนมีอำนาจก็อยากจะฟังในสิ่งดีๆ ที่ไม่เป็นปัญหา” นายจตุพรกล่าวโดยบอกว่านี่เป็นโรคคนมีอำนาจ วันที่พ้นจากตำแหน่งก็จะหาย
นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. กล่าวว่าเห็นด้วยกับนายจตุพรที่ว่าถ้าไม่จำเป็นประชาชนไม่ต้องเสียสละ เสียเวลา เสียชีวิตเลือดเนื้อบนท้องถนน แต่เพราะระบบตัวแทนนั้นไม่ทำงาน ไว้วางใจไม่ได้ ผู้ที่ประชาชนให้อำนาจไปกระทำการฉ้อฉลบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชน ซึ่งเขาเห็นว่าต้องหาทางสร้างกลไกให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความเห็น ต้องฟังเสียงส่วนน้อย ต้องฟังเสียงประชาชน ต้องออกแบบทั้งกลไกและค่านิยมให้ผู้มีอำนาจเคารพเสียงของประชาชนให้ประชาชนได้มีส่วนในการรับผิดชอบ
ด้าน น.ส.สฤนี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ ประธานมูลนิธิเพื่ออินเทอร์เน็ตและวัฒนธรรมพลเมืองกล่าวว่า ขณะนี้การเมืองมีความซับซ้อนจากเดิมที่ประชาชนก่อนออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้รัฐบาลรับฟังปัญหา แต่ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา พบว่าการเคลื่อนไหวมวลชนขนาดใหญ่นั้นเป็นความขัดแย้งของการช่วงชิงอำนาจอย่างชัดเจน มีลักษณะของการยึดถือหรือเชื่อว่าฝ่ายของตัวมีความคิดที่ดีกว่า เป็นระดับความซับซ้อนที่ทำให้การเมืองภาคประชาชนเปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้ยากที่จะมองหาฉันทามติร่วมกันในการปฏิรูป
จังหวะดีสำหรับการปฏิรูปพรรคการเมือง ปรับปรุงประชาธิปไตยแบบตัวแทน
น.ส.สฤนียังแสดงความเป็นห่วงบรรยากาศการเมืองขณะนี้ว่าเหมือนทางเลือกจะมีแค่สองทางคือ เอาคนที่ไว้ใจได้มาปฏิรูปหรือจะกลับไปใช้ระบบประชาธิปไตยแบบเดิมๆ ทั้งที่จริงแล้วยังมีทางเลือกอื่น โดยเห็นว่าประชาธิปไตยด้านเนื้อหาต้องมีกลไกที่เพิ่มอำนาจทางตรง ไม่ตัดสิทธิพื้นฐานของประชาชน และสังคมไทยไม่ควรถึงจุดที่ต้องเลิกหวังกับนักการเมืองแต่ต้องอยู่ในจุดที่เรียกร้องให้พรรคการเมืองปรับปรุงและปฏิรูปตัวเองเพราะเราไม่มีทางจะกลับไปใช้ประชาธิปไตยทางตรง 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากสังคมมีความหลากหลายต้องมีส่วนร่วมผ่านระบบตัวแทน ดังนั้นการปรับปรุงทัศนคติของพรรคการเมืองก็สำคัญ
ในประเด็นเดียวกันนี้ นายเอกณัฐกล่าวว่าข้อเรียกร้องของ กปปส. เรื่องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ไม่ใช่เพื่อให้เลื่อนการเลือกตั้ง หรืออ้างเพื่อให้มีการอยู่ในอำนาจไปเรื่อยๆ แล้วจะมีเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เพราะบางประเด็นจะปฏิรูปยากถ้ามีการเลือกตั้งไปแล้วเนื่องจากประโยชน์ทับซ้อน ขาดแรงจูงใจ เช่น ประเด็นการกระจายอำนาจ ทั้งนี้เขาเห็นว่าอุปสรรคอีกประการที่สำคัญที่ทำให้พรรคการเมืองไม่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริงก็เพราะนโยบายถูกกำหนดจากกรรมการบริหารพรรคและนายทุนพรรค กปปส. จึงมีแนวทางการปฏิรูปพรรคการเมืองให้เข้มแข็งและเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง และประชาชนต้องสนับสนุนรวมถึงเงินบริจาคซึ่งพรรคการเมืองและนักการเมืองมักจะเหนียมอายแต่การสนับสนุนเงินก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
ด้านนายจตุพร กล่าวยอมรับว่า พรรคการเมืองต้องปฏิรูป และพรรคเพื่อไทยก็จะต้องทำการปฏิรูปด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นเหตุให้เกิดการปฏิวัติได้อีก
“พรรคการเมืองต้องปฏิรูป พรรคเพื่อไทยก็ต้องปฏิรูป ถ้าเราไม่ปฏิรูปเราก็จะเป็นเครื่องมือของการรัฐประหารทุกครั้งและเราไม่ทางพ้นวังวนนี้ได้เลย ถ้าเราต่างฝ่ายต่างไม่ยกระดับ ไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทั้งหลาย เราไม่มีทางเปลี่ยนแผลงจากวงจรนี้ได้” โดยนายจตุพรกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ นปช. ยังทำอะไรมากไม่ได้ ต้องทบทวนตัวเองทั้งข้อดีข้อด้อย และต้องยอมรับความเป็นจริง



Inga kommentarer:

Skicka en kommentar