fredag 24 januari 2020

ทูลกระหม่อม ทรงสวมหน้ากากอนามัย เสด็จปฏิบัติพระกรณียกิจ ที่ จ.กำแพงเพชร




วันที่ 23 ม.ค. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปยัง มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร อ.เมือ...

"To Be number one" (?)

เผย พระวิสัยทัศน์ "ทูลกระหม่อมฯ" ที่นำไปสู่โครงการ "To Be number one"




คลิกดู-เผย พระวิสัยทัศน์ "ทูลกระหม่อมฯ" ที่นำไปสู่โครงการ "To Be number one"


................................

Update....Miracle Of Life (MOL)  ต้นแบบการหากินโดยมิชอบของเชื้อพระวงศ์ไทย


โดย กลุ่มเสียงประชาชนไทย (สปท.)    

ในภาวะที่ประชาชนยากจนคนไทยต้องอดอยาก   งบประมาณไม่เพียงพอที่จะอุดหนุนดูแลการพัฒนาคุณภาพชีวิตอยู่แล้ว   แต่บรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งพระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าหลานเธอทุกพระองค์ต่างก็เร่งทำมาหากินประกอบการค้าขายและหาเงินกันมากมายทั้งเปิดร้านค้าและตั้งมูลนิธิเพื่อหากำไรและหาเงินบริจาคซึ่งเงินบริจาคหลักๆ ก็เอาไปจากงบประมาณแผ่นดินที่เป็นเงินภาษีของประชาชน และจากบริษัทห้างร้านและหน่วยธุรกิจต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะรัฐวิสากิจ แต่ในเมืองไทยกลับกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณ หรือ ทรงพระปรีชาสามารถ  อาทิเช่น  พระเจ้าหลานเธอศิริวรรณวลี จากนักแบดมินตันทีมชาติที่ขณะแข่งในประเทศไทยใครก็ไม่กล้าเอาชนะก็อ้างว่าเป็นพระปรีชาสามารถ  เมื่อแข่งขันแพ้ในเกมส์นานาชาติก็ผันตัวเองมาเป็นดีไซเนอร์ระดับโลก ขนนางแบบไปเดินแฟชั่นในปารีส โดยการบินไทยและรัฐบาลไทยเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายการเดินแบบที่ปารีส ก็อ้างพระปรีชาสามารถ  และหากใครมีโอกาสเดินทางไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็จะพบกับร้านค้าของทุกพระองค์ที่เปิดร้านค้าแข่งกับเอกชนโดยไม่ได้เสียค่าเช่า อธิเช่น ร้านสวนจิตรลดา  ร้านภูฟ้า  ร้านภูคำ  ร้านจุฬาพร ก็อ้างว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณ เป็นต้น  



ในบรรดาเจ้าฟ้าทุกพระองค์นี้  ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์  เป็นเชื้อพระวงศ์ที่มีวิธีการหาเงินแบบเปิดเผยเป็นต้นแบบของเชื้อพระวงศ์ไทยที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นพระปรีชาสามารถอย่างผิดปกติมากพระองค์หนึ่งที่จะได้กล่าวถึงในโอกาสนี้ ดังจะเห็นได้ว่า เป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวในโลกที่มีอายุมากจนพ้นวัยคือมีอายุกว่า  60 ปีแต่มีการเยินยอกันจนหลงตัวเองว่าเป็นผู้มีความสามารถยิ่ง และพวกบริษัทภาพยนตร์ในประเทศไทยก็สอพลอกันกราบทูลเชิญไปเป็นนางเอกในภาพยนตร์หลายเรื่อง  แสดงทั้ง บทรัก บทโศก และ บทบู๊ เช่นเรื่อง เรื่องหนึ่งใจเดียวกัน และ My best bodyguard เป็นต้น  และในการดำเนินงานนี้ก็บีบบังคับให้ รัฐวิสาหกิจและห้างร้านต่างๆมาช่วยเป็นสปอนเซอร์จ่ายเงินให้เป็นทุนในการสร้างหนังเช่น บริษัท ปตท.บริษัท การบินไทย  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นวงเงินในแต่ละเรื่องไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ทั้งๆที่บริษัทภาพยนตร์เขาก็รวยกันอยู่แล้วแต่กลับไม่ต้องลงทุนหรือไม่ต้องเสี่ยงต่อการขาดทุนไดๆในการสร้างเลย  ปรากฏว่าภาพยนตร์แต่ละเรื่องของพระองค์มักจะไม่มีคนเข้าชม ก็เป็นภาระของ กระทรวงศึกษาก็จะทำหน้าที่รีดไถโดยเกณฑ์เด็กนักเรียนควักเงินของพ่อแม่ซื้อตั๋วเข้าไปชม   ทำให้เกิดข่าวลือในประเทศไทยที่ไม่มีใครกล้าพูดว่าทูลกระหม่อมหญิงองค์โตทรงประกอบธุรกิจด้วยวิธีการพิเศษ ในลักษณะเช่นนี้ ทำให้มีสินทรัพย์เพิ่มพูนอย่างรวดเร็วมากกว่า 2,000 ล้านบาท นับตั้งแต่เสด็จกลับจากอเมริกา และ เลิกใช้นามสกุล เจนเซ่น ของอดีตสามี                  


พระปรีชาสามารถของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์  ที่จะได้นำมากล่าวนี้มีเป็นจำนวนมาก เฉพาะโครงการที่โดดเด่นเช่นโครงการ To be number one  ก็ใช้งบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุข ด้วยการทำมาหากินของอากู๋ แห่งบริษัทแกรมมี่ โดยเป็นที่รู้กันทั้งกรมสุขภาพจิตว่า อากู๋เป็นคนช่วยทำโครงการและนำงบประมาณมาใช้แล้วมีเงินทอนถวายพระองค์  และอีกโครงการหนึ่งที่น่าสนใจมากคือ โครงการ Miracle Of Life (MOL) ซึ่งหลายคนคงไม่ทราบในกิจกรรมก็สามารถหาดูได้จาก facebook จากที่นี่ http://www.facebook.com/miracleoflifemag.fan   

แต่กิจกรรมที่ใครก็คาดไม่ถึงในความคิดริเริ่มที่ยอดเยี่ยมของพระองค์อย่างหาผู้ได้จะทาบเทียมได้นั่นก็คือ ทรงรวบรวมมูลนิธิเก็บศพต่างๆที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัดเข้าเป็นเครือข่ายของ MOL อย่างเป็นระบบ ทั้งนี่พระองค์คงได้ความคิดมาจาก มูลนิธิปอเต็กตึ้ง และ มูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เป็นมูลนิธิเก็บศพชื่อดังของประเทศไทย ที่มีคนร่วมบริจาคมากที่สุด   

และขณะนี้ MOL กำลังพัฒนาโครงการใหม่โดยจะทำธุรกิจในสายการสื่อสาร โดยเตรียมการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ MOL และสถานีวิทยุเครือข่ายอีก 18 แห่งของพระองค์เอง โดยจะต้องใช้งบประมาณเบื้องต้นทั้งหมด 230,400,000 บาท (สองร้อยสามสิบล้านสี่แสนบาทถ้วน)  แต่เงินก้อนแรกกลับขอสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นจำนวนเงิน 150,000,000 บาท (หนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทถ้วน)  โดยพระองค์ท่านได้ดำเนินการอย่างเปิดเผยในการของบประมาณจากรัฐ โดย นายสมภพ  สีเลี้ยง ผู้อำนวยการสถานีวิทยุและโทรทัศน์ มิราเคิลออฟไลฟ์  ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ  ทำหนังสืออย่างเป็นทางการขอเงินภาษีไปใช้ 150ล้านบาทนำเสนอต่อกระทรวงที่เกี่ยวข้องตามหนังสือและเอกสารโครงการที่แนบมาด้วย  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะอ้างกฎข้อบังคับราชการส่วนไหนมาปรับใช้ เพราะเป็นธุรกิจเอกชนแต่ใช้เงินราชการ หรือจะอ้างกิจการการสร้างภาพยนตร์มาเป็นต้นแบบ


 ความจริงต่างๆเหล่านี้ยังมีอีกมาก  กลุ่มของเราพยายามจะหาข้อมูลมานำเสนอเพื่อให้พวกสลิ่มและพวกเสื้อเหลืองที่มีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ได้เกิดสติและเมื่อเห็นข้อมูลเช่นนี้แล้วดูซิว่าพวกเขายังจะกล้าหลอกลวงตัวเองได้อีกต่อไปไหมว่าสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นเรื่องโกหก?
              
สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังที่อยู่ในประเทศไทยที่เกี่ยวกับการเสียสละของราชวงศ์ทุกวันนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงทั้งๆที่พวกลูกหลานของเขาเองกลับไม่เคยเพียงพอที่จะหาเงินด้วยการขูดรีดประชาชนทั้งโดยทางตรงในรูปของการเรี่ยไร และการนำงบประมาณจากภาษีไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวอย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งก็เห็นกันตำตาอยู่แต่ไม่ยอมพูดความจริงกัน  แต่หากว่าพวกเขาจะแกล้งโง่และหลอกลวงกันเกี่ยวกับเรื่องเชื้อพระวงศ์เป็นผู้เสียสละกันต่อไปก็ทำไปเถิด แต่ขอให้คิดด้วยว่าจากผลของการยอมจำนนของพวกสลิ่ม และการสอพลอของนักวิชาการที่ขายตัวที่ประสานเสียงโกหกหลอกลวงประชาชนกันต่อไป  และปล่อยให้เกิดการกดขี่ขูดรีดกันเช่นนี้ในที่สุดเมื่อผู้คนยากจนมากยิ่งขึ้นจนอดทนไม่ไหว และท่ามกลางการใส่ร้ายและเกลียดชังกันระหว่างคนทุกข์คนยากที่ถูกมอมเมากันเช่นนี้ในที่สุดก็จะเกิดสงครามและนำมาซึ่งการสูญเสียชีวิตของคนยากจนด้วยกันเอง ขอให้ผู้มีจิตใจเป็นธรรมทั้งหลายโปรดช่วยกันหาทางออกให้แก่สังคมไทยด้วย

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar