"การที่แกนนำผู้ชุมนุมเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก ก็เพื่อทำให้อ่อนแอลงและไปสู่การปฺฏิรูปสถาบันฯ ผมจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่ง ต้องทำหน้าที่ปกป้องสถาบันฯ ต่อไป และขอให้คำนึงถึงประชาชน 8.4 ล้านคนที่เลือกให้ท่านมาปฏิบัติหน้าที่นายกฯ" นายไพบูลย์ นิติตะวัน ปกป้องนายกฯ กลางรัฐสภา
"ความเดือดเนื้อร้อนใจของประชาชนผู้จงรักภักดี"
มวลชน "เสื้อเหลือง" ปักหลักหน้ารัฐสภา
ประกาศปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์และสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา
ขณะที่สมาชิกรัฐสภาเริ่มอภิปรายเพื่อรับฟังความเห็นต่อสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองวันนี้
(26 ต.ค.)
.
ประชาชนกลุ่มนี้รวมตัวกันในนาม
"ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ (ศปปส.)" นำโดยนายสุวิทย์
ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธอิสระ
ซึ่งมาชุมนุมที่ด้านหน้าทางเข้าอาคารรัฐสภา ถ.สามเสน ตั้งแต่เมื่อคืนนี้
.
วันนี้นายสุวิทย์ได้ยื่นหนังสือต่อประธานสภา ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียงกุล
เลขานุการประธานสภา เพื่อคัดค้านการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)
ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยฝากนายสมบูรณ์ไปบอกประธานรัฐสภาให้
"รับทราบถึงความเดือดเนื้อร้อนใจของประชาชนผู้จงรักภักดี"
.
"ช่วยส่งต่อไปยัง ส.ส. และ ส.ว.
ให้ได้รับรู้เรื่องพวกนี้และหาวิธีที่จะแก้ไขอย่างสันติอหิงสาและปราศจากความรุนแรง
พูดคุยได้ก็พูดคุย ใครที่พูดคุยไม่ได้ก็ปล่อยให้มันเฉาไปเอง"
นายสุวิทย์กล่าวถึงการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม
.
เวลา 10.00 น.
เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อยเมื่อกลุ่ม ส.ส. พรรคก้าวไกล
ได้เดินทางเข้าไปสังเกตการณ์กิจกรรมกลุ่ม ศปปส.
ทำให้ผู้ชุมนุมตะโกนและตำหนิด้วยถ้อยคำต่าง ๆ หนึ่งในนั้นก็คือ คำว่า
"หนักแผ่นดิน"
.
คาดว่าช่วงบ่ายวันนี้
กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนจะเดินทางไปสมทบกับ "กลุ่มประชาชนคนไทย"
ที่นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ
เพื่อยื่นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของสถานการณ์การเมืองของไทยต่อสถานทูตเยอรมนี
ถ.สาธรใต้
คอนเฟิร์ม "เสี่ย" สั่งเล่นงานพุทธะอิสระ
คุณวาสนา นาน่วม โพสต์เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาว่า ทั้ง ประวิตร วงศ์สุวรรณ และ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกมาขอโทษ "พระอาจารย์" และเรียกตำรวจไปตำหนิ กระทำการเกินเลย
(ดูที่นี่ https://goo.gl/BNdP8C และที่นี่ https://goo.gl/sfy7gL)
ผมคิดว่า ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า การสั่งหรือ "ไฟเขียว" ให้เล่นงานพุทธะอิสระ มาจาก "วังเสี่ย" ไม่เช่นนั้น ทั้ง "2 ป." คงไม่ถึงขนาดรีบออกมาขอโทษพร้อมๆกันแบบนี้ ที่สำคัญ ถ้า "2 ป." สั่ง หรือรู้เรื่องนี้แต่แรก ก็คงให้ดำเนินการแบบ "ละมุนละม่อม" กว่านี้แต่แรก
อย่างที่ผมอธิบายไปก่อนหน้านี้ คดีหมิ่นฯ โดยเฉพาะคดีใหญ่ๆ คนดังๆ เส้นใหญ่ๆ (อย่างกรณีพุทธะอิสระนี้ หรือ กรณีหมอหยอง, อัครพงศ์ปรีชา ฯลฯ) เป็นเรื่องที่ตำรวจหรืออัยการ "ประสานงานโดยตรงกับวัง" ทิศทางและการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆที่เกี่ยวกับ 112 ไม่ได้อยู่ในมือรัฐบาล แม้แต่รัฐบาล คสช. (กรณีอย่าง "ไผ่ ดาวดิน" ก็เช่นกัน มาจาก "วัง" เหมือนกัน เพราะ "เสี่ย" "ยั้วะ" เรื่องบทความบีบีซีมาก)
ปล. ดู "คำอธิบาย" ของคุณวาสนา ในกระทู้ถัดมาว่า ทำไม "2 ป." ออกมาขอโทษ "พระอาจารย์" https://goo.gl/z2qNnD ตอนหนึ่ง คุณวาสนาเขียนว่า "แต่เมื่อ "พระพุทธะอิสระ" โดนตำรวจบุกจับ จึงเกิดความสงสัยกันถ้วนหน้า แต่ก็ทำให้สังคมคิดว่า ถ้าทำผิด #โดยเฉพาะแอบอ้างเบื้องสูง. #ใครก็ช่วยไม่ได้"
พุทธะอิสระ เคยอ้างชื่อ แก้วขวัญ วัชโรทัย โต้ข้อกล่าวหาปลอมพระปรมาภิไธย
ตอนนี้มีข่าวว่า สุวิทย์-พุทธะอิสระ จะ "รับสารภาพ" ข้อหาปลอมแปลงและใช้พระปรมาภิไธยโดยไม่ได้รับอนุญาต (ทนายของเขาเป็นคนให้ข่าว ใครยังไม่เห็น ดูที่นี่ https://goo.gl/HvU36v)
ชวนให้นึกถึงคราวที่พวกอัตรพงศ์ปรีชา, พ่อ-แม่ศรีรัศมิ์, หมอหยอง ฯลฯ พอโดนจับ พากัน "รับสารภาพ" กันง่ายๆหมด แม่ศรีรัศมิ์ตอนโดนแจ้งความ ปฏิเสธเสียงแข็ง พอโดนจับแสดงอาการ "ยอมรับชะตากรรม" รับสารภาพ
พุทธอิสระ ตอนโดนแจ้งความเมื่อปีกลาย ก็ออกมาโต้เสียงแข็งมาก
ที่น่าสนใจคือ ตอนนั้น เขาอ้างชื่อ "แก้วขวัญ วัชโรทัย" ด้วย
"...ขอยืนยันว่าก่อนที่จะทำพิธีปลุกเสกพระเครื่องดังกล่าวนั้นได้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร #และเอ่ยด้วยวาจา #ขออนุญาตจากนายแก้วขวัญ #วัชโรทัย #อดีตรองเลขาธิการพระราชวังแล้ว..."
ดูภาพประกอบ หรือดูรายงานข่าวได้ที่นี่ https://goo.gl/69aW4Y
(ตอนนั้น เขาโพสต์เฟซบุ๊คโต้พวกมาแจ้งความด้วย แต่ในโพสต์ไม่ได้เอ่ยชื่อแก้วขวัญ https://goo.gl/rKCQVF)
พุทธะอิสระไม่ได้ถูกตั้งข้อหา 112 แต่เรื่องนี้ค่อนข้างแน่ว่าเกี่ยวกับ 112 (วัง "ไฟเขียว" ให้เล่นงาน แต่ไม่ใช่ด้วย 112)
วันนี้ ผมอยู่นอกบ้านทั้งวัน ก็พยายามตามข่าว "พุทธะอิสระ" โดนจับและโดนสึก ปรากฏว่า ข่าวสับสนอยู่หลายชั่วโมงว่า ตกลงโดน 112 หรือไม่
สรุปคือ ไม่ได้โดน 112 แน่นอนครับ #แต่ ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับ 112 (วัง) ค่อนข้างแน่
ขอให้ดูรายงานไทยรัฐ ซึ่งดูเหมือนเป็นฉบับเดียว ทีมีการคัดเอาคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนมาแบบคำต่อคำ
https://www.thairath.co.th/content/1290749
ข้ามไปดูตอนท้ายก่อนก็ได้ เพื่อยืนยันว่า ไม่ได้โดน 112
"พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาฐาน “ปลอมขึ้นซึ่งพระปรมาภิไธย และใช้พระปรมาภิไธยที่มีการปลอมขึ้น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 250, 252 ...."
แต่ความน่าสนใจของคำร้องฝากขัง และคิดว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้สื่อหลายฉบับรายงานสับสนอยู่หลายชั่วโมง คือดังนี้
ตอนต้น พนักงานสอบสวน เริ่มบรรยายว่า มีคนแจ้งความต่อพุทธะอิสระ ในข้อหา 112
"ทั้งนี้ คดีมีการ ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย.60 นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ที่นำอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และอักษรพระนามาภิไธย ส.ก. มาประดิษฐานหลังองค์พระเครื่องโดยไม่ได้รับพระราชทาน พระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9...จึงร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ, ปลอมขึ้นซึ่งพระปรมาภิไธย และใช้พระปรมาภิไธยที่มีการปลอมขึ้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 250, 252"
มิหนำซ้ำ หลังจากบรรยายความเป็นมายืดยาวแบบนี้ และระบุด้วยว่า การแจ้งความมีข้อหา 112 ด้วย คำร้องฯยังบรรยายต่อว่า
"จากการสอบสวนพยานบุคคลเจ้าหน้าที่ #กรมราชเลขานุการในพระองค์ ยืนยันว่าผู้ต้องหาไม่ได้ขออนุญาตใช้พระปรมาภิไธยย่อ และอักษรย่อพระนามาภิไธย ตามพฤติการณ์และพยานหลักฐาน จึงยืนยันว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้สร้างพระนาคปรก อุดปรอท รุ่นหนึ่งในปฐพี ที่เป็นปัญหาในคดีนี้จริง #โดยไม่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญอักษรพระปรมาภิไธย และอักษรพระนามาภิไธยย่อ ไปประดิษฐานหลังองค์พระเครื่องดังกล่าว..."
ใครที่คุ้นเคยกับคดี 112 ที่ผ่านมา คงรู้ว่า ถ้ามีการบรรยายพฤติกรรมในลักษณะนี้ มามากมายถึงขนาดนี้ จะต้องลงเลยด้วยการที่ตำรวจตั้งข้อหา 112 เข้าไปในการจับและฝากขังต่อศาลแน่
(และนี่เองทำให้สื่อหลายฉบับสับสน รายงานว่าโดน 112 เพราะในคำร้องฝากขัง มีบรรยายเรื่องที่ปกติถือเป็นความผิด 112 เสียมากมาย แต่กลับลงเอย ไม่มีการฝากขังด้วยข้อหานี้)
....................
คดีนี้ ยังอยู่ในขั้นพนักงานสอบสวน (ตำรวจ) ยังไม่ถึงอัยการ ดังนั้น คำสั่งเร็วๆนี้ ที่ให้รวมคดี 112 ในขั้นอัยการ ไปที่อัยการสูงสุดผู้เดียว เพื่อให้ทางวังสามารถประสานพิจารณาชี้นำได้โดยตรงและสะดวก โดยทางการคดีนี้จึงยังไม่เกี่ยวกับคำสั่งนั้น
แต่คดีซึ่งเกี่ยวกับเรื่องเจ้าอย่างสำคัญระดับนี้ มิหนำซ้ำ ยังมีการอ้างการ "สอบสวนพยานบุคคลเจ้าหน้าที่ กรมราชเลขานุการในพระองค์" การดำเนินการของตำรวจต้องมีการประสานกับทางวังแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น ปกติ คดีในลักษณะนี้ อย่างน้อยที่สุด ตำรวจจะต้องตั้งข้อหา 112 ไว้ก่อนและ "เตะโด่ง" ไปให้ขั้นอัยการเป็นคนตัดสินใจอีกที คดีที่มีการบรรยายพฤติกรรมในลักษณะนี้ ไม่เคยมีที่ขั้นพนักงานสอบสวน จะมีการ "ดร็อป" ข้อหา 112 (ซึ่งคนแจ้งความได้แจ้งไว้แล้วด้วย) เสียเองแบบนี้
การที่ตำรวจ "ดร็อป" 112 ในคดีเรื่องอ้างเจ้าสำคัญแบบนี้นี่แหละ ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่า การเล่นงานพุทธะอิสระครั้งนี้ ได้รับการ "ไฟเขียว" หรือชี้นำจากวัง
นั่นคือ #เช่นเดียวกับคดีหญิงตาบอดมุสลิม ที่ผมเล่าให้ฟังเร็วๆนี้ (ใครยังไม่เคยอ่าน ดูที่นี่ https://t.co/giSVaeffRv) ทางวังไม่ต้องการให้ใช้ 112 ให้หาทางเลี่ยงไปใช้ข้อหาอื่นแทน
#แต่สาเหตุของการที่พุทธอิสระโดนเล่นงานในที่สุด #ก็น่าจะมาจากเรื่องที่เกี่ยวกับ112นี้เอง (การอ้างพระปรมาภิไธย) คือ "เสี่ย" เขาไม่ชอบเรื่องการ "อ้างชื่อ" จริง และดังนั้น จึงให้เล่นงานพุทธะอิสระในครั้งนี้
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar