torsdag 29 oktober 2020

ใบตองแห้ง:รัฐไม่ถอยปลุกแตกหัก...


ประยุทธ์ชิงยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง โดยไม่รอศาลแพ่งสั่งคุ้มครองชั่วคราว ทั้งที่ตอนแถลงข่าว อ้างข้อยกเว้น หากมีสถานการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น

อ้าว ยอมรับแล้วใช่ไหม ม็อบเดินไปทำเนียบไม่มีความรุนแรง แล้วทำไม กระทรวงต่างประเทศไปตะแบงให้ทูตฟัง อ้างว่าม็อบวันที่ 16 ต.ค.รุนแรงต้องสลาย ไม่อายบ้างหรือไร คิดว่าทูตต่างชาติรอฟังแต่คำแถลงรัฐบาล ไม่มีหูไม่มีตาดูคลิปเหตุการณ์ที่เผยแพร่ไปทั้งโลก

ถอยคนละก้าว ประยุทธ์ถอยตรงไหน ม็อบชุมนุมโดยสงบก็อ้างข้อหาขัดขวางขบวนเสด็จ ประกาศฉุกเฉินร้ายแรง ซึ่งบรรดานักกฎหมาย คณบดีนิติศาสตร์ โต้แย้งว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ใช้อำนาจฉุกเฉินสลายม็อบ 14 ต.ค.ที่ยุติไปแล้ว สลายม็อบ 16 ต.ค.โดยปืนใหญ่น้ำ ออกหมายจับคนมีชื่อเสียงที่ไปสังเกตการณ์

ม็อบบานปลายไปทั่วไปประเทศ โกรธแค้นการใช้ความรุนแรง คนเป็นล้านตะโกน ประยุทธ์ออกไป ปล่อยเพื่อนเรา ประยุทธ์กลับบอกถอยให้คนละก้าว แล้วจะเลิกประกาศฉุกเฉินร้ายแรง

มันใช่หรือ มันเหมือนนักเลงข้างบ้านที่บังเอิญอยู่ในเครื่องแบบ อวดอำนาจบุกเข้ามาตีหัวคนในบ้าน ยัดข้อหา แล้วบอกว่าเลิกแล้วต่อกัน เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติ โดยไม่ยอมออกไปจากบ้านด้วยซ้ำ

ให้แก้ปัญหาในวิถีทางรัฐสภา มีประโยชน์อะไร เมื่อ 250 ส.ว.ตู่ตั้ง ดาหน้าปกป้องตู่ ปกป้องชามข้าวตัวเอง สภาผู้แทนฯก็เอาเปรียบกันตั้งแต่ระบบเลือกตั้ง วิธีคำนวณ ส.ส. ยุบพรรค ดูดงูเห่า นี่ต่างหาก เผด็จการรัฐสภาของจริง

การเปิดประชุมวิสามัญเพื่ออภิปรายทั่วไปจึงไร้ค่า เผลอๆ จะเป็นเวทีให้ 250 ส.ว. และ ส.ส.รัฐบาลปลุกม็อบ คือให้ร้ายป้ายสีจนม็อบเหลืออด ลุกฮือมาล้อมรัฐสภาแล้วก็ปะทะกัน

เพราะในขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐก็ปลุกพลังม็อบเสื้อเหลือง ปกป้องสถาบัน ตอบโต้ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันของม็อบราษฎร

ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง Royalist ที่มีสติ ไม่ควรสนับสนุนการกระทำเช่นนี้

ประการแรก ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันไม่ใช่ล้มล้างสถาบัน อย่าทำให้เป็นสีเหลืองกับดำ มีสองขั้วเท่านั้น ปกป้องสถาบัน VS ล้มเจ้า ความเป็นจริงในสังคมไทย มีความเห็นต่างหลากหลาย คนไทยเกือบทั้งหมด ยังต้องการอยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่มีความเห็นต่างกันหลายเฉดสี

ประการที่สอง อย่าอ้างปกป้องสถาบันมาปกป้องอำนาจ ตัวเอง อำนาจประยุทธ์ อำนาจรัฐบาล อำนาจรัฐธรรมนูญที่ ไม่ชอบธรรม เช่น 250 ส.ว.ตู่ตั้งมาโหวตตู่

พูดกันง่ายๆ คนที่รักเทิดทูนสถาบันแต่ไม่เอาประยุทธ์ ไม่เอา 250 ส.ว.ก็มีตั้งเยอะ

การที่พสกนิกรจะนัดหมายกันไปรับเสด็จ หรือแสดงความจงรักภักดีในวันสำคัญ เป็นเรื่องน่าปีติ แต่การที่หน่วยงานรัฐมีหนังสือระดมข้าราชการ เกณฑ์กลุ่มมวลชน มาแสดงพลังใส่เสื้อเหลืองในขณะที่รัฐบาลกำลังถูกม็อบไล่ มันไม่สมควร แม้อ้างว่าม็อบจาบจ้วง แต่การที่องคาพยพของรัฐบาลเข้าไปจัดการ ก็ทำให้ประเด็นปะปนสับสนไปหมด

ประการที่สาม อันที่จริงกลุ่มพลังมวลชนที่จะออกมา ็เหลืองทั้งแผ่นดินิ เกือบทั้งหมดก็แสดงออกโดยสงบ (วันที่ 14 บางคนยังผลัดผ้าไปม็อบต่อด้วยซ้ำ) แต่กลับมีคนหยิบมือหนึ่งฉวยพลังนี้ไปอ้างแสดงความฮาร์ดคอร์ เช่นการบุกทำร้ายนักเรียนนักศึกษาที่รามคำแหง ซึ่งรัฐบาลกลับอ้างว่าคนพวกนี้โดนยั่วยุก่อน ปกป้องกันชัดเจน

คนพวกนี้คือหน้าเดิมๆ ทั้งนั้น คืออดีต กปปส. หรือการ์ดพันธมิตร อ้างความจงรักภักดีของคนส่วนใหญ่ไปใช้ความรุนแรง โดยพัวพันกับนักการเมือง

อำนาจรัฐจะเลือกเดินเกมอย่างนี้ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบอะไรเลย? ทั้งที่ทางเลือกง่ายสุด คือประยุทธ์ลาออก กลับไม่ทำ

ประยุทธ์ลาออก ทุกอย่างจะคลี่คลายทันที ม็อบก็หยุด แม้ข้อเรียกร้องยังไม่หยุด แต่ก็จะกลับสู่การพูดคุยถกเถียงกันในบรรยากาศปกติ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในรัฐธรรมนูญ ในกฎหมาย ต้องใช้เวลา

ประยุทธ์ลาออก ครม.พ้นทั้งคณะ ถ้ารีบแก้รัฐธรรมนูญ 256 ไปสู่การเลือก ส.ส.ร. รวมทั้งแก้รัฐธรรมนูญเฉพาะหน้า ตัดอำนาจ 250 ส.ว. รื้อระบบเลือกตั้ง ถอนข้อหาแกนนำม็อบที่ถูกจับกุมหรือไม่ค้านประกัน แล้วตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งก็จะมาจากพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันนั่นแหละ ใช้เวลาสักพัก ยุบสภาพร้อมลงประชามติ

ถามว่าอำนาจที่ดำรงอยู่นี้ เสียหายตรงไหน ทำไมไม่ยอมสละประยุทธ์ ทำไมประยุทธ์ไม่ยอมสละตัวเอง เอาแต่ตีฝีปากว่าผิดอะไร ทั้งที่มาจากรัฐประหาร ทั้งที่มาจากการเขียนรัฐธรรมนูญให้ตัวเองสืบทอดอำนาจ และใช้อำนาจไม่ชอบธรรม เช่นการประกาศฉุกเฉินร้ายแรงสลายการชุมนุม

วิถีที่รัฐกำลังเดิน คือนำไปสู่ความแหลกลาญ ปลุกพลังไปสู่การแตกหัก โดยเชื่อว่ากุมอำนาจเป็นปึกแผ่น ทั้งทหารตำรวจ ฝ่ายกฎหมาย ไม่ยอมถอยไม่ยอมคลาย ทั้งที่คลายแล้วก็ยังครองอำนาจได้

ไม่รู้ทำไม กลับเลือกหนทางแตกหักกับประชาชน

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_5174614

ประยุทธ์ไม่ออก บอกจะใช้รัฐสภาแก้ปัญหา ซึ่งเด็กอมมือก็รู้ว่า การเปิดสภาอภิปรายโดยไม่ลงมติเท่ากับจับตู่ใส่ตะกร้าล้างน้ำ ไม่เพียง ส.ส.รัฐบาลที่มีมากกว่าล้นหลาม หลังยุบพรรคดูดกันปากมัน ยังมี 250 ส.ว.ตู่ตั้ง ที่จะฉวยโอกาสรุมกระหน่ำม็อบเยาวชนเสียมากกว่า

ประยุทธ์ไม่ถอย แล้วหน่วยงานรัฐ จังหวัด อำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน เทศบาล ฯลฯ ยังปลุกพลังเสื้อเหลืองออกมา ตอบโต้ข้อเสนอปฏิรูปสถาบัน ซึ่งเปรียบเสมือนเอาประยุทธ์ไปแอบไว้ข้างหลัง มีม็อบเสื้อเหลืองเป็นเครื่องกำบัง

คนที่ถูกระดมมา โดยส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาหรอก ชูป้ายผ้าโดยสงบ บางคนแอบชูสามนิ้วด้วยซ้ำ แต่ถูกใช้เป็นฐานให้คนกลุ่มที่สร้างความรุนแรง พวกโพกผ้าเหลืองทำร้ายนักเรียนนักศึกษา เอาไปอ้างว่าคนส่วนใหญ่สนับสนุนตัวเอง

หลังคืนวันที่ 23 ต.ค. ยิ่งน่าวิตกว่าคนเหล่านี้จะคิดอย่างไร จะฮึกเหิมลำพองใจ คิดว่าจงรักภักดีแล้วทำอะไรก็ไม่ผิด? เหมือนกระทิงแดง ลูกเสือชาวบ้าน “เก้าอี้ฟาด” โดยเชื่อว่าตำรวจ กระบวนการยุติธรรมให้ท้ายพวกตัว เพราะอย่างเหตุการณ์ที่รามคำแหง รัฐก็อ้างว่าเนตรนารียั่วยุก่อน (ด้วยสายตา) ตำรวจก็ตีขลุมว่าปะทะกัน

จะมีการจัดตั้งกลุ่มอันธพาลสมุนนักการเมือง มาเฟีย เดนคุก อาชีวะปลอม ฯลฯ ขึ้นมาคุกคามทำร้ายนักเรียนนักศึกษาหรือไม่ แล้วระบบราชการ กระบวนการยุติธรรม จะยิ่งลำเอียงหรือไม่

น่าฉงนว่าเหตุใด ผู้กุมอำนาจจึงไม่ให้ประยุทธ์ลาออก ทั้งที่หากออกเสีย ยอมแก้รัฐธรรมนูญ ยอมปิดสวิตช์ 250 ส.ว. ตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งก็คือพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ก็ยังรักษาอำนาจได้ บรรยากาศก็จะคลี่คลาย แม้ยังสู้กันไปยาว ๆ

หรือมองว่าจะกลายเป็นโดมิโน จะพังไปทีละกระบิ พลังคนรุ่นใหม่จะยิ่งโต จึงต้องแข็งขืน ใช้อำนาจสยบให้ได้

ซึ่งเป็นวิธีคิดอันตราย น่ากลัว มองไม่เห็นหรือว่าคนรุ่นใหม่ตั้งแต่มัธยม 14-15 ไปถึงเลข 3 นำหน้า “เสื่อมศรัทธา” เหมือนกันหมด มีอำนาจมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะความคิดคน 20 กว่ารุ่น ที่เป็นอนาคตของประเทศ ขณะที่คนอายุมากขึ้นไปก็แตกเป็นหลายฝ่าย

คุณจะปราบม็อบอย่างไร เพราะไล่จับแกนนำไม่ให้ประกัน ก็มีคนใหม่ ๆ ขึ้นมา ยิ่งจับยิ่งสร้าง อย่าง “น้องมายด์” กลายเป็นขวัญใจมหาชนชั่วข้ามคืน เพราะภาพ คลิป แพร่ไปทั่ว

การต่อสู้จะยิ่งยืดเยื้อ ไม่เห็นทางจบ แต่รุนแรงขึ้น เมื่อรัฐปลุกพลังต้านแล้วให้ท้ายการใช้กำลัง ขณะที่รัฐราชการทหารตำรวจไม่สะดวกจะใช้กำลังเอง

การสร้างม็อบชนม็อบจะนำไปสู่รัฐประหารไหม รัฐประหารใครล่ะ ทุกวันนี้ก็รัฐประหารสืบทอดอำนาจ มีประโยชน์อะไรกับการรัฐประหารตัวเอง ซึ่งดีไม่ดีจะพังหมด ผู้มีอำนาจจึงพยายามยื้อระบอบประชาธิปไตยปลอมให้ยาวนานที่สุด

แต่การไม่ถอย ดันทุรัง ไม่คลายอำนาจเลย ก็จะนำไปสู่การต่อสู้ยืดเยื้อ เพราะพลังคนรุ่นใหม่ก็ไม่ยอมแพ้ มีแต่ยิ่งหนุนเนื่อง อำนาจที่ไม่ยอมปรับตัว จะยิ่งทำให้ประเทศไม่เห็นทางออก มีแต่จมดิ่งลง

ถ้าใช้ความรุนแรงก็มีแต่ยิ่งแหลกลาญ ทำลายคนรุ่นใหม่ไม่ได้ แต่ทำให้ประเทศแหลกลาญไปหมด

แล้วไม่ว่าใช้ความรุนแรงด้วยอันธพาล หรือด้วยตำรวจทหาร พลังทางสังคมจะยิ่งไม่เห็นด้วย จะยิ่งผลักคนให้ต่อต้าน เพราะทุกวันนี้ก็เห็นกันว่า ม็อบเคลื่อนไหวอย่างสงบ มีความรับผิดชอบสูง ไม่ปะทะ มาเร็วกลับเร็ว เป็นระเบียบ เก็บขยะ กระทั่ง กทม.ขอบคุณ แล้วจะเอาอะไรไปเป็นเหตุใช้ความรุนแรงทำร้ายสลายม็อบ

สถานการณ์อย่างนี้แม้อำนาจดูน่ากลัว เพราะยิ่งใหญ่มาก คุมหมด แต่ถ้าไม่ปรับตัวเลย ก็จะผลักให้คนไม่เห็นด้วยมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/396530

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar