ลูกทาส.กับ..ลูกไท...".ลูกทาส" ก็คือคนครึ่งสัตว์ ที่เห็นว่ากรงคือที่พักอันอบอุ่นมั่นคงของตน..." ลูกไท" ก็คือมนุษย์ที่ตระหนักในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตนอย่างเต็มเปี่ยม ไม่น้อยไปกว่าใครและไม่มากไปกว่าใคร.

ลูกทาสกับลูกไท

จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair

ต้องยอมรับว่า สถานการณ์การเมืองไทยทุกวันนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกระคนปนกันระหว่างความทุกข์กับความสุข จนเกิดรสชาติที่ปนกันรสขมและรสหวาน แบบที่ฝรั่งเรียกว่า bittersweet ด้านความทุกข์ดูจะชัดเจนว่า เป็นความเศร้าใจที่ได้เห็นชาติบ้านเมืองตกต่ำลง ในขณะที่รัฐไทยเราได้เดินนำรัฐอื่นๆ ในอนุภูมิภาคมาเป็นเวลานานหลายปี แต่เมื่อเขตเศรษฐกิจอาเซียนจะมาถึงเข้าจริงๆ เรากลับสะดุดขาตัวเองล้มตึงและได้รับบาดเจ็บยิ่งกว่าเท้าของนายกรัฐมนตรีและไหปลาร้าของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มากนัก

เหตุผลก็ชัดเจนเรียบง่าย นั่นคือการเปิดรัฐไทยสู่เศรษฐกิจโลกครั้งนี้ อาจเป็นการเปิดถาวร และปิดโอกาสที่ธุรกิจไทยแนวเก่าๆ ที่ได้ดีมาด้วยการหลับหูหลับตาท่องคาถา ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีคำว่า ประชาชนและประสิทธิภาพ รวมอยู่ในนั้นด้วยเลย เราไม่แปลกใจที่เห็นภาพคนทำธุรกิจเอากำไรเข้าตัวมาตลอดชีวิตอันยาวนานอย่าง นายประมนต์ สุธีวงศ์ จะออกมาทำตัวประหนึ่งเป็นองคมนตรีฝ่ายธุรกิจและเทศนาสังคมให้รู้จักการให้ หรือ นายแพทย์ประเวศ วะสี ผู้เป็นเสมือนองคมนตรีฝ่ายเอ็นจีโอ นายอานันท์ ปันยารชุน ผู้เป็นเสมือนองคมนตรีฝ่ายต่างประเทศและสหรัฐอเมริกาสายเก่า หรือนายพลากร สุวรรณรัฐ ที่ทำให้คำว่า ลูกทาส จากละครช่อง ๓ มีความหมายในชีวิตจริงขึ้นมา ด้วยความเป็นเสมือนองคมนตรี “นายใน” เราเลิกแปลกใจที่คนดังๆ จากสายพันธุ์นี้รวมตัวกันต่อต้านขบวนประชาธิปไตยอย่างชนิดเอาชีวิตเข้าแลก เพราะเรารู้ว่า สงครามกลางเมืองของรัฐไทยได้ระเบิดขึ้นแล้วในระดับความคิด เขาไม่ยอมสละเรือขุดเงินขุดทองที่ระบอบของเขาดูดกินและปอกลอกไปจากรัฐไทยนี้ เราเองก็ยืนยันในสิทธิของความเป็นพลเมืองไทยที่ประชาชนเป็นเจ้าของรัฐพอๆ กับอำมาตย์ศักดินา นี่เป็นจุดยืนที่แต่ละฝ่ายไม่อาจหาพื้นที่ที่เป็นกลางได้ ก็ถึงขนาดที่อดีตคนกลางคนเดียวของประเทศ ยังมีแนวคิดให้หันหน้ามาฆ่ากันเองเพราะคิดว่าฝ่ายใดชนะก็คงวิ่งกลับมาหาตัวเองอย่างนี้แล้ว จะไปหวังพึ่งเจว็ดที่ไหนอย่างลมๆ แล้งๆ ได้

แต่ด้านความสุขก็ไม่ควรลืมและควรนำมายินดีกันเช่นกัน ไม่มียุคไหนที่พลเมืองจะตาสว่างและรู้เท่าทันเท่ายุคนี้อีก ความตาสว่างและความรู้เท่าทัน เป็นเหตุให้เกิดการย้อนกลับไปวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ในยุคเดิมและสถานการณ์ในยุคปัจจุบันใหม่หมด ความเข้าใจใหม่จึงกำลังเกิดขึ้นในฐานข้อมูลเก่า พวกที่หากินเป็นนายหน้าทางภูมิปัญญาทั้งหลายโดยเฉพาะนักวิชาการและอาจารย์มหาวิทยาลัยฝ่ายที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับขบวนประชาธิปไตย เริ่มหมดทางหากินไปตามๆ กัน ผู้คนอย่าง นายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ ที่เคยนำมวลชนสู้กับระบอบเผด็จการ แล้วคงกลับมาถามตัวเองอยู่ว่าฉันได้ประโยชน์ส่วนตัวอะไร ก่อนจะเปลี่ยนข้างมาสนับสนุนเผด็จการรัฐไทย นายเสรี วงศ์มณฑา ที่เคยฉลาดหลักแหลมอยู่ในสังคมแบบเก่าๆ ที่นั่งอ้าปากหวอฟังคำเจื้อยแจ้วเสมือนว่าเป็นภูมิปัญญา แต่ความจริงก็คือการตีฝีปากของคนที่มีช่องทางหากินอยู่กับคนที่โง่กว่า

 เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างของสังคมแบบเก่าซึ่งกำลังยื้อยุดฉุดกระชากรัฐไทยมิให้ก้าวไปสู่อนาคต เพราะอนาคตหมายความว่าตนเองจะอาภัพอัปภาคย์ ตกเวที ตกงาน คนที่เคยยกมือไหว้จะหันมาเหยียดหยามใส่หน้า และหมดอาชีพตลอดจนช่องทางทำมาหากินแบบเก่า ข่าวดีก็คือ คนเหล่านี้มีเจ้านาย และเจ้านายของเขาทั้งหลายก็อยู่ในภาวะกรรมสนองกรรมอยู่ในขณะนี้ ทุกอย่างที่เคยซ่อนเร้น ไม่ว่าจะมือหรือเท้าที่มองไม่เห็น ก็ปรากฏแก่สายตาเหมือนละครบนเวที ใครที่เคยนึกว่าสังคมไทยหลอกง่าย เดี๋ยวก็แต่งชุดพลเรือน เดี๋ยวแต่งชุดทหารบก เรือ อากาศเพื่อลากเขามารับใช้ตนต่อไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้จึงเป็นได้เพียงตัวละครบนเวที ที่คนทั้งรัฐนั่งดูอย่างรื่นรมย์ และไม่หลงเพริศไปว่าเป็นสัจธรรมความจริง ความสำคัญของยุคนี้จึงได้แก่ความเข้าใจในสภาพของตนเอง เหมือนหมอแจ้งข่าวร้ายว่าเป็นมะเร็ง แต่เป็นห้วงที่ยังรักษาได้ ก็รีบละความลุ่มหลงในตัวเองแต่เดิมและหันมาปรับสมดุลในร่างกายเสียให้ทันโรค ข่าวร้ายก็จะเป็นข่าวดีไปได้ในที่สุด

ถามว่าเรากำลังเผชิญหน้าด้วยเรื่องอะไรกัน ก็ต้องตอบว่า นี่เป็นเผชิญหน้ากันระหว่าง ลูกทาส กับ ลูกไท ลูกทาสก็คือคนครึ่งสัตว์ ที่เห็นว่ากรงคือที่พักอันอบอุ่นมั่นคงของตน ลูกไทก็คือมนุษย์ที่ตระหนักในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตนอย่างเต็มเปี่ยม ไม่น้อยไปกว่าใครและไม่มากไปกว่าใคร.

*********************************************

ที่มา:  http://bit.ly/1geXSJp       

ขอบคุณเรื่องอะไร???? มีข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งที่ดูจะไม่ค่อยมีใครสนใจนัก แต่ผมกลับเห็นว่าข่าวเล็กๆ นี้ สะท้อนมิติที่ลึกซึ้งของสังคมไทยในขณะนี้อย่างชัดเจนยิ่ง และยังเป็นคำอธิบายส่วนหนึ่งว่าทำไมชนชั้นอำมาตย์ศักดินาไทยจึงคิดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปวงชนชาวไทยที่ไม่สยบแทบเท้าของเขาถึงขนาดนี้:

ขอบคุณเรื่องอะไร

จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair


มีข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งที่ดูจะไม่ค่อยมีใครสนใจนัก แต่ผมกลับเห็นว่าข่าวเล็กๆ นี้ สะท้อนมิติที่ลึกซึ้งของสังคมไทยในขณะนี้อย่างชัดเจนยิ่ง และยังเป็นคำอธิบายส่วนหนึ่งว่าทำไมชนชั้นอำมาตย์ศักดินาไทยจึงคิดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปวงชนชาวไทยที่ไม่สยบแทบเท้าของเขาถึงขนาดนี้:

“...เมื่อวันที่ ๒๘ มี.ค. นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่านายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. ได้ทำหนังสือขออนุญาตเข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๗ ในบริเวณรัฐสภา ในวันที่ ๒๙ มี.ค. มายังตนแล้ว ทั้งนี้ ตนได้อนุญาตให้เข้ามาทำกิจกรรมได้ตามที่แจ้งมาคือส่งตัวแทนของมวลมหาประชาชน จำนวน ๕๐ คน เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๗ ในบริเวณรัฐสภา ช่วงเวลาประมาณ ๑๒.๐๐-๑๔.๐๐ น. สำหรับการดูแลความปลอดภัยได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาดูแลอย่างเต็มที่ นอกจากนั้นได้ประสานไปยังทหาร และตำรวจในพื้นที่ให้เข้ามาช่วยดูแลด้วย ดังนั้นจึงมั่นใจว่าการทำกิจกรรมทางการเมืองในพื้นที่รัฐสภาจะไม่มีปัญหาใดๆ อย่างที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้...”

ถ้านำข้อความสั้นๆ มาวิเคราะห์ถอดรหัสกันเหมือนวิชาการใช้ภาษาไทย เราคงแบ่งเป็นข้อๆ ได้ว่า:

      ๑. กปปส. ประสานขอส่งคน ๕๐ คนเคารพรูปรัชกาลที่ ๗
      ๒. เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอนุญาต
      ๓. เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรสั่งดูแลความปลอดภัยโดยใช้กำลังทั้งตำรวจและทหาร

เมื่อแบ่งเป็นท่อนๆ และคิดแยกส่วนให้ดี ก่อนจะนำมาประมวลเป็นองค์รวมอีกครั้ง เราจะพบว่าเรื่องนี้มีความแปลกประหลาดอยู่ในตัวเองหลายแง่ ตั้งแต่แง่เล็กไปถึงแง่ใหญ่

แง่เล็กๆ ประการแรกคือ ทำไมการเข้าไปเคารพรูปปั้นในสถานที่ราชการจึงเป็นเรื่องใหญ่โตที่ต้องเกร็งกันถึงขนาดนั้น คน ๕๐ คนที่เดินเข้าไปวางพวงมาลาหรือพานพุ่มอะไรก็ตามทีนั้น จะทำอะไรเลวร้ายถึงขนาดที่ต้องระดมกำลังตำรวจและทหารเข้ามาดูแลได้ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรู้อะไรมากกว่าที่เรารู้กันภายนอกหรือไม่ สภาผู้แทนราษฎรขณะนี้ก็ถูกยุบไปแล้ว ไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเหลือแม้แต่คนเดียวในรัฐสภา สมาชิกวุฒิสภาสายคณะรัฐประหาร (พ.ศ.๒๕๔๙) ที่เข้าทำงานตามคราว ก็มีท่าทีในทางการเมืองที่ไม่ต่างอะไรเลยกับ กปปส. เพราะรับงานมาจากเจ้านายเดียวกัน แล้วการอารักขาขนาดนั้นมีความจำเป็นอย่างไร เรื่องนี้ผมไม่ได้ตั้งคำถามต่อวิจารณญาณของท่านเลขาธิการสภาฯ แต่ตั้งข้อสังเกตต่อสถานการณ์จริงที่มวลชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับรู้ เว้นแต่ข่าวลือที่ฉวัดเฉวียนอยู่ในโลกไซเบอร์

ประการที่สองคือจังหวะเวลา นี่ก็มิใช่วันพระราชทานรัฐธรรมนูญ (ฉบับเจ้าและขุนนางเก่า) คือวันที่ ๑๐ ธันวาคม ซึ่งมีธรรมเนียมให้คนทั้งหลายมาวางพานพุ่มขอบคุณกัน การแสดงความคารวะต่อรัชกาลที่ ๗ ในเวลาเช่นนี้ สื่อความหมายว่า ระบอบอำมาตย์ศักดินาไทยต้องการบอกว่า ประชาธิปไตยไม่ได้มาจากประชาชน แต่มาจากตนเองใช่หรือไม่ ใครก็ตามที่เขียนบทให้ กปปส. เดินเกมหริือสั่งการลงมาให้ปฏิบัติ เขาต้องการสื่อสารเช่นนี้ใช่หรือไม่

ส่วนแง่คิดที่ใหญ่กว่านั้น ซึ่งพูดเพียงประเด็นเดียวก็คงพอ นั่นคือคุณค่าด้านการพัฒนาประชาธิปไตยของรัชกาลนั้น ปัญญาชนอย่าง ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ เป็นต้น พยายามที่จะอธิบายครอบความคิดของสังคมไทยมาตลอดว่า ระบอบประชาธิปไตยนี้เกิดขึ้นจากฝีมือและความเมตตากรุณาของอำมาตย์ศักดินา ไม่ใช่ขบวนการมวลชนที่ลุกขึ้นมาทวงส่วนแบ่งความเป็นเจ้าของรัฐอย่างที่เกิดขึ้นมาตั้ง ร.ศ.๑๓๐ มาจนถึงในนาทีนี้ และพระเจ้าอยู่หัวประชาธิปกหรือรัชกาลที่ ๗ ถือเป็นกลจักรสำคัญที่คิดเรื่องการให้ประชาธิปไตยกับชาวสยาม จนต้องมาสร้างอนุสาวรีย์ไว้หน้ารัฐสภา ให้ตราติดไว้บนหน้าผากและเตือนให้กราบขอบคุณกันอยู่อย่างไม่รู้จักจบสิ้น ข้อสรุปนี้เป็นเท็จ เราได้อ่านร่างรัฐธรรมนูญที่พระเจ้าอยู่หัวประชาธิปกเตรียมไว้และอ้างว่าเตรียมจะพระราชทานให้ เราจึงรู้ว่าฉบับนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นราชาธิปไตยที่เขียนซ่อนเอาไว้อย่างแยบยล ไม่ต่างอะไรจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐ ในปัจจุบัน พูดให้ง่ายก็คือเป็นวิธีเอาตัวรอดของอำมาตย์ศักดินาในขณะนั้น ซึ่งฉลาดพอที่รู้ว่าตนต้องแสดงละครฉากใหญ่ระดับชาติฉากหนึ่ง เพื่อกลบเกลื่อนมิให้สังคมได้พฤติกรรมที่มีลักษณะขัดขวางประชาธิปไตยของตน และยังเกณฑ์เนติบริกรโหนราชสำนักมาโฆษณาว่าฝ่ายตนเองนี่ล่ะที่ต้องการให้เกิดประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น ประชาธิปไตยสยาม ไม่มีวันจะเกิดได้ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ เป็นอันขาด

จึงสงสัยว่า กปปส. ไปแสดงความสักการะเรื่องอะไร นี่ถ้าบอกกันตรงๆ ว่าไปรับงานเพิ่มเติมเพื่อหาทางฟื้นฟูระบอบการปกครอง ที่พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจโดยสมบูรณ์ โดยอาสากำจัดกวาดล้างฝ่ายประชาธิปไคยให้ราบคาบ ยังจะเข้าใจได้ง่ายกว่า.
*******************************************
ที่มา:  http://bit.ly/1lx3tTe    

สองพธู สรวมสไบ ใส่ผ้าเหลือง.

สองพธู สรวมสไบ ใส่ผ้าเหลือง......เตือนอำมาตย์ ศักดินา ข้าจักสู้ สองพธู สรวมสไบ ใส่ผ้าเหลือง เตือนท่านไว้ อย่าให้ไพร่ มันได้เคือง ไฟไหม้เมือง เหลืองละลาย กลายเป็นแดง...

ขุนเขาบอก :

สองพธู สรวมสไบ ใส่ผ้าเหลือง...

เพราะความเขลา เราทั้งหลาย จะพ่ายแพ้
ทั้งที่ใจ เราแน่วแน่ ไม่แพ้ฝัน
เราจะต้อง ลองฤทธี กี่คืนวัน
ฟ้าอำพัน จึงจะสิ้น ฤทธิรณ

จะยังสู้ กันอยู่ไหม ไพร่พี่น้อง
ต้านชนชั้น การปกครอง ที่หมองหม่น
สลัดนาม ความข่มขืน คืนค่าคน
ล้างอิทธิพล คนบุญหนัก ศักดินา

เราจะไม่ รีรอถ้า ให้ฟ้าเปิด
ความบรรเจิด เราจะสร้าง จะถ่างขา
ไม่ยอมค่อม น้อมหัวใคร ไพร่นรา
ไม่มองฟ้า ข้าก็คน ไม่สนใจ

เรืองฤทธี มีฤทธา ข้าไม่สน
ท่านก็คน เราก็คน เข้าใจไหม
ต่อแต่นี้ ปฐพี จะวิไล
มหาชน คนพาไป วิไลเรือง

เตือนอำมาตย์ ศักดินา ข้าจักสู้
สองพธู สรวมสไบ ใส่ผ้าเหลือง
เตือนท่านไว้ อย่าให้ไพร่ มันได้เคือง
ไฟไหม้เมือง เหลืองละลาย กลายเป็นแดง

หยุดกดขี่ ย่ำยีข้า ณ.บัดนี้
ปฐพี นี้มิให้ ใครกำแหง
วันไดฟ้า ลาโพยม ลมอ่อนแรง
วันนั้นแดง จักเป็นใหญ่ ในแผ่นดิน.....
ขุนเขาจากแดนไกล,

เกินเยียวยา สามานย์ ศาลหมาหมา ตัดสินว่า ยกฟ้อง ก้องทั้งศาล คดีเพชร ประวัติศาสตร์ ชาติร้าวราน คำที่อ่าน ไม่ไยยิน ศีลธรรม...

เกินเยียวยา สามานย์ ศาลหมาหมา

ตัดสินว่า ยกฟ้อง ก้องทั้งศาล

คดีเพชร ประวัติศาสตร์ ชาติร้าวราน

คำที่อ่าน ไม่ไยยิน ศีลธรรม...

สบั้นลง ตรงวาจา หมาของเขา

เสียงก้องเห่า ป้องเจ้านาย ใครก็ขำ

ซาอุฯ-ไทย ชนแรงงาน คงรับกรรม

การกระทำ ย้ำความผิด ติดเพชรงาม...

 
ถึงขนาด สั่งการ ผ่านขี้ข้า

ต้องได้มา ไม่เกรงใจ ไร้เกรงขาม

บ่งบอกถึง ในจิต คิดต่ำทราม

หวังเพียงงาม กล้าใส่โชว์ โถน่าอาย...

กูชาวไพร่ ไม่อายดอก จะบอกให้

แต่สงสัย ชาวฟ้า หนีหน้าหาย

แอบสั่งการ อยู่เบื้องหลัง อย่างกรายกราย

แม้ตัวตาย คายออกมา ชั่วช้าจริง...

"สู้เพื่อประชาธิปไตย" หนึ่งยุทธศาสตร์หลากหลายกลยุทธ สามัคคีคือพลังเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน.. บ้านเมือง..ไร้ความชอบธรรม ประชาชนถูกกดขี่ข่มเหงจากระบอบอำมาตย์ทรราช จึงเป็นความชอบธรรมของประชาชนไทยในการลุกขึ้นต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของตนเอง แน่วแน่มั่นคง จับมือร่วมกันเดินฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันเวลาและโอกาสเช่นนี้จะไม่มีอีกแล้วในรอบร้อยปี

​

-วันที่ 31 มี.ค. 57 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในคดีโครงการจำนำข้าว และหากส.ว.รับลูกถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่ง กลุ่มคนเสื้อแดงจะลุกขึ้นโต้ตอบทันที
โดยขณะนี้กำลังรับกลุ่มอาสาสมัคร ใช้ชื่อว่า กลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.) มีผู้เข้าร่วมประมาณ 1 พันคน และส่งไปฝึกแบบทหาร เรียนรู้การต่อสู้ เพื่อมาดูแลความปลอดภัยให้กับการชุมนุมของคนเสื้อแดง  จากนี้ทางแกนนำจะประกาศแผนดำเนินการในวันที่ 3 เม.ษ.นี้ คาดว่าการชุมนุมจะเริ่มวันที่ 5 เม.ษ. อาจเป็นที่กรุงเทพฯ และอาจปิดถนนสายหลัก ที่เชื่อมไปยังภาคอีสาน  







 

๓๑ มี.ค.๕๗ ติดตามอ่านข่าว ทันต่อสถานการณ์...เพื่อจะได้ไม่ให้เดินหลงทางออกนอกถนนประชาธิปไตย ประชาชนไทยเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันจงช่วยกันปกป้องรักษา...อย่าให้"ไอ้อี"คนไหนที่บ้าคลั่งต้องการอำนาจมาทำลาย ช่วยกันขับไล่ความอยุติธรรมไร้กฎกติกาให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทยด้วยมือคนไทยทั้งประเทศผู้รักชาติรักความถูกต้องยุติธรรม ชัยชนะเป็นของประชาชน ประชาชนจงเจริญ.....

ข่าวหลักของวันนี้   กลัวซะที่ไหนเมื่อไม่ได้ทำผิด   กลัวทำไมกับคำตัดสินเถื่อนๆตามใบสั่งอำมาตย์.. 

อยุติธรรม  องค์กรไร้อิสระ..ตัดสินตามใบสั่ง...อย่าไปยอมรับคำตัดสิน
โดย  น่ารัก  ก็ไม่บอก...
ข่าวดี  นายกฯปู "มอบตัวแทนไป ปปช".แล้วไม่ต้องลุ้นครับ มาลุ้นลอตเตอรี่จะออกตรงกับเลขรถคันไหน ของนายกฯปู กันดีกว่า
 ลิ้งค์ย่อ  ของกระทู้นี้ครับ
 http://www.prachatalk.com/node/2592/



    

โฉมหน้าพวกข้าทาสใต้ตีนอำมาตย์....นั่งอ้อนวอนรอคำสั่งจากผีสางเทวดา  สัตว์นรกในร่างคนไร้สมอง มีชีวิตเกิดมาเพื่อทำลายชาติเท่านั้น..... 


 







ระเบิดชนิดนี้ก็คือชนิดเดียวกัน
กับที่ฉีกร่าง2ศพหนุ่มใต้ที่มินบุรีเมื่อสองวันก่อน อาณุภาพคงไม่
ต้องบรรยาย ที่สำคัญ"แหล่งกำเนิดคือภาคใต้"แต่ตอนนี้มันลามมาผลิตกันในกทม.เรียบร้อย ตามคำส่ังและเงินค่าจ้าง....

เอาความอยุติธรรม..เป็นอาวุธประหาร เขาต้องการ เร่งรัด ประหัตประหาร จึงลนลาน พล่านออกหน้า พาอดสู แผนโสมม พวกจมปลัก แค่หลักกู ทนอีกนิด..เดี๋ยวก็รู้ อยู่หรือไป....

ล้านคำบรรยาย การ์ตูนเซีย 31/3/57 เอาความอยุติธรรม..เป็นอาวุธประหาร

---

จากมดลูก เผด็จการ สามานย์ชั่ว
ซ่อนอำพราง หางยันหัว ตัวบัดสี
เอาอคติ เป็นที่ตั้ง หวังย่ำยี่
เลวอัปรีย์ เกินมนุษย์ สุดบรรยาย....

ฝั่งตรงข้าม ตามเฉ่ง เร่งเอาผิด
วิปริต คิดต่ำช้า พาชิบหาย
เหมือนเร่งเชื้อ ให้คุกรุ่น เติมวุ่นวาย
จ้องทำลาย เหยียบมิด ปิดบัญชี....

ฝั่งพวกตน อุ้มสม อารมณ์หวาน
ความหน้าด้าน เห็นประจักษ์ ไร้ศักดิ์ศรี
คำเอ่ยอ้าง ช่างสัปดน ว่าคนดี
ผ่านกี่ปี ไม่มีแตะ แวะไปดู....

เขาต้องการ เร่งรัด ประหัตประหาร
จึงลนลาน พล่านออกหน้า พาอดสู
แผนโสมม พวกจมปลัก แค่หลักกู
ทนอีกนิด..เดี๋ยวก็รู้ อยู่หรือไป....

๓ บลา / ๓๑ มี.ค.๕๗

ประชาธิปไตยไหม้ลามฟ้าสิ้นศรัทธาเทวาจร.......เทพเทวาท่านตาลาย มองเห็นควายกลายเป็นคน เนรมิตควายเป็นคน ปกครองคนหลายสมัย คนจริงๆถูกย่ำยี ถูกกดขี่อยู่ร่ำไป ฟ้าสีทองเห็นรำไร เทวาไซร์ใช้เมฆบัง....อนิจจังอนิจจา เทวดาถ้าจะบ๊องส์ จะให้พี่หรือให้น้อง แจก”จิ้มก้อง”เร็วหน่อยหนา ก่อนกองไฟจักไหม้ลาม รีบป้องปรามรีบปราบดา ประชาธิปไตยไหม้ลามฟ้า สิ้นศรัทธาเทวาจร.......

ขุนเขาบอก :

ประชาธิปไตยไหม้ลามฟ้าสิ้นศรัทธาเทวาจร.......

เลือกนายกจากคนกลาง เอาสีข้างเข้าไถถู
ลงเลือกตั้งก็แพ้ปู สู้ไม่ได้ใช้กฎหมา
เกือบเป็นลมเกือบเป็นแล้ง ถูกสีแดงมันแยงตา
เปลี่ยนกฎหมายเป็นกฎหมา สรวมชฎาออกฆ่าคน

คนถูกปล้นความเป็นไท อธิปไตยพนาสูญ
ทำมะนวยบนหัวคูน ทดแทนคุณกันอีกหน
มือที่มองแทบไม่เห็น ช่างเลือดเย็นจริงหนอคุณ
คุณเหยียบย่ำทำมะนูน ที่พวกคุณเขียนขึ้นมา

ไยสุมไฟให้ไหม้เมือง ให้ดอกเหลืองมันเริงร่า
พวกคนดีใส่ชฎา อยากเจริญเดินตามหมา
คนดีจริงยอมเดินตรอก ปล่อยขี้ครอกจรกา
เดินลอยหน้าเดินลอยตา คร่าประชาธิปไตย

แทพเทวาท่านตาลาย มองเห็นควายกลายเป็นคน
เนรมิตควายเป็นคน ปกครองคนหลายสมัย
คนจริงๆถูกย่ำยี ถูกกดขี่อยู่ร่ำไป
ฟ้าสีทองเห็นรำไร เทวาไซร์ใช้เมฆบัง

แม้นผู้หญิงนั่งพิงเรือ ตัวผู้ชายต้องพายเรือ
คนโบราณเขาจุนเจือ เอื้ออารีมีมนต์ขลัง
ปัจจุบันขี่เรือบิน ชายไม่จริงหลังพิงวัง
มือไม่พายใช้ตาชั่ง ล้มเลือกตั้งรัฐนาวา

อนิจจังอนิจจา เทวดาถ้าจะบ๊องส์
จะให้พี่หรือให้น้อง แจก”จิ้มก้อง”เร็วหน่อยหนา
ก่อนกองไฟจักไหม้ลาม รีบป้องปรามรีบปราบดา
ประชาธิปไตยไหม้ลามฟ้า สิ้นศรัทธาเทวาจร.......

ขุนเขาจากแดนไกล,     

ท. ทหาร ในภาวะสถานการณ์กำลังเข้มข้น เมื่ออำมาตย์ใช้อำนาจทุกอย่างที่มีอยู่ในมือเร่งเกมส์ทำลายอำนาจรัฐอย่างไร้กฏกติกา.".ข่าวจริง ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวข่มขู่ กำลังระบาดอย่างหนัก."....ประชาชนจงมีสติอย่าประมาทเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา...ร่วมมือกันมีสติ มีวินัย ใช้ปัญญาสู้อำมาตย์......

ท่าน พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ท่านว่าไว้งี้นะ..ฟังๆกันไว้บ้าง.. ถอดรหัสกันให้ดี ผู้ชายคนนี้ไม่เคยพูดอะไรโดยไม่ไตร่ตรอง .. และทุกสิ่งที่คนระดับท่านพูด.. * นั่นคือนโยบาย*
".. ความเป็นไปได้ที่จะประกาศกฎอัยการศึกนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เป็นตัวกำหนด ผมคิดว่า ตลอดเดือนเมษายน ถือเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดราชการยาว และเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย อยากชักชวนว่า อยากให้ทุกคนพัก และตั้งสติ
คนไทยทุกคนอยากกลับไปกราบไหว้ บรรพบุรุษ บุพการี ดังนั้น 30 วันของเดือนเมษายน ขอให้พัก ตั้งสติ ใช้เวลาไตร่ตรองเรื่องต่างๆ เพื่อให้บ้านเมืองของเราเกิดความสงบสุขระยะหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่าจะทำกันได้หรือไม่.."

ศึกครั้งนี้เราสู้กับหัวหน้าอำมาตย์

สู้ร่วมกัน
By  vinitaya



แสนสงสารประเทศไทยจริงนะท่าน
เห็นไหมนั่นมันรุมฟัดกัดกันใหญ่
มันรุมรุกก่อกรรมรำยำไทย
ไอ้พวกสถุลจัญไรใจกาลี

มันยึดโน่นปิดนี่ท้าตีชก
พูดเพ้อพกด่าว่าน่าบัดสี
สุดเลวร้ายเหลือล้นเหล่าคนดี
พวกกาลีก่อกรรมทำประเทศไทย

ขอคนไทยลุกขึ้นเถิดอย่าท้อถอย
อย่าได้ปล่อยมันก่อกรรมทำแถไถ
อ้างเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์ให้ขัดใจ
ทั้งที่มันแสนจัญไรจากใจทราม

ลุกขึ้นเถิดลุกขึ้นสู้ป้องกันสิทธิ์
สู้เพื่อชีวิตตนเองอย่าเกรงขาม
สู้เพื่อสร้างให้ไทยวิไลงาม
สู้เพื่อถางทางทำเพื่อนำไทย

ทางประชาธิปไตยยกขึ้นตั้ง
อย่ารอรั้งร่วมด้วยช่วยกันให้
ประเทศก้าวสู่สุขสันต์วันวิไล
ต้องพร้อมใจกอบกู้.........สู้ร่วมกัน

การปล่อย  ข่าวลือ   ข่าวลวง  ข่าวข่มขู่  กำลังระบาดอย่างหนัก  เป้าประสงค์ของพวกอำมาตย์ทรราชคือ โปรยข่าวนำกระแส​....โปรดเสพข่าวอย่างมีสติ


ให้บางส่วนที่อ่านคล้อยตาม แผนที่เขาจะเด็ดหัว แกนนำ นปช.2คน และ แกนนำ แดงฮาร์ทคอร์'โกตี๋
ตามข่าวที่โกตี๋โดนตามปะกบติดหวังลอบสังหาร .. เป็นการสร้างข่าวเบี่ยงเบนประเด็นให้สับสน และ
เป็นข้อแก้ตัว หากเขาทำการลอบสังหารได้สำเร็จ....

สิ่งที่คนไทยทั้งชาติอยากจะเห็นและกำลังรอ “ถึงคิดที่จะหนี ก็คงไม่มีใครกล้าเสนอหน้าออกมาเข็นรถพาหนี ตัวใครตัวมันแล้วเวลานั้น"

By  Arkom   Sydney 

สิ่งที่ผมอยากเห็นมีดังนี้
๑. ถ้าพรุ่งนี้ (๓๑ มีนา ๕๗) นายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ไปชี้แจงประเด็นปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการจำนำข้าว ก็จะถือว่าไม่ติดใจ และปปช. ก็สามารถพิจารณาได้ทันที แล้วถ้าหากผลการตัดสินออกมาว่ามีความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ (ผิดแน่นอน)
๒. สมาชิกวุฒิสภาได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของน.ส.ยิ่งลักษณ์สิ้นสุดลงหรือไม่ ในกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัยให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แก่นายถวิล เปลี่ยนศรี ถ้าศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่า การโยกย้ายเข้าข่ายเป็นการกระทำอันต้องห้ามตามมาตรา ๒๖๘ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะต้องพ้นจากตำแหน่งโดยทันทีอีกเช่นกัน และก็จะมีผลให้คณะรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลงตามไปด้วย (ผิดอีก)
๓. ถ้าหากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีอันต้องสิ้นสุดลงตามคำร้องของสมชิกวุฒิสภา ก็จะเข้าข่ายตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๘๐ วรรคสุดท้ายที่กำหนดให้ดำเนินการตามมาตรา ๑๗๒ และ ๑๗๓ โดยอนุโลม...โดยอนุโลมในที่นี้หมายความว่า ให้วุฒิสมาชิกสามารถทำหน้าที่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีแล้วให้สว.ลงมติเห็นชอบได้ (เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีสภาผู้แทนราษฏร์) แล้วให้รองประธานวุฒิสภาที่มีชื่อว่านายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นำรายชื่อนายกฯขึ้นทูลเกล้าถวายและรับสนองบรมราชโองการ
๔. เมื่อทูลเกล้าถวายขึ้นไปแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของผมก็จะต้อง “ลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีผีบอก” ผมเชื่อเหลือเกินครับว่าลงพระปรมาภิไธยเมื่อไหร่ก็เห็นนรกเมื่อนั้นแหละครับ....นี่คือสิ่งที่ผมอยากเห็น

๕. เมื่อกระบวนการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยและทำลายจิตใจคนไทยทั้งชาติครบถ้วนกระบวนความทุกองคาพยพด้วยความย่ามใจตามที่ผู้มีอำนาจต้องการแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากเห็นนั่นก็คือคลื่นมนุษย์ที่ออกมารวมตัวกันต่อสู้กับสิ่งอยุติธรรมอย่างมืดฟ้ามัวดินชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย แล้วเมื่อถึงเวลานั้นผมเชื่อว่า “ถึงคิดที่จะหนี ก็คงไม่มีใครกล้าเสนอหน้าออกมาเข็นรถพาหนี ตัวใครตัวมันแล้วครับเวลานั้น

โครงสร้างของระบอบเผด็จการราชาธิปไตยของไทยในเวลาปัจจุบัน

โครงสร้างของระบอบเผด็จการราชาธิปไตยของไทยในเวลาปัจจุบัน 

 เหนือสุดคือกษัตริย์ รองลงมาได้แก่ องค์มนตรี ๑๘ คน ที่เปรมเป็นประธาน 

รองลงมาได้แก่ พรรคการเมืองประชาธิปัตย์และพวกขุนนางกากเด็นศักดินาทั้งหลายรวมไปจนถึงพวก นักวิชาการรับจ้างและพวกกษัตริย์นิยมพวกนายทุนชาติที่ร่วมมือกับนายทุน ศักดินาภายใต้การนำของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 

 รองลงมาได้แก่ทหาร และพวกข้าราชการที่ยอมตัวเป็นคนรับใช้ให้แก่กษัตริย์และครอบครัว 

รองลงมาอีกได้แก่พวกราชนิกูลทั้งหลายและพ่อค้าคหบดีรวมไปจนถึงพวกขี้ข้าหน้า กระโถนต่างๆไปจนถึงเมียลับเมียน้อยของกษัตริย์และพวกลูกหลานกษัตริย์ 

ตํ่าที่สุดคือประชาชนส่วนมากของประเทศที่เป็นผู้ผลิตที่เสียภาษีเลี้ยงดู กษัตริย์และครอบครัวมาตั้งหลายชั่วโคตร์จนถึงเวลานี้....เป็นชนชั้นที่ได้รับการกดขี่มากที่สุดจากกษัตริย์และครอบครัวของกษัตริย์  เป็นชนชั้นที่ถูกเอารัดเอาเปรียบมากที่สุด ถูกขูดรีดมากที่สุด เป็นชนชั้นที่ด้อยโอกาส ไม่มีสิทธิเสรีภาพ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกประนามหยามเหยียดว่าเป็นชนชั้นที่โง่เขลาเบาปัญญา เพราะว่าถูกกษัตริย์และครอบครัวทรยศคตโกงกอบโกยเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดคือผลผลิตจากหยาดเหงื่อแรงงานของพวกชนชั้นล่างไปเป็นของส่วนตัวของกษัตริย์จนเป็นคนที่รํ่ารวยที่สุดในโลก  นี่คือโครงสร้างของระบอบเผด็จการราชาธิปไตย ...

สรุปผลคะแนนการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อย่างไม่เป็นทางการ ทั่วประเทศ

สรุปผลคะแนนการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อย่างไม่เป็นทางการ ทั่วประเทศ
มติชนออนไลน์ เผย รายชื่อ ว่าที่ ส.ว. ของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ โดยอ้างอิงจากโปรแกรมการนับคะแนนของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่วมกับม.เนรศวร ดังต่อไปนี้
กรุงเทพมหานคร
หมายเลข 8 คุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา 512,600
เชียงราย
หมายเลข3 นายมงคลชัย ดวงแสงทอง 157,066
เชียงใหม่
หมายเลข3 นายอดิศร กำเนิดศิริ 140,941
น่าน
หมายเลข4 นายอานนท์ ตันตระกูล 79,051
พะเยา
หมายเลข2 นายเสถียร เชื้อประเสริฐศักดิ์ 83,691
แพร่
หมายเลข1 ดาบตำรวจ บุหลัน ราษฎร์คำพรรณ์ 83,296
แม่ฮ่องสอน
หมายเลข1 นายจำลอง รุ่งเรือง 32,890
ลำปาง
หมายเลข1 นายวราวุฒิ หน่อคำ 120,488
ลำพูน
หมายเลข2 นายตรี ด่านไพบูลย์ 62,385
อุตรดิตถ์
หมายเลข2 นายพีระศักดิ์ พอจิต 93,322
กาฬสินธุ์
หมายเลข1 นายวิรัช พิมพะนิตย์ 141,331
ขอนแก่น
หมายเลข1 นายวัน สุวรรณพงษ์ 300,353
ชัยภูมิ
หมายเลข5 นายบัณฑูรย์ เกียรติก้องชูชัย 208,335
นครพนม
หมายเลข1 นายสมนาม เหล่าเกียรติ 99,640
นครราชสีมา
หมายเลข1 นายพงษ์ศิริ กุสุมภ์ 234,022
บึงกาฬ
หมายเลข3 นายณัฐพล เนื่องชมพู 63,613
บุรีรัมย์
หมายเลข3 นายเสริมศักดิ์ ทองศรี 226,756
มหาสารคาม
หมายเลข1 นายศรีเมือง เจริญศิริ 170,116
มุกดาหาร
หมายเลข3 นายวิริยะ ทองผา 42,544
ยโสธร
หมายเลข2 นางประยูร เหล่าสายเชื้อ 100,377
ร้อยเอ็ด
หมายเลข4 นายสมเกียรติ พื้นแสน 139,313
เลย
หมายเลข2 นายสมศักดิ์ ขจรเฉลิมศักดิ์ 126,746
ศรีษะเกษ
หมายเลข1 นางสาววิลดา อินฉัตร 228,503
สกลนคร
หมายเลข6 นายดำเกิง วงศ์กาฬสินธุ์ 124,551
สุรินทร์
หมายเลข4 นายนุรุทธิ์ เจริญพันธ์ 177,047
หนองคาย
หมายเลข3 นายอาทิตย์ ศรีตะบุตร 98,196
หนองบัวลำภู
หมายเลข6 นายประพาส นวนสำลี 66,785
อำนาจเจริญ
หมายเลข1 นางญาณีนาถ เข็มนาค 42,596
อุดรธานี
หมายเลข1 นางอาภรณ์ สาราคำ 353,409
อุบลราชธานี
หมายเลข3 นายสมชาย เหล่าสายเชื้อ 268,424
กำแพงเพชร
หมายเลข1 นายจุลพันธ์ ทับทิม 111,846
ชัยนาท
หมายเลข2 นายมณเฑียร สงฆ์ประชา 54,857
นครนายก
หมายเลข2 นายมารุต โรจนาปิยาวงศ์ 40,530
นครปฐม
หมายเลข1 นายธงชัย ศรีสุขจร 111,517
นครสวรรค์
หมายเลข1 เรืออากาศเอก จักวาล ตั้งภากรณ์ 86,155
นนทบุรี
หมายเลข3 นายธนพงศ์ ธนเดชากุล 67,892
ปทุมธานี
หมายเลข7 นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา 64,890
พระนครศรีอยุธยา
หมายเลข3 นายคณิพงษ์ แขวัฒนะ 60,616 คะแนน ยังเบียดกับ หมายเลข1 นายนพดล อมรเวช ที่ได้ 60,482 คะแนน
พิจิต
หมายเลข2 นายวิชัย ด่านรุ่งโรจน์ 68,312
พิษณุโลก
หมายเลข1 นายสุรินทร์ ฐิติปุญญา 139,788
เพชรบูรณ์
หมายเลข1 นายพิพัฒน์ ภัครัชตานนท์ 118,092
ลพบุรี
หมายเลข4 นายประทวน สุทธิอำนวยเดช 55,791
สมุทรปราการ
หมายเลข9 นางสาววราภรณ์ อัศวเหม 136,645
ชลบุรี
หมายเลข2 นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ 85,210
สมุทรสาคร
หมายเลข1 นายสุนทร วัฒนาพร 57,883
สิงห์บุรี
หมายเลข2 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 32,811
สุโขทัย
หมายเลข1 นายภูมิสิทธิ์ มั่นคง 63,048
สุพรรณบุรี
หมายเลข2 นายจองชัย เที่ยงธรรม 166,913
สระบุรี
หมายเลข2 นายบุญส่ง เกิดหลำ 72,918
อ่างทอง
หมายเลข1 นายชูศักดิ์ ศรีราชา 52,706
อุทัยธานี
หมายเลข1 นายไพโรจน์ ทุ่งทอง 52,322
จันทบุรี
หมายเลข2 นางพจนา กิจกาญจน์ 60,175
ฉะเชิงเทรา
หมายเลข1 นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ 59,946
สมุทรสงคราม
หมายเลข4 นางสาวบุญยืน ศิริธรรม 21,079
ตราด
หมายเลข1 นายบุญส่ง ไข่เกษ 33,587
ปราจีนบุรี
หมายเลข1 นายสฤษดิ์ บุตรเนียร 103,865
ระยอง
หมายเลข3 นายสุรชัย ปิตุเตชะ 56,298
สระแก้ว
หมายเลข2 นางดวงพร เทียนทอง 106,413
กาญจนบุรี
หมายเลข1 พลเอก องอาจ พงษ์ศักดิ์ 60,029
ตาก
หมายเลข5 นายชิงชัย ก่อประภากิจ 69,624
ประจวบคีรีขันธ์
หมายเลข1 นายสืบยศ ใบแย้ม 52,836
เพชรบุรี
หมายเลข 4 นายสุชาติ อุสาหะ 61,333
ราชบุรี
หมายเลข1 นางเพียงเพ็ญ ศักดิ์สมบูรณ์ 73,448
กระบี่
หมายเลข 1 นายอภิชาติ ดำดี 72,668
ชุมพร
หมายเลข 1 พันตำรวจเอก นรินทร์ บุษยวิทย์ 65,294
ตรัง
หมายเลข1 นายสมศักดิ์ โล่สถาพรพิพิธ 72,919
นครศรีธรรมราช
หมายเลข2 พันตำรวจเอก ธรรมนูญ ไฝจู 99,442
นราธิวาส
หมายเลข1 นายนิมันซูร จิยี่งอ 90,558
ปัตตานี
หมายเลข1 นายสมหวัง อภิชัยรักษ์ 105,038
พังงา
หมายเลข4 นายวระชาติ ทนังผล 45,768
พัทลุง
หมายเลข3 นายทวี ภูมิสิงหราช 102,252
ภูเก็ต
หมายเลข2 นายชัยยศ ปัญญาไวย 17,094
ยะลา
หมายเลข3 นายอับดุลอายี สาแม็ง 64,806
ระนอง
หมายเลข1 นายศักดา ศรีวิริยะไพบูลย์ 17,225
สงขลา
หมายเลข1 นายอนุมัติ อาหมัด 122,060
สตูล
หมายเลข 2 นายอิบรอเหม อาดำ 23,159
สุราษฎร์ธานี
หมายเลข1 พลอากาศเอก สุจินต์ แช่มช้อย 82,233

สองวงศ์.... จุดอ่อนและความขัดแย้งของทหาร ในกองทัพไทย ,,

เรื่อง สองวงศ์

โดย กาหลิบ

เวลางวดใกล้เข้ามา สมาชิกของสองวงศ์แห่งกองทัพไทยก็ขยับกระสับกระส่ายไปตามๆ กัน ใครฉลาดก็วางแผนล่วงหน้า ใครโง่ก็ขยายขี้เท่อออกมาในช่วงนี้ ทั้งหมดนี้เป็นอาการของความไม่มั่นใจว่าบ้านเมืองจะผันแปรไปอย่างไรเมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนสี

คำว่าสองวงศ์นั้น ก็มาจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ดูเหมือนจะเรียกกันว่าวงศ์เทวัญและทหารเสือฯ

ความขัดแย้งกับกัมพูชาที่แสดงออกอย่างเปิดเผย ความขัดแย้งลึกๆ กับเมียนมาร์และลาว ภาพการปรากฏตัวต่อสื่อมวลชนแบบไม่ติดเบรก เหล่านี้เป็นตัวอย่างของความหวั่นไหวที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักในกองทัพไทย โดยเฉพาะในกองทัพบก เพราะคนที่หนักแน่นมั่นคงเขาจะไม่ออกอาการมือสั่นงันงก

เรื่องนี้น่าวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น?

กองทัพไทยจะเก่งกล้าสามารถเพียงใด เราไม่อาจดูย้อนไปที่บรรพบุรุษผู้รักษาชาติบ้านเมืองแต่กาลก่อนเท่านั้นได้ เราต้องตัดตอนประวัติศาสตร์ร่วมสมัยจนถึงในปัจจุบันมาพิจารณาด้วย เมื่อทำเช่นนั้นแล้วจะพบข้อเท็จจริงว่า กองทัพไทยมิได้ทำการรบพุ่งตามความรู้ความสามารถมานานนับสิบปีแล้ว ครั้งล่าสุดเมื่อเกิดเหตุปะทะกับเพื่อนบ้านทั้งกับลาวและเมียนมาร์ ก็สิ้นสุดยุติลงด้วยการแทรกแซงช่วยเหลือทางการเมืองในระดับสูง

เรื่องที่ได้รับชัยชนะทางทหารมาภาคภูมิใจกันนั้น แทบจะจำกันไม่ได้แล้วว่า ครั้งล่าสุดคือเมื่อใด จะสอนหนังสือปลุกใจเด็กต้องย้อนกลับไปถึงสมัยอยุธยาหรือต้นรัตนโกสินทร์โน่น

พูดกันตรงๆ คือทหารไทยไม่ได้ทำหน้าที่รบเพื่อชาติมานานหลายสิบปีแล้ว อย่างมากก็เป็นการลาดตระเวนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงและเข้าร่วมซ้อมรบกับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรฝ่ายขวาของตน

กองทัพไทยจึงใช้เวลาหลายสิบปีที่ผ่านมานี้กับเรื่องของการเมือง ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ ผู้นำกองทัพบกส่วนมากเข้ามาร่วม “เล่น” การเมืองกับเขาทั้งที่เขาไม่ได้เชิญ แต่ปากแข็งอยู่เสมอว่ากองทัพไม่ได้ข้องเกี่ยวกับการเมืองและมีเอาไว้เพื่อปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่งเป็นแนวคิดการเมืองที่พูดเหมือนเจาะปากกันมาพูดตั้งแต่ช่วงต่อต้านคอมมิวนิสต์และในช่วงหลังเข้าร่วมฆาตกรรมประชาชนเมื่อ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และพื้นที่ใกล้เคียง

ผู้บัญชาการทหารบกยุคต่างๆ เข้ามาชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบ้าง ก่อรัฐประหารบ้าง ก่อกบฏบ้าง อย่างต่ำก็ส่งตัวเองและพรรคพวกเข้าไปนั่งในวุฒิสภาในบางยุค หรือให้สัมภาษณ์โชว์ว่าตนเองมีอำนาจชี้นำการเมืองในระดับชาติได้ ในขณะที่เสวยสุขกับผลประโยชน์โภชย์ผลต่างๆ เช่น ส่วนแบ่งในงบประมาณหลวงและงบประมาณลับ เป็นต้น

ผลจากปรากฏการณ์นี้ ทำให้เกิดเส้นแบ่งทหารของกองทัพบกออกเป็นสองขั้ว ขั้วหนึ่งเป็นทหารแท้ๆ รับราชการด้วยความจงรักภักดีต่อประเทศชาติและประชาชน อีกขั้วหนึ่งเป็นนักฉวยโอกาสอย่างนักการเมืองระดับต่ำและเกาะขาคนนั้นคนนี้ขึ้นมาสู่ตำแหน่งสูงโดยไม่มีความสามารถ บางคนถูกถ่มถุยอยู่เบื้องหลังด้วยซ้ำไปเพราะคนในกองทัพส่วนใหญ่เขาไม่เคารพนับถือ

เขากระซิบกันต่อๆ มาว่า กลุ่มทหารเสือฯ ได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่ต่างอะไรเลยจาก “พรรคทหารเสือฯ” ในกองทัพที่มีเกียรติ เพราะเล่นการเมืองอย่างหนัก ตามงานเลี้ยงระดับสูงและในวงสนทนายามค่ำคืนของผู้ที่มีวิสัยนอนกลางวันและตื่นกลางคืน เพื่อเชียร์ตัวเองและพวกกันเป็นบ้าเป็นหลัง มีโอกาสก็ดึงขึ้นสู่ตำแหน่งตามกันไป เพื่อคอยระวังหลังให้แก่กัน พร้อมกันนั้นก็ใช้เท้าถีบทหารอีกสายหนึ่งที่ไม่ชำนาญการเชลียร์และการประจบสอพลอให้เขาหมดสิ้นอนาคต ไม่ต่างอะไรจากนักการเมืองสายพันธุ์เก่าที่เอาระบบเล่นพรรคเล่นพวกมาบูชาจนเหนือกว่าทุกสิ่ง

ทหารแท้ๆ ในกองทัพเขาซึ้งใจดีว่า ผู้บัญชาการทหารบกแต่ละนาย หรือแม้แต่นายพลระดับสูงที่มีอำนาจในกองทัพช่วงหลังๆ นั้น มีเกียรติยศไม่เท่ากัน เบื้องหลังการเข้าสู่ตำแหน่งของหลายคนน่านำมาเผยแพร่นินทาและเย้ยหยัน เพียงแต่เขาพูดดังๆ ไม่ได้เพราะวินัยและเกรงอำนาจในมือคนชั่วเท่านั้น

ปัญหาคือทั้งสองวงศ์กำลังนั่งเกวียนเล่มเดียวกันมาจนถึงปากเหว

ถ้าปล่อยควายตัวเดิมลากไปไกลกว่านี้ก็คงร่างแหลกกันทั้งสองวงศ์ แต่ถ้าขัดขืนโวยวายตรงๆ ควายก็คงจะขวิดเอา

เขาจึงสร้างเกวียนเล่มใหม่เขาไว้เงียบๆ เผื่อว่าใกล้พ้นปากเหวเมื่อไหร่ จะได้ผ่องถ่ายส่วนดีๆ ของกองทัพมาไว้ในพาหนะใหม่ได้ทันการณ์ เพื่อป้องกันประเทศชาติบ้านเมืองตามอุดมการณ์เดิม

มีใครรายงานท่านผู้บัญชาการฯ ให้ได้ทราบและสำเหนียกหรือยังก็ไม่รู้.

---------------------------------------------------------------------------

ร่วมด้วยช่วยกัน ..นำความจริงมาเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้..อย่าปล่อยคนชั่วลอยนวลกลับเข้ามาทำลายบ้านเมืองได้อีก...

โพสข่าวต้อนรับว่าที่สว.กทม.(เรื่องจริงที่สลิ่มไม่เคยรู้)
ป.ป.ช.ฟัน"หญิงเป็ด"เจตนาเบิกงบราชการโดยมิชอบ-ส่งฟ้องอาญา

ตามลิงค์นี้
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNeE5UTXdPVEV4TUE9PQ== …



อย่างนี้การเลือกตั้งตั้ง สว. 30/3/57 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (โมฆะ)

ดร.บุญมาก คนดี ศรีประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส.คนดัง ราชบุรี  เป็นคนหนึ่งที่นำทีม กปปส ไปปิดหน่วยเลือกตั้งแต่คนดีผู้นี้ โดนศาลอาญา พิพากษา จำคุก (ให้รอลงอาญา) แต่ให้ ตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี
โทษฐาน ซื้อเสียงหัวละ1พันบาท คาหนังคาเขา คาเงิน คามือ เมื่อเจ้าหน้าที่ กกต. พร้อม ตชด. ปลอมตัวเป็นชาวบ้านเข้าไปรับเงิน
ที่ ดร.บุญมาก สู้ในชั้นศาลว่าเป็นการช่วยค่าใช้จ่ายมาฟังนโยบาย 

"ถวิล เปลี่ยนศรี" ไม่เป็นกลางฝักใฝ่กบฎ   ไปให้สัมภาษณ์ Tnews ลั่นอยู่ข้างกปปส. ยันไม่หวั่นรบ.ยื้อคืนเก้าอี้ถึง 30 ก.ย. เหตุคำสั่งศาลมีเงื่อนเวลา ฟันธงรบ.ตกเป็นรอง-ขาดความชอบธรรมทีละประเด็นๆ
รายละเอียดขี้เกียจลง 

http://www.tnews.co.th/html/news/86181/ถวิลลั่นชัดกลางทีนิวส์!!!-อยู่ข้างกปปส-ฟันธงรบเป็นรอง-ขาดความชอบธรรมทีละประเด็น.html

ดูหน้าสมเกียรติสิ มันเหลือสง่าราศีอะไรบ้างมั้ย  ราศีชีวิตมันอ่อนพลังมาก  แล้วพวกมันจะชนะได้อย่างไร  ฝักใฝ่สนับสนุนกบฎ....ปล่อยมันไป






กปปส.เทปูน ปิดล็อคประตูทำเนียบ !
คปท. ตัดประตู กระเทาะปูนบุกทำเนียบ !

 

๓๐ มี.ค.๕๗ อัพเดทข่าวทั่วไป...เกิดกลียุคตอนปลายรัชกาลที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านและกรุงเทพรัตนโกสินทร์กำลังจะล่มสลายกลายเป็นเมืองร้างตามคำทำนายโบราณ ถูกทำลายด้วยน้ำมือหลานเหลนของกษัตริย์ผู้สร้างกรุงเทพฯเอง โอ้อนิจาน่าอนาถที่อำมาตย์ทรราชที่ไม่รู้จักพอมัวเมาหลงไหลในอำนาจที่ไม่จีรังยั่งยืนจนตามืดบอดเสียสติทำลายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เสื่อมสุดๆ....

 
พบระเบิดในป่าหญ้าใกล้ ปปช.
ตร.ควบ คุมฝูงชนสนธิกำลังทหาร ปูพรมค้นวัตถุอันตรายป่ากระถินข้าง ป.ป.ช. พบระเบิด RGD-5 ซุกซ่อนผ้าพันคอข้อความ “นักรบดำ” ใต้หินก้อนใหญ่





เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ปฏิบัติเช็กบิลย้อนหลังได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจชุดสืบสวน 5 หน่วยปฏิบั ติการเฉพาะกิจ ศรส. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำโดย พ.ต.อ.อุเทน นุ้นพิน ผกก.สส.น.8 พ.ต.ท.นิรันดร์ ประดิษฐ์อัสดร รอง ผกก. ร.ต.อ.จักรวัฒน์ เร่งถนอมทรัพย์ รอง สว.สส.3 บก.สส.ภ.1 ได้นำหมายศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 87/2557 ลงวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา บุกเข้าจับกุม นายบัญชา หรือจ๊อด เจริญสุข อายุ 47 ปี ขณะกำลังธุระส่วนตัวอยู่ภายในซอยเจริญกรุง 101 แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม โดยแจ้งข้อหาเดียวกันกับนายธัชชัย ที่โดนจับก่อนหน้าคือขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งนายบัญชาเป็นหนึ่งในแกนนำย่อยของ กปปส.ที่บุกไปปิดจุดเลือกตั้งลงคะแนนบางคอแหลม โดยปฏิบัติการเช็กบิลดังกล่าวเป็นมาตราการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนมาใช้ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดย้อนหลัง
    

 

ม็อบระยำ กปปส. ชื่อวิทัต เติมบุญ ฆ่าตำรวจ ด.ต.รักเกียรติ อินทกูล จนท.จราจร สน.ราษฏร์บูรณะ โดยลวงไปฆ่าทิ้งที่ซอยประชาอุทิศ 90
ม๊อบคนดีฆ่า ตำรวจ - คดีฆ่าตำรวจจราจร สน ราษฎบูรณะ ท้องที่ สภ สาขลา จ สมุทรปราการ
จับกุมได้แล้ว เหตุเกิด29-03-57ด.ต.รักษ์เกียรติ อินทกูล (6629) จบภูธร 2 ร้อย 1 35 เทียบรุ่นนครบาล 70 เป็นจราจรราษฎร์บูรณะ โดนทำร้ายร่างกายที่ซอยประชาอุทิศ 90 หมู่บ้านpk. การ์เด้นท์

ม็อบคนดี ต้องค้ายาบ้านะครับ! //// จับ ม๊อบ กปปส ค้ายา ยาบ้า 860 เม็ด ยาไอซ์ 50 กรัม รวยมีเงินซื้อ รถสด กำลัง ยึด ส่ง ปปส

    
เครือข่ายคนตรังพิทักษ์ประชาธิปไตย (คตพป.)ได้ตระเวนติดป้ายไวนิล ‘ยึดมั่นในระบบรัฐสภา คัดค้านอำนาจนอกระบบ นายกมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น’ ทั่วอำเภอเมือง จังหวัดตรัง

ภาพกบฏเทือกและมวลประชาชนสร้างภาพสักการะ ร.7 หน้ารัฐสภา 

สงสัยบ้าคลั่งอำมาตย์"ถั่วถ่าง"จนสติแตก...คนใต้ทั้งนั้นเล่นหนังตลุงให้คนกรุงเทพฯดู....
               
                 

"เหยื่อ" ความโหดเหี้ยมอำมหิต ...เผด็จการอำมาตย์ทรราชโปรดตั้งสติเลิกบ้าคลั่งกระหายอำนาจได้แล้ว นี่คือตัวอย่างความเป็นจริงที่โหดร้ายของสงครามกลางเมือง...ภาพน่าสยดสยอง.เหล่านี้ชี้ให้เห็นความจริงถ้าเกิดสงครามกลางเมือง ผลที่ได้รับคงไม่ต่างอะไรกับภาพเหล่านี้...ประชาชนโปรดระมัดระวังตัวเพราะอันตรายมีอันอยู่ทั่วไปรอบด้านไม่ใช่แค่ในม็อบ.......

ข่าวสดออนไลน์ 
2 โจ๋พกระเบิด ตูมดับสยอง-ค้นบ้านที่มีนบุรี เจออุปกรณ์ทำบึ้ม

 เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 29 มี.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พ.ต.อ.วิเชียร เอี่ยมสอาด พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุระเบิดและมีผู้เสียหาย บริเวณลานจอดรถใกล้งานแต่งงาน บริเวณซอยราชอุทิศ 25-27 ถนนราชอุทิส แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมพล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.น.3 พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ รองผบก.น.3 เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่กู้ภัย เนื่องจากรับแจ้งมีระเบิดยังไม่ทำงานอีกลูก

 ที่เกิดเหตุเป็นลานดินใช้จอดรถ ตรวจสอบพบชิ้นส่วนมนุษย์ 2 รายร่างเละขาดครึ่งกระจายรอบที่เกิดเหตุ โดยยังไม่ทราบชื่อและนามสกุลผู้ตาย ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีดำ ไม่ทราบทะเบียนล้มอยู่ ซึ่งเป็นของผู้ตาย ตรวจสอบบริเวณใต้รถจักรยานยนต์พบระเบิด ชนิดไปป์บอมบ์ในสภาพสมบูรณ์ 1 ลูก เจ้าหน้าที่จึงกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกบริเวณและใช้เครื่องแรงดันน้ำยิงทำลายทิ้ง

 จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายทั้ง 2 คนเป็นคนภาคใต้และมาเช่าบ้านพักอยู่ในละแวกดังกล่าวกับเพื่อนรวม 7 คนตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทั้ง 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพัก จากนั้นไม่นานเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น แรงระเบิดทำให้ผู้ตายเสียชีวิตคาที่และฉีกร่างเละกระจายทั่วบริเวณ ต่อมาเพื่อนของผู้ตายที่อยู่ในบ้านได้เก็บของในบ้านพักแล้วขับรถตู้ออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มาดูเหตุการณ์ที่เกิดเหตุ

 ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในบ้านพักพบระเบิด 2 ลูก และอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนหนึ่ง จึงคาดว่าผู้ตายและเพื่อนน่าจะเช่าบ้านหลังดังกล่าวประกอบระเบิด เพื่อใช้ก่อเหตุวุ่นวาย โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่าเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดหลายครั้งในกรุงเทพฯหรือไม่ พร้อมเร่งติดตามตัวกลุ่มเพื่อนผู้ตายมาสอบสวนต่อไป

เวลาใกล้เข้ามาทุกที ปฏิวัติโดยประชาชนจริงๆ...โดยประชาชนเพื่อประชาชน.. .กำลังจะเกิดขึ้นจริงไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป เมื่ออำมาตย์เปิดหน้าลงมือปล้นทำลายอำนาจรัฐอย่างหน้าด้านไม่อายคนทั่วโลก เพราะกลัวสูญเสียอำนาจโบราณอีกทั้งยังเกลียดและกลัวระบอบประชาธิปไตย อำมาตย์ทำลายตัวเองแบบโง่ๆเสื่อมสุดๆ ดังนั้น"สงครามชนชั้น" จึงเกิดขึ้น..ประชาชนได้รวมตัวกันลุกขึ้นต่อสู้ .ชัยชนะเป็นของประชาชน ประชาชนจงเจริญ

คนรักประชาธิปไตย...เสื้อแดงแรงฤทธิ์จะลุกโชนทั่วแผ่นดิน ตั้งแต่ 16 เมษายน เป็นต้นไป ไม่มีสิ่งใดที่จะต่อต้านได้.....

By   akausa
เพื่อนส่งมาให้อ่าน...อ่านแล้วรู้สึกดีก็เลยเอามาแชร์......ภาพประกอบ....เครดิตโดยคุณปังปอนด์ ณ ประชาทอลค์.....เชิญอ่านครับ.....
วันนี้ กปปส.ประกาศรวมพลอีกครั้งเพื่อปิดกรุงเทพ ฯ ขับไล่นายกรักษาการ เพื่อให้มีปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่จะทำได้หรือไม่ ?
มาถึงวันนี้ไฟม็อบ กปปส.มันวอดแล้ว จะทำให้มันลุกโพลงเหมือนเดือนตุลา-พฤศจิกา นั้นไม่ได้แล้ว เพราะไฟ กปปส.เป็นไฟถ่าน มันไหม้กินเชื้อในตัวเอง
ถึงจะนำเชื้อเพลิงข้างนอกใส่เข้าไป แต่พอหมดเชื้อมันก็วอดอีก แล้วมันก็เปลืองตังค์ในการซื้อเชื้อเพลิงจากข้างนอกเติมเข้าไป มันลุกโชนแค่วันเดียวก็ดับ
ที่สำคัญที่ผ่านมาจ่ายค่าเชื้อเพลิงเขาไม่หมด จ่ายด้วยแบ๊งค์ปลอมก็มี จ่ายครึ่งก็มี ชักดาบก็มี
คราวนี้จะไปขอซื้อเชื้อเพลิงอีกก็ไม่มีใครเขาให้แล้ว ส่วนเชื้อเพลงในกรุงก็เหลือน้อยมาก ๆ เพราะคนเขาฉลาดกันหมดแล้ว
จึงมองไม่เห็นว่าไอ้เมือกมันจะเอาคนที่ไหนมาแห่กันจนเต็มถนน อย่างมากก็เกือบหมื่น ซึ่งก็ต้องจ่ายมหาศาลจึงได้จำนวนนั้น
ในทางโหราศาสตร์ได้ให้ความหมายดาวธาตุไฟไว้ว่า ดาวเสาร์เป็นไฟถ่าน ส่วนดาวอาทิตย์เป็นไฟธาตุ มีธรรมชาติร้อนในตัวเอง
ไม่ต้องแสวงหาเชื้อเพลิงข้างนอก มันร้อนอยู่ชั่วนาตาปี มันระเบิดเอาความร้อนออกมาตลอดเวลา
ดังนั้นเสื้อแดงแรงฤทธิ์เป็นดาวอาทิตย์ธาตุไฟต้นกำเนิด มันลุกโชนโดยไม่ต้องซื้อเชื้อเพลิงจากข้างนอก
จะเป่าให้มันลุกเท่าไรก็ได้ ง่ายนิดเดียว แค่ศาลเอียง องค์กรอิสระเอียงก็ก่อให้เกิดพายุพัดไฟลุกโชนแล้ว
ในขณะที่ไฟถ่าน กปปส.กำลังวอด และจะวอดลงอีกจนถึงกลางเดือนเมษายนก็จะดับสนิท ไฟดวงอาทิตย์จะกลับโหมไหม้ร้อนแรงจนลามถึงฟ้า มันจะไหม้ศาล ไหม้องค์กรอิสระ จนกลายเป็นขี้เถ้าในเวลาอีกไม่นาน
เมื่อผ่านวันที่ 21 เมษายน ดาวเสาร์จะเป็นมนตรีจรปี ม็อบกบฏก็ดี ปชป.ก็ดี ซึ่งเป็นตัวแทนของอนุรักษ์นิยม จะมีท่าทีแปรเปลี่ยนให้คุณแก่ฝ่ายประชาธิปไตยมากขึ้น
ทั้งนี้ก็โดยอิทธิพลของความร้อนแรงของดาวอาทิตย์นั่นเอง เพราะดาวอาทิตย์จะกลายเป็นเดชจรประจำปี มีฤทธิ์มีเดชมาก มันมากจนน่าหวาดหวั่น จนทำเอาทุกองคาพยพของประเทศต้องหวั่นไหว ต้องปรับตัวตาม
ฝ่ายไหนไม่ปรับตัวก็จะถูกหลอมละลายไปเพราะความร้อนแรงจากดวงอาทิตย์
ในขณะที่เสาร์เป็นมนตรีจร อาทิตย์เป็นเดชจร ดาวพฤหัสกลับเป็นกาลีจรประจำปี หมดฤทธิ์หมดเดช เป็นศาลที่มีเสาผุพังล้มครืนด้วยตัวของมันเอง
เจ้าของศาลก็ต้องล้มครืนลงด้วยอิทธิพลของความชราภาพและการทำลายตัวมันเองลง ล้มด้วยพายุสุริยะ ไหม้ด้วยไฟสุริยะ
เสื้อแดงแรงฤทธิ์จะลุกโชนทั่วแผ่นดิน ตั้งแต่ 16 เมษายน เป็นต้นไป ไม่มีสิ่งใดที่จะต่อต้านได้....
เห็นม๊ะเรื่องม๊อปเหมือนเพื่อผมว่าเป๊ะเลย......ภาพถ่ายม๊อปมหาโจรปิดเมืองวันนี้..ที่ 29 มี.ค. 2557 เวลา 10.41-11.52น. (เครดิตภาพโดยคุณปังปอนด์ ณ ประชาทอลค์)
ถ่ายตรงแยกราชเทวี ไปถึงสะพานหัวช้างเลย....คนโหรงเหรง.....และเสียงนกหวีดน้อยที่สุดตั้งแต่เคยมีม็อบเดินผ่านมาเลยก็ว่าได้


By  big60
ถ้าเดาทางกันไม่ผิด เกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิต อาจจะมีโอกาสได้เห็นปฏิวัติโดยประชาชนจริงๆ ซึ่งไม่ใช่เห็นกันง่ายๆนัก สมัย 2475 ก็ยังเป็นแค่คณะราษฎร์ ซึ่งยังไม่นับว่าเป็นประชาชนแท้ ยังมีผสมผสานหลายฝ่าย แต่ครั้งนี้ประชาชนล้วนๆ บริสุทธิ์ผุดผ่อง

ระวังล้มเป็นโดมิโน่... คนเบื้องหลัง ยังคลั่งแค้น จนแน่นอก ไฟนรก ตกสุมร่าง ลางชิบหาย ประชาชน ก่นด่าซ้ำ ตัวทำลาย ที่วุ่นวาย เพราะเหี้ยห่า บ้าเต็มเมือง....

ล้านคำบรรยาย การ์ตูนเซีย 29/3/57 ระวังล้มเป็นโดมิโน่...

   

หน้าที่ตน ก็ชี้ชัด จัดเลือกตั้ง
ยังมัวนั่ง เพ้อเอียง เลี่ยงเหตุผล
ทำงานใหญ่ เป็นอีแอบ แบบพิกล
ไอ้หน้าย่น คนบัดซบ ตลบตะแลง....

บอกไว้ก่อน ประเทศไทย ใช่ของเล่น
อย่าหน้าเป็น คิดสัปดน ทุกหนแห่ง
ระวังล้ม เป็นโดมิโน่ โง่ตะแบง
ยามอับแสง คนชักใย เขาไม่แล....

ใจสั่งเอียง เพียงคุ้มครอง ป้องคนชั่ว
ตามืดมัว เที่ยวเพ้อพร่ำ คำตอแหล
แก๊งค์กวนตีน ลิ้นจัญไร ใครเขาแคร์
เผยทาสแท้ ว่าเอียงข้าง อย่างไม่อาย....

คนเบื้องหลัง ยังคลั่งแค้น จนแน่นอก
ไฟนรก ตกสุมร่าง ลางชิบหาย
ประชาชน ก่นด่าซ้ำ ตัวทำลาย
ที่วุ่นวาย เพราะเหี้ยห่า บ้าเต็มเมือง....

๓ บลา / เสาร์ที่ ๒๙ มี.ค.๕๗


ภาพเดินเพื่อสร้างผลงานที่ลานพระรูป...ฝากให้"ถ่างถั่ว"ดูเพิ่มความบ้าคลั่งอีกไม่นานคงอกแตกตาย









ด่วน! ทหาร อ้างว่ากลัว คปท.จะมาบุกยึดสถานีโทรทัศน์ จึงส่งทหารมาควบคุมเฝ้าหน้าประตูสถานีโทรทัศน์ไว้...

เอาว๊ะได้บุญ ..สร้างคน..สร้างชาติ...เป็นสิ่งที่คนในสังคมไทยต้องมีจิตสำนึกร่วมกัน หยิบยื่นโอกาสให้กันและกัน จับมือกันลุกขึ้นมาต่อต้านระบอบเผด็จการอำมาตย์ทรราชราชาธิปไตย...เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนและสร้างอนาคตให้ประเทศไทย...คนด้อยโอกาสมีอยู่จำนวนมากมายคนในสังคมไทยนับเป็นการที่ประเทศสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าที่ประเมินมิได้ นี่คืออุปสรรคของการพัฒนาสังคมไทยทำให้สังคมไทยล้าหลัง....

โดย  สายลมรัก


น้ำตาคลอเลยเว้ย ไม่ใช่การเมือง ไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่ขอระบายความรู้สึก

"ทำไมเรียนตั้ง ๗ ปีเลยหละลูก" ผมถามเป็นคำแรก หลังจากเด็กแนะนำตัว

เด็กหนุ่มนิ่งไปนิด พยายามเก็บความรู้สึก กับเสื้อแขนยาวสีมอ ๆ จากราวตลาดนัด กับปากกาบิ๊กส์ ราคาไม่กี่บาททีอกเสื้อ แล้วแกก็บอกว่า

"ผมดรอปเรียนไปสองปีครับ ปีเว้นปี เพราะต้องออกไปหาเงินมาเรียนต่อให้จบ"

กรรมการนิ่ง ผมถอนหายใจ (เดาตั้งแต่อ่านประวัติที่กรอกมาแล้วว่า เด็กคนนี้ คงผ่านอะไรมาเยอะ)

ผมวางปากกา เอามือเท้าคางมองหน้าเด็ก

ปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ?

แกก็พรั่งพรูมาแบบไม่อาย พ่อแม่เป็นคนบ้านนอก มาใช้ชีวิตอยู่ใน กทม. พ่อเลี้ยงทั้งแม่ ทั้งแก ด้วยเงินยาไส้เพียงน้อยนิด ปัจจุบันพ่อยังทำงานอยู่ เงินเดือนแค่ ๗๐๐๐ บาท ด้วยดีกรี ป.๔ แม่ตายไปแล้ว

"ทำไมไม่ขอทุน ? " (จบจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะ XXX เอก YYY)

"เขาเอาเด็กเรียนดีครับ ผมเรียนกลางวันเย็นทำงานถึงดึกนอนไม่มาก ไม่มีเวลาทบทวน เลยขอทุนไม่ได้ อีกอย่างทุนที่ให้มันก็แค่ค่าหนวยกิต อย่างเดียว เลยออกไปทำงานเก็บเงินเรียนเองดีกว่า สงสารพ่อแม่" (เป็นลูกมือเขาติดแอร์อยู่สองปี)

เคยสอนหนังสือนี่ ? เขียนว่าประสบการณ์เคยเป็นวิทยากรพิเศษ

"ครับเขาให้วันละ ๓๐๐ กับ ๕๐๐ ไม่กี่วัน สอนวิชาฟิฟิกส์ ในโรงเรียนเอกชน"

พอแล้วความจริงถามนาน ถามเยอะ ผมแทบจะถามอยู่คนเดียว

ได้แต่ ถอนหายใจ ปัจจุบันแกเป็นลูกจ้างหน่วยงานรัฐ เงินเดือนแค่ ๙๒๐๐ บาท อยากเป็นข้าราชการชั้นตรี เริ่มที่ หมื่นห้าพันบาท แต่สวัสดิการ ช่วยได้มาก

โลกหนอโลก เด็กอีกสองคนที่เพิ่งสัมภาษณ์ไปก่อนหน้า จบปริญญาสามปีครึ่ง จบมัธยมราชินี พ่อเป็นนายทหาร เด็กเนี๊ยบทุกอย่าง ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า โลกนี้ช่างน่าสดใส

อีกคนหนึ่ง โตที่ต่างประเทศ ภาษาอังกฤษ สุดเนี๊ยบ เล่าประวัติตัวเองได้ลื่นไหล ไม่มีสะดุด ด้วยสำเนียงภาษาที่ดีเยี่ยม

เด็กผู้ชายคนนี้ ถ้ามีโอกาส คงเอาดีได้ เพราะคะแนนชีวิต ผมให้ A+++ แต่อย่างอื่นด้อยกว่าหมด

กว่าจะจบการสัมภาษณ์ น้ำตามันซึม ๆ สองสามครั้ง ไม่ใช่เด็กนะ แต่เป็นกรู (คนถาม)

เสร็จจากการสัมภาษณ์ตกลง เอาไว้สองคน เด็กคนนี้ "ตก"


จบการสอบสัมภาารื เหลือกรรมการอยู่สามคนคุยกันเพื่อสรุป

ผมกลั้นใจถาม "บัญชีนี้ โอนไปอยู่ที่ ตจว.ได้มั้ย (มีขาดอยู่) ให้มันได้มั้ย กูสงสาร"

หน.การเจ้าหน้าที่ ตอบกลับมา "เออผมก็สงสาร ผมเคยลำบากมาก่อนแต่ไม่เท่ามัน"

กรรมการทั้งสามคนจึง !@@$%$$&))_+_+_)* Z (ความลับ) โดยมีผมชักแม่น้ำทั้งห้า ขึ้นกล่อม กรรมการอีกสองคล้อยตาม แบบไม่ยาก

เอาเป็นว่า ขึ้นไว้สำรองอันดับ ๑ ไปอยู่ต่างจังหวัด มีบ้านพักให้ เมียก็ยังไม่มี มีพ่อคนเดียว เอาพ่อไปอยู่ด้วยได้ แถมไม่ต้องเสียค่าเดินทาง(ถามเด็กแล้วมันบอกว่าถ้าติดมันไป)

เฮ้อ...จำไว้นะไอ้คุณลูกทั้งหลาย พ่อแม่ ส่งเสีย หาเงินให้เรียน ดันไม่อยากเรียน อยากเท่ห์ อยากซ่า อยากแรด ดูกรณี ตัวอย่างไว้บ้าง

แม้นจะด้อยโอกาส แต่ไม่เคยที่จะทอดอาลัยกับชีวิต สู้จนมาถึงขั้นนี้ได้

ลูกผู้ใหญ่บางคน ฝากเข้ามาทำงาน อย่าให้เซด...ไม่รู้พ่อแมร่งสอนมาอย่างไร แต่ไป ๆ มา ๆ ก็อยู่ไม่ได้ เพราะเพื่อนร่วมงานไม่ค่อยมีใครเสวนาด้วย ส่วนมากจะลาออกไปเรียนต่อต่างประเทศ (ฮา)

เฮ้อ.......วันนี้ รู้สึกงัยก็ไม่รู้

เอาว๊ะได้บุญ

๒๙ มี.ค.๕๗ วันรวมพลังเป็นกำลังใจให้แก่กันและกันของประชาชนไทยผู้รักประชาธิปไทยทั้งประเทศ ร้อยใจเป็นหนึ่งเดียว มีสติ แน่วแน่มั่นคง ไม่หวั่นไหวกับการยั่วยุหรืออุปสรรคใดๆ ร่วมกันเดินหน้าต่อต้านระบอบเผด็จการอำมาตย์ทรราชราชาธิปไตย จนกว่าจะได้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงมาสู่ปวงชนชาวไทย....

-จักรภพ เพ็ญแข
ประเมินสถานการณ์
• ในรอบปีนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยตัดสินใจผิดพลาดทางยุทธศาสตร์สำคัญคือยุบสภาฯ ทำให้เราจะไม่ได้เลือกตั้งอีกเป็นเวลานาน อาจจนตลอดรัชกาลนี้ หรือจนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะแน่ใจว่า สามารถควบคุมผลการเลือกตั้งให้ออกมาเป็นคุณต่อเขาได้ แต่ข้อดีของความผิดพลาดครั้งนี้ ก็คือการผลักให้มวลชนประชาธิปไตย และมวลชนที่คิดว่าตนเป็นกลางแต่เดิม เคลื่อนตัวลงใต้ดิน และคิดเอาชนะด้วยวิธีการต่างๆ ที่มากกว่าการเลือกตั้ง
• นั่นแปลว่า ฝ่ายตรงข้ามรู้ชัดว่า ไม่สามารถเอาชนะได้ในสนามเลือกตั้ง ซึ่งแปลต่อไปได้อีกว่า คนกว่าครึ่งในรัฐไทยยืนอยู่ข้างประชาธิปไตยและระบบนิติรัฐและอยู่ฝั่งตรงข้ามกับระบอบอำมาตย์ศักดินาที่กำลังฟื้นระบอบการปกครองที่ให้กษัตริย์มีอำนาจสมบูรณ์ ข้อเท็จจริงว่าคนส่วนใหญ่อยู่ฝ่ายไหนนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนแท้จริงของรัฐไทยต่อไป
• การนำขบวนประชาธิปไตยอย่างโมเดลธุรกิจ หวังเจรจา หวังแลกเปลี่ยน เชื่อในเรื่องแบ่งกันคนละคำบัดนี้คงได้รับบทเรียนอย่างแสนสาหัสแล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะถูกหลอกซ้ำในเรื่องเดิมได้อีก แต่คงจำเป็นต้องทำท่าเดิมต่อไป แต่เปลี่ยนเนื้อในและสิ่งที่อยู่ในหัวสมองให้เท่าทันเทวดา
• ขบวนประชาธิปไตยขณะนี้จึงค่อยๆ หลอมรวมเข้าหากัน มุมแหลมต่างๆ ที่เคยยื่นออกมาและทิ่มแทงกันบ้างในอดีตน่าจะกลมกลึงและมนลงบ้างแล้ว ผู้นำขบวนการฯ ก็ได้เรียนรู้ด้านอุดมการณ์ ฝ่ายรวมมวลชน ก็เริ่มรู้จักหัดทำใจให้กว้าง และลดระบบเล่นพรรคเล่นพวก และฝ่ายมวลชนและประชาชนเองก็ได้เตรียมความพร้อมด้วยตัวเองบ้างแล้วโดยไม่ต้องรอให้ใครสั่ง กระบวนทัพของฝ่ายประชาธิปไตยจึงพรั่งพร้อมขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้
• ในภาพกว้างของรัฐ เหตุการณ์ที่ผู้บัญชาการทหารบกถูกเรียกเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันพุธที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗ ถือเป็นเรื่องที่มีความหมาย
• ในภาพกว้างของโลก และประชาคมระหว่างประเทศ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน สหภาพยุโรป และประชาคมอาเซียน ยกเว้นสมาชิกที่เป็นนักฉวยโอกาสบางชาติ ประกาศชัดเจนไม่สนับสนุนการรัฐประหารในรัฐไทย ส่งผลให้ความต้องการของอำมาตย์ศักดินาไม่บรรลุผลสมบูรณ์ เขาสามารถใช้กลไกอื่นๆ เพื่อล้มการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้จริง แต่ก็ไม่เด็ดขาดเท่า และทำให้ความมั่นใจของเขาลดลงตามลำดับ
• นายกรัฐมนตรีจะถูกปลดหรือไม่ ไม่สำคัญ เพราะสนามรบกำลังย้ายออกจากรัฐบาลไปอยู่ในระดับรัฐ และมีประชาชนค่อนประเทศเป็นแนวร่วม ไม่นานนโยบายปิดกรุงเทพฯ อาจจะเกิดขึ้นอีก การปิดแบบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั้น ถือเป็นเรื่องของเจ้าของบ้านปิดบ้านตัวเอง ไม่มีอะไรยาก แต่การปิดครั้งใหม่จะเป็นไปโดยเจ้าของอำนาจรัฐตัวจริง คือประชาชนของประเทศ การยึดอำนาจรวมศูนย์เอาไว้ใน กทม. โดยผ่านกลไกของรัฐต่างๆ รวมทั้งตามอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็จะไม่เป็นผลสำหรับฝ่ายเขาในระยะยาว


-งานต่อสู้...ไม่ได้ขับเคลื่อน...ด้วยตึกราม  แต่ขับเคลื่อนด้วย 1 สมองและ 2 มือ...ของมนุษย์ต่างหาก
ฉนั้นไม่ว่านายกและรัฐบาล...จะไปทำงานตรงไหนเนื้องานก็เดิน.และขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้เหมือนกัน

-ถ้า กปปส มันอยากยึดก็ปล่อยให้มันยึดไปเลยครับ ทำเนียบเก่าๆแบบนั้น ไม่ต้องเก็บไว้หรอก บางทีต้นเหตุที่ทำให้รัฐบาลประชาธิปไตยอยู่ได้ไม่นานอาจจะเกิดจากอาถรรพ์ทำเนียบที่ไม่ได้สร้างในสมัยรัฐบาลประชาธิปไตยก็ได้


-มาแค่นี้ บอกมาเป็นล้านๆๆๆ