ปัญหาทั้งหมดของประเทศรวมศูนย์อยู่ที่กษัตริย์ภูมิพล อยู่ที่โครงสร้างของระบอบการปกครองคือโครงสร้างของระบอบเผด็จการราชาธิปไตยไทยในเวลาปัจจุบัน ....อำนาจสูงสุดทั้งหมดอยู่ในมือของกษัตริย์ และกษัตริย์ เป็นผู้ใช้อำนาจนั้นโดย ผ่านทาง รัฐสภา รัฐบาล หรือที่เรียกว่าฝ่ายบริหาร และ ตุลาการ ผู้ที่รับคำสั่งโดยตรงจากกษัตริย์ได้แก่ ประธานองคมนตรี คือ เปรม และองคมนตรีคือหัวหน้าหน่วยบริหารของประเทศทั้งหมดมีจำนวน ๑๘ คน มีอำนาจควบคุมครบวงจรทั้งหมดของประเทศ ตั้งแต่รัฐบาล รัฐสภา ศาล และระบบ ตุลาการ ทหาร พรรคการเมืองประชาธิปัตย์ การศึกษา สภามหาวิทยาลัย องค์กรอิสระต่างๆไปจนถึงสื่อสารมวลชน และพวกนักวิชาการทีขายตัวที่เป็นพวกกษัตริย์นิยมต่างๆ ไปจนถึงข้าราชการทุกระดับ...

ระบอบโครงสร้างของสังคมเผด็จการกษัตริย์ไทยในเวลานี้ เป็นระบอบที่หล้าหลังเน่าเฟะขัดขวางการพัฒนาของสังคมใหม่ที่ก้าวหน้า ขัดขวางระบอบประชาธิปไตย ขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของสังคมมนุษย์ชาติ ขัดต่อสิทธิเสรีภาพของมนุษยชน ขัดขวางระบบการผลิตที่ก้าวหน้าเพราะเป็นสังคมที่ผูกขาดระบบเศรษฐกิจของชนกลุ่มน้อยของสังคม ระบอบสังคมเผด็จการกษัตริย์ได้เกิดขึ้น ดำรงค์คงอยู่และพัฒนามาจนถึงจุดสูงสุดแล้วไม่สามารถพัฒนาต่อไปอีกได้จึงเกิดการขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในสังคมเวลานี้ระหว่างกลุ่มนายทุนส่วนน้อยที่กุมอำนาจปัจจัยการผลิต และอำนาจทางการเมือง กับอีกฝ่ายคือฝ่ายที่เป็นพลังการผลิตของสังคมที่ก้าวหน้าที่เป็นพลังส่วนมากของสังคมที่ต้องการ สิทธิเสรีภาพ และประชาธิปไตย

เมื่อความขัดแย้งในสังคมได้รุนแรงขึ้นถึงจุดสูงสุด สังคมเก่าที่เน่าเฟะย่อมล่มสลายสังคมใหม่ที่ดีกว่าย่อมเข้ามาแทนที่ นี่คือกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ จะอยากหรือไม่อยากมันก็ต้องเกิดขึ้น เหมือนกับผู้หญิงเมื่อมีครรภ์พอครบเก้าเดือนก็ต้องคลอดลูก เพราะสิ่งเก่าเมื่อพัฒนาไปถึงจุดสูงสุดแล้วจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงและล่มสลาย แล้วสิ่งใหม่ที่ดีกว่าก็จะเข้ามาแทน  สังคมก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ราชวงค์จักรีพอมาถึงรัชกาลที่ ๙ ก็ต้องล่มสลายไปตามกฎเกณฑ์ของมัน

แต่ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงของสังคมมันก็ต้องมีการขัดแย้งภายในสังคมเสียก่อนเช่นความขัดแย้งของฝ่ายที่เป็นผู้ปกครองกับฝ่ายที่ถูกปกครอง เมื่อฝ่ายที่ถูกปกครองไม่ยอมรับอำนาจของผู้ปกครอง และไม่ยอมรับให้ผู้ปกครองนั้นปกครองอีกต่อไปการเปลี่ยนแปลงภายในสังคมก็เกิดขึ้น เช่นในเวลานี้เมื่อประชาชนไม่ยอมรับอำนาจของศาล ไม่ยอมรับอำนาจขององค์กรอิสระต่างๆที่เป็นเครื่องมือของฝ่ายเผด็จการ แล้วก็ประกาศไม่ยอมรับอำนาจของระบอบเผด็จการราชาธิปไตยที่ไม่เป็นธรรมที่ กดขี่ข่มเหงคนส่วนมากในสังคม อยู่ในเวลานี้ แล้วประกาศยกเลิกองค์กรเหล่านั้นเสีย  จัดตั้งรัฐบาลของประชาชนขึ้นมาใหม่ จัดตั้งรัฐสภาประชาชน ตั้งศาลของประชาชนขึ้นมา แทนระบอบเผด็จการเก่าที่เน่าเฟะนั้นเสีย ลบล้างระบอบเผด็จการราชาธิปไตยทิ้งไป สถาปนาระบอบประชาชนประชาธิปไตยขึ้นมาแทน เมื่อความขัดแย้งในสังคมไทยได้มาถึงขั้นนี้แล้วย่อมเป็นโอกาศทางประวัติศาสตร์ของสังคม ของมนุษยชาติที่จะต้องใช้โอกาศนี้ก้าวขึ้นสู่การเปลี่ยนผ่านของสังคมใหม่ที่ดีกว่า ก้าวหน้ากว่า นั้นคือสังคมประชาธิปไตยสำหรับปวงชนชาวไทย.