หยุดดัดจริตประเทศไทย หยุดหลอกลวงประชาชนไทยและสังคมโลก โปรดยอมรับความจริงที่ทั่วโลกส่งเสียงเตือนมาด้วยความหวังดี...

" ‪‎เผด็จการไทย‬ ยุคใหม่หัวเก่า กลืนไม่เข้า คายไม่ออก "

ตั้งแต่ยึดอำนาจ มีการไล่ล่าคนเห็นต่าง ฝ่ายเสื้อแดง รวมทั้งการใช้คำสั่ง คสช. เรียกตัว หากขัดขืนก็เป็นความผิด แต่กับอีกฝ่าย ไม่มีแม้แต่การเร่งดำเนินการใดๆ ในคดีที่ผิดกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม คดีต่างๆ ของฝ่ายสลิ่ม กปปส. มากสุดมีเพียงให้ประกัน เลื่อนคดี อย่างนั้นไปไม่รู้จบสิ้น ‪#‎ตอกย้ำอยุติธรรม‬

‪#‎คำโอ้อวด‬ ของสมุนเผด็จการว่า "ต่างประเทศเข้าใจ" คือคำหลอกลวง ท่าทีญี่ปุ่นนั้น ชัดเจนว่าไม่เข้าใจแน่ๆ อัยการศึกทำไม ไล่ล่าทำไม จึงให้พาสปอร์ตช่วยเหลือ อ.ปวิน ลี้ภัยต่อในญี่ปุ่น (สังเกตว่าไม่มีนกหวีดกล้าไปเรื้อนใส่ญี่ปุ่นในข้อนี้) และกลุ่มธุรกิจ ก็ชัดเจนว่าขอให้บ้านเมืองมีประชาธิปไตยก่อน จึงจะดำเนินการโครงการใหญ่ๆ กับรัฐบาลได้ เพราะไม่มั่นใจนั่นเอง

มาทางฟาก ‪#‎นิวซีแลนด์‬ (ทวีปโอเชียเนียนะจ๊ะ) มีเหยื่อการเมืองลี้ภัยอยู่เช่นกัน บรรดานกหวีดสลิ่มคลั่ง พากันทนไม่ไหวพากันไปกดดัน โดยเพจหน้ากากเสแสร้ง ชักนำนกหวีดไปรุมถล่ม จนประเทศนิวซีแลนด์ยิ่งขอไม่แสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับผู้ลี้ภัย เพราะรู้ฤทธิ์ความคลั่งอย่างรุนแรงของกลุ่มสลิ่ม กปปส.เหล่านี้แล้วนั่นเอง

อีกฟากหนึ่งมะกัน ก็มีทีท่าไม่เอา คสช.แต่แรกแล้ว การส่งแดเนียล รัสเซล มารับฟัง เพื่อ ‪#‎หยั่งเชิงท่าที‬ ว่าเป็นไปตามที่ได้รับรายงานหรือไม่ ปรากฎว่าเป๊ะเวอร์ครับ เผด็จการไทย หัวยันหาง นายยันบ่าว แสดงอาการเรื้อนคลั่ง ตั้งแต่การถามคำถามโง่ๆ ไปว่ามะกันจะทำอย่างไร หากเกิดเรื่องแบบนี้ (รัสเซลนิ่ง ขอกลับไปคิด ซึ่งในทางการทูตแล้ว ไม่ควรถามแบบนี้ หากเขาย้อนกลับว่า ทหารมะกันไม่เคยผิดวินัยแหกกฎการปกครองแบบทหารไทย จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน)

มาจนถึงการส่งสมุนไปถล่มเพจสถานทูตมะกัน เพจ ปธน.มะกัน ไปชุมนุมเรียกร้องมะกันให้เลิกแทรกแซง (มะกันแค่มารับฟัง ‪#‎ไม่ใช่การแทรกแซง‬ ทำไมสลิ่มนกหวีดถึงได้ออกตัวแรง อย่างกับโดนน้ำร้อนราด) รวมทั้ง สนช. ตอบโต้อย่างโง่เง่าด้วยอาการหยาบคาย (ถึงกับมีการใช้คำว่า เหี้ยมะกัน ในการประชุมภายใน)

สิ่งเหล่านี้ทำให้มะกัน ‪#‎ที่สานประโยชน์กับจีนอย่างลงตัว‬ เพราะต้องพึ่งพากันในภาคธุรกิจที่มูลค่ารวมสูงกว่าที่มีร่วมกันกับไทยมาก ตัดสินใจได้โดยง่าย ประเมินพฤติกรรม คสช. แล้วไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำในการมีส่วนร่วมใดๆ และอาจเป็นอันตรายต่อภูมิภาคนี้ จึงเรียกร้อง และเพิ่มมาตรการในการกดดันให้ เผด็จการโง่สุดขั้วอย่าง คสช. "เร่งคืนประชาธิปไตย ให้กับประชาชนไทย" โดยเร็วที่สุด

ดอกเบี้ยสูงลิบของจีน คือ ‪#‎สัญญาณแรง‬ ที่ส่งมาชัดว่า จีนกับอเมริกาจะไม่ทะเลาะกันเพราะ เผด็จการ คสช.ไทยอย่างแน่นอน‪#‎ภาวะจนตรอกของเผด็จการ‬ มักนำความอันตรายมาสู่ประชาชนที่มุ่งประชาธิปไตย และพรรคการเมืองขั้วตรงข้าม จึงเป็นเหตุให้ คสช.และสมุนรับใช้ ต้อง "เร่งมือ" ทำลายองคาพยพต่างๆ ให้มากที่สุด และใช้แผ่นเก่าเก็บกรุตบตาสลิ่มเรื้อน นำมาปั่นหัวประชาชน เพื่อคงอำนาจไว้

การร้อนรน รีบเร่งผ่านร่างกฎหมายที่มุ่งลิดรอนสิทธิในทุกมิติ ซึ่งร้ายแรงกว่า พรบ.นิรโทษกรรม เช่น พรบ.คุกคามไซเบอร์ (เศรษฐกิจดิจิตอลนี่ล่ะ) การยุบ กสม.และควบรวมไปอยู่ในทวารป๋าเป็นศาลคอรัปชั่น การที่นายวิชา มหาคุณรีบเร่งคดีของสมชายอย่างผิดปกติ และแผนการอื่นๆ ที่ซุกไว้อีกมาก สิ่งเหล่านี้ทำไว้เพื่อเตรียมสร้าง "ประชาธิปไตยหลอกๆ" แล้วให้ คสช.เฟดตัวไปเป็นผู้กุมอำนาจแท้จริงในที่สุด ภายใต้เงื้อมมือของอำมาตย์ที่มักใหญ่ใฝ่สูง และอันตรายที่สุด ต่อ "ทุกชนชั้น" ภายในประเทศโดยไม่มีข้อยกเว้น

คำถามว่า "กูขอประชาธิปไตย เมื่อไรจะคืน" คำตอบที่ได้คือ เมื่อทุกอย่างลงตัวภายใต้เงื้อมมือเผด็จการทหารแล้ว จึงจะคืนให้แบบหลอกๆ นั่นเอง

@ป๋าปอ ‪#‎หยุดดัดจริตประเทศไทย‬
https://www.facebook.com/stopdadjarit2

 

-ข่าวโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีการแชร์ภาพผู้ชุมนุมที่ประท้วงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อการเสียชีวิตของนักข่าวญี่ปุ่นในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองปี 2553 ในระหว่างนายกฯ เยือนประเทศญี่ปุ่น ผ่านเพจนักข่าวอิสระเพื่อประชาธิปไตย ว่า ตลอดภารกิจการเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์นี้ ผ่านมาแล้ว 2 วัน ยังไม่พบผู้ที่มาชุมนุมประท้วงทั้งที่โรงแรมที่พักและสถานที่นายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจ ตลอดจนระหว่างทางก็ไม่พบว่ามีผู้ชุมนุมแต่อย่างใด

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า หากมีการชุมนุมประท้วงจริง ก็ถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่สามารถทำได้ หากการกระทำดังกล่าวอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่เชื่อว่าการประท้วงดังกล่าวจะทำให้เกิดผลกระทบกับภารกิจการเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี ที่เหลืออีก 1 วัน เพราะทางการญี่ปุ่น ได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างดี และดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้น