วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17:00 น.
อ้าวกรธ.ยอมตาม “ใบสั่งคสช.” อีกขยัก ให้ 6 ผบ.เหล่าทัพเป็นส.ว.สรรหาโดยตำแหน่ง ต่อราคากันรายวันเป็น “ร่างรัฐธรรมนูญแปะปั่ว” เลยนะ
เอาที่สบายใจเลย ท่านจะทำอะไรก็ได้ แปลงคำว่า commission เป็นค่า consult ยังทำได้ แค่สงสัยจะทำประชามติให้เปลืองงบทำไม เอาไปสร้างรถไฟความเร็วสูงดีกว่า คนดีคนเก่งของชาติยังบอกว่าชาวไร่ชาวนาไม่พร้อม ต้องตายแล้วเกิดอีก 2 เจเนอเรชั่น แล้วจะให้ลงประชามติทำไม ประกาศใช้เลยดีกว่า หรือถ้าให้ดีก็ไม่ต้องมีเลือกตั้ง คสช.อยู่ในบทเฉพาะกาลอีก 5 ปีดีกว่า
เอ๊ะพูดอย่างนี้จะยุยงปลุกปั่น หรือหลอกล่อให้คสช.อยู่นานจนถูกขับไล่เหมือน 14 ตุลาหรือ เปล่าเลยครับ ให้สัตย์สาบานได้ ชีวิตนี้ผมจะไม่ยุให้ใครไปตายเพื่อ “ฟ้าสีทองผ่องอำไพ” อีก เพราะมันไม่มี ที่เขียนที่พูดอยู่ทุกวันนี้เพราะอายุจะ 60 ปี จะให้กลืนน้ำลายยอมรับรัฐประหารเป็นวิถีทางถูกต้องได้ไง แต่ไม่เคยคิดต้องนองเลือดไล่ใคร เพราะมันไม่คุ้ม
พูดอย่างนี้ไม่ใช่ไม่เชื่อมั่นประชาธิปไตย แต่อุดมคติประชาธิปไตยไม่สามารถเอาชนะด้วยการใช้ความรุนแรง นองเลือด ไล่ทหาร สร้างสังคมที่เปิดกว้าง เสียงข้างมากเคารพเสรีภาพเสียงข้างน้อย ฯลฯ ...แล้วเสียงข้างน้อยคนดีมีคุณธรรมมีการศึกษาก็มาตั้งกรวยปิดถนนปิดเมืองตามอำเภอใจอีก อย่างนี้จะตายฟรีไปทำไม
นี่ไม่ใช่แค่ผมคิดได้หรอก ชาวบ้านทั่วไปก็คิดได้ คสช.จึงอยู่ได้แบบ “เอาที่สบายใจเลย” ตราบใดที่รัฐประหารยุคใหม่ไม่ได้จับคนไปยิงทิ้งเหมือนสมัยอดีต แค่ปรับทัศนคติ หรืออุ้มหาย 8 วัน ก็ยังอดทนอดกลั้นได้อยู่
สังคมไทยไม่เพียงอยู่ในภาวะวิกฤต มันแย่กว่านั้น คือวิกฤตนี้ไม่เห็นทางออก เราอยู่ในภาวะที่อันโตนิโอ กรัมชี่ บอกว่า “สิ่งเก่ากำลังตาย แต่สิ่งใหม่ไม่สามารถเกิดได้ แล้วในระหว่างนี้ ก็มีอาการของความเสื่อม เน่าเฟะ ปรากฏตัวออกมามากมายสารพัดแบบ”
ประเทศนี้แตกเป็นเสี่ยงในทุกเรื่อง ตั้งแต่การเมือง ศาสนา ความเชื่อถือ ศรัทธา ทัศนคติ ค่านิยม โดยไม่สามารถสถาปนาสิ่งใหม่ ตั้งแต่ฉันทามติที่จะอยู่ร่วมกันในระบอบประชาธิปไตย ไปจนเสรีภาพในการใช้ชีวิต เสรีภาพในความเชื่อ ภายใต้มาตรฐานจริยธรรมใหม่ที่ยอมรับทั่วกัน
สังคมไทยแทบไม่เหลืออะไรยึดเหนี่ยวกัน จนต้องใช้กองทัพ ใช้กำลัง ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์บังคับไว้ ขณะที่ผู้คนก็เอาตัวรอดไปวันๆ ใครมีปัญญาแสวงหาทรัพย์สิน อำนาจ ก็คว้าไว้ ผู้มีอำนาจสอนให้มีศีลธรรมก็ท่องตามไป
สังคมอย่างนี้แหละที่คสช.อยู่ได้อีกนาน หรือจะทำอะไรก็เอาที่สบายใจ บางเรื่องมีคนทนไม่ไหวก็คัดค้านบ้างเป็นธรรมชาติ แต่ไม่ต้องห่วงจะมีใครขับไล่ ตราบใดที่สังคมแตกแยกจนไม่มีฉันทามติ และอับจนไม่เห็นทางออก
ว่าที่จริงกรธ.ไม่น่าเป็นจิวแป๊ะทง คสช.อยากได้อะไรก็เอาที่ท่านสบายใจ ไม่มีใครขวางอยู่แล้ว ประชามติก็คว่ำไม่ได้ เพราะกกต.สมชัยห้ามจัดเวทีเอง ใครกล่าวหา “สืบทอดอำนาจ” ไม่แน่นะอาจติดคุก รัฐมนตรีมหาดไทยก็บอกพรรคการเมืองรณรงค์ได้แค่ชวนไปใช้สิทธิ์ อย่าบอกดี ไม่ดี ประชาชนจะสับสน
เอาที่สบายใจเลย ท่านจะทำอะไรก็ได้ แปลงคำว่า commission เป็นค่า consult ยังทำได้ แค่สงสัยจะทำประชามติให้เปลืองงบทำไม เอาไปสร้างรถไฟความเร็วสูงดีกว่า คนดีคนเก่งของชาติยังบอกว่าชาวไร่ชาวนาไม่พร้อม ต้องตายแล้วเกิดอีก 2 เจเนอเรชั่น แล้วจะให้ลงประชามติทำไม ประกาศใช้เลยดีกว่า หรือถ้าให้ดีก็ไม่ต้องมีเลือกตั้ง คสช.อยู่ในบทเฉพาะกาลอีก 5 ปีดีกว่า
อ้าวคิดง่ายๆ ไล่คสช.แล้วได้ใคร ทักษิณหรือ อภิสิทธิ์หรือ นายกฯคนกลางหรือ ถามว่าจบไหม เดี๋ยวก็วุ่นวายใหม่
พูดอย่างนี้ไม่ใช่ไม่เชื่อมั่นประชาธิปไตย แต่อุดมคติประชาธิปไตยไม่สามารถเอาชนะด้วยการใช้ความรุนแรง นองเลือด ไล่ทหาร สร้างสังคมที่เปิดกว้าง เสียงข้างมากเคารพเสรีภาพเสียงข้างน้อย ฯลฯ ...แล้วเสียงข้างน้อยคนดีมีคุณธรรมมีการศึกษาก็มาตั้งกรวยปิดถนนปิดเมืองตามอำเภอใจอีก อย่างนี้จะตายฟรีไปทำไม
อ๊ะอ๊ะ ไม่ได้บอกว่าท่านไม่มีคะแนนนิยม แต่ไม่ว่ารัฐบาลบริหารอย่างไร ไม่ว่าเศรษฐกิจย่ำแย่แค่ไหน ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยเพียงไร คสช.ก็อยู่ได้ครับ เพียงเข้าใจตรงกันนะ ท่านมีอำนาจอยู่บนภาวะที่ประเทศอับจน ประชาชนสิ้นหวัง มองไม่เห็นทางออก แม้แต่คนคัดค้านก็อยู่ในภาวะจำยอม
สังคมไทยไม่เพียงอยู่ในภาวะวิกฤต มันแย่กว่านั้น คือวิกฤตนี้ไม่เห็นทางออก เราอยู่ในภาวะที่อันโตนิโอ กรัมชี่ บอกว่า “สิ่งเก่ากำลังตาย แต่สิ่งใหม่ไม่สามารถเกิดได้ แล้วในระหว่างนี้ ก็มีอาการของความเสื่อม เน่าเฟะ ปรากฏตัวออกมามากมายสารพัดแบบ”
ทุกวันนี้สังคมไทยเห็นตรงกันเรื่องอะไร อาจมีลมหายใจบ้างเวลา “ไล่ล่าคนบาป” อย่างเสี่ยเบนซ์หรือทันตแพทย์หนีทุน แต่บางครั้งก็แตกคออย่างกรณีสรยุทธ เรามีความภาคภูมิใจเรื่องอะไร เรื่องทีมชาติไทย เรื่องชุดไทยตุ๊กตุ๊ก เรื่องถุงปุ๋ยสำเพ็งกลายเป็นแฟชั่น Balenciaga แล้วก็ด่านักท่องเที่ยวจีน
สังคมไทยแทบไม่เหลืออะไรยึดเหนี่ยวกัน จนต้องใช้กองทัพ ใช้กำลัง ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์บังคับไว้ ขณะที่ผู้คนก็เอาตัวรอดไปวันๆ ใครมีปัญญาแสวงหาทรัพย์สิน อำนาจ ก็คว้าไว้ ผู้มีอำนาจสอนให้มีศีลธรรมก็ท่องตามไป
เพียงแต่ปัญหาคือ ท่านจะทำให้สิ่งใหม่เกิดได้ หรือยิ่งย่ำอยู่กับสิ่งเก่า ถ้าเป็นอย่างหลังเราก็ยิ่งมืดมน จนถึงวันหนึ่ง ซึ่งไม่รู้จะเกิดอะไร ไม่รู้จะสะดุดตรงไหน ไม่ว่าท่านจะอยู่หรือไป ประเทศนี้ก็ไม่เหลืออะไรอีก
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar