หยุดควบคุมตัวตามอำเภอใจ หยุดข่มขู่คุกคามผู้ที่เห็นต่างเสียที
คสช.และรัฐบาลที่ไปตกปากรับคำกับต่างประเทศเขาไปทั่วโลกว่าจะทำตามโรดแมป จะไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่ก็พร่ำบอกกับคนไทยด้วยกันเองว่าทำอะไรจะยึดหลักกฎหมายและให้ประชาชนทำตามกฎหมาย แต่การควบคุมตัวคนตามอำเภอใจและการข่มขู่คุกคามผู้ที่เห็นต่างอย่างที่ทำกับคุณวรชัย เหมะและคุณวัฒนา เมืองสุขและอีกหลายคนก่อนหน้านี้กลับไม่ได้อาศัยกฎหมายที่ชอบธรรมแต่อย่างใดเลย
ตอนที่ควบคุมตัวคุณวรชัย คสช.ชี้แจงว่าเพราะพูดไม่สร้างสรรค์จะทำให้เกิดความขัดแย้ง มาถึงตอนควบคุมตัวคุณวัฒนาความคิดเห็นกลับแตกแยกกัน ด้านพล.อ.ประวิตร รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงชี้แจงว่าเพราะทำผิดซ้ำๆ ส่วนนายกรัฐมนตรีบอกว่าเพราะพูดในสิ่งที่รับไม่ได้ ทั้งหมดเป็นเพียงความรู้สึกหรือความคิดของผู้มีอำนาจไม่มีพื้นฐานเหตุผลทางกฎหมายรองรับ ทั้งคุณวรชัยและคุณวัฒนาต่างก็แสดงความเห็นทางการเมืองตามปรกติ เพียงแต่ว่าแตกต่างจากผู้มีอำนาจเท่านั้น
การควบคุมตัวตามอำเภอใจนี้ทำมานานแล้ว แต่ดูเหมือนจะทำอย่างหวังผลในการข่มขู่มากขึ้น เช่น การส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธจำนวนมากมาล้อมบ้านหรือเข้าควบคุมตัว การเอาตัวไปมักไม่ให้ใครรู้ กระทั่งคนในครอบครัว คนใกล้ชิดหรือแม้แต่เจ้าตัวเอง ไม่อนุญาตให้ทหนายหรือผู้ติดตามไปเป็นเพื่อน บางรายถูกเอาไปควบคุมตัวไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเป็นสัปดาห์
เมื่อ 2 - 3 สัปดาห์กอ่น คุณสราวุธ บำรุงกิตติคุณ เจ้าของเพจ “เปิดประเด็น” ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ 6 - 7 วันได้ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย เล่าว่า “ตอนที่เขาถูกจับ มีการยกกำลังมาราวกับเขาเป็นผู้ก่อการร้าย ประเด็นที่ถามเขาทำให้ตกใจแทบสิ้นสติ... สิ่งที่กระทบความรู้สึก คือ เขาไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะถูกควบคุมตัวนานแค่ไหน และกำลังถูกตรวจสอบเรื่องอะไร ...คุณลองคิดดูแล้วกันว่าถูกกักบริเวณต่อต่อกัน 6 วันโดยติดต่อใครไม่ได้เลย จะเป็นอย่างไร ทุกข์ของเรายังพอสวดอธิษฐาน แต่คนที่เป็นห่วงเราล่ะ”
คุณสราวุธได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมาโดยไม่ถูกตั้งข้อหาใดๆ เพราะเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลที่ผิดมา หลังจากสอบแล้วไม่พบว่าเขาทำผิดอะไร แต่ความเดือดร้อนก็เกิดขึ้นกับเขาและครอบครัวไปแล้ว และเขายังถูกขอให้ปิดเพจของเขาเสีย
กรณีของนักการเมืองที่เป็นที่รู้จักกว้างขวางนั้น มักได้รับแจ้งล่วงหน้า ทำให้รู้ตัวก่อนจึงมีคนรับรู้และสื่อมวลชนไปสังเกตการณ์ ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอะไรรุนแรง ใครดูข่าวก็จะเห็นบุคคลเหล่านี้ยิ้มแบบใจดีสู้เสือ แต่ใครจะรู้บ้างว่าคนในครอบครัวเขาจะรู้สึกอย่างไรเวลามีทหารพร้อมอาวุธจำนวนมากมาล้อมบ้านหรือบุกเข้ามาในบ้าน พ่อแม่ลูกเมียเขาจะรู้สึกยังไงเมื่อเขาหายไปโดยไม่รู้ว่าใครเอาตัวไปไว้ที่ไหนและเมื่อไหร่จะได้กลับมาและกลับมาอย่างปลอดภัยหรือไม่
การคุกคามข่มขู่ผู้ที่เห็นต่างนี้ ทำให้สังคมอยู่กันด้วยความหวาดกลัว คนจำนวนไม่น้อยจะไม่กล้าแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์อะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือแม้แต่เรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ การตรวจสอบการทำงานของรัฐซึ่งมีผลโดยตรงกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็จะไม่เกิดขึ้น ความเสียหายก็ตกอยู่กับประชาชน นอกจากนั้นการที่ผู้ที่มักเป็นปากเสียงอยู่ในสังคมถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นก็เท่ากับประชาชนทั้งประเทศถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารนั่นเอง
เมื่อคนหนึ่งถูกคุกคาม ความเสียหายก็ตกแก่ทุกคนในสังคมเช่นกัน
ที่น่าเป็นห่วงมากยิ่งขึ้น ก็คือ การคุกคามข่มขู่ผู้เห็นต่างนี้กำลังถูกใช้อย่างเข้มข้นกับผู้ที่วิจารณ์รัฐบาลอยู่เป็นประจำและโดยเฉพาะมีความเห็นต่างในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ เช่น ที่เกิดขึ้นกับคุณวรชัยและคุณวัฒนา
สำหรับคุณวรชัยและคุณวัฒนานั้น ผมเชื่อว่าถึงจะมีใครพยายามจะไปปรับทัศนคติอย่างไร ก็คงไม่สามารถทำให้เปลี่ยนความคิดไปได้ แม้จะข่มขู่ก็ไม่ทำให้ทั้งสองท่านนี้หวาดกลัวหรือท้อถอย
นอกจากความเดือดเนื้อร้อนใจที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของทั้งสองท่านแล้ว ก็คือ การควบคุมตัวในลักษณะข่มขู่และคุกคามที่กระทำต่อผู้ที่เห็นต่างจากรัฐบาลและไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญเช่นนี้ จะทำให้มีคนวิจารณ์รัฐบาลน้อยลง รัฐบาลจะกลายเป็นตรวจสอบไม่ได้หรือแตะต้องไม่ได้และการลงประชามติไม่เป็นไปโดยเสรีและเป็นธรรม ซึ่งจะสร้างปัญหาร้ายแรงในอนาคต นอกจากนี้การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรมอย่างที่ผู้มีอำนาจกำลังทำอยู่นี้จะทำให้ยิ่งไม่เป็นที่ยอมรับในสายตาชาวโลก
การข่มขู่คุกคามผู้ที่มีความเห็นต่างจะยิ่งสร้างปัญหา การไม่ยึดหลักนิติธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน ยิ่งประจานตนเองไปทั่วโลก
หยุดควบคุมตัวตามอำเภอใจ หยุดคุกคามข่มขู่ผู้ที่เห็นต่างได้แล้วครับ
.............#ข่มขู่คุกคาม #ความคิดเห็นต่าง #จาตุรนต์ฉายแสง
คสช.และรัฐบาลที่ไปตกปากรับคำกับต่างประเทศเขาไปทั่วโลกว่าจะทำตามโรดแมป จะไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่ก็พร่ำบอกกับคนไทยด้วยกันเองว่าทำอะไรจะยึดหลักกฎหมายและให้ประชาชนทำตามกฎหมาย แต่การควบคุมตัวคนตามอำเภอใจและการข่มขู่คุกคามผู้ที่เห็นต่างอย่างที่ทำกับคุณวรชัย เหมะและคุณวัฒนา เมืองสุขและอีกหลายคนก่อนหน้านี้กลับไม่ได้อาศัยกฎหมายที่ชอบธรรมแต่อย่างใดเลย
ตอนที่ควบคุมตัวคุณวรชัย คสช.ชี้แจงว่าเพราะพูดไม่สร้างสรรค์จะทำให้เกิดความขัดแย้ง มาถึงตอนควบคุมตัวคุณวัฒนาความคิดเห็นกลับแตกแยกกัน ด้านพล.อ.ประวิตร รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงชี้แจงว่าเพราะทำผิดซ้ำๆ ส่วนนายกรัฐมนตรีบอกว่าเพราะพูดในสิ่งที่รับไม่ได้ ทั้งหมดเป็นเพียงความรู้สึกหรือความคิดของผู้มีอำนาจไม่มีพื้นฐานเหตุผลทางกฎหมายรองรับ ทั้งคุณวรชัยและคุณวัฒนาต่างก็แสดงความเห็นทางการเมืองตามปรกติ เพียงแต่ว่าแตกต่างจากผู้มีอำนาจเท่านั้น
การควบคุมตัวตามอำเภอใจนี้ทำมานานแล้ว แต่ดูเหมือนจะทำอย่างหวังผลในการข่มขู่มากขึ้น เช่น การส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธจำนวนมากมาล้อมบ้านหรือเข้าควบคุมตัว การเอาตัวไปมักไม่ให้ใครรู้ กระทั่งคนในครอบครัว คนใกล้ชิดหรือแม้แต่เจ้าตัวเอง ไม่อนุญาตให้ทหนายหรือผู้ติดตามไปเป็นเพื่อน บางรายถูกเอาไปควบคุมตัวไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเป็นสัปดาห์
เมื่อ 2 - 3 สัปดาห์กอ่น คุณสราวุธ บำรุงกิตติคุณ เจ้าของเพจ “เปิดประเด็น” ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ 6 - 7 วันได้ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย เล่าว่า “ตอนที่เขาถูกจับ มีการยกกำลังมาราวกับเขาเป็นผู้ก่อการร้าย ประเด็นที่ถามเขาทำให้ตกใจแทบสิ้นสติ... สิ่งที่กระทบความรู้สึก คือ เขาไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะถูกควบคุมตัวนานแค่ไหน และกำลังถูกตรวจสอบเรื่องอะไร ...คุณลองคิดดูแล้วกันว่าถูกกักบริเวณต่อต่อกัน 6 วันโดยติดต่อใครไม่ได้เลย จะเป็นอย่างไร ทุกข์ของเรายังพอสวดอธิษฐาน แต่คนที่เป็นห่วงเราล่ะ”
คุณสราวุธได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมาโดยไม่ถูกตั้งข้อหาใดๆ เพราะเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลที่ผิดมา หลังจากสอบแล้วไม่พบว่าเขาทำผิดอะไร แต่ความเดือดร้อนก็เกิดขึ้นกับเขาและครอบครัวไปแล้ว และเขายังถูกขอให้ปิดเพจของเขาเสีย
กรณีของนักการเมืองที่เป็นที่รู้จักกว้างขวางนั้น มักได้รับแจ้งล่วงหน้า ทำให้รู้ตัวก่อนจึงมีคนรับรู้และสื่อมวลชนไปสังเกตการณ์ ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอะไรรุนแรง ใครดูข่าวก็จะเห็นบุคคลเหล่านี้ยิ้มแบบใจดีสู้เสือ แต่ใครจะรู้บ้างว่าคนในครอบครัวเขาจะรู้สึกอย่างไรเวลามีทหารพร้อมอาวุธจำนวนมากมาล้อมบ้านหรือบุกเข้ามาในบ้าน พ่อแม่ลูกเมียเขาจะรู้สึกยังไงเมื่อเขาหายไปโดยไม่รู้ว่าใครเอาตัวไปไว้ที่ไหนและเมื่อไหร่จะได้กลับมาและกลับมาอย่างปลอดภัยหรือไม่
การคุกคามข่มขู่ผู้ที่เห็นต่างนี้ ทำให้สังคมอยู่กันด้วยความหวาดกลัว คนจำนวนไม่น้อยจะไม่กล้าแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์อะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือแม้แต่เรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ การตรวจสอบการทำงานของรัฐซึ่งมีผลโดยตรงกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็จะไม่เกิดขึ้น ความเสียหายก็ตกอยู่กับประชาชน นอกจากนั้นการที่ผู้ที่มักเป็นปากเสียงอยู่ในสังคมถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นก็เท่ากับประชาชนทั้งประเทศถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารนั่นเอง
เมื่อคนหนึ่งถูกคุกคาม ความเสียหายก็ตกแก่ทุกคนในสังคมเช่นกัน
ที่น่าเป็นห่วงมากยิ่งขึ้น ก็คือ การคุกคามข่มขู่ผู้เห็นต่างนี้กำลังถูกใช้อย่างเข้มข้นกับผู้ที่วิจารณ์รัฐบาลอยู่เป็นประจำและโดยเฉพาะมีความเห็นต่างในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ เช่น ที่เกิดขึ้นกับคุณวรชัยและคุณวัฒนา
สำหรับคุณวรชัยและคุณวัฒนานั้น ผมเชื่อว่าถึงจะมีใครพยายามจะไปปรับทัศนคติอย่างไร ก็คงไม่สามารถทำให้เปลี่ยนความคิดไปได้ แม้จะข่มขู่ก็ไม่ทำให้ทั้งสองท่านนี้หวาดกลัวหรือท้อถอย
นอกจากความเดือดเนื้อร้อนใจที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของทั้งสองท่านแล้ว ก็คือ การควบคุมตัวในลักษณะข่มขู่และคุกคามที่กระทำต่อผู้ที่เห็นต่างจากรัฐบาลและไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญเช่นนี้ จะทำให้มีคนวิจารณ์รัฐบาลน้อยลง รัฐบาลจะกลายเป็นตรวจสอบไม่ได้หรือแตะต้องไม่ได้และการลงประชามติไม่เป็นไปโดยเสรีและเป็นธรรม ซึ่งจะสร้างปัญหาร้ายแรงในอนาคต นอกจากนี้การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรมอย่างที่ผู้มีอำนาจกำลังทำอยู่นี้จะทำให้ยิ่งไม่เป็นที่ยอมรับในสายตาชาวโลก
การข่มขู่คุกคามผู้ที่มีความเห็นต่างจะยิ่งสร้างปัญหา การไม่ยึดหลักนิติธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน ยิ่งประจานตนเองไปทั่วโลก
หยุดควบคุมตัวตามอำเภอใจ หยุดคุกคามข่มขู่ผู้ที่เห็นต่างได้แล้วครับ
.............#ข่มขู่คุกคาม #ความคิดเห็นต่าง #จาตุรนต์ฉายแสง
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar