fredag 25 mars 2016

ปิดฉากโครงการรถไฟไทย-จีน




 
25 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปร่วมประชุม กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1 กับ ผู้นำจีน กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม ในหัวข้อ “Shared River, Shared Future แบ่งปันแม่น้ำ แบ่งปันอนาคต” ที่จีนไม่เคยแบ่งปันใคร และร่วมประชุม Boao Forum for Asia 2016 ภายใต้หัวข้อ “Asia’s New Future : New Dynamics and New Vision อนาคตใหม่ของเอเชีย พลังแห่งการสร้างสรรค์ใหม่และวิสัยทัศน์ใหม่” ที่เมืองโป๋อ่าว เกาะไหหลำ ประเทศจีน
การประชุมครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้พบกับ นายหลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ทั้งสองงาน เพราะประชุมอยู่ในที่เดียวกัน
ผลการประชุมจะออกมาอย่างไร จีนจะยอมแบ่งปันแม่น้ำโขง ให้กับประเทศปลายแม่น้ำโขงอย่าง ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม ที่จีนเอาเปรียบมานานแล้วหรือไม่ วันสองวันนี้ก็รู้ รวมทั้ง อนาคตใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ และวิสัยทัศน์ใหม่ของเอเชีย ภายใต้การนำของ “พี่เบิ้มจีน” จะเป็นอย่างไร ก็คงต้องติดตามกันนะครับ
เพราะโลกวันนี้แคบกว่าสมัยก่อนเยอะ ทุกประเทศเชื่อมโยงถึงกันหมด วิกฤติเศรษฐกิจการเงินประเทศหนึ่ง ส่งผลกระทบไปอีกประเทศหนึ่งเป็นทอดๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
แม้ ผู้นำไทย กับ ผู้นำจีน จะเจอกันหลายครั้งในงานนี้ แต่ประเด็นหนึ่งที่ผมคิดว่าผู้นำไทยและผู้นำจีน คงจะไม่มีการเจรจากันอีกต่อไปแล้ว ก็คือ โครงการรถไฟความเร็วปานกลางไทย-จีน ที่มีมูลค่าแพงมหาศาล 530,000 ล้านบาท ในอนาคตอันไม่ไกลผมเชื่อว่าโครงการนี้คงจะ “ปิดฉาก” ไปในที่สุด เพราะวันนี้ “ความลับ” เปิดเผยออกมาแล้ว ไม่ใช่เป็นโครงการของรัฐบาลจีน แต่เป็นโครงการของบริษัทรถไฟจีน
เอกอัครราชทูตจีนคนปัจจุบัน ที่พยายามผลักดันโครงการนี้มาตลอด จนผมเคยเขียนติงว่า พูดเอาแต่ได้ข้างเดียว แต่ไทยเสียเปรียบมหาศาล วันนี้ผมได้ข่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งมีคำสั่งให้เอกอัครราชทูตจีนคนนี้หยุดพูดผลักดันโครงการรถไฟไทย–จีนแล้ว ช่วงนี้เราจึงไม่เคยได้ยินทูตจีนพูดผลักดันเรื่องนี้อีกเลย
แม้แต่ การประชุมรอบที่ 10 ที่ คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีคมนาคม เคยแถลงว่าจะเดินทางไปประชุมที่ กรุงปักกิ่ง ในกลางเดือนมีนาคมนี้ เพื่อเจรจาจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการรถไฟไทย–จีน ก็ไม่รู้ว่าจะมีการประชุมหรือไม่ เพราะวันนี้เลยกลางเดือนมีนาคมแล้ว ยังไม่มีข่าว คุณอาคม จะเดินทางไปหรือไม่
เพราะหลังจากที่ รัฐบาลไทย เริ่มเห็น ความไม่ชอบมาพากลของโครงการ จากการเปิดโปงของสื่อ ชี้ให้เห็นถึงความไม่คุ้มค่าของการลงทุน การเอาเปรียบมากมายของฝ่ายจีน โดยเฉพาะวงเงินลงทุนที่มีการเพิ่มขึ้นหลายครั้ง ตั้งแต่สมัย คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ เงินลงทุนเริ่มต้นที่ 180,000 ล้านบาท แล้วก็มาเพิ่มเป็น 300,000 กว่าล้านบาท ล่าสุดเพิ่มเป็น 530,000 ล้านบาท เหมือนเห็นรัฐบาลไทยเป็นขนมหวาน
เมื่อ ฝ่ายไทย ยื่นเงื่อนไขกลับไป ให้ฝ่ายจีนต้องร่วมลงทุนทั้งโครงการในสัดส่วน จีน 70 ไทย 30 ฝ่ายจีนก็เริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา โดย คุณอาคม รัฐมนตรีคมนาคม ผู้ผลักดันเรื่องนี้เปิดเผยว่า ฝ่ายจีน ได้ยื่นเงื่อนไขต่อ ฝ่ายไทย ว่า หากฝ่ายไทยต้องการให้ฝ่ายจีนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนโครงการรถไฟไทย–จีน ตั้งแต่ก่อสร้างรางไปจนถึงการเดินรถ ฝ่ายจีนขอใช้สิทธิประโยชน์พื้นที่ตลอดแนวสองข้างทางรถไฟ โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีรถไฟ (แบบเดียวกับที่ทำกับลาว) เห็นไทยเป็น “เสียมตือหมูสยาม” ในอดีตไปแล้ว
ผมไม่รู้ว่า คุณอาคม รัฐมนตรีคมนาคม ที่ยังฝันหวานว่าจะก่อสร้างรถไฟไทย-จีนได้ภายในปีนี้ จะเดินหน้าผลักดันโครงการนี้ต่อไปอย่างไร
แต่ผมเชื่อว่า นายกรัฐมนตรี คงจะ ไม่หลวมตัวอีกครั้ง เว้นแต่จีนจะยอมตามเงื่อนไขฝ่ายไทย ควักเงินลงทุนทั้งโครงการ 70% ขึ้นไป เงินตั้ง 530,000 ล้าน เอามาทำรถไฟรางคู่ทั่วประเทศ คุ้มค่ากว่ากันเยอะ.
 
“ลม เปลี่ยนทิศ”

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar