Submitted on Tue, 2020-01-07 03:49
ระยะนี้ที่รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วง ทั้งเศรษฐกิจปากท้องบาทแข็งภัยแล้งน้ำเค็มไปจนปัญหาขยะป่าไม้ ฯลฯ ก็เริ่มมีคนออกตัวให้ เศรษฐกิจโลกแย่อย่างนี้ ใครเป็นรัฐบาลก็แย่เหมือนกัน ไม่แน่ พวกฝ่ายค้านอาจห่วยกว่า
การแก้ตัวอย่างนี้ สะท้อนอาการจนแต้มระยะสุดท้าย ถ้าคิดว่าแย่เหมือนกันทำไมไม่ยอมให้อีกฝ่ายมารับกรรม ต้องดันทุรังสืบทอดอำนาจ ตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตตัวเองทำไม
รัฐบาลประชาธิปไตยอาจเจอเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าเหมือนกัน แต่คงไม่ทำตัวเป็นลุง พร่ำบ่น สั่งสอนประชาชน ตั้งแต่เกษตรกรไปถึงพ่อค้า ให้รู้จักปรับตัว เศรษฐกิจไม่ดีเพราะยุค Disruption ต้องรู้จักเปลี่ยนแปลง อย่าขายอะไรซ้ำซากเดิม ๆ
สรุปคือเป็นความผิดชาวบ้าน ตามโลกไม่ทัน ไม่เหมือนพวกท่าน
เป็นนายพลจนเกษียณกินบำนาญมีสวัสดิการจนตาย ไม่เคยต้องปรับตัวอะไร
มาโทษคนทำมาหากินไม่ปรับตัว
รัฐบาลประชาธิปไตยอาจเจอน้ำท่วมภัยแล้ง แต่อย่างน้อยก็ไม่อวดฉลาดสอนชาวบ้าน น้ำท่วมให้เลี้ยงปลา น้ำแล้งอย่าทำนาปรัง สอนให้รู้จักประหยัดน้ำ ๆ ๆ แต่ 5-6 ปีไม่ลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำสักที พอน้ำทะเลหนุน น้ำประปาเค็ม โฆษกรัฐบาลศาสตราจารย์ดอกเตอร์ ก็แนะนำให้ลดเครื่องปรุงในการทำอาหาร
ไม่รู้เป็นไง เหมือนรัฐบาลนี้ทำอะไรไม่ขึ้น เพิ่งคุยฟุ้ง ปาล์มกิโลละ 6 บาทกว่า เพราะส่งเสริม B10 เป็นดีเซลมาตรฐานตั้งแต่ 1 มกรา (เอากองทุนน้ำมันมาอุดจนถูกกว่าลิตรละ 2 บาท) อ้าว ที่ไหนได้ ต้นปีมา ยางพารา 4 กิโล 100
มาตรการเลิกใช้ถุงก๊อบแก๊บตั้งแต่วันปีใหม่ ที่จริงก็ควรจะเป็นผลงาน แต่รัฐบาลนี้สามารถทำให้เป็นตลกปัญญาอ่อน ด้วยการสั่งเบลอภาพในทีวี ยังกะเหล้าบุหรี่ ห้ามหิ้วถุงติดต่อราชการ ทำให้มันเป็นเรื่องเว่อร์เข้าไว้ ประเทศนี้ไม่รู้เป็นไง อะไรที่ภาคประชาสังคมรณรงค์มาดี ๆ พอตกถึงมือราชการ+ห้างร้าน CSR+ดารานักร้องพรีเซนเตอร์ กลายเป็นดัดจริตน่าหมั่นไส้
การเอาเป็นเอาตายถุงพลาสติก ยังกลายเป็นภาพลบ เมื่อพบว่ายุค คสช.นี่เองนำเข้าขยะพลาสติกขยะอันตรายเพิ่มขึ้นทุกปี อนุญาตให้ต่างชาติมาตั้งโรงงานคัดแยกและรีไซเคิลแต่ขยะในประเทศถูกกองทิ้งมโหฬาร กระทั่งไหลลงทะเล
แบบเดียวกับภาษีที่ดิน แทนที่จะทำให้ประชาชนรู้สึกว่าลดความเหลื่อมล้ำ กลับทำให้คนโกรธ เมื่อเห็นที่กลางเมืองหมื่นล้านปลูกมะนาว คฤหาสน์ 49 ล้านไม่เสียภาษี แต่คนมีบ้านคอนโดหลังที่สองต้องเสีย ต้องวิ่งย้ายสำมะโนครัวกันวุ่นวาย บางรายยังโดนเจ้าหน้าที่ขู่ ถ้าทำนิติกรรมอำพรางจะมีความผิด คนมีที่ดินเปล่าเท่ากระแบะ ขายไม่ออก พัฒนาไม่ได้ ก็จะถูกตีเป็นที่รกร้าง
ทำไมรัฐบาลทำอะไรไม่ขึ้น บางคนบอกเป็นปัญหาบริหารจัดการ แต่มันสะท้อนเป้าหมายของการยึดอำนาจและสืบทอดอำนาจ รัฐประหาร 57 ไม่ได้ทำเพื่อความสงบไม่ได้ทำเพื่อปราบโกงเพื่อปฏิรูปประเทศฯลฯ อะไรอย่างที่อ้างแต่ทำเพื่อรักษาเครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยมล้าหลังขยายอำนาจรัฐราชการซึ่งประสิทธิภาพในการทำงานห่วยขั้นเทพแต่จำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องอำนาจไว้ใน “รัฐพันลึก” แล้วค่อยสืบทอดอำนาจด้วยการแจกเงินประชานิยมและกวาดต้อนนักการเมืองสารพัดยี้มาค้ำรัฐพันลึก
รัฐบาลประชาธิปไตยอาจห่วยได้เหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็ไม่ถูกพันธนาการด้วยโครงสร้าง ที่ต้องเอื้ออำนาจฝ่ายต่าง ๆ จนไร้ประสิทธิภาพและสิ้นเปลืองอย่างนี้ และอย่างน้อยก็ไม่ถูกพันธนาการ ด้วยทัศนะล้าหลัง ตกยุค โง่เขลา แต่ยังอวดฉลาด โอหัง หน้าด้าน ไม่สำนึก
ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/334171
ใบตองแห้ง: ปีชงอำนาจเก่า
2020-01-07 03:42
เพิ่งรู้ว่าปีนี้เป็น “ปีชง” ประยุทธ์ ไม่เคยสนใจเพราะไม่เชื่อหมอดู
แต่ไม่ต้องงมงายก็พยากรณ์ได้
ปีนี้จะเป็นปีที่เลวร้ายของเครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยม กองทัพ ส.ว.
องค์กรกฎหมาย องค์กรอิสระ ฯลฯ ไม่ใช่แค่ประยุทธ์คนเดียว
เพียงไม่แน่ใจว่าย่ำแย่ที่สุดหรือไม่ ปีหน้าปีโน้นอาจยิ่งแย่ลง
ระบอบที่มีประยุทธ์เป็นตัวแทน กำลังถูกท้าทายอย่างร้อนแรง จากการได้อำนาจไม่ชอบธรรม แล้วไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศ เศรษฐกิจปากท้อง จนประชาชนเบื่อหน่ายไปตามๆ กัน อยู่มา 5 ปีน่าจะพอได้แล้ว ก็ยังต่อท่ออำนาจ ไม่ได้คะแนนนิยมจากเลือกตั้ง ก็อาศัยตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตตัวเอง ไม่ได้เสียงข้างมากในสภา ก็อาศัยสูตร ส.ส.เศษคนมาทำให้ 7 พรรคได้ ส.ส.น้อยลง
คือถ้าบริหารประเทศดี ประชาชนมีความสุข ยังพอทำเนา แต่นี่ ชาวบ้านเบื่อจนกล้าแสดงออกซึ่งหน้า “เบื่อนายกฯ ใช่ไหม” ช่างกล้าถามประจานตัวเอง แต่ยืนกรานว่า มีคนไม่พอใจมากเพียงไรก็จะทู่ซี้อยู่ต่อ เพราะไม่ได้มาเอาใจใคร อุตส่าห์เสียสละมาทำงานให้ เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน (ฟังแล้วน้ำตาไหล ทวงบุญคุณอีกต่างหาก)
ระบอบที่มีประยุทธ์เป็นตัวแทน กำลังถูกท้าทายอย่างร้อนแรง จากการได้อำนาจไม่ชอบธรรม แล้วไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศ เศรษฐกิจปากท้อง จนประชาชนเบื่อหน่ายไปตามๆ กัน อยู่มา 5 ปีน่าจะพอได้แล้ว ก็ยังต่อท่ออำนาจ ไม่ได้คะแนนนิยมจากเลือกตั้ง ก็อาศัยตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตตัวเอง ไม่ได้เสียงข้างมากในสภา ก็อาศัยสูตร ส.ส.เศษคนมาทำให้ 7 พรรคได้ ส.ส.น้อยลง
คือถ้าบริหารประเทศดี ประชาชนมีความสุข ยังพอทำเนา แต่นี่ ชาวบ้านเบื่อจนกล้าแสดงออกซึ่งหน้า “เบื่อนายกฯ ใช่ไหม” ช่างกล้าถามประจานตัวเอง แต่ยืนกรานว่า มีคนไม่พอใจมากเพียงไรก็จะทู่ซี้อยู่ต่อ เพราะไม่ได้มาเอาใจใคร อุตส่าห์เสียสละมาทำงานให้ เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน (ฟังแล้วน้ำตาไหล ทวงบุญคุณอีกต่างหาก)
สรุปคือ เบื่ออย่างไรก็ไม่ไป ไม่ยุบสภาไม่ลาออก ถึงออกก็มี 250
ส.ว.เลือกเข้ามาใหม่ ประชาชนไม่สามารถขับไล่ตามระบอบรัฐสภา
เว้นแต่ธิดาจำแลงสิงร่าง ดลใจให้ลาออกเพื่อนำคนดีๆ มาพัฒนาประเทศไทย
นี่เป็นปัญหาประชาธิปไตยล้วนๆ เพราะถ้าได้เป็นนายกฯ ด้วยคะแนนนิยม
ถ้าบริหารประเทศแล้วประชาชนไม่พึงพอใจ เรียกร้องให้ยุบสภาลาออกได้
เลือกคนอื่นได้ ก็จะไม่สั่งสมความอึดอัดเช่นนี้
ย้อนเปรียบเทียบก็เป็นตลกร้าย สมัยไล่ทักษิณยิ่งลักษณ์ คนชั้นกลางในเมืองโกรธว่า ไล่อย่างไรคนเหนือคนอีสานก็เลือกกลับมาถล่มทลาย รัฐประหารไปเลยดีกว่า ตอนนี้เป็นไงล่ะ ไล่ตู่อย่างไร 250 ส.ว.ก็เลือกกลับมา
วันนี้คนชั้นกลางในเมืองเริ่มเปลี่ยนใจ โพล 2 สำนัก สำรวจทีไรค่อนไปทางเกลียดแม้วปู ครั้งนี้ธนาธรกลับนำตู่ ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่ให้เป็น ส.ส.เพราะถือหุ้นสื่อ เสี่ยงถูกยุบพรรคตัดสิทธิติดคุกหัวโต ฐานให้เงินกู้ “ผิดกฎหมาย”
ผลโพลจึงน่าแปลกใจ ไม่ใช่กระทบประยุทธ์คนเดียว แปลว่าคะแนนนิยมสวนการตีความกฎหมาย อำนาจองค์กรอิสระซึ่งเคยผูกโยงกับศีลธรรม มีผลน้อยมากต่อความเชื่อถือทางการเมือง
รัฐธรรมนูญ 2560 ก็ย้อนแย้งคำวินิจฉัยศาล ถ้าย้อนไปดูศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2556 ห้ามแก้รัฐธรรมนูญ 2550 กลับไปเลือกตั้ง ส.ว.ทั้งหมด ศาลชี้ว่า
“เป็นความพยายามนำประเทศชาติให้ถอยหลังเข้าคลอง ทำให้วุฒิสภากลับไปเป็นสภาญาติพี่น้อง สภาของครอบครัว และสภาผัวเมีย สูญเสียสถานะและศักยภาพแห่งการเป็นสติปัญญาให้แก่สภาผู้แทนราษฎร กลายเป็นเพียงเสียงสะท้อนของมวลชนกลุ่มเดียวกัน”
หันมาดู 250 ส.ว.วันนี้ ประชาชนหัวร่อทั้งน้ำตา
กติการัฐธรรมนูญ 2560 กำลังจะกลัดหนอง บังคับให้ประเทศต้องจมปลักอยู่กับตู่ รัฐบาลมีปัญหา อยากปรับ ครม. เปลี่ยนพรรคร่วมก็ไม่ได้ ลาออกก็ได้ตู่กลับมา ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ประชาชนจะยิ่งโกรธไปใหญ่ เพราะเลือกยังไงก็ได้ตู่ ส.ส.พรรคเล็กยิ่งกระจัดกระจาย
รัฐธรรมนูญทำให้เกิดวิกฤตที่แก้ไม่ได้ แก้รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ ทั้งรัฐบาล ทั้ง ส.ว. ขัดขวางตั้งแต่ต้น แค่ชวน หลีกภัย เสนอให้ 6 ผบ.เหล่าทัพเลิกนั่ง ส.ว.โดยตำแหน่ง ก็ออกมาปกป้องจะเป็นจะตาย ทั้งที่ชวนตีกินตื้นๆ ถ้าจะให้เป็นประชาธิปไตยต้องยกเลิกทั้ง 250 ส.ว.
รัฐธรรมนูญนี้เป็นอย่างที่ปิยบุตร แสงกนกกุล ชี้ว่า ถ้าไม่รัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ ก็ประชาชนลุกฮือฉีกรัฐธรรมนูญ แต่ทั้งสองอย่างก็เป็นไปได้ยากพอกัน
ปิยบุตรก็ยอมรับว่าประชาชนไม่มีกำลังมากพอ ขณะที่กองทัพ ต่อให้วันหนึ่งอยากรัฐประหารตัวเอง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นที่สุดแห่งความล้าหลัง ถ้าฉีกเสียเองก็ไม่รู้จะร่างใหม่อย่างไรให้เลวได้กว่านี้ เว้นแต่ปกครองด้วยรัฐบาลทหารไปเลยอีกร้อยปี
วิกฤตจึงไม่สามารถหาที่ลงง่ายๆ ถ้าง่ายปานนั้นก็ไม่เรียกว่าปีชง มันจะอิหลักอิเหลื่อ คาราคาซัง กัดกร่อน และต่ำตม
แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน ระบอบนี้อาจจะหา scapegoat ซึ่งปีกหนึ่งพยายามให้ร้ายป้ายสีพรรคอนาคตใหม่ แต่ต่อให้ยุบพรรค ก็ไม่ทำให้ความไม่พอใจของประชาชนลดลง มีแต่เพิ่มขึ้นๆ เพราะคนเบื่อตู่ต่างหาก
ระวังไว้ให้ดี วันหนึ่ง ระบอบนี้อาจคิดได้ว่า scapegoat ที่ดีที่สุดคือตัวผู้นำ สังเวยบุคคลรักษาระบอบ เปลี่ยนตัวลดแรงเสียดทาน อะไรที่มันผิดๆ ก็โยนให้รับเละไป แล้วเริ่มต้นกันใหม่ ภายใต้ระบอบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ประชาชนได้ระบาย เครือข่ายก็กลับมาหน้าชื่นตาบาน
อย่างนั้น น่าจะเรียกว่าปีชงที่แท้จริง
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/hot-topics/news_3318135
ย้อนเปรียบเทียบก็เป็นตลกร้าย สมัยไล่ทักษิณยิ่งลักษณ์ คนชั้นกลางในเมืองโกรธว่า ไล่อย่างไรคนเหนือคนอีสานก็เลือกกลับมาถล่มทลาย รัฐประหารไปเลยดีกว่า ตอนนี้เป็นไงล่ะ ไล่ตู่อย่างไร 250 ส.ว.ก็เลือกกลับมา
วันนี้คนชั้นกลางในเมืองเริ่มเปลี่ยนใจ โพล 2 สำนัก สำรวจทีไรค่อนไปทางเกลียดแม้วปู ครั้งนี้ธนาธรกลับนำตู่ ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่ให้เป็น ส.ส.เพราะถือหุ้นสื่อ เสี่ยงถูกยุบพรรคตัดสิทธิติดคุกหัวโต ฐานให้เงินกู้ “ผิดกฎหมาย”
ผลโพลจึงน่าแปลกใจ ไม่ใช่กระทบประยุทธ์คนเดียว แปลว่าคะแนนนิยมสวนการตีความกฎหมาย อำนาจองค์กรอิสระซึ่งเคยผูกโยงกับศีลธรรม มีผลน้อยมากต่อความเชื่อถือทางการเมือง
รัฐธรรมนูญ 2560 ก็ย้อนแย้งคำวินิจฉัยศาล ถ้าย้อนไปดูศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2556 ห้ามแก้รัฐธรรมนูญ 2550 กลับไปเลือกตั้ง ส.ว.ทั้งหมด ศาลชี้ว่า
“เป็นความพยายามนำประเทศชาติให้ถอยหลังเข้าคลอง ทำให้วุฒิสภากลับไปเป็นสภาญาติพี่น้อง สภาของครอบครัว และสภาผัวเมีย สูญเสียสถานะและศักยภาพแห่งการเป็นสติปัญญาให้แก่สภาผู้แทนราษฎร กลายเป็นเพียงเสียงสะท้อนของมวลชนกลุ่มเดียวกัน”
หันมาดู 250 ส.ว.วันนี้ ประชาชนหัวร่อทั้งน้ำตา
กติการัฐธรรมนูญ 2560 กำลังจะกลัดหนอง บังคับให้ประเทศต้องจมปลักอยู่กับตู่ รัฐบาลมีปัญหา อยากปรับ ครม. เปลี่ยนพรรคร่วมก็ไม่ได้ ลาออกก็ได้ตู่กลับมา ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ประชาชนจะยิ่งโกรธไปใหญ่ เพราะเลือกยังไงก็ได้ตู่ ส.ส.พรรคเล็กยิ่งกระจัดกระจาย
รัฐธรรมนูญทำให้เกิดวิกฤตที่แก้ไม่ได้ แก้รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ ทั้งรัฐบาล ทั้ง ส.ว. ขัดขวางตั้งแต่ต้น แค่ชวน หลีกภัย เสนอให้ 6 ผบ.เหล่าทัพเลิกนั่ง ส.ว.โดยตำแหน่ง ก็ออกมาปกป้องจะเป็นจะตาย ทั้งที่ชวนตีกินตื้นๆ ถ้าจะให้เป็นประชาธิปไตยต้องยกเลิกทั้ง 250 ส.ว.
รัฐธรรมนูญนี้เป็นอย่างที่ปิยบุตร แสงกนกกุล ชี้ว่า ถ้าไม่รัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ ก็ประชาชนลุกฮือฉีกรัฐธรรมนูญ แต่ทั้งสองอย่างก็เป็นไปได้ยากพอกัน
ปิยบุตรก็ยอมรับว่าประชาชนไม่มีกำลังมากพอ ขณะที่กองทัพ ต่อให้วันหนึ่งอยากรัฐประหารตัวเอง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นที่สุดแห่งความล้าหลัง ถ้าฉีกเสียเองก็ไม่รู้จะร่างใหม่อย่างไรให้เลวได้กว่านี้ เว้นแต่ปกครองด้วยรัฐบาลทหารไปเลยอีกร้อยปี
วิกฤตจึงไม่สามารถหาที่ลงง่ายๆ ถ้าง่ายปานนั้นก็ไม่เรียกว่าปีชง มันจะอิหลักอิเหลื่อ คาราคาซัง กัดกร่อน และต่ำตม
แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน ระบอบนี้อาจจะหา scapegoat ซึ่งปีกหนึ่งพยายามให้ร้ายป้ายสีพรรคอนาคตใหม่ แต่ต่อให้ยุบพรรค ก็ไม่ทำให้ความไม่พอใจของประชาชนลดลง มีแต่เพิ่มขึ้นๆ เพราะคนเบื่อตู่ต่างหาก
ระวังไว้ให้ดี วันหนึ่ง ระบอบนี้อาจคิดได้ว่า scapegoat ที่ดีที่สุดคือตัวผู้นำ สังเวยบุคคลรักษาระบอบ เปลี่ยนตัวลดแรงเสียดทาน อะไรที่มันผิดๆ ก็โยนให้รับเละไป แล้วเริ่มต้นกันใหม่ ภายใต้ระบอบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ประชาชนได้ระบาย เครือข่ายก็กลับมาหน้าชื่นตาบาน
อย่างนั้น น่าจะเรียกว่าปีชงที่แท้จริง
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/hot-topics/news_3318135
2020-01-05 20:58
Submitted on Sun, 2020-01-05 20:58
ชาวม้งเข็กน้อยประณามบทความเสืออากาศ 24/7 เหยียดกลุ่มชาติพันธุ์ สร้างความแตกแยก เรียกร้องทหารช่วยสืบค้นว่าเป็นใคร แล้วให้ออกมาแถลงข่าวขอโทษ
เมินเสียเถอะ กองทัพไม่ต้องรับผิดชอบทัศนะส่วนบุคคล โดยเฉพาะนายพลเกษียณ นายพลไทยมีล้นกองทัพ ผลผลิตตกค้างจากยุคสงครามเย็น จำเป็นต้องแจกยศเป็นเกียรติประวัติก่อนเกษียณ จนมีนายพลอยู่แทบทุกซอยในกรุงเทพฯ ปริมณฑล จะให้ตามไปรับผิดชอบทัศนะได้อย่างไร
บทความไม่ได้เผยแพร่ในเอกสารกองทัพ แต่โพสต์ในเพจวาสนา นาน่วม ซึ่งเป็นนักข่าวสายทหาร แต่สังคมดันเข้าใจผิด คิดว่าเป็น PR กองทัพ วาสนาเป็นผู้รับผิดชอบบทความ ไม่ใช่กองทัพ แม้บิ๊กๆ จะอ่านไปยิ้มไป
เข้าใจตรงกันนะ กองทัพ รัฐบาล เครือข่ายอนุรักษนิยม ไม่ต้องรับผิดร่วมกับเสืออากาศ 24/7 ในทัศนะสุดขั้วสุดโต่ง แต่รับชอบ จากการปลุกความไม่พอใจ ว่าธนาธรไปสร้างความแตกแยก ยุแยงม้ง จะให้สิทธิในที่ดินทำกินกับชนกลุ่มน้อยที่ “ไม่ใช่ไทย”
ชาวม้งเข็กน้อยประณามบทความเสืออากาศ 24/7 เหยียดกลุ่มชาติพันธุ์ สร้างความแตกแยก เรียกร้องทหารช่วยสืบค้นว่าเป็นใคร แล้วให้ออกมาแถลงข่าวขอโทษ
เมินเสียเถอะ กองทัพไม่ต้องรับผิดชอบทัศนะส่วนบุคคล โดยเฉพาะนายพลเกษียณ นายพลไทยมีล้นกองทัพ ผลผลิตตกค้างจากยุคสงครามเย็น จำเป็นต้องแจกยศเป็นเกียรติประวัติก่อนเกษียณ จนมีนายพลอยู่แทบทุกซอยในกรุงเทพฯ ปริมณฑล จะให้ตามไปรับผิดชอบทัศนะได้อย่างไร
บทความไม่ได้เผยแพร่ในเอกสารกองทัพ แต่โพสต์ในเพจวาสนา นาน่วม ซึ่งเป็นนักข่าวสายทหาร แต่สังคมดันเข้าใจผิด คิดว่าเป็น PR กองทัพ วาสนาเป็นผู้รับผิดชอบบทความ ไม่ใช่กองทัพ แม้บิ๊กๆ จะอ่านไปยิ้มไป
เข้าใจตรงกันนะ กองทัพ รัฐบาล เครือข่ายอนุรักษนิยม ไม่ต้องรับผิดร่วมกับเสืออากาศ 24/7 ในทัศนะสุดขั้วสุดโต่ง แต่รับชอบ จากการปลุกความไม่พอใจ ว่าธนาธรไปสร้างความแตกแยก ยุแยงม้ง จะให้สิทธิในที่ดินทำกินกับชนกลุ่มน้อยที่ “ไม่ใช่ไทย”
แบบประวิตร “ฮึ่มใส่” ธนาธรว่ารัฐบาลดูแลกลุ่มชาติพันธุ์มาตลอด
จนมีที่ทำกิน มีที่อยู่อาศัย ก็ไม่ต่างกับนักร้องแวนโก๊ะ
ที่ว่าประเทศนี้ดูแลคนม้งอย่างดี ให้มีการศึกษา จน “สุนัขม้ง”
บางตัวได้เป็น ส.ส.อนาคตใหม่
จิตสำนึกของคนชั้นกลางอนุรักษนิยม ก็ไม่ต่างกับเสืออากาศ 24/7 ที่คิดว่ามีแต่คนไทยแท้ กับ
คนไทยเชื้อสายจีน ที่มีสิทธิครอบครองที่ดินอย่างมีเกียรติ เพราะร่วมสร้างชาติกันมา ม้ง เย้า กะเหรี่ยง มูเซอ เป็นแค่ผู้อาศัย แต่คนไทย ชนชั้นนำไทยก็มีเมตตา ดูแลให้ที่ทำกินให้การศึกษา นี่ไม่ได้เหยียดเลยนะ
แบบเดียวกับคนมลายูมุสลิม 3 จังหวัดใต้ ซึ่งคนไทยในกรุงที่อากงอาม่ามาจากซัวเถา ก็มองเหมือนเสืออากาศว่า พวกนี้ไม่ใช่ไทย ไม่เคยร่วมรบในประวัติศาสตร์ชาติไทย ไม่ได้มาจากเทือกเขาอัลไต ไม่รู้ครอบครองที่ดินได้ไง
ย้ำอีกที นี่ไม่ได้เหยียดเลยนะ คนชั้นกลางอนุรักษนิยมไทย (สลิ่มนั่นแหละ) มีการศึกษา บ้างก็จบเมืองนอกเมืองนา ทัดเทียมหรือเก่งกว่าฝรั่ง ไม่ใช่พวกเหยียดผิวเหยียดเพศอย่างที่ชาวโลกประณาม มีรสนิยม มีวัฒนธรรม ไม่เคยเหยียดหยามคนต้อยต่ำกว่า เพราะยึดหลักพุทธธรรม แม้เห็นคนไม่เท่ากัน ก็มีเมตตา
แต่อย่าเสือกเรียกร้องความเท่าเทียม เพราะยังไงก็ไม่เท่ากัน ไม่งั้นฉุนขาด แบบดีไซเนอร์ ถ้าม้งไม่เลิกคบอนาคตใหม่ ก็จะไม่ซื้อผ้าม้งอีกต่อไป
นี่เป็นตลกร้ายว่า ฝ่ายอนุรักษนิยมจะปลุกความเกลียดชัง ละเมิดสิทธิมนุษยชนสุดโต่งอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยพลาดพลั้งบ้าง โดนถล่มเละ
แบบพรรคอนาคตใหม่ขับ 4 ส.ส.แล้วมีใครไม่ทราบเอาตุ๊กตาตัวเงินตัวทอง 4 ตัวไปวาง ก็โดนพรรคพลังประชารัฐหาว่าย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน เออ แล้วที่ 4 ส.ส.ละเมิดเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกเข้ามา ไม่ยักพูดบ้าง
นึกถึงปี 2518 ตอน 3 ส.ส.พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย แหกมติพรรคโหวตคึกฤทธิ์เป็นนายกฯ แล้วถูกขับออก ก็มีคนนำชื่อ 3 ส.ส.ไปจารึกบนหนังหมา คือไถหนังหมาเป็นชื่อ แล้วปล่อยหมาเดินแถวหอใหญ่ มธ. เป็นภาพในหน้าหนังสือพิมพ์สมัยนั้น
ถ้าเป็นสมัยนี้ คงแชร์สนั่น ขบวนประชาธิปไตยโดนทั้งข้อหาละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน แถมทารุณสัตว์
น่าปลื้มใจว่าสังคมพัฒนา ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้นในการเคารพสิทธิ ตั้งแต่มนุษย์ไปถึงสัตว์ ปกป้องการละเมิดศักดิ์ศรี แต่ถ้าเน้นเรื่องเหล่านี้แล้วมองข้ามสิทธิประชาธิปไตย เสรีภาพทางการเมือง จะเรียกว่าดัดจริตได้ไหม
เพราะวิวัฒนาการเรื่องสิทธิ หรือประชาธิปไตยทางวัฒนธรรม ในสังคมบริโภคที่คนชั้นกลางเป็นใหญ่ บางครั้ง มันกลับเข้ากันได้ ไปกันได้ กับประชาธิปไตยจอมปลอมหรือเผด็จการ
เช่น นักสิทธิสตรีอาจภาคภูมิใจก็ได้ รัฐบาล คสช.ตั้งผู้หญิงเป็นอธิบดีเป็นปลัดกระทรวงมากเป็นประวัติการณ์ น่าจะเขียนหนังสือ “ผู้หญิงกับรัฐประหาร” โดยทำลืมๆ ว่า “อีปู” เป็นนายกฯหญิงคนแรกของเมืองไทย
เพศที่สาม LGBT ก็มีบทบาทตั้งแต่เวทีพันธมิตร กปปส. จนถึงพรรคอนาคตใหม่ แถมกลายเป็นงูเห่าก็ได้ ไม่มีใครว่าอะไร แต่อย่าจูบปากกันในสภา น่าอับอายยิ่งกว่าการรับใช้รัฐประหาร ส.ว.เรียกร้องให้ลาออก
สิทธิสัตว์ก็ได้มาจากเผด็จการ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์เป็นผลงานชิ้นแรกๆ ของ สนช. เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ผ่าท้องปลาวาฬปลาโลมาปลาพะยูนออกมา เจอถุงพลาสติก ร่ำไห้กันทั้งประเทศ จนนำมาสู่การประกาศสงครามกับถุงก๊อบแก๊บ เบลอภาพในทีวี ร้ายกาจเทียบเท่าเหล้า บุหรี่ และหัวนม
แต่ทีผู้ลี้ภัยถูกฆ่าผ่าท้องยัดแท่งปูนถ่วงน้ำ สังคมไทยคงถือเป็นกฎแห่งกรรม ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตคนชั้นกลางในภาพรวม
เผยแพร่ครั้งแรกใน: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/hot-topics/news_3318202
จิตสำนึกของคนชั้นกลางอนุรักษนิยม ก็ไม่ต่างกับเสืออากาศ 24/7 ที่คิดว่ามีแต่คนไทยแท้ กับ
คนไทยเชื้อสายจีน ที่มีสิทธิครอบครองที่ดินอย่างมีเกียรติ เพราะร่วมสร้างชาติกันมา ม้ง เย้า กะเหรี่ยง มูเซอ เป็นแค่ผู้อาศัย แต่คนไทย ชนชั้นนำไทยก็มีเมตตา ดูแลให้ที่ทำกินให้การศึกษา นี่ไม่ได้เหยียดเลยนะ
แบบเดียวกับคนมลายูมุสลิม 3 จังหวัดใต้ ซึ่งคนไทยในกรุงที่อากงอาม่ามาจากซัวเถา ก็มองเหมือนเสืออากาศว่า พวกนี้ไม่ใช่ไทย ไม่เคยร่วมรบในประวัติศาสตร์ชาติไทย ไม่ได้มาจากเทือกเขาอัลไต ไม่รู้ครอบครองที่ดินได้ไง
ย้ำอีกที นี่ไม่ได้เหยียดเลยนะ คนชั้นกลางอนุรักษนิยมไทย (สลิ่มนั่นแหละ) มีการศึกษา บ้างก็จบเมืองนอกเมืองนา ทัดเทียมหรือเก่งกว่าฝรั่ง ไม่ใช่พวกเหยียดผิวเหยียดเพศอย่างที่ชาวโลกประณาม มีรสนิยม มีวัฒนธรรม ไม่เคยเหยียดหยามคนต้อยต่ำกว่า เพราะยึดหลักพุทธธรรม แม้เห็นคนไม่เท่ากัน ก็มีเมตตา
แต่อย่าเสือกเรียกร้องความเท่าเทียม เพราะยังไงก็ไม่เท่ากัน ไม่งั้นฉุนขาด แบบดีไซเนอร์ ถ้าม้งไม่เลิกคบอนาคตใหม่ ก็จะไม่ซื้อผ้าม้งอีกต่อไป
นี่เป็นตลกร้ายว่า ฝ่ายอนุรักษนิยมจะปลุกความเกลียดชัง ละเมิดสิทธิมนุษยชนสุดโต่งอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยพลาดพลั้งบ้าง โดนถล่มเละ
แบบพรรคอนาคตใหม่ขับ 4 ส.ส.แล้วมีใครไม่ทราบเอาตุ๊กตาตัวเงินตัวทอง 4 ตัวไปวาง ก็โดนพรรคพลังประชารัฐหาว่าย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน เออ แล้วที่ 4 ส.ส.ละเมิดเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกเข้ามา ไม่ยักพูดบ้าง
นึกถึงปี 2518 ตอน 3 ส.ส.พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย แหกมติพรรคโหวตคึกฤทธิ์เป็นนายกฯ แล้วถูกขับออก ก็มีคนนำชื่อ 3 ส.ส.ไปจารึกบนหนังหมา คือไถหนังหมาเป็นชื่อ แล้วปล่อยหมาเดินแถวหอใหญ่ มธ. เป็นภาพในหน้าหนังสือพิมพ์สมัยนั้น
ถ้าเป็นสมัยนี้ คงแชร์สนั่น ขบวนประชาธิปไตยโดนทั้งข้อหาละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน แถมทารุณสัตว์
น่าปลื้มใจว่าสังคมพัฒนา ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้นในการเคารพสิทธิ ตั้งแต่มนุษย์ไปถึงสัตว์ ปกป้องการละเมิดศักดิ์ศรี แต่ถ้าเน้นเรื่องเหล่านี้แล้วมองข้ามสิทธิประชาธิปไตย เสรีภาพทางการเมือง จะเรียกว่าดัดจริตได้ไหม
เพราะวิวัฒนาการเรื่องสิทธิ หรือประชาธิปไตยทางวัฒนธรรม ในสังคมบริโภคที่คนชั้นกลางเป็นใหญ่ บางครั้ง มันกลับเข้ากันได้ ไปกันได้ กับประชาธิปไตยจอมปลอมหรือเผด็จการ
เช่น นักสิทธิสตรีอาจภาคภูมิใจก็ได้ รัฐบาล คสช.ตั้งผู้หญิงเป็นอธิบดีเป็นปลัดกระทรวงมากเป็นประวัติการณ์ น่าจะเขียนหนังสือ “ผู้หญิงกับรัฐประหาร” โดยทำลืมๆ ว่า “อีปู” เป็นนายกฯหญิงคนแรกของเมืองไทย
เพศที่สาม LGBT ก็มีบทบาทตั้งแต่เวทีพันธมิตร กปปส. จนถึงพรรคอนาคตใหม่ แถมกลายเป็นงูเห่าก็ได้ ไม่มีใครว่าอะไร แต่อย่าจูบปากกันในสภา น่าอับอายยิ่งกว่าการรับใช้รัฐประหาร ส.ว.เรียกร้องให้ลาออก
สิทธิสัตว์ก็ได้มาจากเผด็จการ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์เป็นผลงานชิ้นแรกๆ ของ สนช. เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ผ่าท้องปลาวาฬปลาโลมาปลาพะยูนออกมา เจอถุงพลาสติก ร่ำไห้กันทั้งประเทศ จนนำมาสู่การประกาศสงครามกับถุงก๊อบแก๊บ เบลอภาพในทีวี ร้ายกาจเทียบเท่าเหล้า บุหรี่ และหัวนม
แต่ทีผู้ลี้ภัยถูกฆ่าผ่าท้องยัดแท่งปูนถ่วงน้ำ สังคมไทยคงถือเป็นกฎแห่งกรรม ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตคนชั้นกลางในภาพรวม
เผยแพร่ครั้งแรกใน: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/hot-topics/news_3318202
แบบประวิตร “ฮึ่มใส่” ธนาธรว่ารัฐบาลดูแลกลุ่มชาติพันธุ์มาตลอด
จนมีที่ทำกิน มีที่อยู่อาศัย ก็ไม่ต่างกับนักร้องแวนโก๊ะ
ที่ว่าประเทศนี้ดูแลคนม้งอย่างดี ให้มีการศึกษา จน “สุนัขม้ง”
บางตัวได้เป็น ส.ส.อนาคตใหม่
จิตสำนึกของคนชั้นกลางอนุรักษนิยม ก็ไม่ต่างกับเสืออากาศ 24/7 ที่คิดว่ามีแต่คนไทยแท้ กับคนไทยเชื้อสายจีน ที่มีสิทธิครอบครองที่ดินอย่างมีเกียรติ เพราะร่วมสร้างชาติกันมา ม้ง เย้า กะเหรี่ยง มูเซอ เป็นแค่ผู้อาศัย แต่คนไทย ชนชั้นนำไทยก็มีเมตตา ดูแลให้ที่ทำกินให้การศึกษา นี่ไม่ได้เหยียดเลยนะ
แบบเดียวกับคนมลายูมุสลิม 3 จังหวัดใต้ ซึ่งคนไทยในกรุงที่อากงอาม่ามาจากซัวเถา ก็มองเหมือนเสืออากาศว่า พวกนี้ไม่ใช่ไทย ไม่เคยร่วมรบในประวัติศาสตร์ชาติไทย ไม่ได้มาจากเทือกเขาอัลไต ไม่รู้ครอบครองที่ดินได้ไง
ย้ำอีกที นี่ไม่ได้เหยียดเลยนะ คนชั้นกลางอนุรักษนิยมไทย (สลิ่มนั่นแหละ) มีการศึกษา บ้างก็จบเมืองนอกเมืองนา ทัดเทียมหรือเก่งกว่าฝรั่ง ไม่ใช่พวกเหยียดผิวเหยียดเพศอย่างที่ชาวโลกประณาม มีรสนิยม มีวัฒนธรรม ไม่เคยเหยียดหยามคนต้อยต่ำกว่า เพราะยึดหลักพุทธธรรม แม้เห็นคนไม่เท่ากัน ก็มีเมตตา
แต่อย่าเสือกเรียกร้องความเท่าเทียม เพราะยังไงก็ไม่เท่ากัน ไม่งั้นฉุนขาด แบบดีไซเนอร์ ถ้าม้งไม่เลิกคบอนาคตใหม่ ก็จะไม่ซื้อผ้าม้งอีกต่อไป
นี่เป็นตลกร้ายว่า ฝ่ายอนุรักษนิยมจะปลุกความเกลียดชัง ละเมิดสิทธิมนุษยชนสุดโต่งอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยพลาดพลั้งบ้าง โดนถล่มเละ
แบบพรรคอนาคตใหม่ขับ 4 ส.ส.แล้วมีใครไม่ทราบเอาตุ๊กตาตัวเงินตัวทอง 4 ตัวไปวาง ก็โดนพรรคพลังประชารัฐหาว่าย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน เออ แล้วที่ 4 ส.ส.ละเมิดเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกเข้ามา ไม่ยักพูดบ้าง
นึกถึงปี 2518 ตอน 3 ส.ส.พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย แหกมติพรรคโหวตคึกฤทธิ์เป็นนายกฯ แล้วถูกขับออก ก็มีคนนำชื่อ 3 ส.ส.ไปจารึกบนหนังหมา คือไถหนังหมาเป็นชื่อ แล้วปล่อยหมาเดินแถวหอใหญ่ มธ. เป็นภาพในหน้าหนังสือพิมพ์สมัยนั้น
ถ้าเป็นสมัยนี้ คงแชร์สนั่น ขบวนประชาธิปไตยโดนทั้งข้อหาละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน แถมทารุณสัตว์
น่าปลื้มใจว่าสังคมพัฒนา ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้นในการเคารพสิทธิ ตั้งแต่มนุษย์ไปถึงสัตว์ ปกป้องการละเมิดศักดิ์ศรี แต่ถ้าเน้นเรื่องเหล่านี้แล้วมองข้ามสิทธิประชาธิปไตย เสรีภาพทางการเมือง จะเรียกว่าดัดจริตได้ไหม
เพราะวิวัฒนาการเรื่องสิทธิ หรือประชาธิปไตยทางวัฒนธรรม ในสังคมบริโภคที่คนชั้นกลางเป็นใหญ่ บางครั้ง มันกลับเข้ากันได้ ไปกันได้ กับประชาธิปไตยจอมปลอมหรือเผด็จการ
เช่น นักสิทธิสตรีอาจภาคภูมิใจก็ได้ รัฐบาล คสช.ตั้งผู้หญิงเป็นอธิบดีเป็นปลัดกระทรวงมากเป็นประวัติการณ์ น่าจะเขียนหนังสือ “ผู้หญิงกับรัฐประหาร” โดยทำลืมๆ ว่า “อีปู” เป็นนายกฯหญิงคนแรกของเมืองไทย
เพศที่สาม LGBT ก็มีบทบาทตั้งแต่เวทีพันธมิตร กปปส. จนถึงพรรคอนาคตใหม่ แถมกลายเป็นงูเห่าก็ได้ ไม่มีใครว่าอะไร แต่อย่าจูบปากกันในสภา น่าอับอายยิ่งกว่าการรับใช้รัฐประหาร ส.ว.เรียกร้องให้ลาออก
สิทธิสัตว์ก็ได้มาจากเผด็จการ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์เป็นผลงานชิ้นแรกๆ ของ สนช. เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ผ่าท้องปลาวาฬปลาโลมาปลาพะยูนออกมา เจอถุงพลาสติก ร่ำไห้กันทั้งประเทศ จนนำมาสู่การประกาศสงครามกับถุงก๊อบแก๊บ เบลอภาพในทีวี ร้ายกาจเทียบเท่าเหล้า บุหรี่ และหัวนม
แต่ทีผู้ลี้ภัยถูกฆ่าผ่าท้องยัดแท่งปูนถ่วงน้ำ สังคมไทยคงถือเป็นกฎแห่งกรรม ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตคนชั้นกลางในภาพรวม
เผยแพร่ครั้งแรกใน: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/hot-topics/news_3318202
จิตสำนึกของคนชั้นกลางอนุรักษนิยม ก็ไม่ต่างกับเสืออากาศ 24/7 ที่คิดว่ามีแต่คนไทยแท้ กับคนไทยเชื้อสายจีน ที่มีสิทธิครอบครองที่ดินอย่างมีเกียรติ เพราะร่วมสร้างชาติกันมา ม้ง เย้า กะเหรี่ยง มูเซอ เป็นแค่ผู้อาศัย แต่คนไทย ชนชั้นนำไทยก็มีเมตตา ดูแลให้ที่ทำกินให้การศึกษา นี่ไม่ได้เหยียดเลยนะ
แบบเดียวกับคนมลายูมุสลิม 3 จังหวัดใต้ ซึ่งคนไทยในกรุงที่อากงอาม่ามาจากซัวเถา ก็มองเหมือนเสืออากาศว่า พวกนี้ไม่ใช่ไทย ไม่เคยร่วมรบในประวัติศาสตร์ชาติไทย ไม่ได้มาจากเทือกเขาอัลไต ไม่รู้ครอบครองที่ดินได้ไง
ย้ำอีกที นี่ไม่ได้เหยียดเลยนะ คนชั้นกลางอนุรักษนิยมไทย (สลิ่มนั่นแหละ) มีการศึกษา บ้างก็จบเมืองนอกเมืองนา ทัดเทียมหรือเก่งกว่าฝรั่ง ไม่ใช่พวกเหยียดผิวเหยียดเพศอย่างที่ชาวโลกประณาม มีรสนิยม มีวัฒนธรรม ไม่เคยเหยียดหยามคนต้อยต่ำกว่า เพราะยึดหลักพุทธธรรม แม้เห็นคนไม่เท่ากัน ก็มีเมตตา
แต่อย่าเสือกเรียกร้องความเท่าเทียม เพราะยังไงก็ไม่เท่ากัน ไม่งั้นฉุนขาด แบบดีไซเนอร์ ถ้าม้งไม่เลิกคบอนาคตใหม่ ก็จะไม่ซื้อผ้าม้งอีกต่อไป
นี่เป็นตลกร้ายว่า ฝ่ายอนุรักษนิยมจะปลุกความเกลียดชัง ละเมิดสิทธิมนุษยชนสุดโต่งอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยพลาดพลั้งบ้าง โดนถล่มเละ
แบบพรรคอนาคตใหม่ขับ 4 ส.ส.แล้วมีใครไม่ทราบเอาตุ๊กตาตัวเงินตัวทอง 4 ตัวไปวาง ก็โดนพรรคพลังประชารัฐหาว่าย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน เออ แล้วที่ 4 ส.ส.ละเมิดเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกเข้ามา ไม่ยักพูดบ้าง
นึกถึงปี 2518 ตอน 3 ส.ส.พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย แหกมติพรรคโหวตคึกฤทธิ์เป็นนายกฯ แล้วถูกขับออก ก็มีคนนำชื่อ 3 ส.ส.ไปจารึกบนหนังหมา คือไถหนังหมาเป็นชื่อ แล้วปล่อยหมาเดินแถวหอใหญ่ มธ. เป็นภาพในหน้าหนังสือพิมพ์สมัยนั้น
ถ้าเป็นสมัยนี้ คงแชร์สนั่น ขบวนประชาธิปไตยโดนทั้งข้อหาละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน แถมทารุณสัตว์
น่าปลื้มใจว่าสังคมพัฒนา ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้นในการเคารพสิทธิ ตั้งแต่มนุษย์ไปถึงสัตว์ ปกป้องการละเมิดศักดิ์ศรี แต่ถ้าเน้นเรื่องเหล่านี้แล้วมองข้ามสิทธิประชาธิปไตย เสรีภาพทางการเมือง จะเรียกว่าดัดจริตได้ไหม
เพราะวิวัฒนาการเรื่องสิทธิ หรือประชาธิปไตยทางวัฒนธรรม ในสังคมบริโภคที่คนชั้นกลางเป็นใหญ่ บางครั้ง มันกลับเข้ากันได้ ไปกันได้ กับประชาธิปไตยจอมปลอมหรือเผด็จการ
เช่น นักสิทธิสตรีอาจภาคภูมิใจก็ได้ รัฐบาล คสช.ตั้งผู้หญิงเป็นอธิบดีเป็นปลัดกระทรวงมากเป็นประวัติการณ์ น่าจะเขียนหนังสือ “ผู้หญิงกับรัฐประหาร” โดยทำลืมๆ ว่า “อีปู” เป็นนายกฯหญิงคนแรกของเมืองไทย
เพศที่สาม LGBT ก็มีบทบาทตั้งแต่เวทีพันธมิตร กปปส. จนถึงพรรคอนาคตใหม่ แถมกลายเป็นงูเห่าก็ได้ ไม่มีใครว่าอะไร แต่อย่าจูบปากกันในสภา น่าอับอายยิ่งกว่าการรับใช้รัฐประหาร ส.ว.เรียกร้องให้ลาออก
สิทธิสัตว์ก็ได้มาจากเผด็จการ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์เป็นผลงานชิ้นแรกๆ ของ สนช. เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ผ่าท้องปลาวาฬปลาโลมาปลาพะยูนออกมา เจอถุงพลาสติก ร่ำไห้กันทั้งประเทศ จนนำมาสู่การประกาศสงครามกับถุงก๊อบแก๊บ เบลอภาพในทีวี ร้ายกาจเทียบเท่าเหล้า บุหรี่ และหัวนม
แต่ทีผู้ลี้ภัยถูกฆ่าผ่าท้องยัดแท่งปูนถ่วงน้ำ สังคมไทยคงถือเป็นกฎแห่งกรรม ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตคนชั้นกลางในภาพรวม
เผยแพร่ครั้งแรกใน: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/hot-topics/news_3318202

Inga kommentarer:
Skicka en kommentar