ข่าวลับกรองแล้ว
โดยเสียงประชาชนไทย(สปท.) 29 พฤศจิกายน 2555
Ø แผนการชุมนุมม็อบแช่แข็ง เสธ.อ้าย ตั้งแต่ 28 ตค.55 ถึง 24 พย. 55 บริการจัดการโดยเครือข่ายราชสำนักปีกกษัตริย์ภูมิพล ที่มอบอำนาจผ่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพื่อขัดขวางไม่ให้ฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์และจะสถาปนาพระเทพฯขึ้นเป็นกษัตริย์แทน ซึ่งมีการเตรียมการณ์โดยแก้ไขกฎมณเฑียรบาลและกำหนดเส้นทางเดินโดยเขียนไว้ใน รธน.40 และ รธน.50 แผนวางไว้ตั้งแต่ทำรัฐประหารตั้งแต่ 19 พย. 49 แต่จัดการไม่แล้วเสร็จด้วยเหตุเพราะกษัตริย์ภูมิพลยังหวงอำนาจไม่ยอมลงจากราชบัลลังก์ ความปั่นป่วนทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยจึงเกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 6 ปีเศษ และยังจะเกิดต่อไปจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนรัชกาลใหม่
Ø การชุมนุมม็อบแช่แข็ง เสธ.อ้าย เมื่อ 28 ตค. 55 เป็นการชิมลางทดลองความสามารถของ เสธ.อ้าย และความพร้อมของมวลชนเสื้อเหลืองหลังจากหยุดไปนาน หลังจากสัญญาณการป่วยหนักของกษัตริย์ภูมิพลระยะสุดท้ายตั้งแต่เมื่อครั้งแต่งตัวสามเหล่าทัพ ซึ่งเป็นการทำโปรโมชั่นให้พระเทพฯ ตั้งแต่ทุ่งมะขามหย่องจนถึงราชบุรี กำลังหลักเป็นมวลชนจัดตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ใน กทม. และจังหวัดใกล้เคียงโดยเฉพาะที่ จ.กาญจนบุรี ในเครือข่ายของ สส.ประชา โพธิพิพิธ (กำนันเซียะ) เมื่อเห็นว่าพอไปได้จึงกำหนดวันชุมนุมต่อไปโดยประสานกับพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเปิดอภิปรายล้มรัฐบาลในสภา หลังจากรู้วันอภิปรายเป็น วันอาทิตย์ 25 พย. แล้ว จึงกำหนดการชุมนุม ม็อบแช่แข็งเป็น 24 พย.
Ø ก่อนถึง 24 พย.โทรทัศน์ astv ของสนธิ ลิ้ม และ bluesky tv ของ ปชป. และ วิทยุชุมชน ของ ปชป. ในภาคใต้และภาคเหนือบางจังหวัด เช่น วิทยุวิหคเรดิโอ เชียงใหม่ ได้ป่าวประกาศปลุกระดมเตรียมการขนคนไปชุมนุมที่กรุงเทพ นายอภิสิทธ์-สุเทพ และแกนนำ ปชป. ได้ออกเดินสายทั่วประเทศเปิดปราศรัยปลุกระดมให้เกลียดชังทักษิณและกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีเพื่อปูพื้นฐานเตรียมล้มรัฐบาล นอกรัฐสภาประสานกับม็อบเสธ.อ้าย
Ø พล.อ.เปรม ส่งลูกสมุนคนใกล้ชิดอย่างเช่น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ พล.ร.อ.พระจุลย์ ตามประทีป พล.อ. พงศ์เทพ เทพประทีป พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรสุข พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เข้าร่วมสนับสนุนและเป็นแกนนำกับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์(เสธ.อ้าย) ดังนั้นจึงเห็นชัดเจนว่าเป็นม็อบของกษัตริย์ภูมิพล แม้แต่กองทัพบกที่มีกำหนดการซ้อมใหญ่สวนสนามเพื่อเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวาในพื้นที่การชุมนุมยังต้องหลีกทางให้
Ø คืน 22 พย. กองทัพธรรมและนักบวชนอกรีดสันติอโศก เริ่มมาเตรียมการชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง และเที่ยงของ 23 พย. ก็เริ่มติดตั้งเต็นท์ที่พักและก่อสร้างส้วมเพื่อเตรียมชุมนุมยืดเยื้อโดยวัสดุทุกอย่างเป็นของใหม่แกะกล่องทั้งสิ้น
Ø 23 พย. ข่าวลับที่กองพล 9 กาญจนบุรี มีคำสั่งให้ทหารเตรียมพร้อม หัวหน้าหน่วยได้รับโทรศัพท์มือถือพร้อมซิมใหม่ เพื่อวางระบบเครือข่ายการติดต่อเป็นการลับ ที่เชียงใหม่โรงพยาลทหารได้รับคำสั่ง “รหัสเทา” (หมายถึงคำสั่งเตรียมพร้อมสูงสุด ทหารทุกนาย หมอ พยาบาล ห้ามป่วย ห้ามลา ห้ามขาด)
Ø สำหรับนายทหารระดับสูงในกองทัพก็กล้าๆกลัวๆ เพราะทราบข่าวมาว่ากษัตริย์ภูมิพลอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถสั่งการอะไรได้ ส่วนราชินีสิริกิตย์ก็ยังอยู่ในอาการป่วยหนักไม่สามารถสั่งการอะไรได้เช่นกัน และมีการข่าวภายในสำนักราชวังว่าสมเด็จพระบรมฯ ได้ทำการรวบอำนาจภายในราชสำนักและวางคนล้อม รพ.ศิริราช เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากสถานการณ์นี้จึงไม่มีนายทหารนายใดกล้าพอที่จะกระทำการรัฐประหารเพราะงานนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาคือมีผู้ลงนามรับรองหลังการรัฐประหาร หากทำการรัฐประหารลงไป ผลสุดท้ายก็คงจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ทั้งครอบครัวแน่นอน
Ø แผนลับม้วนเดียวจบของม็อบแช่แข็งที่อ้างว่าเป็นไม้เด็ดคือ สร้างเงื่อนไขให้ทหารออกมารัฐประหารล้มรัฐบาลและใช้การชุมนุมม็อบแช่แข็งเป็นข้ออ้างที่คาดการว่าจะปลุกระดมให้คนเข้ามาชุมนุมประมาณแสนคนแล้วเคลื่อนพลไปรพ.ศิริราชเพื่อถวายพระราชอำนาจคืนโดยใช้เหตุการณ์ 14 ตุลาโมเดล(14 ตค. 16) โดยการเปิดเผยต่อสื่อข่าวของ พล.ต.อ.วศิษฐ์ เดชกุญชร คนสนิทกษัตริย์ภูมิพล(แกนนำคนหนึ่งของม็อบแช่แข็ง) ที่ส่งสัญญาณขู่รัฐบาลว่าการปราบม็อบเสธ.อ้ายจะนำไปสู่วันมหาวิปโยค 14 ตุลา 16 กล่าวคือเหตุการณ์ 14 ตุลา นักศึกษารวมตัวกันเดินขบวนไปหากษัตริย์ภูมิพลที่วังสวนจิตรลดา เพื่อขอรัฐธรรมนูญแล้วก็ถูกรัฐบาลจอมพลถนอมปราบแล้วกษัตริย์ภูมิพลก็ใช้สถานการณ์ความวุ่นวายนั้นล้มรัฐบาลจอมพลถนอม ม็อบเสธ.อ้ายก็จะทำแบบเดียวกันโดยเคลื่อนขบวนจากลานพระรูปผ่านถนนราชดำเนินไป รพ.ศิริราช เพื่อยื่นหนังสือถวายพระราชอำนาจคืน (เท่ากับล้มรัฐบาลประชาธิปไตย น.ส.ยิ่งลักษณ์) ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ปราบรัฐบาลก็ล้มทันที หากปราบกษัตริย์ภูมิพลก็จะถือโอกาสขับไล่รัฐบาลเช่นเดียวกับรัฐบาลจอมพลถนอม ด้วยเหตุนี้สะพานมัฆวานจึงเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่อถนนราชดำเนินนอกและใน จากลานพระรูปถึงสะพานพระปิ่นเกล้าข้ามเจ้าพระยาไป รพ.ศิริราช............ กำลังตำรวจจึงบล็อกที่สะพานมัฆวานตัดขาดการต่อเชื่อมไม่ให้ม็อบแช่แข็งผ่าน
Ø ตัวแปรที่ม็อบแช่แข็งคาดไม่ถึงคือ 1. จำนวนคนที่มาน้อย 2. ความไร้ระเบียบของกองกำลังการ์ดจึงเกิดเหตุโยนแก๊สน้ำตาใส่ตำรวจก่อน 3. การรุกรบกดดันอย่างรวดเร็วของเจ้าหน้าที่ 4. เงื่อนไขฟ้าชายที่ไม่พอใจการชุมนุมนี้
Ø ปัจจัยหลักที่ทำให้ม็อบแช่แข็งต้องแข็งทื่อตายอย่างรวดเร็วที่ พล.อ. เปรมก็คาดไม่ถึง ก็คือ ความไม่พอพระทัยของสมเด็จพระบรมฯ ที่การชุมนุมนี้เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเป้าหมายที่ปกปิดก็คือการสร้างความวุ่นวายในการสืบราชสมบัติของสมเด็จพระบรมฯ ที่จะขึ้นเป็นรัชกาลที่ 10 อีกทั้งสถานที่ชุมนุมก็เป็นเขตพระราชฐาน วังสวนอัมพรที่ประทับและที่รับแขกเมืองของฟ้าชาย ( 24 พย. มีงานนิทัศการของพระองค์ภา ในบริเวณวังสวนอัมพรจึงกลายเป็นงานร้าง และจันทร์ 26 พย. จะมีฑูตต่างประเทศไปถวายสารตราตั้ง ณ. พระราชวังสวนอัมพร ก็จะเกิดการขัดข้องทั้งหมด) ดังนั้นเย็นวันเสาร์ที่ 24 พย. ก่อนที่เสธ.อ้ายจะยอมแพ้อย่างกะทันหันเจ้าหน้าที่สภาจึงเห็นขบวนรถของสมเด็จพระบรมฯ ขับผ่านถนนอู่ทองในหน้ารัฐสภาไปเติมน้ำมันที่สนามเสือป่าข้างม็อบเสธ.อ้ายแล้วก็มีโทรศัพท์ลึกลับไปถึง เสธ.อ้าย โดยเสธ.อ้ายขึ้นไปพูดบนรถบัสปรับอากาศซึ่งเป็นกองบัญชาการของม็อบแช่แข็ง หลังจากนั้น เสธ.อ้ายก็ประกาศยุติการชุมนุมและประกาศว่าชื่อเสธ.อ้ายตายไปแล้วจากโลกนี้
Ø ภาพการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาที่มีความวุ่นวายยิ่งเห็นชัดว่าหากม็อบแช่แข็งไม่ถูกสลายก่อนจะเกิดพลังความวุ่นวายประสานกันทั้งในสภาและนอกสภาเชื่อแน่ว่าวันนี้คงเกิดการเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว
Ø ความพ่ายแพ้ของม็อบแช่แข็งซึ่งเป็นหุ่นเชิดของ พล.อ.เปรม แม้จะทำให้พลังเสื้อเหลืองอ่อนลงไปในระดับหนึ่งและทำให้พลังเสื้อแดงเกิดการเตรียมพร้อมและยกระดับความเข้มแข็งขึ้นระดับหนึ่งแต่เชื่อได้ว่าสังคมไทยยังไม่มีความสงบและจะเกิดความขัดแย้งขั้นแตกหักในเร็วๆนี้ด้วยเหตุเพราะกษัตริย์หมดสภาพที่จะควบคุมอำนาจและเป็นแบ็คให้แก่กลุ่มทหารเผด็จการในกองทัพที่มีผลประโยชน์สอดคล้องกันในการเชิดพระเทพฯขึ้นเป็นกษัตริย์และใช้บารมีของพระเทพฯปกครองแผ่นดินแสวงหาอำนาจร่วมกันต่อ จากข่าวล่าสุดที่เครือข่ายราชสำนักพยายามหลอกลวงประชาชนว่ากษัตริย์ภูมิพลยังมีสุขภาพแข็งแรง โดยเผยแพร่ภาพข่าวเครือข่ายสังคมออนไลน์ว่ากษัตริย์ภูมิพลสามารถลุกขึ้นเดินได้แล้วก็ดี สามารถรับประธานาธิบดีโอบาม่าและนายเวิน เจีย เป่า นายกฯจีน ได้ก็ดี ก็ถูกหัดล้างด้วยภาพข่าวโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ล่าสุดที่คัดภาพที่ดีที่สุดเผยแพร่ต่อสังคมคือภาพนั่งรถเข็นไปป้อนหญ้าวัวที่วังสวนจิตรลดาที่ทุกคนเห็นแล้วก็เข้าใจตรงกันว่าหน้าของพระองค์นั้นทรงพระเอ๋อแล้ว จึงน่าเชื่อได้ว่าสมองของพระองค์คงจะเสื่อมสภาพมากแล้วจึงทำให้หน้าตาเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเวลาการเปลี่ยนรัชกาลใหม่จึงใกล้ที่จะต้องเกิดอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงแล้ว ดังนั้นฝ่ายที่จะขัดขวางการขึ้นครองราชย์ของฟ้าชายก็จะยิ่งเร่งรีบช่วงชิงอำนาจจากรัฐบาลและสภา เพราะรัฐธรรมนูญที่กษัตริย์ภูมิพลโดย พล.อ.เปรม บัญญัติไว้ในหมวดพระมหากษัตริย์กำหนดให้รัฐบาลเป็นผู้นำเสนอชื่อของกษัตริย์พระองค์ใหม่ต่อรัฐสภา
Ø ภาพการปรากฏตัวต่อสาธารณะชนที่มีความถี่มากขึ้นในช่วงนี้ของกษัตริย์ภูมิพล ล่าสุดเมื่อ 28 พย. เสด็จลงจากที่ประทับ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ศิริราช พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพฯ เพื่อมาลอยกระทง แต่เมื่อสังเกตประมวลภาพข่าวแล้ว กษัตริย์ภูมิพลควบคุมริมฝีปากได้ลำบากมาก
Ø จากสถานการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมาในข้างต้นนี้ ในวันที่ 5 ธันวา กษัตริย์ภูมิพล จะเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคมได้จริงหรือไม่ หากไม่ปรากฏหรือปรากฏแล้วแต่ไม่สามารถพูดหรือสื่อสารอะไรได้เลย ก็แสดงว่าอาการเจ็บป่วยเริ่มจะหนักมากแล้วซึ่งอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในไม่ช้า