fredag 30 november 2012

"ไปด้วยกัน อยู่ด้วยกัน ไม่ทิ้งกัน" สุดยอดของหัวหน้าผู้มีจิตสำนึกในการทำหน้าที่เป็นผู้นำที่ดีที่คนในสังคมไทยควรยกย่องและเอาเป็นตัวอย่าง เราขอยกย่องชมเชยและส่งกำลังใจมายัง พล.ต.ต. คัดชา และพี่น้องตำรวจทุกนาย ขอให้พวกท่านทำหน้าที่รักษาความดีไว้ตลอดไป ให้เป็นตัวอย่างแก่คนในสังคมไทย ว่าค่าของคนอยู่ที่การกระทำมีความเท่าเทียมกัน ไม่ได้หลงมัวเมาในหัวโขนที่เขาสวมให้ !






วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 19:50:46 น.


 


 
ใครเอ่ย? คอลัมน์ หลุด มติชน 30 พ.ย. 2555
                                                                           
ภาพนี้บันทึ
กไว้ระหว่างวัน ห้วงการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน
หลัง การผลักดันระหว่างม็อบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงเช้า เพื่อรักษาพื้นที่บริเวณแยกสวนมิสกวัน โดยทั้งสองฝ่ายมีอาวุธลับคือ แก๊สน้ำตากระป๋อง เรียกว่าน้ำตารื้นไปตามๆ กัน
พลันที่ควบคุม เหตุการณ์ให้อยู่ในภาวะปกติได้สำเร็จ กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง ชุดปราบจลาจล (ปจ.) จึงแตะมือผลัดเวรกันมานั่งกินข้าวกล่อง
แต่ที่ คุ้นตาเห็นจะเป็น ปจ.นายนี้ เพราะคุ้นหน้าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เลยเพ่งพินิจดูชัดๆ แล้วก็ถึงบางอ้อ เพราะไม่ใช่ใครที่ไหน พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี นั่นเอง งานนี้ท่านนายพลนั่งกินข้าวรวมกับลูกน้องบนฟุตปาธชนิดไม่ถือตัว
เปิบมื้อนี้ก็อร่อยไปอีกแบบจริงมั้ยท่าน...(ฮา)


   ไม่มีเวลาถอดหมวก



    





ไปด้วยกัน อยู่ด้วยกัน ไม่ทิ้งกัน
                                 
  http://www.matichon.co.th/online/2012/11/13542770031354279578l.jpg



“ ไม่มีสวรรค์สำหรับเรา “.........สิ้นคำจำนรรจ์...รอวันสวรรค์ล่ม แผ่นฟ้าถล่ม...ความนิยมเสื่อมสี ศรัทธาวางวาย...สวรรค์คลายความดี คนกลายเป็นผี...สู่อเวจีนิรันดร์


ขุนเขาบอก :

“ ไม่มีสวรรค์สำหรับเรา “.........


ไม่มีคำตอบ...จากสรวงสวรรค์

ภาพที่เคยฝัน...ไม่มีวันได้เห็น
ประชาเป็นใหญ่...ชาติไทยร่มเย็น
แต่ภาพที่เห็น...เลือดกระเซ็นนครา

สวรรค์ปิดตา...แผ่นฟ้ามัวหม่น

เย็นชาเหลือทน...ผู้คนครหา
เห็นถูกเป็นผิด...ปิดหูปิดตา
ไฟไหม้นครา...ไม่ชายตามอง

เป็นจริงหรือนั่น...สวรรค์ลำเอียง

หรือเราแค่เพียง...พลเมืองชั้นสอง
เป็นทาสเป็นไพร่...สวรรค์ไซร์ไม่มามอง
ล้านเสียงเรียกร้อง...ถูกมองแค่ธุลี

สิ้นคำจำนรรจ์...รอวันสวรรค์ล่ม

แผ่นฟ้าถล่ม...ความนิยมเสื่อมสี
ศรัทธาวางวาย...สวรรค์คลายความดี
คนกลายเป็นผี...สู่อเวจีนิรันดร์

ขอหัวเราะเยาะเย้ย...เหวยๆฟ้า

พสุธา...รอวันฟ้า ”สิ้นอาสัญ”
จักผุดร่างสร้างเมือง...เรืองนิรันดร์
เบื้องฟ้านั้น “ ไม่มีสวรรค์สำหรับเรา “.........

ข่าวลับกรองแล้ว



ข่าวลับกรองแล้ว

โดยเสียงประชาชนไทย(สปท.) 29 พฤศจิกายน 2555
Ø           แผนการชุมนุมม็อบแช่แข็ง เสธ.อ้าย ตั้งแต่ 28 ตค.55 ถึง 24 พย. 55 บริการจัดการโดยเครือข่ายราชสำนักปีกกษัตริย์ภูมิพล ที่มอบอำนาจผ่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพื่อขัดขวางไม่ให้ฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์และจะสถาปนาพระเทพฯขึ้นเป็นกษัตริย์แทน  ซึ่งมีการเตรียมการณ์โดยแก้ไขกฎมณเฑียรบาลและกำหนดเส้นทางเดินโดยเขียนไว้ใน รธน.40 และ รธน.50 แผนวางไว้ตั้งแต่ทำรัฐประหารตั้งแต่ 19 พย. 49 แต่จัดการไม่แล้วเสร็จด้วยเหตุเพราะกษัตริย์ภูมิพลยังหวงอำนาจไม่ยอมลงจากราชบัลลังก์  ความปั่นป่วนทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยจึงเกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 6 ปีเศษ และยังจะเกิดต่อไปจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนรัชกาใหม่

Ø         การชุมนุมม็อบแช่แข็ง เสธ.อ้าย เมื่อ 28 ตค. 55 เป็นการชิมลางทดลองความสามารถของ เสธ.อ้าย และความพร้อมของมวลชนเสื้อเหลืองหลังจากหยุดไปนาน  หลังจากสัญญาณการป่วยหนักของกษัตริย์ภูมิพลระยะสุดท้ายตั้งแต่เมื่อครั้งแต่งตัวสามเหล่าทัพ  ซึ่งเป็นการทำโปรโมชั่นให้พระเทพฯ ตั้งแต่ทุ่งมะขามหย่องจนถึงราชบุรี  กำลังหลักเป็นมวลชนจัดตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ใน กทม.  และจังหวัดใกล้เคียงโดยเฉพาะที่ จ.กาญจนบุรี ในเครือข่ายของ สส.ประชา โพธิพิพิธ (กำนันเซียะ)  เมื่อเห็นว่าพอไปได้จึงกำหนดวันชุมนุมต่อไปโดยประสานกับพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเปิดอภิปรายล้มรัฐบาลในสภา  หลังจากรู้วันอภิปรายเป็น วันอาทิตย์ 25 พย. แล้ว จึงกำหนดการชุมนุม ม็อบแช่แข็งเป็น 24 พย.
Ø        ก่อนถึง 24 พย.โทรทัศน์ astv ของสนธิ ลิ้ม และ bluesky tv ของ ปชป. และ วิทยุชุมชน ของ ปชป. ในภาคใต้และภาคเหนือบางจังหวัด เช่น วิทยุวิหคเรดิโอ เชียงใหม่ ได้ป่าวประกาศปลุกระดมเตรียมการขนคนไปชุมนุมที่กรุงเทพ  นายอภิสิทธ์-สุเทพ และแกนนำ ปชป. ได้ออกเดินสายทั่วประเทศเปิดปราศรัยปลุกระดมให้เกลียดชังทักษิณและกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีเพื่อปูพื้นฐานเตรียมล้มรัฐบาล นอกรัฐสภาประสานกับม็อบเสธ.อ้าย
Ø        พล.อ.เปรม ส่งลูกสมุนคนใกล้ชิดอย่างเช่น พล.อ.สุรยุทธ์  จุลานนท์ พล.ร.อ.พระจุลย์  ตามประทีป  พล.อ. พงศ์เทพ  เทพประทีป พล.อ.ปฐมพงษ์  เกษรสุข  พล.ต.จำลอง  ศรีเมือง  เข้าร่วมสนับสนุนและเป็นแกนนำกับ พล.อ.บุญเลิศ  แก้วประสิทธิ์(เสธ.อ้าย) ดังนั้นจึงเห็นชัดเจนว่าเป็นม็อบของกษัตริย์ภูมิพล  แม้แต่กองทัพบกที่มีกำหนดการซ้อมใหญ่สวนสนามเพื่อเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวาในพื้นที่การชุมนุมยังต้องหลีกทางให้
Ø        คืน 22 พย. กองทัพธรรมและนักบวชนอกรีดสันติอโศก เริ่มมาเตรียมการชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง และเที่ยงของ 23 พย. ก็เริ่มติดตั้งเต็นท์ที่พักและก่อสร้างส้วมเพื่อเตรียมชุมนุมยืดเยื้อโดยวัสดุทุกอย่างเป็นของใหม่แกะกล่องทั้งสิ้น
Ø         23 พย.  ข่าวลับที่กองพล 9 กาญจนบุรี มีคำสั่งให้ทหารเตรียมพร้อม  หัวหน้าหน่วยได้รับโทรศัพท์มือถือพร้อมซิมใหม่ เพื่อวางระบบเครือข่ายการติดต่อเป็นการลับ  ที่เชียงใหม่โรงพยาลทหารได้รับคำสั่ง “รหัสเทา” (หมายถึงคำสั่งเตรียมพร้อมสูงสุด  ทหารทุกนาย หมอ พยาบาล ห้ามป่วย ห้ามลา ห้ามขาด)
Ø        สำหรับนายทหารระดับสูงในกองทัพก็กล้าๆกลัวๆ เพราะทราบข่าวมาว่ากษัตริย์ภูมิพลอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถสั่งการอะไรได้  ส่วนราชินีสิริกิตย์ก็ยังอยู่ในอาการป่วยหนักไม่สามารถสั่งการอะไรได้เช่นกัน  และมีการข่าวภายในสำนักราชวังว่าสมเด็จพระบรมฯ ได้ทำการรวบอำนาจภายในราชสำนักและวางคนล้อม รพ.ศิริราช เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากสถานการณ์นี้จึงไม่มีนายทหารนายใดกล้าพอที่จะกระทำการรัฐประหารเพราะงานนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาคือมีผู้ลงนามรับรองหลังการรัฐประหาร   หากทำการรัฐประหารลงไป ผลสุดท้ายก็คงจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ทั้งครอบครัวแน่นอน

Ø       แผนลับม้วนเดียวจบของม็อบแช่แข็งที่อ้างว่าเป็นไม้เด็ดคือ สร้างเงื่อนไขให้ทหารออกมารัฐประหารล้มรัฐบาลและใช้การชุมนุมม็อบแช่แข็งเป็นข้ออ้างที่คาดการว่าจะปลุกระดมให้คนเข้ามาชุมนุมประมาณแสนคนแล้วเคลื่อนพลไปรพ.ศิริราชเพื่อถวายพระราชอำนาจคืนโดยใช้เหตุการณ์ 14 ตุลาโมเดล(14 ตค. 16)  โดยการเปิดเผยต่อสื่อข่าวของ พล.ต.อ.วศิษฐ์  เดชกุญชร  คนสนิทกษัตริย์ภูมิพล(แกนนำคนหนึ่งของม็อบแช่แข็ง) ที่ส่งสัญญาณขู่รัฐบาลว่าการปราบม็อบเสธ.อ้ายจะนำไปสู่วันมหาวิปโยค 14 ตุลา 16   กล่าวคือเหตุการณ์ 14 ตุลา นักศึกษารวมตัวกันเดินขบวนไปหากษัตริย์ภูมิพลที่วังสวนจิตรลดา  เพื่อขอรัฐธรรมนูญแล้วก็ถูกรัฐบาลจอมพลถนอมปราบแล้วกษัตริย์ภูมิพลก็ใช้สถานการณ์ความวุ่นวายนั้นล้มรัฐบาลจอมพลถนอม  ม็อบเสธ.อ้ายก็จะทำแบบเดียวกันโดยเคลื่อนขบวนจากลานพระรูปผ่านถนนราชดำเนินไป รพ.ศิริราช เพื่อยื่นหนังสือถวายพระราชอำนาจคืน (เท่ากับล้มรัฐบาลประชาธิปไตย น.ส.ยิ่งลักษณ์)  ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ปราบรัฐบาลก็ล้มทันที หากปราบกษัตริย์ภูมิพลก็จะถือโอกาสขับไล่รัฐบาลเช่นเดียวกับรัฐบาลจอมพลถนอม  ด้วยเหตุนี้สะพานมัฆวานจึงเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่อถนนราชดำเนินนอกและใน จากลานพระรูปถึงสะพานพระปิ่นเกล้าข้ามเจ้าพระยาไป รพ.ศิริราช............  กำลังตำรวจจึงบล็อกที่สะพานมัฆวานตัดขาดการต่อเชื่อมไม่ให้ม็อบแช่แข็งผ่าน

Ø         ตัวแปที่ม็อบแช่แข็งคาดไม่ถึงคือ 1. จำนวนคนที่มาน้อย  2. ความไร้ระเบียบของกองกำลังการ์ดจึงเกิดเหตุโยนแก๊สน้ำตาใส่ตำรวจก่อน  3. การรุกรบกดดันอย่างรวดเร็วของเจ้าหน้าที่  4. เงื่อนไขฟ้าชายที่ไม่พอใจการชุมนุมนี้

Ø          ปัจจัยหลักที่ทำให้ม็อบแช่แข็งต้องแข็งทื่อตายอย่างรวดเร็วที่ พล.อ. เปรมก็คาดไม่ถึง ก็คือ ความไม่พอพระทัยของสมเด็จพระบรมฯ ที่การชุมนุมนี้เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเป้าหมายที่ปกปิดก็คือการสร้างความวุ่นวายในการสืบราชสมบัติของสมเด็จพระบรมฯ ที่จะขึ้นเป็นรัชกาที่ 10  อีกทั้งสถานที่ชุมนุมก็เป็นเขตพระราชฐาน  วังสวนอัมพรที่ประทับและที่รับแขกเมืองของฟ้าชาย ( 24 พย. มีงานนิทัศการของพระองค์ภา ในบริเวณวังสวนอัมพรจึงกลายเป็นงานร้าง  และจันทร์ 26 พย. จะมีฑูตต่างประเทศไปถวายสารตราตั้ง ณ. พระราชวังสวนอัมพร ก็จะเกิดการขัดข้องทั้งหมด)  ดังนั้นเย็นวันเสาร์ที่ 24 พย. ก่อนที่เสธ.อ้ายจะยอมแพ้อย่างกะทันหันเจ้าหน้าที่สภาจึงเห็นขบวนรถของสมเด็จพระบรมฯ ขับผ่านถนนอู่ทองในหน้ารัฐสภาไปเติมน้ำมันที่สนามเสือป่าข้างม็อบเสธ.อ้ายแล้วก็มีโทรศัพท์ลึกลับไปถึง เสธ.อ้าย   โดยเสธ.อ้ายขึ้นไปพูดบนรถบัสปรับอากาศซึ่งเป็นกองบัญชาการของม็อบแช่แข็ง  หลังจากนั้น เสธ.อ้ายก็ประกาศยุติการชุมนุมและประกาศว่าชื่อเสธ.อ้ายตายไปแล้วจากโลกนี้

Ø         ภาพการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาที่มีความวุ่นวายยิ่งเห็นชัดว่าหากม็อบแช่แข็งไม่ถูกสลายก่อนจะเกิดพลังความวุ่นวายประสานกันทั้งในสภาและนอกสภาเชื่อแน่ว่าวันนี้คงเกิดการเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว
Ø        ความพ่ายแพ้ของม็อบแช่แข็งซึ่งเป็นหุ่นเชิดของ พล.อ.เปรม  แม้จะทำให้พลังเสื้อเหลืองอ่อนลงไปในระดับหนึ่งและทำให้พลังเสื้อแดงเกิดการเตรียมพร้อมและยกระดับความเข้มแข็งขึ้นระดับหนึ่งแต่เชื่อได้ว่าสังคมไทยยังไม่มีความสงบและจะเกิดความขัดแย้งขั้นแตกหักในเร็วๆนี้ด้วยเหตุเพราะกษัตริย์หมดสภาพที่จะควบคุมอำนาจและเป็นแบ็คให้แก่กลุ่มทหารเผด็จการในกองทัพที่มีผลประโยชน์สอดคล้องกันในการเชิดพระเทพฯขึ้นเป็นกษัตริย์และใช้บารมีของพระเทพฯปกครองแผ่นดินแสวงหาอำนาจร่วมกันต่อ  จากข่าวล่าสุดที่เครือข่ายราชสำนักพยายามหลอกลวงประชาชนว่ากษัตริย์ภูมิพลยังมีสุขภาพแข็งแรง โดยเผยแพร่ภาพข่าวเครือข่ายสังคมออนไลน์ว่ากษัตริย์ภูมิพลสามารถลุกขึ้นเดินได้แล้วก็ดี  สามารถรับประธานาธิบดีโอบาม่าและนายเวิน เจีย เป่า นายกฯจีน ได้ก็ดี ก็ถูกหัดล้างด้วยภาพข่าวโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ล่าสุดที่คัดภาพที่ดีที่สุดเผยแพร่ต่อสังคมคือภาพนั่งรถเข็นไปป้อนหญ้าวัวที่วังสวนจิตรลดาที่ทุกคนเห็นแล้วก็เข้าใจตรงกันว่าหน้าของพระองค์นั้นทรงพระเอ๋อแล้ว   จึงน่าเชื่อได้ว่าสมองของพระองค์คงจะเสื่อมสภาพมากแล้วจึงทำให้หน้าตาเป็นเช่นนั้น   ดังนั้นเวลาการเปลี่ยนรัชกาลใหม่จึงใกล้ที่จะต้องเกิดอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงแล้ว  ดังนั้นฝ่ายที่จะขัดขวางการขึ้นครองราชย์ของฟ้าชายก็จะยิ่งเร่งรีบช่วงชิงอำนาจจากรัฐบาลและสภา  เพราะรัฐธรรมนูญที่กษัตริย์ภูมิพลโดย พล.อ.เปรม บัญญัติไว้ในหมวดพระมหากษัตริย์กำหนดให้รัฐบาลเป็นผู้นำเสนอชื่อของกษัตริย์พระองค์ใหม่ต่อรัฐสภา

Ø         ภาพการปรากฏตัวต่อสาธารณะชนที่มีความถี่มากขึ้นในช่วงนี้ของกษัตริย์ภูมิพล ล่าสุดเมื่อ 28 พย. เสด็จลงจากที่ประทับ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ศิริราช พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพฯ เพื่อมาลอยกระทง  แต่เมื่อสังเกตประมวลภาพข่าวแล้ว กษัตริย์ภูมิพลควบคุมริมฝีปากได้ลำบากมาก
Ø       จากสถานการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมาในข้างต้นนี้ ในวันที่ 5 ธันวา กษัตริย์ภูมิพล จะเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคมได้จริงหรือไม่ หากไม่ปรากฏหรือปรากฏแล้วแต่ไม่สามารถพูดหรือสื่อสารอะไรได้เลย ก็แสดงว่าอาการเจ็บป่วยเริ่มจะหนักมากแล้วซึ่งอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในไม่ช้า

torsdag 29 november 2012

ออกมาขู่ว่าจะฆ่า...เสนอหน้าได้ทุกวัน ประเทศนี้เป็นของมัน...หรือว่ามันคนมีสี รัฐบาลนิ่งดูดาย...ปล่อยให้ควายออกทีวี ที่เราเตือนด้วยหวังดี...ระวังไม่มีที่จักยืน......ปล่อยให้มันพล่ามอยู่ได้....เซ็งว่ะ เพราะ "ง้อยเหี้ยสั่งฆ่านั่งรถเข็น" พ่อ มันยังไม่ตาย มันจึงออกมาเห่า ขู่รายวัน เหมือนพวกสุนัขจนตรอก ...

ขุนเขาบอก :

ที่เราเตือนด้วยหวังดี...ระวังไม่มีที่จักยืน......ปล่อยให้มันพล่ามอยู่ได้....เซ็งว่ะ


ประเทศผไท...เป็นอะไรไปแล้ว

ปล่อยหมาปล่อยแมว...มาเจื้อยแจ้วออกสื่อ
ออกมาท้าทาย...เรียกควายเรียกกระบือ
สัมภาษณ์ออกสื่อ...เรียกระบือมาชุมนุม

ตระเตรียมอาวุธ...สัประยุทธ์รัฐบาล

เรียกร้องทหาร...ก่อการมั่วสุม
ลากปืนรถถัง...ออกมานั่งชุมนุม
นายทุนหลายกลุ่ม...ออกมาทุ่มเงินตรา

ทหารตัวเป้ง...ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม

ทหารกลาโหม...ออกประโคมข้อหา
รุ่นน้องรุ่นพี่...เรียกอีกทีคุณต้องมา
นี่มันประเทศบ้า...หรือว่าประเทศไทย

รัฐบาลเราเลือกมา...นั่งทำตามองปริบๆ

ปล่อยให้คนไม่กี่สิบ...ริบประเทศเลยใช่ไหม
ออกทีวีท้าทุกวัน...มันไม่เห็นเป็นอะไร
ปล่อยมันพล่ามกันอยู่ได้....ทีวีไทยจงเจริญ

มีทีวีแสนเสรี...กินภาษีสองพันล้าน

ไอ้อีผู้บริหาร...ส่อสันดานไม่เคอะเขิน
ไอ้เลือกสีอีเลือกข้าง...ชอบแอบอ้างเห็นแก่เงิน
แสนลำเอียงกันเหลือเกิน...เชื้อเชิญควายออกทีวี

ออกมาขู่ว่าจะฆ่า...เสนอหน้าได้ทุกวัน

ประเทศนี้เป็นของมัน...หรือว่ามันคนมีสี
รัฐบาลนิ่งดูดาย...ปล่อยให้ควายออกทีวี
ที่เราเตือนด้วยหวังดี...ระวังไม่มีที่จักยืน......ปล่อยให้มันพล่ามอยู่ได้....เซ็งว่ะ

onsdag 28 november 2012

......"พรรคการเมืองคุณภาพต่ำติดดิน"......คือพรรคประชาธิปัตย์. ....มันก็แค่เหลือบ หรือ มิจฉาชีพ ที่หากินกับอุดมการณ์ของประชาชนในประเทศนี้มาอย่างยาวนานนั่นเอง เป็นพรรคที่ สามารถทรยศต่อวิชาชีพ ทรยศต่ออำนาจของประชาชน แอบอิงอำนาจนอกระบบ ได้อย่างไม่เคอะเขิน หรือเหนียมอาย ประชาชนแม้แต่น้อย...........นอกจากนี้ยังเป็นพรรคการเมืองที่ขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติ กดขี่ข่มเหงประชาชน โดยใช้ ม.๑๑๒ จับกุมขคุมขังประชาชนผู้บริสุทธิมากที่สุด โดยเฉพาะกรณี "อากง"ที่ต้องตายในคุก เป็นรัฐบาลที่มีการทุจริตคดโกงเอื้อประโยชน์ให้นายทุนและพรรคพวกตัวเองมากที่สุด เป็นยุคที่มียาเสพติดระบาดมากที่สุด ทำให้ประเทศล้าหลังและผลงานอัปยศคือ"สั่งฆ่าประชาชน"๑๐เมษายน๑๕๕๓ ที่สี่แยกคอกวัวและ๑๙พฤษภาคม๒๕๕๓ที่ราชประสงค์ ที่ประชาชนชาวไทยจดจำพวก"ไอ้ฆาตกรเหี้ย" ไว้ในหัวใจไม่มีวันลืม.......

โดย   สายลมรัก

3 วัน ที่ผมถ่างตา ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง ผลสรุปก็คือ
ไม่มีอะไรระคายผิว

ไม่มีอะไรที่เห็นว่ารัฐบาล โกง จะ ๆ

นอกจากคำว่า ส่อไปในทางทุจริต ตามจินตนาการ

จริง ๆ ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า รัฐบาลนี้ต้องขาว สะอาด บริสุทธิมั้ย ตอบได้เลยว่ายาก และก็ไม่เคยเห็นว่ามีรัฐบาลไหนในสยามประเทศนี้ที่สามารถ ลงไปล้วงลึกหน่วยงานทุกระดับ ไม่ให้ทุจริตได้

ลองย้อนหลังไปถึงสมัยอยุธยาก็ได้ พ่อตา(เอาลูกสาวยกให้เป็นเมียกษัตริย์) คุมปากน้ำ ฝรั่งเอาเรือ มาเทียบก็รีดไถ โกงกิน จนโดนฆ่า เมื่อโดนยึดอำนาจ ก็มีให้เห็น มาตั้งแต่สมัยโบราณ

มันก็เป็นเพียง เกม ใครพูดเก่งกว่ากัน ให้คนไทยตัดสินใจ เลือกเอาว่า จะเอาคนพูดเก่ง แต่ทำงานหมาไม่แดก กับคนพูดไม่เก่ง พูดติด พูดขัด แต่ทำงานได้ยอดเยี่ยม

หรือ แม่ยกปากนิยม จริง ๆ หลัง ๆ ประชาธิปัตย์ จะนิยมพวก ปากตลาด กราดเกรี้ยว เถื่อนด้วย ออกมาเป็นดาวชูโรง

เช่น บุญยอด จิตป่วน

หรือ อีเถื่อน รังสิมา ที่ไม่รู้ว่า กำลังอภิปราย นโยบายบริหารบ้านเมือง หรือ ระบายอารมณ์ จากการทะเลาะกับผัวมาหมาด ๆ

ถึงได้ ตระโกนโว้ก เว้ก หลุดคำ ..หยาบ ออกมาได้ตลอดเวลา

------------------------------------------------------------------

ผมชอบคุณเฉลิม อยู่คำหนึ่ง ที่แกบอกว่า รัฐบาลไม่ได้กลัว แต่รู้ทัน ว่า

"ฝ่ายแค้นต้องการทำอะไร"

เพราะญัตติเบาหวิว ..แต่ต้องการให้ นายกฯ ที่พูด "ติด ๆ ขัด ๆ ลำดับ ซีเค้วนท์ ไม่เก่ง" (ซึ่งเป็นจุดบอดถาวรตลอดกาล)

เป็นคนตอบ แทนรัฐมนตรีทั้งหมด

แต่ก็ไม่น่าจะออกอาการ กลัวเฉลิม หรือกลัวนัฐวุฒิ จนออกอาการขนาดนั้น

ประชาธิปัตย์ ก็ยังคงเป็นประชาธิปัตย์ วันยังค่ำ

เรื่องงาน ไม่ต้องถาม

แต่ถ้าเรื่องพูด ไม่เคยเป็นรองใคร

ยังคงย่ำเท้า วนเวียน พันแข้งพันขา หายใจเข้าทักษิณ หายใจออกทักษิณ

โดยไม่เคย เฉลียวใจถามตัวเองเลยว่า ทำไมถึงแพ้เลือกตั้ง "ซ้ำแล้วซ้ำเล่า" "ซ้ำแล้วซ้ำเล่า"

นอกจากนี้ ยังถลำลึกไปอย่าง กู่ไม่กลับว่า

ประชาชนจำนวนมากในประเทศนี้ เกลียดชัง และไม่เลือกพรรคของพวกเขา เพราะเงิน

สมมติฐานพื้นฐานของพรรคการเมืองนี้คิดว่า ประชาชนทุกคน คู่กับการซื้อเสียง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ และต้องอยู่กับการซื้อขายเสียงตลอดไป

แต่ก็ยังมีบางตัว ชักเอะใจ แต่ดันไปโทษว่า เพราะเอเชีย อัพเดท ล้างสมอง เลยทำ บูลสกายมาแข่งขันบ้าง

เมื่อสมมติฐาน และความเข้าใจพื้นฐาน ของพรรคการเมืองนี้ต่อประชาชนของประเทศนี้ในเบื้องต้น คือ "โง่" "ซื้อได้" "ไร้สมอง" "ชอบละครน้ำเน่า"

มันก็จบ

ยุทธวิธี ใส่ร้ายป้ายสีลอย ๆ ที่ใช้มาแต่ยุค ปรีดี จนถึงนายกปู นั้นมันก็แค่จูงใจ แม่ยกกลุ่มเล็ก ๆ รวมทั้งชาวเมือง (ที่ก็ไม่ได้ฉลาดหรือดีไปกว่าใคร ๆ) ก็แค่คิดว่า ถ้าเลือก ประชาธิปัตย์ ก็จะเอาไปคุยอวดกับ เพื่อนร่วมงานได้ว่า

อิฉันคือชนชั้นกลาง มีการศึกษา มีชาติตระกูล มี ฯลฯ เดิ้ลน๊ะฮ้า

จะไปเลือกพรรค คนจนได้อย่างไร น่ารังเกียจชิ้ว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ผมวิเคราะห์แล้ว ผลกรรมในอดีต ที่ได้ดีด้วยการใส่ร้ายป้ายสี แต่ทำงานไม่เป็น (60-70 ปี ไม่มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์ หรือจดจำได้แก่สังคมไทย) สถาบันการเมือง ที่ ชื่นชมหนักหนา คงถึงกาลล่มสลายไม่นาน

ไม่มีควรค่าอะไรให้น่าจดจำ ที่เป็นพรรคเก่าแก่ ก็เพราะดันตั้งมานาน

แต่ไร้จุดยืนน่ารังเกียจ สามารถทรยศต่อวิชาชีพ ทรยศต่ออำนาจของประชาชน แอบอิงอำนาจนอกระบบ ได้อย่างไม่เคอะเขิน หรือเหนียมอาย ประชาชนแม้แต่น้อย......

ประชาธิปัตย์ ....มันก็แค่เหลือบ หรือ มิจฉาชีพ ที่หากินกับอุดมการณ์ของประชาชนในประเทศนี้มาอย่างยาวนานนั่นเอง

ด้วยคะแนน 308 ต่อ 159 เสียง ขณะที่ 3รัฐมนตรีก็ยิ้ม หลังมีมติไว้วางใจเช่นกัน

Posted Today, 03:33 AM
Posted Image
ด้วยคะแนน 308 ต่อ 159 เสียง ขณะที่ 3รัฐมนตรีก็ยิ้ม หลังมีมติไว้วางใจเช่นกัน
ที่ประชุมสภา วันนี้ (28 พ.ย.) ได้มีการลงมติไว้วางใจ ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมทั้ง3รัฐมนตรี ที่ถูกพรรคฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ให้ทำหน้าที่ต่อไป
โดยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ได้คะแนนเสียง308 ต่อ 159 งดออกเสียง 4เสียง ไม่ลงคะแนน 9เสียง ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้รับการไว้วางใจด้วยคะแนน 287 ต่อ157 งดออกเสียง 25 ไม่ลงคะแนน 11
ขณะที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับการไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง 284 ต่อ160 งดออกเสียง 25 ไม่ลงคะแนน 11
ด้าน พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับการไว้วางใจ ด้วยคะแนน 284 ต่อ182 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนน 10

เชิญพี่น้องทั้งหลายเปิดฟังคลิปตอแหลของ กบฏเสธ. อ้ายที่นำไปเปิดโฆษณาปลุกระดมในวันกบฏ " 901 " เมื่อวันที 24 พ.ย ที่แล้วมานี้

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=RsvgtNO7Za4

ในต่างประเทศเขายอมรับและยกย่องนายกทักษิณให้เป็นรัฐบุรุษ แต่ภูมิพลและพวกลูกสมุนสุนัขรับใช้ทำไมไม่ยอมรับทักษิณไม่ยอมให้ทักษิณกลับประเทศ เขามีความผิดอะไร ?...

ทักษิณคว้ารางวัลรัฐบุรุษที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ต.ท.ทักษิร ได้รับรางวัลจากเอเชียน บิซซิเนส ลีดเดอร์ชิพ ฟอร์รัม ในชื่อ รางวัลรัฐบุรุษเอบีแอลเอฟ (The ABLF Statesman Award) ประจำปี 2555 จากชีค นาฮายัน มาบารัก อัล นาฮายัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาระดับสูง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

โดยรางวัลนี้มอบให้แก่อดีตผู้นำที่เป็นแรงบันดาลใจและมีผลงานยอดเยี่ยมในขณะที่ดำรงตำแหน่งในภาครัฐบาล หรือภาคเอกชนที่มีความคิดริเริ่มและเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาล องค์กรที่มอบรางวัลได้มอบรางวัลให้พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นนายกฯที่มผลงานยอดเยี่ยมในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตของเอเชีย การขัดความยากจน โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นแม่แบบให้องค์การอนามัยโลก (WHO)นำไปเป็นแม่แบบ รวมทั้งชื่นชมการปฏิรูปการศึกษาขนานใหญ่ด้วย

สิ้นราชบัลลังก์-กษัตริย์ คยาเนนทราแห่งเนปาล กับพระราชินีของพระองค์ทรงพยายามที่จะรักษาพระราชวงศ์เอาไว้จนถึงที่สุด แต่ก็ทำได้เพียงแค่การนำแพะมาเชือดบูชายัญเจ้าแม่กาลีตามพิธีกรรมความเชื่อ ของฮินดู ขณะที่เสียงโห่ร้องขับไล่ใกล้พระราชวังเข้ามา ในที่สุดรัฐสภาเนปาลลงมติในเดือนพฤษภาคมปี2551ให้ยกเลิกระบบกษัตริย์และ เปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ

มองไปดูบทเรียนที่ผิดพลาดของราชวงศ์เนปาล...
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi0v8tV4Zp3vqdfyOdNMTadTWfknzITVQ9VGR4VnTAXhKXmF6IfCbN8fYAo_mT5sIglGLuSop6OcjPVQs7x05AyF-8Voj7q_5KJQvH-JoDcwfLjF0SDuIxlUh-1LJrF6CCS8vE6syLi7bMT/s320/2.jpg

สิ้นราชบัลลังก์-กษัตริย์ คยาเนนทราแห่งเนปาล กับพระราชินีของพระองค์ทรงพยายามที่จะรักษาพระราชวงศ์เอาไว้จนถึงที่สุด แต่ก็ทำได้เพียงแค่การนำแพะมาเชือดบูชายัญเจ้าแม่กาลีตามพิธีกรรมความเชื่อ ของฮินดู ขณะที่เสียงโห่ร้องขับไล่ใกล้พระราชวังเข้ามา ในที่สุดรัฐสภาเนปาลลงมติในเดือนพฤษภาคมปี2551ให้ยกเลิกระบบกษัตริย์และ เปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ

ทำไมราชวงศ์ชาห์อันเป็นศูนย์รวมใจเนปาลทั้งชาติถูกโค่นล้มลงไป


ความศรัทธาในตัวพระองค์เสื่อมถอยลง หลังพระองค์ทรงเข้าแทรกแซงการเมือง โดยยึดอำนาจเบ็ดเสร็จมาจากรัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้ง

ฉาก สุดท้ายของพระราชวงศ์ชาห์แห่งเนปาลเป็นไปอย่างอัปยศ รัฐบาลใหม่ของเนปาลเตือนให้กษัตริย์คยาเนนทราต้องออกจากพระราชวังในวันที่ 28 พฤษภาคม2551 หลังสมัชชาแห่งชาติเปิดประชุมครั้งแรก พร้อมคำประกาศเลิกสถาบันกษัตริย์ ถือเป็นการสิ้นสุดทั้งราชวงศ์ชาห์แห่งเนปาลที่ปกครองประเทศมายาวนานถึง 239 ปี และระบอบกษัตริย์ในประเทศนี้ไปพร้อมๆกัน

พระองค์ ทรงมีพระราชขัตติยะมานะ เพราะเลยเส้นตายของรัฐบาลสาธารณรัฐล่วงไปถึง 11 มิถุนายน 2551 กษัตริย์คยาเนนทราจึงพร้อมด้วยพระราชินีของพระองค์เสด็จออกจากพระราชวัง เพื่อไปประทับ ณ พระตำหนักนิรมาลนิวาส พระตำหนักส่วนพระองค์ โดยมีชาวเนปาลที่ต่อต้านพระองค์มากลุ้มรุมส่งเสียงโห่ไล่ และเต้นรำเฉลิมฉลองกันสุดเหวี่ยง 

ราช วงศ์ชาห์ ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายที่ชาวเนปาลเคยนับถือดั่งเทพเจ้าของศาสนาฮินดู ได้กลายเป็นตำนาน หลังสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประกาศให้เนปาลเป็นประเทศสาธารณรัฐอย่างเป็นทางการ ในการประชุมนัดแรกในวันที่ 28พฤษภาคม 2551

หัวขบวนในการทำรัฐประหารในประเทศไทยทุกครั้งที่ผ่านมาก็คือปีศาจจอมมารตัวเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ได้สนับสนุนให้ทหารทำการยึดอำนาจมาโดยตลอดทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งลับและเปิดเผย เมื่อพวกทหารกบฏทำการยึดอำนาจได้แล้วกษัตริย์ภูมิพลก็จะลงนามอภัยโทษให้ทุกครั้งไป ตราบใดที่ยังมีจอมมารหัวหน้าเผด็จการศักดินาไดโนเสาว์นี้อยู่ประเทศไทยก็จะมีการยึดอำนาจเกิดขึ้นตลอดเวลา และสังคมจะต้องถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายตามนโยบายแยกแล้วปกครองตามทฤษฎีของหัวหน้าเผด็จการ ดังนั้นปัญหาที่ขัดขวางสิทธิเสรีภาพ ความเป็นธรรมของสังคม และ ความเป็นประชาธิปไตยของชาติ ก็คือจอมมาร " เหี้ยสั่งฆ่า " หัวหน้าเผด็จการอำมหิตตีสองหน้า.






Posted Image

måndag 26 november 2012

......เฉลยเรื่อง "ม็อบ ๙๐๑ ม้วนเดียวจอด" ......


...มีเหตุผลใด ? ที่”ม็อบม้วนเดียวจอด”จะต้องเข้าร่วมชุมนุมทางสะพานมัฆวานให้ได้...
ศอ.รส. ได้ประกาศไว้แล้วแต่ต้น ให้ผู้ที่จะเข้าร่วมชุมนุมม็อบเสธ.อ้ายเข้าไปร่วมชุมนุมยังลานพระบรมรูปฯทางด้านวัดเ​บญจฯ และแยกพล1 เท่านั้น เหตุผลหลัก ..เพื่อตรวจสอบอาวุธ

ตำรวจได้ “บล็อก”สถานที่สำคัญๆทางราชการไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาล จากประสบการณ์ตรงที่ได้รับจากพวกพันธมิตร ที่เคยเอาทำเนียบเป็นที่แปลงนาปลูกข้าวและแหล่งรวมถุงยาง..สมัยรัฐบาลสมชาย

มีทางเข้าหลัก 2 เส้นทางอย่างนี้ จึงไม่มีข้ออ้างใดๆ ที่กลุ่มม็อบม้วนเดียวจอด จะเข้าชุมนุมทางสะพานมัฆวาน โดยเฉพาะข้ออ้างที่จะขยายพื้นที่การชุมนุม ยิ่งฟังไม่ขึ้น..เพราะม็อบแค่หลักพัน

ยิ่งข้ออ้างว่า “มันต้องอ้อมไปไกล”ยิ่งฟังไม่ได้ ก็เดินทางจากมาภาคใต้ไกลตั้งหลายร้อยกิโลยังมาได้ กับเพียงเดิมอ้อมไปอีกนิดหน่อยเท่านั้น ..จะเป็นไรไป

ยังไม่ทันถึงเวลา 901 ที่เสธ.อ้ายจะทำพิธีบวงสรวงเทพยดาฟ้าดิน ม็อบกลุ่มนี้ ก็พุ่งดิ่งตรงไปยังสะพานมัฆวานทันที จัดการตัดลวดหนาม เคลื่อนย้ายแบริเออร์ออก ประทะกับตำรวจ ด่าทอ ยั่วยุ ขับรถพุ่งชน ..สุดท้ายใช้แก๊สน้ำตาก่อนเสียอีก

คนมองสถานการณ์อยู่ อย่างตำรวจหรือฝ่ายอื่นที่ไม่ใช่ม็อบ จะคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากสาเหตุเพียง 2 ประการ ที่พยายามจะฝ่าด่านสะพานมัฆวานไปให้ได้ ถึงขนาดขับรถ 6 ล้อพุ่งชนตำรวจ..ก่อความวุ่นวาย


ประการแรก “จุดกระแส ต้องการเรียกแขกมาร่วมงานเพิ่ม ..เพราะแขกน้อยเกิน”

โดยสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนที่ดูการถ่ายทอดทีวี อินเตอร์เน็ต ฟังข่าววิทยุอยู่เห็นว่าเจ้าหน้าที่ใช้กำลังทำร้ายผู้ชุมนุม “มือเปล่า”ก่อน จะได้หลั่งไหลมาดุจสายน้ำ ร่วมชุมนุมกับม็อบให้เป็นเรือนแสน ..เรือนล้าน

เห็นได้ทันทีว่า เมื่อตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสกัดกั้นผู้ชุมนุม บรรดาสื่อต่างๆที่เกลียดรัฐบาล รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านพรรคหนึ่ง ต่างรีบช่วยกันกระพือเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว เพื่อจุดไฟให้กลายเป็นสถานการณ์ที่รุนแรง ..เรียกมวลชน


ประการที่สอง “ต้องการจะไปยึดทำเนียบรัฐบาล เพื่อไม่ให้นายกฯเข้าทำเนียบ ..เหมือนที่เคยทำสำเร็จ”

เส้นทางนี้ เป็นเส้นทางที่ผ่านทำเนียบรัฐบาล จากราชดำเนินนอก ไปตัดกับแยกถนนพิษณุโลก อันเป็นที่ตั้งของทำเนียบรัฐบาล ถ้าผ่านเส้นทางนี้ได้ โอกาสเข้าถึงทำเนียบก็ง่ายกว่าด่านอื่นๆ..จึงต้องเปิดให้ได้

จะด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งก็ตาม จึงทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ประกอบไปด้วยกลุ่มพันธมิตร สันติอโศก และกลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ ต่างร่วมแรงร่วมใจกันจะตีฝ่าด่านสะพานมัฆวานไปให้ได้ เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ..เพื่อเข้าฮอส

แต่อาจด้วยพระสยามเทวาธิราชและพระไทยเทวาธิราช ประสานมือกัน ทำให้กลุ่มม็อบม้วนเดียวจอด ไม่บรรลุเป้าหมาย แม้จะพยายามกระพือโหมข่าวตำรวจทำร้ายประชาชนด้วยแก๊สน้ำตาไปทั่วโลกโซเชียลเน็ตเวิร์​ค..คนก็ไม่มา !

สิ่งสุดท้ายที่พวกเขาฝันไว้สูงสุด คือ ขอให้ทหารออกมายุติสถานการณ์ และยึดอำนาจ ล้มรัฐบาล แม้แกนนำบนเวทีจะพยายามเรียกร้องชนิดเสียงแหบเสียงแห้งก็แล้ว ให้ทหารออกมา แต่ทหารก็ใจดำ ..ยืนเกาะรั้วดูเฉยๆ


ตำรวจปฏิบัติการอย่างเข็มแข็ง และเป็นไปโดยละมุนละม่อม ตามขั้นตอน ไม่ลุแก่โทสะ พร้อมทั้งบันทึกภาพ เสียง เหตุการณ์ต่างๆไว้อย่างละเอียด เพื่อป้องกันตัวเองไว้แล้ว..เพราะรู้เล่ห์กลของคนเหล่านี้

สุดท้าย การแช่แข็งประเทศของ “ม็อบม้วนเดียวจอด” ก็ถึงคราเอวัง เมื่อไม่มีคนเข้ามาเพิ่ม แถมยังมีคนทยอยออกจากที่ชุมนุมเรื่อยๆ จนเหลือบางตา เพราะรังเกียจคำด่าทอที่หยาบคาย ไร้สาระ ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีจุดยืน ซ้ำฝนกระหน่ำเหมือนฟ้ารั่ว..เสธ.ประกาศปิดม่าน

ตอนจบของม็อบ ค่อนข้างเศร้า เมื่อกลุ่มฮาร์ดคอร์กว่า 130 คน ถูกตำรวจจับกุมไปดำเนินคดี ส่วนแกนนำต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ทิ้งผู้ชุมนุมให้นั่งมองตากันปริบๆ ไม่รู้จะทำอะไรต่อ จนต้องเป็นภาระของรัฐบาล ..จัดรถพาไปส่งถึงบ้าน

นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า เกลียดรัฐบาลได้ ด่ารัฐบาลได้ แต่อย่ามาร่วมกันล้มรัฐบาลแบบผิดกฎหมาย นอกจากไม่มีอะไรที่ดีขึ้นแล้ว ท่านจะยังได้ข้อหาเป็นกบฎติดตัวไปด้วยอีก ..เชื่อผมเถอะ !!!

................................................................................................................................................................


แม้ทุกอย่างจะหยุด ลงตามคำประกาศยุติชุมนุมโดยเสธ.อ้าย แต่ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งมวลชนและองค์กรภาคีเครือข่ายพากันสับสนและถามหา เหตุผลกันให้วุ่น


"อยากจะกล่าวว่าเสียใจ และพล.อ.บุญเลิศ มันได้ตายไปแล้ว" คือคำกล่าวสั้นๆ ของ "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ที่ขึ้นกล่าวบนเวทีเมื่อเย็นวานนี้ (24 พ.ย.) หลังประกาศยุติการชุมนุม ท่ามกลางความไม่พอใจของมวลชน

แม้ทุกอย่างจะต้องสะดุดหยุดลงอย่างฉับพลันทันทีตามคำประกาศของแกนนำผู้ ชุมนุมอย่าง เสธ.อ้าย แต่ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งมวลชน และองค์กรภาคีเครือข่ายล้วนพากันสับสนต่อท่าทีของเขา และถามหาเหตุผลกันให้วุ่น
เบื้องหลังที่ต้องว่ากันตรงไปตรงมาก็คือ ความล้มเหลวในการชุมนุมครั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจาก "เหตุภายใน" มากกว่าเหตุปัจจัยภายนอก

ก่อนอื่นต้องส่องกล้องเข้าไปดูภายในขบวนการ "วันพิพากษา ขับไล่รัฐบาลนอมินีทักษิณ" เสียก่อน จะพบว่ามีองค์ประกอบ 2 ส่วนคือ "ทหารแก่" กับ "นักเคลื่อนไหวภาคประชาชน"
จุดเริ่มต้นขององค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) มีแกนนำหลัก 4 คน คือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธาน อพส. สมพจน์ ปิยะอุย อดีตเจ้าของหนังสือพิมพ์ชาวไทย และเป็นนายทุน "ขบวนการ 26 มีนาคม 2520" โดยการนำของ พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ


เมื่อ 35 ปีที่แล้ว "เสธ.อ้าย" เป็นนายทหารยศพันตรี นำกำลังทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 เข้ามายึดอำนาจแต่ไม่สำเร็จ และทั้งคู่โคจรมาพบกันอีกครั้งในนามองค์การพิทักษ์สยาม

แกนนำหลักอีก 2 คนเป็นนายทหาร คือ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ อดีตรอง ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 1 รุ่นเดียวกับ "เสธ.อ้าย" และ "เสธ.ต๋อย" พล.อ.ณัฐชัย เพิ่มทรัพย์ อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำ ผบ.สส. เป็นเตรียมทหารรุ่น 6 รุ่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ผู้ที่จุดประกายให้ "เสธ.อ้าย" จัดตั้งองค์การพิทักษ์สยาม ได้แก่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงษ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี และ บวร ยสินทร แกนนำเครือข่ายพลเมืองปกป้องสถาบัน

ต่อมา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา และ "ติ๊งต่าง" กาญจนี วัลยเสวี แกนนำกลุ่มสยามสามัคคี ได้ประสานให้ "เสธ.อ้าย" เป็นผู้นำจัดการชุมนุมมวลชนในนามองค์การพิทักษ์สยาม จึงเกิดการชุมนุม "รวมพลคนทนไม่ไหว" ที่สนามม้านางเลิ้ง เมื่อ 28 ต.ค.2555

แต่การชุมนุมครั้งแรก ก็มีร่องรอยของความขัดแย้ง เมื่อแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศไม่เข้าร่วมด้วย เพราะมองว่ากลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมคือพรรคประชาธิปัตย์
บังเอิญว่าการ "รวมพลคนทนไม่ไหว" มีผู้เข้าร่วมหลายหมื่นคน จึงทำให้แกนนำองค์การพิทักษ์สยามและเครือข่ายที่เข้าร่วมเกิดความคึกคัก อย่างมาก

ถนนทุกสายมุ่งสู่สนามม้านางเลิ้ง สาเหตุที่ต้องพูดอย่างนี้ เพราะบรรดา "นักเคลื่อนไหว" ที่มีชื่อเสียงจากเวทีพันธมิตรโค่นล้มระบอบทักษิณ ปี 2549 ต่างตบเท้าเข้าไปรายงานตัวกับ "เสธ.อ้าย" กันเป็นทิวแถว

ในที่สุด องค์การพิทักษ์สยามจึงขยาย "ภาคีเครือข่าย" ออกไปจนทำให้เกิด "วอร์รูม 30 อรหันต์" ที่มีตัวแทนมาจากหลายองค์กร อาทิ สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย นำโดย สมบูรณ์ ทองบุราณ และไทกร พลสุวรรณ
เครือข่ายช่องทีนิวส์ สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม เจ้าของสำนักนำทีมนักกิจกรรมมวลชน อาสาประสานงานมวลชนต่างจังหวัด และกลุ่มรากหญ้าในเมือง

อีกส่วนหนึ่งมาจากปีกแนวร่วมพันธมิตรเก่า ที่เปิดหน้าให้เห็นคือ พิเชษฐ์ พัฒนโชติ อดีต ส.ว.นครราชสีมา กิมอัง พงษ์นารายณ์ แกนนำชาวนาภาคกลาง และสุนทร รักษ์รงค์ อดีตแกนนำพันธมิตร 16 จังหวัดภาคใต้
อันที่จริงมี "แนวร่วมเสื้อเหลือง" คนดังอีกนับสิบที่แอบเข้าไปนั่งอยู่ใน "วอร์รูม 30 อรหันต์" แต่พวกเขาไม่ยอมเปิดเผยตัว ยกเว้น น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และ ธัญญา ชุนชฎาธาร อดีตกบฏ 14 ตุลาฯ

การออกแบบการชุมนุม 24 พ.ย.นั้น มีผู้เสนอความเห็นมากมาย แต่สุดท้ายก็ขึ้นกับการตัดสินใจของ "เสธ.อ้าย" คนเดียว เพราะเป็น "ผู้กุมยุทธปัจจัย" ในการขับเคลื่อนครั้งนี้

ด้วยเหตุนี้บรรดา "จอมยุทธ์งานมวลชน" ทั้งหลายจึงพุ่งตรงเข้าหา "เสธ.อ้าย" เพื่ออาสาทำงานใหญ่ แต่บ่อยครั้งที่ไม่ประสานกัน และแย่งชิงการนำ จึงทำให้ "คำขวัญ" และ "ยุทธวิธี" ในการต่อสู้ไม่เป็นเอกภาพ

ในที่สุดการชุมนุมวันพิพากษาก็มาถึง อำนาจการนำทุกอย่างก็รวมศูนย์อยู่ฝ่ายทหาร ที่มี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์, พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์, พล.อ.ณัฐชัย เพิ่มทรัพย์, พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ, พล.ท.บุญยัง บูชา และ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ แต่ภายหลัง น.ต.ประสงค์ หายตัวไปจากรถบัสเล็กที่ดัดแปลงเป็นกองบัญชาการม็อบเสธ.อ้าย

ปัญหาการปะทะกันที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ในตอนเช้า สะท้อนปัญหาการจัดหน่วยรักษาความปลอดภัย หรือ "การ์ด" ที่ได้แบ่งความรับผิดชอบระหว่างฝ่ายทหารแก่ กับฝ่ายนักเคลื่อนไหวมวลชน โดยระบุไว้ต้องใช้การ์ด 2 พันคน แบ่งเป็นฝ่ายทหาร 1,500 คน และฝ่ายนักเคลื่อนไหว 500 คน ไม่ทราบว่าอะไรเกิดขึ้น เมื่อเกิดเหตุเผชิญหน้า กลับไม่มีการ์ด โดยเฉพาะ "การ์ดบุก" และมีแต่ "การ์ดรับ" จึงทำให้การขยายพื้นที่การชุมนุมกระทำการไม่สำเร็จ

"การ์ดบุก" หายไปไหน? ทั้งที่มีการพูดคุยกันแล้วเรื่องจะมีการจัดหาคน เพื่อจัดวางกำลังไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจริง กลับไม่มีการ์ดมาดูแลมวลชนมากเท่าที่วางแผนกันไว้

จุดเปลี่ยนของม็อบเสธ.อ้ายอยู่ในช่วงบ่าย เมื่อ "สมณะโพธิรักษ์" ได้เข้าไปดูแลและคอยเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วย ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ และ "เสธ.จ๊อด" กิตติชัย ใสสะอาด อดีตการ์ดพันธมิตรฯ แต่มีการปะทะและตำรวจโยนแก๊สน้ำตาใส่ จนทำให้ สมณะโพธิรักษ์ ก็ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาเช่นกัน
ในที่สุด "พ่อท่าน" สมณะโพธิรักษ์ เป็นศูนย์กลางที่ให้ความคิดชี้นำทุกอย่าง และสมาชิกกองทัพธรรม จึงเปิดใจคุยกับ "เสธ.อ้าย" อันเป็นที่มาของการยุติการชุมนุมครั้งนี้

เรียกว่าปราชัยหมดรูปทั้งยุทธศาสตร์และยุทธวิธี!

เครดิต http://www.bangkokbi...2%E0%B8%A2.html

söndag 25 november 2012

ข่าวที่น่าสนใจ....."แผนหนึ่ง แผนสอง " คืออะไร? .....แผนหนึ่งคือม็อบแช่แข็งประเทศ "ม็อบ ๙ ชั่วโมง" ที่ถูกสลายเสร็จสิ้นลงไปแล้วโดยตำรวจ ......โปรดระวังแผนสอง"การลอบสังหารบุคคลสำคัญ + ยึดอำนาจ"?.อย่าประมาทการต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด เพราะพวกเผด็จการที่มีอำนาจมายาวนานย่อมมีความโหดเหี้ยมอำมหิตผิดคนธรรมดา จะทำได้ทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจของตนเอง ตัวอย่างมีให้เห็นมาแล้วมากมายจากในอดีตจนถึงปัจจุบัน.

โดย   น้ำแข็งใส

แผนขั้นที่หนึ่ง   (ก่อม๊อบ + สร้างความรุนแรงทั้งหน้าสื่อและการชุมนุม +ความรุนแรงในสภา + ยึดอำนาจ)
แต่ต้องสิ้นชีพภายในไม่ถึง 9 ชั่วโมง  และถูกตรึงด้วยกองกำลังรัฐบาลที่เรียกขานว่า...ตชด. ภายใต้การหนับหนุนฝั่งสีเขียวค่ายจ่า???
ความไม่มั่นใจตรงนี้  ทำให้ฝ่ายอำมาตย์ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ในแผนที่หนึ่ง
(เราจึงเห็นการรับมือม๊อบของรัฐบาลครั้งนี้  เข้มเป็นพิเศษ)


อำมาตย์จึงต้องใช้แผนที่สอง  นั่นคือ  (การลอบสังหารบุคคลสำคัญ + ยึดอำนาจ)
ขอย้ำว่า  บุคคลสำคัญที่เป็นฝ่ายตรงข้ามอำมาตย์ทุกคนล้วนตกเป็นเป้าหมายทั้งสิ้น
ช่วงนี้  เราจะเห็นได้ว่ามีการคุ้มกันบุคคลสำคัญค่อนข้างแน่นปั๋ง
โดยเฉพาะนายกฯ ใช้มาตรการเต็มรูปแบบ  (ไม่เ้ว้นแม้กระทั่ง  อาหารการกินและน้ำดื่ม)
และให้สังเกตุความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนพลอำมาตย์ให้ดีๆ  จะมีการออกโรงบ่อยๆ เพื่อเบี่ยงความสนใจยุทธวิธีการลอบสังหาร

ที่กำหนดแค่ 2 แผน  เพราะจำต้องรุกเร็ว รบเร็ว
เนื่องจาก ฝ่ายกำลังพลของอำมาตย์เริ่มหร่อยหรอ
อีกทั้ง  กำแพงแก้วเหลืองอมฟ้าเริ่มเสื่อมและทรุดโทรมอย่างหนัก  จนมิอาจให้ผู้ใดพักพิงได้ดังเช่นเก่าก่อน
และมีท่าทีว่าจะเพลี่ยงพล้ำในกลโลกล้อมประเทศของหัวหน้าค่าย shin

แต่แผนสองจะสำเร็จหรือไม่ก็ใช่ว่าจะสะดวกพหลโยธิน???
เพราะมีสิ่งที่ฝ่ายอำมาตย์ซอมบี้หวั่นพรึงมากที่สุดก็คือ
พลังของจ่า???  ที่หันมาสยบบารมีและยอมอยู่ภายใต้การหนับหนุนจาก  ค่าย shin

อีกไม่นานเราคงจะได้เห็นข่าวการจับมือระเบิดที่ถูกส่งมาจากดินแดนคาร์บอมม์
ที่สังกัดภายใต้บารมีของ  ส...ส...ถ...

.......ฤๅหลักความยุติธรรมจะกลับคืนสู่สังคมไทย.......ขอฝากเตือนถึงฝ่ายอำมาตย์และนายทุนผู้สนับสนุนม็อบที่คิดจะนำแผนบันไดขั้น สอง สาม สี่ ออกมาใช้เพื่อทำลายรัฐบาล ทำร้ายประชาชน ทำร้ายประเทศชาติ จงลืมตาดูความล้มเหลวของ"ม็อบพอเพียง" ที่ผ่านมาคงช่วยให้พวกท่านรู้แล้วว่าประชาชนไทยได้เลือกแล้วว่าต้องการระบอบประชาธิปไตยที่มาจากปวงชนชาวไทยในการปกครองประเทศและประชาชนต้องการเป็นผู้กำหนดอนาคตของตัวเองและอนาคตของประเทศชาติ เมื่อรัฐบาลและประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ร่วมจับมือกันทำสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายภายใต้ระบอบประชาธิปไตย.

ตำรวจ-ประกาศยกเลิกคำสั่งศอ.รส. เมื่อ 25 พ.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. และโฆษกบช.น. กล่าวสรุปสถานการณ์หลังกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามยุติการชุมนุมว่า หลังจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส) ได้ประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ร่วมกับบช.น. และทุกกองบัญชาการ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวชมเชยกำลังข้าราชการตำรวจทุกกองบัญชาการที่ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง สมศักดิ์ศรีข้าราชาการตำรวจไทย และสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โดยผบ.ตร.สั่งการให้ฝ่ายข่าวและฝ่ายสืบสวนดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง

 พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวอีกว่า บช.น.ขอชี้แจงความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ของกองกำลังข้าราชการตำรวจ กรณีเหตุปะทะกันในตอนสายบริเวณแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ และตอนบ่ายที่แยกสวนมิสกวัน เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามนโยบายผู้บังคับบัญชา นโยบายของศอ.รส  และตามกฎใช้กำลังอย่างถูกต้องครบถ้วน เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้กระทำผิดจำนวน 137 คน เนื่องจากฝ่าฝืนคำสั่งตามพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 โดยควบคุมตัวไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี ฝ่ายกฎหมายและสอบสวนตรวจสอบพร้อมสอบปากคำแล้ว พบว่ามี 136 คนมีความผิดมีความผิดข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มาตรา 18 พนักงานสอบสวนดำเนินคดีขณะนี้อยู่ระหว่างปล่อยตัวไปโดยไม่มีหลักประกัน

 “ส่วนที่เหลือ 1 คน คือ นายสมสมัย นิทาจิ๊ อายุ 58 ปี คนขับรถยนต์บรรทุกเครื่องเสียงพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไว้ในความผิดข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ มาตรา 18 และข้อหาขับรถยนต์โดยไม่มีใบอนุญาต ส่วนข้อหาพยายามฆ่า ฝ่ายกฎหมายและสอบสวนกำลังตรวจสอบข้อมูลทางพยานหลักฐานอยู่หากปรากฏพยานหลักฐานที่ชัดเจนแล้วก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาต่อไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราบนำตัวนายสมสมัย จากตชด.ภาค 1 ควบคุมตัวไว้ที่กองปราบปราม โดยผู้ต้องหามีสิทธิในการประกันตัวได้ แต่ต้องรอให้การสอบสวนเสร็จสิ้นเรียบร้อยก่อน” รองผบช.น.กล่าว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.อดุลย์ นำภาพจากกล้องซีซีทีวีและกล้องวีดิโอที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกภาพไว้ขณะเกิดเหตุปะทะกับผู้ชุมนุมทั้ง 2 จุด มาเปิดให้ดู พร้อมแจกให้สื่อมวลชน พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ภาพที่บันทึกไว้เห็นว่า กลุ่มผู้ชุมนุมใช้เครื่องมือที่เตรียมมาตัดลวดหนาม รื้อแบริเออร์ ตำรวจได้จับกุมส่งสน.ดุสิต ดำเนินคดี 10 คน นอกจากนี้ยังมีภาพที่บันทึกไว้ขณะกลุ่มผู้ชุมนุมใช้รถบรรทุกฝ่าเข้าไปพุ่งชนตำรวจบาดเจ็บ 5 นาย โดยมีบาดเจ็บสาหัส 2 นาย มีภาพกลุ่มผู้ชุมนุมใช้แก๊สตาน้ำปาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน กระทั่งตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎการใช้กำลัง ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนตามแผน

 ส่วนการประกาศยกเลิกประกาศปิดถนนและพื้นที่หวงห้ามนั้น พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ที่ประชุมศอ.รส.ได้หารือเกี่ยวกับการประกาศยกเลิกคำสั่งและการขออนุมัตินายกรัฐมนเตรียกเลิกศอ.รส. โดยพล.ต.อ.อดุลย์ ฐานะผอ.ศอ.รส. มีมติอนุมัติให้ประกาศยกเลิกคำสั่งที่ 1-4/2555 ที่ระบุสถานที่ห้ามเข้าออก และถนนต่างๆ ที่ห้ามใช้เส้นทางคมนาคมและใช้ยานพาหนะ มีผลตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.นี้เป็นต้นไป ส่วนการอนุมัติเลิกศอ.รส. ที่ประชุมมติให้เสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อขออนุมัติต่อไป

 เมื่อถามว่าทีแรกคาดการณ์ว่ามีผู้ชุมนุม 7.6 หมื่นคน แต่ยอดกลุ่มผู้ชุมนุมมีประมาณ 2.2 หมื่นคน สาเหตุเป็นเพราะเหตุใด พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า จากการประเมินในครั้งแรกทางสันติบาลได้ตรวจสอบว่าแต่ละพื้นที่จะมีผู้มาชุมนุมเท่าใด จากส่วนไหนบ้าง และรวบรวมมาจากทุกสาย ปรากฏว่าพอถึงวันชุมนุมจริงมีการยกเลิกในบางกลุ่ม ทราบภายหลังว่าเป็นเพราะตกลงกันไม่ได้ หรือหักกันอะไรต่างๆ จนไม่สามารถเข้ามาได้

ความล้มเหลวของนโยบายตีสองหน้าของภูมิพล โดยการใช้ พวกกบฏ เสธ.อ้าย ออกมาก่อกวนเพื่อล้มล้างรัฐบาลยิ่งลักษณ์...




การแย่งชิงบัลลังก์เพื่อขึ้นเป็นรัชกาลที่ 10 กำลังดำเนินไปอย่างรีบด่วนและเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ     โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัวของกษัตริย์ภูมิพลเองก็ตกลงผลประโยชน์กันไม่ได้      นอกจากนั้นสมรรถภาพของกษัตริย์ภูมิพลก็ไม่สามารถทำอะไรได้    โดยที่กษัตริย์ภูมิพลเองไม่มีความรับผิดชอบใดๆปล่อยให้สภาพการณ์เป็นไปด้วยตัวของมันเองและโยนปัญหานี้มาให้เป็นภาระของรัฐบาลและประชาชน     ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในสังคมไทยทำให้คนไทยต้องฆ่ากันเองเพื่อกษัตริย์ภูมิพลจะได้เสวยอำนาจสืบต่อไป    ปัญหาการสืบราชสันตติวงค์ก็ควรจะให้เป็นไปตามกฏมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงค์   ซึ่งบ่งไว้ในรัฐธรรมนูญที่มกุฏราชกุมารควรจะเป็นผู้สืบราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ 10 สืบต่อไป    แต่ทั้งกษัตริย์ภูมิพล และ พลเอกเปรมต้องการให้ พระเทพฯ  ขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 10 แทน  ความขัดแย้งภายในครอบครัวของภูมิพลได้เริ่มบานปลายออกไปทุกที    ซึ่งกษัตริย์ภูมิพลเองไม่สามารถควบคุมได้     โดยคิดใช้วิธีทำลายล้มล้างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ลงแล้วตั้งรัฐบาล”หุ่นเชิด”ของตัวเองขึ้นมาให้อยู่ภายใต้การควบคุมของ พลเอกเปรม    โดยที่พลเอกเปรมเองได้แอบเขียนช่อนไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2540 และปี  2550  เพื่อให้อำนาจตัวเองเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในเงื่อนไขที่กษัตริย์ภูมิพลต้องล้มตายลง  แล้วพลเอกเปรมก็จะสามารถกำหนดได้ว่าจะให้ใครเป็นผู้ขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 10  แต่ผลไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้   แม้ว่ากษัตริย์ภูมิพลจะให้พลเอกเปรมและพวกสมุนบริวาร   ทำการล้มล้างรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย และขณะนี้กำลังใช้ทุกวิถีทางเพื่อล้มล้างรัฐบาลยิ่งลักษณ์    เพื่อจะได้จัดตั้งรัฐบาลหุ่นขี้นมาแทนแต่ก็ไม่สำเร็จ     โดยได้พยายามมาเป็นเวลา 5- 6 ปีแล้ว    มาจนถึงวันที่ 24 พ.ย2555   กษัตริย์ภูมิพลก็ให้ พลเอกเปรมและพวกลูกสมุน   โดยมอบให้เสธ.อ้ายและพรรคพวกออกมาก่อกวนเพื่อเป็นสาเหตุให้ล้มล้างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่แผนการณ์ต้องล้มเหลวลง เพราะคนไทย”ตาสว่าง”ทั้งประเทศแล้ว   จึงทำให้หัวหน้ากบฏเสธ. อ้ายต้องประกาศยอมแพ้ถือว่าเป็นการพ่ายแพ้และล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของนโยบายตีสองหน้าของกษัตริย์ภูมิพล  แต่มันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มากของฝ่ายพลังประชาชนที่รักความเป็นธรรม รักสิทธิ เสรีภาพ และประชาธิปไตย  ตราบใดที่ประเทศไทยยังปกครองภายใต้ระบอบเผด็จการาชาธิปไตยการต่อสู้ของประชาชนก็จะดำเนินไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์.

โดย  แสงตะวัน

Posted Image

"ม็อบพอเพียง๙๐๑" .....มันจบแล้วพ่อ ความสามารถเราทำได้แค่นี้......โปรดสั่งให้ใช้แผนสองต่อไป........ต้องขอบคุณ ยุทธยายเที่ยง ที่ได้ออก พรบ.ความมั่นคง2551 ไว้ให้ ทำให้ ผอ.ศอ.รส.(ที่นายกปูแต่งตั้ง) ใหญ่กว่า ผบ.เหล่าทัพและส่วนราชการทั้งปวง จนกว่า ผอ.รมน.(นายกรัฐมนตรี) จะขึ้นบัญชาการเอง ตำรวจเลยบล็อคการเคลื่อนย้ายกำลัง แล้วแช่แข็งอ้าย สมใจ ท้ายนี้ขอชมเชยตำรวจไทยและรัฐบาลที่ทำหน้าที่นำกฎหมายมาใช้ให้เกิดความยุติธรรมตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย!

โดย   Red   Power
เป็นยุทธการที่ยอดเยี่ยมมีการวางแผนดี.....สามารถกอบกู้เกียรติและศักดิ์ศรีตำรวจไทยที่เคยถูกพวกอำมาตย์กดหัวไม่ให้ตำรวจดำเนินคดีพวกเศษสวะพันธมิตรที่ขากถุยใส่หัวนายตำรวจ ไม่ให้ตำรวจจัดการไอ้เศษสวะพันธมิตรที่ขับรถทับนายตำรวจทับไปทับมาอย่างเจตนา
วันนี้ ขอชมเชยตำรวจไทยทุกนาย ที่ได้ทำการกอบกู้เกียรติยศและศักดิ์ศรีตำรวจไทยกลับคืนมาอย่างภาคภูมิยิ่ง

Posted Image

Posted Image

Posted Image


    กำลังใจจากประชาชน   ให้ตำรวจ.







วันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) วันนี้เวลา 13.30 น. ประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร แห่ให้กำลังใจตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย จำนวนทั้งสิ้น 15 กองร้อย และตำรวจตระเวณชายแดนทุกกลุ่มเหล่า  ที่เข้ามาดูแลความสงบเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มพิทักษ์สยาม ซึ่งเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว จำนวน 15000 คน ซึ่งจะเดินทางกลับภูมิลำเนายังบ้านเกิด

โอกาสนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับดอกกุหลาบจากกลุ่มประชาชนเป็นคนแรก และมอบให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนด้วยความชื่นมื่น

lördag 24 november 2012

ขณะนี้ "กลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อชาติ" ได้ใช้รถประกาศให้พี่น้องเสื้อแดงออกมาร่วมต้านการชุมนุม ขอให้พี่น้องเสื้อแดงอย่าหลงเชื่อ

แผนอุบาทว์ม๊อบ901เหี้ยสั่งฆ่า.

Posted ImagePosted Image


Posted Image

........คุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุมเกือบ 100 คน ขังที่ ตชด.ภ.1.....

คุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุมเกือบ 100 คน ขังที่ ตชด.ภ.1

เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 ที่บริเวณหน้ากองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้มีการนำตัวกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ จำนวนเกือบ 100 คน มาควบคุมตัวไว้ภายในหอประชุมด้านในกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1

โดยกลุ่มผู้ถูกควบคุมตัวนั้น ถูกนำขึ้นรถยนต์บรรทุกแบบรถส่งนักโทษสีดำ จำนวน 5 คัน คันละประมาณ 20 คน ประปนกันมาทั้งชายและหญิง ซึ่งบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 มีการนำลวดหนามและแผงเหล็กมาวางกั้นห้ามบุคคลภายนอกเข้า และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านใน

http://breakingnews....p?newsid=660050

Posted Image

Posted Image

Posted Image

Posted Image

Posted Image

        ภาพการประกาศ   ยุติการชุมนุมของกบฎอ้าย"ไอ้โง่"สมุนปลายแถวของอำมาตย์ ที่ถูกส่งออกมาฆ่า  ตัวตายเป็นคนแรก


RED News UP2Date
Anny Sae L
SpringNews

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสตช. ชี้ ม็อบเสธ.อ้ายทำผิดเงื่อนไข ห้ามเข้าในจุดที่กำหนด สามารถคุมตัวผู้ชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมายได้ 100 คน จากสะพานมัฆวาน พร้อมตรวจค้นพบกระสุนปืน.38 จำนวน 30 นัด และมีดสั้นจำนวนหนึ่ง

นักสู้ ธุลีดิน
MaysaaNitto Org-home

Nut Kim

Nut Kim

ที่มา:  Thongchai Pongpan



........................................................................................................................................................................ 

โดย  ราษฎรตาสว่าง
        
..รัฐบาลได้เริ่มทำหน้าที่รักษากฎหมายตามระบอบประชาธิปไตยคือใครทำผิดกฎหมายก็ต้องจับกุม     เพื่อรักษาความสงบสุขของสังคม   ไม่เหมือนอดีตรัฐบาลอำมาตย์ประชาธิปัติย์   เป็นการชี้ให้ประชาชนทั้งประเทศเห็นแล้วว่าผู้มาชุมนุมเรียกร้องมีหน้าตาไม่เหมือนคนปกติทั่วไปและมีการแสดงออกอย่างป่าเถื่อนไม่เคารพกฎหมายเหมือนพวกโจรหัวหน้าม็อบ"๙๐๑"  ฉนั้นประชาชนเจ้าของประเทศจงปล่อยให้รัฐบาลทำหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ภายใต้กฎหมายตามระบอบประชาธิปไตย   เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องแก้ไขปัญหาที่จะก่อความเสียหายให้ประเทศชาติและก่อความเดือดร้อนให้ประชาชน   ประชาชนเพียงแต่เตรียมพร้อมรอดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ  รอเวลาและโอกาสเพื่อออกมาทำหน้าที่ของประชาชนเจ้าของประเทศในการกวาดล้างกบฏม็อบ "๙๐๑"  ศัตรูผู้ทำร้ายอนาคตของประเทศชาติให้สิ้นซากไปจากแผ่นดินไทย........

 ...... ระวัง  After   Shock..........

การต่อสู้ของรัฐบาลและประชาชนยังไม่สิ้นสุดเพิ่งเริ่มต้นยกแรกเท่านั้น  โปรดเตรียมพร้อมรอรับมือกับ    แผนการสมุนอำมาตย์ระดับหัวหน้าและจอมมารเผด็จการตาเดียวพร้อมสมาชิกของครอบครัวซึ่ง"เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ" โปรดระวัง