ปฏิวัติ (อีกแล้ว?) .....มติชนออนไลน์
โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 (มติชนรายวัน 1 พ.ย.2555)
นักข่าวมติชนในภูมิภาค ส่งภาพป้ายต้านปฏิวัติในจังหวัดต่างๆ
เข้ามาในเวลาใกล้ๆ กัน
แต่ละป้ายมีข้อความสั้นๆ ว่า สนับสนุนรัฐบาลจากเลือกตั้ง
ไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ
ฟังดูเหมือนจะไม่แปลกหูอะไรนัก เหมือนกับป้ายเชียร์พรรคเพื่อไทย
หรือเป็นป้ายรณรงค์ ประเภท รู้พิษภัย ห่างไกลยาเสพติด เมาไม่ขับ
หรือว่ารักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยกันป้องกันโลกร้อน ฯลฯ
แต่ที่จริงเป็นเรื่องใหญ่ เพราะข้อความในป้าย เท่ากับส่งเสียงเตือนว่า
มีคนคิดทำปฏิวัติ ซึ่งก็จะเท่ากับล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง
ตั้งแต่เข้ามาทำอาชีพข่าวสาร เข้าวงการหนังสือพิมพ์มา
เห็นปฏิวัติรัฐประหารมาแล้วหลายหน
ฟังแถลงการณ์คณะปฏิวัติมาหลายฉบับ
จับประเด็นจะคล้ายๆ กัน มีเหตุผลอยู่ 2-3 ชุด เป็นปัญหาภัยคุกคาม
ที่จะต้องใช้อำนาจเด็ดขาด เข้าไปรื้อถอนโดยเร่งด่วน
สมัยก่อนๆ อ้างภัยคอมมิวนิสต์ ปรากฏว่า ยิ่งอ้างยิ่งหนัก ผู้คนหลั่งไหล
เข้าป่า นักเรียนนักศึกษาวางสมุดปากกาไปจับปืนกันเป็นแถว
วิทยุคลื่นสั้นหลังกระทรวงขายดิบขายดี เพราะซื้อไปฟังรายการวิทยุ
เสียงประชาชนแห่งประเทศไทย ของพรรคคอมมิวนิสต์ไทย
กว่าคอมมิวนิสต์จะกลับเข้ามาอยู่ในเมือง สูญเสียมากมาย
แต่การปฏิวัติรัฐประหารไม่ยอมหมดตามคอมมิวนิสต์ เปลี่ยนเหตุผลไปอีก
ฉบับหลังๆ อ้างภัยคุกคามโน่นนี่ไปตามเรื่อง ก็อ้างกันไป
แต่ระหว่างบรรทัดหรือเบื้องหลังนั้น รู้ๆ กันว่า แต่ละครั้งเกิดขึ้นเพราะอะไร
ทุกอย่างเป็นไปตามสูตร ยุบรัฐบาล ยกเลิกรัฐธรรมนูญ เลิกสภา
แล้วแต่งตั้งเครือข่ายปฏิวัติขึ้นมาแทน
สุดท้าย ไม่เห็นจะแก้ปัญหาอะไรได้ ต้องคืนอำนาจให้ชาวบ้าน
นอกจากไม่แก้ปัญหา แล้วยังสร้างปัญหาใหม่ๆ เข้ามาอีกด้วย
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น
ลองมามองโลกของเราในวันนี้ ถามว่า
การปฏิวัติยังจะเกิดขึ้นได้อีกหรือไม่
ตอบแบบกำปั้นทุบดินให้เจ็บมือเล่นๆ ว่า เกิดได้
ถ้าคนทำคิดจะทำ และลงมือทำเพียงแต่ว่าทำลงไปแล้ว
จะเกิดอะไรขึ้น จะรักษาอำนาจจาก
การปฏิวัติไว้ได้นานแค่ไหน
ที่แน่ๆ ประเทศไทยจะกลับไปเป็นคนแปลกหน้าของสังคมโลกอีกครั้ง
แม้แต่ในสังคมภูมิภาคแถวๆ นี้ ก็จะดูแปลกๆ
อย่างพม่า ที่ปกครองด้วยคณะทหารมายาวนาน
ยังต้องลุกมาประกาศผ่อนปรน ปล่อยซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน
แกนนำรัฐบาล เดินสายให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ
ยืนยันทิศทางมุ่งหน้าสู่ประชาธิปไตย
แสดงให้เห็นว่า กระแสของโลก ไหลไปในทิศทางของประชาธิปไตย
ที่ไหลมาทางนี้ เพราะเป็นระบอบที่ได้ชื่อว่าเลวน้อยที่สุด
และเปิดกว้างให้กับสิทธิเสรีภาพต่างๆ
เผด็จการไม่อนุญาตให้ล้มรัฐบาล แค่คิดอาจจะติดคุกหัวโต
นั่นถือว่าโทษเบาะๆ เพราะส่วนมากอุ้มหายไปเลย
มีแต่ประชาธิปไตยนี่แหละที่อนุญาตให้ล้มรัฐบาล
แต่ก็มีครรลอง แบบแผน ตั้งแต่ชุมนุมโดยสงบนอกสภา
หรือใช้หนทางรัฐสภา
ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ต้องมี "เหตุผล"
แต่เหตุผลแบบในแถลงการณ์คณะปฏิวัติก็ต้องเลิกได้แล้วนะ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 (มติชนรายวัน 1 พ.ย.2555)
นักข่าวมติชนในภูมิภาค ส่งภาพป้ายต้านปฏิวัติในจังหวัดต่างๆ
เข้ามาในเวลาใกล้ๆ กัน
แต่ละป้ายมีข้อความสั้นๆ ว่า สนับสนุนรัฐบาลจากเลือกตั้ง
ไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ
ฟังดูเหมือนจะไม่แปลกหูอะไรนัก เหมือนกับป้ายเชียร์พรรคเพื่อไทย
หรือเป็นป้ายรณรงค์ ประเภท รู้พิษภัย ห่างไกลยาเสพติด เมาไม่ขับ
หรือว่ารักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยกันป้องกันโลกร้อน ฯลฯ
แต่ที่จริงเป็นเรื่องใหญ่ เพราะข้อความในป้าย เท่ากับส่งเสียงเตือนว่า
มีคนคิดทำปฏิวัติ ซึ่งก็จะเท่ากับล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง
ตั้งแต่เข้ามาทำอาชีพข่าวสาร เข้าวงการหนังสือพิมพ์มา
เห็นปฏิวัติรัฐประหารมาแล้วหลายหน
ฟังแถลงการณ์คณะปฏิวัติมาหลายฉบับ
จับประเด็นจะคล้ายๆ กัน มีเหตุผลอยู่ 2-3 ชุด เป็นปัญหาภัยคุกคาม
ที่จะต้องใช้อำนาจเด็ดขาด เข้าไปรื้อถอนโดยเร่งด่วน
สมัยก่อนๆ อ้างภัยคอมมิวนิสต์ ปรากฏว่า ยิ่งอ้างยิ่งหนัก ผู้คนหลั่งไหล
เข้าป่า นักเรียนนักศึกษาวางสมุดปากกาไปจับปืนกันเป็นแถว
วิทยุคลื่นสั้นหลังกระทรวงขายดิบขายดี เพราะซื้อไปฟังรายการวิทยุ
เสียงประชาชนแห่งประเทศไทย ของพรรคคอมมิวนิสต์ไทย
กว่าคอมมิวนิสต์จะกลับเข้ามาอยู่ในเมือง สูญเสียมากมาย
แต่การปฏิวัติรัฐประหารไม่ยอมหมดตามคอมมิวนิสต์ เปลี่ยนเหตุผลไปอีก
ฉบับหลังๆ อ้างภัยคุกคามโน่นนี่ไปตามเรื่อง ก็อ้างกันไป
แต่ระหว่างบรรทัดหรือเบื้องหลังนั้น รู้ๆ กันว่า แต่ละครั้งเกิดขึ้นเพราะอะไร
ทุกอย่างเป็นไปตามสูตร ยุบรัฐบาล ยกเลิกรัฐธรรมนูญ เลิกสภา
แล้วแต่งตั้งเครือข่ายปฏิวัติขึ้นมาแทน
สุดท้าย ไม่เห็นจะแก้ปัญหาอะไรได้ ต้องคืนอำนาจให้ชาวบ้าน
นอกจากไม่แก้ปัญหา แล้วยังสร้างปัญหาใหม่ๆ เข้ามาอีกด้วย
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น
ลองมามองโลกของเราในวันนี้ ถามว่า
การปฏิวัติยังจะเกิดขึ้นได้อีกหรือไม่
ตอบแบบกำปั้นทุบดินให้เจ็บมือเล่นๆ ว่า เกิดได้
ถ้าคนทำคิดจะทำ และลงมือทำเพียงแต่ว่าทำลงไปแล้ว
จะเกิดอะไรขึ้น จะรักษาอำนาจจาก
การปฏิวัติไว้ได้นานแค่ไหน
ที่แน่ๆ ประเทศไทยจะกลับไปเป็นคนแปลกหน้าของสังคมโลกอีกครั้ง
แม้แต่ในสังคมภูมิภาคแถวๆ นี้ ก็จะดูแปลกๆ
อย่างพม่า ที่ปกครองด้วยคณะทหารมายาวนาน
ยังต้องลุกมาประกาศผ่อนปรน ปล่อยซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน
แกนนำรัฐบาล เดินสายให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ
ยืนยันทิศทางมุ่งหน้าสู่ประชาธิปไตย
แสดงให้เห็นว่า กระแสของโลก ไหลไปในทิศทางของประชาธิปไตย
ที่ไหลมาทางนี้ เพราะเป็นระบอบที่ได้ชื่อว่าเลวน้อยที่สุด
และเปิดกว้างให้กับสิทธิเสรีภาพต่างๆ
เผด็จการไม่อนุญาตให้ล้มรัฐบาล แค่คิดอาจจะติดคุกหัวโต
นั่นถือว่าโทษเบาะๆ เพราะส่วนมากอุ้มหายไปเลย
มีแต่ประชาธิปไตยนี่แหละที่อนุญาตให้ล้มรัฐบาล
แต่ก็มีครรลอง แบบแผน ตั้งแต่ชุมนุมโดยสงบนอกสภา
หรือใช้หนทางรัฐสภา
ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ต้องมี "เหตุผล"
แต่เหตุผลแบบในแถลงการณ์คณะปฏิวัติก็ต้องเลิกได้แล้วนะ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar