คลื่นลมอำมาตย์แม้ดูเหมือนรุนแรง แต่มาสเตอร์มายด์แค่ตาโปนกับทอมครู๊สแค่นั้นเอง

โดย   ลูกชาวนาไทย

คลื่นลมอำมาตย์แม้ดูเหมือนรุนแรง แต่มาสเตอร์มายด์แค่ตาโปนกับทอมครู๊สแค่นั้นเอง

ผมประเมินความเข็มแข็งของฝ่ายตรงข้ามจาก "มาสเตอร์มายด์" แม่ทัพใหญ่ฝ่ายตรงข้ามด้วยว่าเป็นใคร สงครามในปี 2553 ที่เสื้อแดงโดนฆ่ากลางเมืองนั้น มาสเตอร์มายด์ ไม่ใช่ระดับกระจอก มีบารมีมากมายแค่ใครรับโทรศัพท์ก็หัวหดแล้ว ดังนั้นความมั่นใจของพวกแม่ทัพนายกองต่างๆ ของฝ่ายตรงข้ามก็มีมาก เพราะเขารู้ว่าสู้เพื่อใคร และเคยชนะกันมาตลอด พวกเขาจึงฮึกเหิมพร้อมลุย และลุยจริงๆ

แต่การเข้ามาเคาะประตูหน้าบ้านของ ICC มันก็บอกความไม่แน่นอนนักว่า พวกที่ฆ่าประชาชนสองปีที่แล้วนี้จะรอด

การระดมพลประกาศทำศึกรอบสาม ของพวกอำมาตย์ โดยเปลี่ยน "แม่ทัพหน้า" ใหม่เป็น เสธ.อ้าย นี่ หากเราดูฉากหน้านั้นเป็นศึกใหญ่โตทีเดียว จากการข่าวต่างๆ ก็มีข้อมูลว่า มีการระดมทุนลงขันถึง 6,000 ล้าน และ กระทู้พี่หัตถา สองกระทู้นี้ ก็เป็นข้อมูลการข่าวที่สำคัญ ในการยืนยันกำลังรบหลักของฝ่ายอำมาตย์

http://www.tfn5.info/board/index.php?topic=43138.0

http://www.tfn5.info/board/index.php?topic=43181.0

เรียกได้ว่า "การระดมพลของระบอบอำมาตย์" นั้น "เต็มอัตราศึก เท่าที่ศักยภาพของพวกเขาที่เหลืออยู่จะทำได้

แต่จากหลายข่าวที่ผมได้ยินมา ผมมีคำถามที่คาใจผมมาตลอดคือ

"ใครคือมาสเตอร์มายด์" สำคัญสุดของเกมครั้งนี้
เพราะ ข่าวเกี่ยวกับ "สุขภาพ" จากที่ได้ยินมา และที่เห็นด้วยตา ผมก็ไม่เชื่อว่ามาสเตอร์มายด์ระดับเทพนั้นจะสามารถออกศึกบัญชาการรบได้อีกครั้ง ทำให้ผมค่อนข้าง เชื่อลึกๆ ว่า พวกบัญชาการออกศึกครั้งนี้คือ "บริวาร ที่กลัวเสียอำนาจ" จากการเปลี่ยนแปลงและ ความเข็มแข็งของนายกฯยิ่งลักษณ์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การโค่นล้มนั้นเป็นไปได้ยากลำบากยิ่ง

ยิ่งปล่อยผ่านปีนี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้

สุดท้าย ตอนนี้ผมก็พอประเมินได้ว่า "มาสเตอร์มายด์"นั้น ก็แค่ระดับ "คนดี คนเดิม" กับ ทอมครู๊ส แค่นั้นเอง

ในส่วนตัวผมคิดว่า "มาสเตอร์มายด์ระดับนี้ บารมีไม่พอที่จะทำศึกใหญ่" ที่มีประชาชนเข้าถือหางแต่ละฝ่ายได้หรอก

คนดี คนเดิมนั้น บารมี แค่ "การอ้างอิง" จาก เจ้าของบารมีตัวจริง คือ "เฒ่าผมขาว"
แต่ คนดีคนเดิม มันไม่ได้มีบุญคุณกับทหารหรือคนในสังคมมากมายจนใครยอมตายแทนได้ เป็นใหญ่ในกองทัพก็ไม่กี่ปี ทำให้วางฐานในกองทัพได้ไม่แน่น

และชีวิตส่วนใหญ่ของไอ้นี่ (ผมไม่เคารพมันแล้ว) ก็เป็น Commando นักฆ่า นักลอบสังหาร เสียส่วนมาก ถนัดในการใช้กำลังเข้าทำลายฝ่ายตรงข่าม แบบลอบกัด แต่ไม่ได้หมายความว่า จะชำนาญศึกใหญ่แบบ ขงเบ้ง หรือ สุมาอี้ หรือ แม้แต่แม่ทัพระดับรองเช่น กวนอู เตียวหุยหรือ จูล่ง

ไอ้ตาโปน เป็นได้แค่หัวหน้านินจา เท่านั้น

ส่วนทอมครู๊ส (ไม่รู้ว่าใคร) นั้น บารมีเป็นแค่ Celeb ที่คนบางกลุ่มบางพวกนิยม เป็นแค่ครูสอนหนังสือ คิดว่าลูกศิษย์ที่ประจบนั้นตายแทนได้ (โดนมันประจบ) แต่ในสงครามที่ถูกไล่ฆ่านั้นอาจมีบางคนยอมตายแทนได้ แต่ในสงคราม "รุก" ฝืนมติมหาชน ผิดคุณธรรมประชาธิปไตย และมีอุดมการณ์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ไม่มีใครยอมตายแทนให้หรอก

บารมีแบบ Celeb นั้น ตอนนี้ นายกฯปู กินขาดแล้ว คำว่านารีขี่ม้าขาว ไปตกกับนายกฯปูไปแล้ว

ศึกครั้งนี้ "จ่า" ก็ไม่อยู่ฝ่ายนั้น ยิ่งไม่มีคนที่ใหญ่กว่าจ่าจนจ่า ต้องเกรงใจอยู่ด้วยละก้อ งานนี้ จ่ามีคนหนุนหลัง (จ่าโชคดีที่ผลประโยชน์ตรงกับเสื้อแดง) จ่าลุยได้สบายอยู่แล้ว

จากกำลังที่พี่หัตถา เอามาเปิดเผย ในฐานะนักยุทธศาสตร์ ผมฟันธงทันทีว่า กองทัพแตกเป็นเสี่ยง ๆ ใครบ้า เคลื่อนกำลังออกมา คนนั้นจะโดนรุม

กองทัพอากาศ กับกองทัพเรือนั้นนิ่ง ไม่เอาพวกรัฐประหาร

กองทัพบกเหลือแค่พวก บูรพาพยัคฆ์ กองพลเดียว ส่วนกำลังอื่นๆ รอดูท่าทีว่าใครชนะ (ตอนนี้ทหารที่มีสมองหน่อยก็จะประเมินได้ว่า รัฐบาลนายกฯปูชนะ เป็นพวกปราบกบถง่ายกว่า ปลอดภัยกว่า)

ฝ่ายอำมาตย์นั้นเป็น Downfall
เหมือนฮิตเลอร์ก่อนแพ้ ต้องฆ่าตัวตายแล้ว
การรุกของอำมาตย์ ทำด้วยความฉุกละหุก ไม่พร้อม ขาดกำลัง คาดหวังเอาว่า "จะมีกำลังจากโน่นจากนี่มาช่วย"
ก็เหมือนหนังเรื่อง Downfall ของฮิตเลอร์ คาดว่าจะมีกำลังรบจากตรงโน้นตรงนี้มาช่วยเบอร์ลิน
แต่ฮิตเลอร์ในตอนนั้นไม่ได้อยู่บนโลกความเป็นจริงแล้ว ลูกน้องก็ไม่กล้าบอกความจริง

อำมาตย์ไทยก็เหมือนกัน ช่วง Downfall ก็เป็นแบบนี้

สงครามเบ็ดเสร็จ นั้นตัดสินด้วยปัจจัยทางยุทธศาสตร์ที่ใหญ่กว่า ปัจจัยทางยุทธวิธีว่ามีกำลังกี่กองพัน

วันนี้ ผมฟันธง "นัดแล้วไม่มา"

ศึก เสธ.อ้าย ม็อบแช่แข็ง วันที่ 24 พ.ย.นี้ ผมคิดว่าเป็นศึกสุดท้าย
หากล้มเหลว อำมาตย์ก็ไม่สามารถรวมพลใหญ่โตได้เช่นนี้อีก ความไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของแกนนำต่างๆ ของผู้สนับสนุนจะมีมากมาย จนรวมพลไม่ได้อีก

แล้วทีนี้ก็จะเหมือนเห็บหมา คือ บริวารจะแย่งกันหนีตายหานายใหม่
เพราะใครก็ประเมินอนาคตออก