tisdag 27 maj 2014

ทหารกบฎของพระราชาจอมเผด็จการจับ จาตุรนต์ ฉายแสง วันนี้ที ๒๗ พค.๕๗



เวลา 14.15 น. วันที่ 27 พ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีศึกษาในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นบุคคลที่ทางคณะคสช. เรียกให้มารายงานตัว แต่ยังไม่รายงานตัว ได้ไปเป็นวิทยากร พูดเรื่องผลกระทบของการรัฐประหารที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศ ไทย (เอฟซีซีที) อาคารมณียา ถ.สุขุมวิท

โดยก่อนหน้านี้ นายจาตุรนต์ให้สัมภาษณ์พิเศษสื่อนอก สเตรทไทมส์ ระบุว่า หลังจากการแถลงใหญ่ต่อสาธารณะ ตนก็พร้อมให้ทางคสช. จับกุม

ทั้งนี้ มีกระแสข่าวว่า นายจาตุรนต์พร้อมให้ทางเจ้าหน้าที่ทหารเข้าจับกุมที่เอฟซีซีที หรือหลังจากการพูดปาฐกถาบนเวทีจบลง

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า คสช.เตรียมส่งทหารคุมตัวนายจาตุรนต์ หลังแถลงข่าวกับสื่อต่างชาติ ชี้เข้าข่ายสร้างความขัดแย้ง ละเมิดคำสั่งคชส. เตรียมนำตัวขึ้นศาลทหาร

เวลา 15.40 น. เจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมคุมตัวนายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่เอฟซีซีทีแล้ว ท่ามกลางผู้สื่อข่าวทั้งไทยและเทศจำนวนมาก ที่บันทึกภาพและเผยแพร่เหตุการณ์ไปทั่วโลก โดยนายจาตุรนต์ตะโกนบอกคนในงานเป็นคำสุดท้ายว่า "ไม่ต้องห่วงผมครับ"

ล่าสุดเฟซบุ๊กของนายจาตุรนต์ เผยแพร่ปาฐกถาที่แถลงที่เอฟซีซีที ดังนี้

เรียนพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตย สื่อมวลชน และประชาคมโลก


ตามที่ได้เกิดการรัฐประหารขึ้นดังที่ทราบทั่วกันอยู่แล้ว ได้มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับตัวผมทั้งก่อนและหลังการรัฐประหารอยู่บ้าง ผมจึงขอชี้แจงต่อพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้

ความเห็นต่อการรัฐประหาร
ในหลายสิบปีมานี้ผมได้แสดงความเห็นคัดค้านไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารมาตลอด และในหลายปีมานี้ก็ได้แสดงความเห็นไว้ด้วยว่าไม่ว่าประเทศจะมีปัญหาร้าย แรงอย่างไรการรัฐประหารก็ไม่ใช่ทางออกหากมีแต่จะทำให้ปัญหาเลวร้ายยิ่งขึ้น เสมอเมื่อเกิดการรัฐประหารขึ้นในครั้งนี้ ผมก็มีความเห็นเช่นเดิมและได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารไปแล้ว

ขอย้ำในโอกาสนี้ว่าการรัฐประหารโดยตัวมันเองคือการล้มล้างประชาธิปไตยอยู่ แล้วการรัฐประหารจึงจะไม่สามารถทำให้เกิดกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น หากจะยิ่งทำให้กติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้วไม่เป็นประชาธิปไตยหนัก ยิ่งขึ้น

การรัฐประหารไม่ใช่ทางออกหรือทางแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคมหากมีแต่จะทำให้ เกิดความขัดแย้งมากยิ่งขึ้นที่น่าเป็นห่วงคือหากผู้มีอำนาจจัดการได้ไม่ดี อาจจะทำให้เกิดความรุนแรงและความสูญเสียมากยิ่งขึ้นด้วย

การรัฐประหารเป็นกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่ทั่วโลกและคนส่วนใหญ่ใน สังคมไทยเองไม่ยอมรับย่อมจะส่งผลเสียต่อภาพพจน์ของประเทศต่อความร่วมมือกับ ประเทศต่างๆและซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจของประเทศซึ่งบอบช้ำมามากแล้ว

สำหรับการที่อ้างว่าสังคมไทยมีความขัดแย้งและเกิดความรุนแรงและความสูญเสีย อย่างมากจนกระทั่งผู้นำกองทัพจำเป็นต้องประกาศกฎอัยการศึกแล้วทำการรัฐ ประหารนั้นความจริงแล้วผู้นำกองทัพมีทางเลือกอื่นมาตั้งแต่ต้นคือการร่วมมือ กับรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรมต่อทุกฝ่ายซึ่งหากทำเช่นนั้น เหตุการณ์ก็จะไม่บานปลายจนกระทั่งกลายเป็นข้ออ้างถึงความจำเป็นในการที่ต้อง ทำรัฐประหาร


เหตุผลที่ไม่ได้ไปรายงานตัวต่อคสช.

ผมได้อธิบายผ่านสื่อมวลชนไปแล้วว่าเมื่อผมไม่ยอมรับการรัฐประหารผมจึงไม่อาจ ไปรายงานตัวต่อคณะรัฐประหารได้ขอชี้แจงเพิ่มเติมอีกด้วยว่าผมมีความเห็นมา แต่ต้นและได้แสดงความเห็นต่อรัฐมนตรีหลายท่านและต่อสาธารณชนด้วยว่าการ ประกาศใช้กฎอัยการศึกที่ได้ทำไปนั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและขัดต่อพ.ร.บ.กฎ อัยการศึกเองเนื่องจากไม่ได้มีประกาศพระบรมราชโองการส่วนการรัฐประหารนั้น ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการตั้งพลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้าคสช.ย่อมไม่อาจถือ ได้ว่าการรัฐประหารได้สำเสร็จเสร็จสิ้นแล้วการกระทำของพลเอกประยุทธ์กับพวก ที่ประกาศยึดอำนาจจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา68คำสั่งต่างๆของคสช.ในช่วงที่ ยังไม่มีพระบรมราชโองการตั้งหัวหน้าคสช.จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ความจริงข้อนี้จะสังเกตได้ไม่ยากว่าต่อไปก็จะต้องมีการนิรโทษกรรมการกระทำ ต่างๆของคณะคสช.ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่มีพระบรมราชโองการตั้งหัวหน้าคณะคสช.

ในอดีตเคยมีการพยายามทำรัฐประหารมีคำสั่งให้ใครต่อใครไปรายงานตัวแต่เมื่อ ไม่มีพระบรมราชโองการตั้งบุคคลเหล่านั้นให้ควบคุมการบริหารราชการต่อมาคณะ บุคคลนั้นก็กลายเป็นกบฏไปผู้ที่ไปรายงานตัวหรือให้ความร่วมมือก็พลอยมีความ ผิดไปด้วย

จากประสบการณ์ในอดีตและข้อกฎหมายดังกล่าวผมจึงได้ตัดสินใจไม่ไปรายงานตัวต่อ คสช.ทั้งนี้ก็ได้ประกาศไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการหลบหนีไม่ต้องการเคลื่อน ไหวต่อต้านหรือลงใต้ดินต่อสู้แต่อย่างใดและพร้อมที่จะให้คุมตัวในเวลาที่ เหมาะสม

สิ่งที่จะทำต่อไป

ผมยังยืนยันว่า จะใช้สิทธิเสรีภาพเท่าที่มีอยู่ต่อสู้เรียกร้องให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย โดยเริ่มจากการเรียกร้องให้คสช.คืนอำนาจอธิปไตยให้แก่ประชาชนและให้มีการ เลือกตั้งตามกติกาที่เป็นประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุดทั้งนี้การดำเนินการใดๆ ของผมจะเป็นไปโดยสันติวิธีสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา2และเป็นไปตามกฎหมาย ที่ชอบธรรม

การให้จับกุมหรือคุมตัว

ผมได้พูดไว้แล้วว่าพร้อมจะให้คสช.มารับตัวหรือคุมตัวไปในเวลาที่เหมาะสมบัด นี้เมื่อมีพระบรมราชโองการตั้งหัวหน้าคสช.ขึ้นแล้วแม้ผมจะยังคงไม่เห็นด้วย กับการรัฐประหารแต่ก็ทราบว่าคสช.ย่อมมีอำนาจตามระบบกฎหมายของไทยในหลายๆ ประการผมจึงพร้อมที่จะให้คสช.มาควบคุมตัวไปดำเนินการต่อไปตามแต่จะเห็นเหมาะ สม

ผมได้เลือกการแสดงออกในการคัดค้านตามหลักอารยะขัดขืนซึ่งก็ต้องพร้อมที่จะ ยอมรับผลทางกฎหมายที่จะตามมาหากจะมีการดำเนินคดีก็พร้อมจะสู้คดีตามสิทธิ์ ที่พึงมีต่อไป

เนื่องจากเข้าใจว่าอาจมีการดำเนินคดีกับบุคคลจำนวนไม่น้อยผมจึงขอเสนอว่าการ ดำเนินคดีต่อผู้มีความเห็นแตกต่างทางการเมืองนั้นไม่ควรใช้ศาลทหารแต่ควรให้ ศาลยุติธรรมพิจารณาไปตามปรกติ

ข้อเสนอต่อคสช.

1. คืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด ให้มีการเลือกตั้งตามกติกาที่เป็นประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด

2. ขอให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน ไม่ปราบประชาชนและไม่เลือกปฏิบัติในการใช้กฎหมาย เพื่อป้องกันความรุนแรงในสังคม ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นและต่อสู้เรียกร้องเพื่อ ประชาธิปไตยโดยสันติวิธีได้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรงได้ดีกว่าจะผลักไสให้ ประชาชนหันไปต่อสู้ด้วยวิธีอื่นๆ

3.ส่งเสริมให้มีการแสวงหาความรู้ประสบการณ์เกี่ยวกับการทำให้ผู้คนใน สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขถึงแม้ว่าจะมีความคิดเห็นที่ต่างกันนี่คือ ปัญหาพื้นฐานอย่างหนึ่งของสังคมไทยการใช้อำนาจความเด็ดขาดไม่ใช่ทางออก

4.ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมอยู่ทั้งหมดอย่างไม่มีเงื่อนไขโดยเร็วที่สุด

5.หากต้องการปฏิรูปจริงก็ขอให้เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมให้มากที่สุดขอ ความกรุณาเข้าใจว่าสังคมไทยมีความเห็นแตกต่างกันอย่างมากทั้งต่อรัฐธรรมนูญ ปี50และต่อการปฏิรูปที่หลายฝ่ายเสนออยู่ การหาข้อยุติจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

6. ในการดำเนินการต่างๆต่อจากนี้ไป หวังว่าท่านจะคำนึงถึงความเป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

ข้อเสนอต่อผู้รักประชาธิปไตย
ย่อมเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ประชาชนจะแสดงความไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารและการดำเนินการใดๆที่สืบเนื่องจากการรัฐประหาร

ขอเสนอให้การเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยเป็นไปโดยสันติวิธีพร้อมที่จะรับกับสภาพที่สังคมไทยอาจจะตกอยู่ในวิกฤตที่ยืดเยื้ออีกนานหลายปี

ปัญหาของบ้านเมืองได้สะสมกันมามากในหลายปีมานี้ประชาธิปไตยที่ประชาชนเรา พยายามรักษากันตลอดมาได้ค่อยๆร่อยหรอลงจนในที่สุดเราก็ต้องสูญเสีย ประชาธิปไตยไปจากการรัฐประหารจากนี้ไปกฎกติกาของบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรก็ ยังมีความเห็นที่ต่างกันอย่างมากในสังคมไทยจำเป็นที่ผู้รักประชาธิปไตยจะ ต้องช่วยกันคิดว่ากติกาที่เป็นประชาธิปไตยควรเป็นอย่างไร และจะทำอย่างไรให้ประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับและสนับสนุนให้เกิดขึ้นได้อย่างไร

ข้อเสนอต่อประชาคมโลก

ขอขอบคุณรัฐบาลประเทศต่างๆและองค์กรระหว่างประเทศทั้งหลายที่ห่วงใย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยที่ได้พยายามหาทางระงับยับยั้งไม่ให้เกิดการใช้ ความรุนแรงต่อประชาชนและที่ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการประกาศใช้กฎอัยการ ศึกและการทำรัฐประหารครั้งนี้

ขอขอบคุณที่ได้เรียกร้องให้คณะรัฐประหารคืนความเป็นประชาธิปไตยและให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด

หวังว่าความช่วยเหลือตามหลักประชาธิปไตยบนพื้นฐานของความเป็นอารยประเทศนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป

ขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชน

ขอขอบคุณที่ช่วยเสนอข่าวสารข้อเท็จจริงให้สาธารณชนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ทราบตลอดมา

ขอบคุณที่เสนอข่าวการชี้แจงครั้งนี้

ขอย้ำว่า"ความจริง"เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการแก้ปัญหาวิกฤตของทุกสังคม

ขอขอบคุณทุกท่าน
จาตุรนต์ ฉายแสง

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar