ภูมิพลกับการรัฐประหารของไทย เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พศ. ๒๕๔๙ ที่เปรม และคณะนายทหารเข้าเฝ้ากษัตริย์ตอนดึกในวันเดียวกันหลังจากยึดอำนาจเสร็จแล้ว...เพื่อให้กษัตริย์เซ็นต์รับรอง หลังจากนั้นพวกหัวหน้าคณะยึดอำนาจก็พ้นจากการเป็นกบฎ

๑๙ ก.ย.๔๙  อำมาตย์ให้ทหารยึดอำนาจปล้นประเทศฉีกรัฐธรรมนูญ.





วันที่ ๒๒ เดือน พฤษภาคม พศ. ๒๕๕๗ ในระยะ ๘ ปีต่อมา กษัตริย์ภูมิพลก็ได้สั่งให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและพวกทำการยึดอำนาจอีก  เป็นการยึดอำนาจครั้งที่ ๑๙ ของประเทศไทยในรัชสมัยของกษัตริย์ภูมิพล  ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์เดียวในโลกที่มีการยึดอำนาจมากที่สุด การยึดอำนาจทุกครั้งกษัตริย์มีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วยทุกครั้ง เป็นการพิสูจน์ให้คนไทยทั้งประเทศ และ ประชาคมชาวโลกเห็นว่าภูมิพลเป็นกษัตริย์ที่เลวทรามและโหดร้าย ทารุณที่สุด เป็นนักต่อต้านประชาธิปไตยที่บ้าระหํ่าอย่างหาที่เปรียบมิได้ เป็นจอมเผด็จการที่เห็นแก่ตัวที่สุด จนได้รับ ฉายาว่า  " ไอ้เหี้ยสั่งฆ่า อีห่าสั่งยิง "  เป็นจอมหลอกลวงโลก มีชีวิตอยู่อย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ผลาญเงินของชาติ จนประเทศชาติเกิดความล่มจม ประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าขาดสิทธิ เสรีภาพ และประชาธิปไตย  ทำให้สังคมไทยแตกแยกและหล้าหลังขัดขวางการวิวัฒนาการไม่ให้สังคมไทยเดินไปข้างหน้า เพราะทุกครั้งที่ประเทศชาติกำลังจะเดินเข้าสู่วิถีทางแห่งประชาธิปไตย ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ และมีความเจริญก้าวหน้า ภูมิพลจะสั่งให้ทหารยึดอำนาจทันที เพราะกลัวว่าตัวเองจะเสียอำนาจ ภูมิพลจึงเป็นกษัตริย์ที่เลวทรามที่สุดแห่งยุค .