måndag 4 november 2013

...ขอคารวะดวงวิญญาณของวีรชนผู้กล้าหาญ..และ..จิตใจอันดีงามสูงส่งของกลุ่มญาติวีรชนจากเหตุการณ์ปี 2553 จำนวน 24 ครอบครัว...ที่พวกท่านคิดเห็นอนาคตของประเทศชาติเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าการสูญเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว พวกท่านได้ทำตามเจตนารมณ์ของ"วีรชนผู้กล้าหาญที่พวกเขาได้สละชีวิตเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย" ครอบครัวของพวกท่านคือนักต่อสู้ผู้เสียสละไม่เห็นแก่ตัวเพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง นับเป็นตัวอย่างที่ดีให้สังคมไทยได้ข้อคิดและดูเป็นตัวอย่าง อดีตอันเจ็บปวดให้ทุกคนถือเป็นบทเรียนที่ต้องจดจำและนำมาศึกษาช่วยกันคิดหาทางแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต...ด้วยจิตคารวะ ขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนเวีย..


เพื่ออนาคตของประเทศชาติและของประชาชนไทยทุกคน..



เมื่อเวลา 12.00น. วันที่ 4พฤศจิกายน  ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มญาติวีรชนจากเหตุการณ์ปี 2553 จำนวน 24 ครอบครัว เข้าพบเพื่อให้กำลังใจต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมสนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้ากฎหมายนิรโทษกรรม โดยนายสมชาย เจียมพล บิดาของนายทิพเนตร เจียมพล  ผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 พ.ย.บริเวณซอยรางน้ำ กล่าวกับนายกรัฐมนตรีว่า กลุ่มญาติวีรชนมาให้กำลังนายกรัฐมนตรีเพื่อให้เดินหน้าผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้สุดซอย โดยกลุ่มญาติวีรชนเห็นพ้องต้องกันว่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดและต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า เพื่อที่จะได้มีการล้างไพ่ล้างกระดานกันทั้งหมด บ้านเมืองจะได้เดินหน้าไปได้ไม่เกิดสะดุด ทั้งนี้ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้เข้าพบปะพูดคุย ก็ต้องขอให้กำลังใจและขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ดำเนินการในทุกโครงการที่เป็ปนระโยชน์กับประชาชน
 
    “พวกญาติวีรชนเห็นว่าโครงการที่รัฐบาลทำนั้นทำให้เกิดประโยชน์กับคนส่วนรวม จึงไม่ต้องการให้ประเทศเกิดการสะดุด พวกเราทุกคนจึงยอม พ.ร.บ.นิโทษกรรมฉบับสุดซอยนี้ อยากให้ทุกอย่างเป็นโมฆะ จะได้เดินหน้ากันไปได้ ประชาชนจะได้ไม่ต้องหวาดผวาอะไรทั้งสิ้น เพื่อจะได้เกิดความปรองดองสามัคคี พวกผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แต่วันนี้ก็รู้สึกเห็นใจและสงสารนายกรัฐมนตรี ถ้าเราไม่หันหน้าเข้าหากันไม่ยอมปัญหาบ้านเมืองก็คงไม่ยุติ และขอให้พวกเราเป็นกลุ่มสูญเสียครั้งสุดท้ายอย่าให้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาอีก”นายสมชาย กล่าว

                ผู้สื่อข่าวถามว่าสามารถทำใจได้หรือหากทุกอย่างจะเป็นโมฆะทั้งหมด นายสมชาย กล่าวว่า ถ้าเราไม่ยอมเสียสละประเทศเราก็คงเดินหน้าต่อไปไม่ได้ เราสูญเสียเราเจ็บแต่ไม่ต้องการให้ประเทศต้องเกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้นอีก
 
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวขอบคุณญาติวีรชนที่มา และเห็นเห็นแก่บ้านเมืองโดยมีความรู้สึกว่าต้องให้อภัยกัน เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ซึ่งในฐานะรัฐบาลก็ต้องการอยากให้ประเทศเดินหน้าไปข้างหน้า และอยากเห็นประเทศไทยเดินไปสู่ความปรองดอง และให้อภัยกัน ซึ่งเราไม่อยากเห็นบทเรียนที่ผ่านมาที่เกิดขึ้นกับผู้ที่เสียสละเกิดขึ้นกับวีรชนที่สูญเสียชีวิตแบบนี้กลับมาอีก   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประเทศไทยอยู่ท่ามกลางความสูญเสียขัดแย้งมาหลายปีแล้ว ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ช้า

 
 ด้านนางคำจันทร์  แสงคำ มารดานายวุฒิชัย คำจันทร์ ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 พ.ค.บริเวณบ่อนไก่ กล่าว ตนก็แค้นมากๆแต่ก็ทำใจ วันนี้เราก็พอที่จะปลงได้ แต่อยากให้ประเทศไทยเดินหน้าไปได้ อยากเห็นทุกฝ่ายจับมือกัน และหาก ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้จริงตนก็ทนได้ เพี่ยงแต่ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีพวกตนก็รับได้ บ้านเมืองจะได้อยู่เย็นเป็นสุข “ยอมรับว่าเสียใจมากๆหากคนผิดไม่ได้รับโทษ แต่ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้บ้านเมืองก็ไม่สงบเสียที แต่ถ้าจะให้ตอบจริงๆการเสียลูกชายแม่ก็เสยใจมากๆ เจ็บปวด แต่เราทนได้หากบ้านเมืองจะเดินหน้า”

 
 ขณะที่นางนาง ตติยรัตน์ มารดาของนายอำพน ตติยรัตน์ ผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่สี่แยกคอกวัว กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าและเสียงสั่นเครือว่า “เราเจ็บปวดมากแต่อยากให้บ้านเมืองสงบและเดินหน้าไปได้ด้วยดี โดยมีนายกฯนำพา โดยพวกเรายินดีเจ็บ และจะเก็บความเจ็บไว้ในใจเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปให้ได้”

 
  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินเข้าไปพูดคุยพร้อมจับมือพร้อมโอบกอดกับครอบครัวญาติวีรชนที่เสียชีวิตทุกคน ซึ่งบางคนถึงกับร่ำไห้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้นซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจโดยกล่าวยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยลืม หากมีอะไรขอให้ประสานมา วันนี้ถ้าเราไม่แก้ไขบ้านเมืองก็คงไม่สามารถเดินหน้าหรือแก้ปัญหาได้ “ต้องขอบคุณทุกครอบครัวที่เข้าใจ วันนี้ถ้าทุกคนไม่ให้อภัยกันบ้านเมืองเราคงมีปัญหาไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ต้องขอบคุณที่เห็นแก่ประเทศชาติ ” นายกรัฐมนตรี กล่าวพร้อมน้ำตาคลอเบ้า

ทั้งนี้     น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ว่า อยากขอร้องว่าอยากให้อยู่บนหลักของความเห็นอกเห็นใจกัน เข้าใจกัน โดยญาติผู้เสียชีวิต ก็คือการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่   การชุมนุมเป็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาลต้องพยายามดูแล ในเรื่องของความสงบเรียบร้อย เชื่อว่าทุกคนอยากจะเห็นการชุมนุมโดยสันติคงต้องดูแลทั้งฝ่ายที่เป็นผู้ชุมนุม และฝ่ายประชาชนที่สัญจรไปมาให้มีความปลอดภัย โดยได้กำชับในส่วนของเจ้าหน้าที่ว่าขอให้ใช้หลักความอดทนในการดูแลความปลอดภัย และยึดหลักตามข้อกฎหมาย และไม่อยากให้มีการกระทบกระทั่งต่างๆเกิดขึ้น ที่จะนำไปสู่การเกิดความรุนแรง

   เมื่อถามว่านายกฯ ยังเห็นว่าร่างพ.ร.บ.นิรโทษ ฉบับนี้สามารถสร้างความปรองดองให้กับประเทศได้หรือไม่ เพราะกลุ่มที่ออกมาคัดค้านก็มีจำนวนมากขึ้น นายกฯ กล่าวว่า   ต้องร่วมกันในการให้อภัยซึ่งกันและกันก่อน   สิ่งที่เราห่วงก็คือว่าจะกลับสู่วงจรความขัดแย้ง ค่อยๆพูดค่อยจากัน ตนเชื่อว่าตรงนี้เราจะค่อยๆหาทางออกของเราได้ และหวังว่าเราจะร่วมกันให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้ประเทศเดินหน้า

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายกฯ มีสีหน้าที่โศกเศร้าและมีน้ำคลอ น้ำเสียงสั่นเครือ ตลอดให้เวลาการให้สัมภาษณ์
 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1383551589&grpid=02&catid=01&subcatid=0100

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar