torsdag 14 november 2013

เมื่อไหร่ที่มีเหตุการณ์ที่มันค้านความรู่้สึกคนไทยอย่างถึงที่สุด แม้เมืองไทยเมืองพุทธ ก็จะมีชายชุดดำแบบผมและทีมของผมเคยทำ ออกมาปฏิบัติการอีกแน่ ชายชุดดำจึงจะไม่หายไปจากประเทศไทย ( ที่ไหนมีการกดขี่ที่นั้นย่อมมีการต่อสู้ นี่คือกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ ถ้ากฎเกณฑ์ธรรมชาติเช่นนี้ได้รับการปรับปรุงเข้ากับการจัดตั้งที่เป็นวิทยาศาตร์ มีทฤษฎี มีระเบียบวินัย และการปิดลับ มีขบวนการนำที่ถูกต้อง มันก็จะกลายเป็นพลังสามารถป้องกันชีวิตให้แก่ประชาชนและเอาชนะกับฝ่ายศรัตรูได้ ไม่ใช่ต่อสู้แบบสันติวิธีที่พาคนไปตายโดยไม่รับผิดชอบ ...ผู้เรียบเรียง? )

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์ 14 พฤศจิกายน 2556
หมายเหตุไทยอีนิวส์:เรา ได้รับการติดต่อทางอีเมล์จากผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็น"ชายชุดดำ" โดยอ้างว่าเขาเป็นหัวหน้าทีมชายชุดดำที่ปฏิบัติการยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหาร เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เป็น เหตุให้พันเอกร่มเกล้า ธุวธรรม และทหารหลายรายเสียชีวิต  เพื่อเปิดเผยความจริงทั้งหมด เราจึงได้สัมภาษณ์เขาทางอีเมล์ และเผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2556ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบอย่างรอบด้านแล้ว น่าเชื่อถือว่าบุรุษผู้นี้"น่าจะ"เป็นชายชุดดำจริง

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาได้มีเสียงท้วงติงและวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความน่าเชื่อถือต่อบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ ซึ่งประเด็นของ"ความแม่นตรงเชื่อถือได้ อย่างปราศจากข้อสงสัย"เป็น ธรรมเนียมปฏิบัติและจรรยาบรรณสูงสุดที่ไทยอีนิวส์ยึดถืออย่างเคร่งครัดตลอด 7 ปีที่ผ่านมา เราจึงได้ถอนบทสัมภาษณ์จากการเผยแพร่ในหน้าเว็บไปช่วงหนึ่ง


ต่อ มาเราได้รับการติดต่อจากผู้อ้างตัวว่าเป็น"ชายชุดดำ"ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม กับเขาที่บริเวณแนวตะเข็บชายแดนไทยทางด้านทิศเหนือ ซึ่งเขาหลบหนีคดีอยู่ในเวลานี้ (โดยเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงบทสัมภาษณ์ดั้งเดิม แต่เพิ่ม3คำถามแรกเข้าไปเท่านั้น) ดังรายละเอียดต่อไปนี้ ..อย่างไรก็ตามหากสังคมไม่ต้องการแสวงหาความจริง นี่ก็อาจจะเป็น1ในเรื่อง inconvenience truth ของสังคมไทย ที่แต่ละฝ่ายก็อยากให้มันเป็นความลับแบบขมุกขมัวต่อไป ตราบที่แต่ละฝ่ายยังได้ประโยชน์จากความคลุมเครือ..ส่วนชายผู้นี้ได้พูดความจริงหรือไม่ ย่อมขึ้นกับดุลพินิจอย่างเต็มที่ของท่านผู้อ่าน 

และ เราได้นำบทความ"กลียุค"ของแอนดรูว์ มาแชล อดีตผู้สื่อข่าวอาชีพของรอยเตอร์มาให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาเปรียบเทียบ เหตุการณ์ดังกล่าวประกอบด้วยในช่วงท้ายบทสัมภาษณ์นี้

...............

ไทยอีนิวส์: อะไรคือมูลเหตุที่คุณออกมาให้ข่าวกับไทยอีนิวส์
ชายชุดดำ: ช่วงนี้ผมเห็นนายสุเทพ พรรคประชาธิปัตย์ออกมาจัดทำม็อบขับไล่รัฐบาล และมีการพูดปลุกระดมให้ข้อมูลผิดๆทุกวันเรื่องชายชุดดำว่าเจตนาสังหารพันเอก ร่มเกล้า ธุวธรรม และที่เลวกว่านั้นคือชอบพูดว่าคนเสื้อแดงโดนชายชุดดำฆ่า ทหารภายใต้การอำนวยการของศอฉ.ขณะนั้นคือนายสุเทพไม่ได้เป็นฝ่ายฆ่า ซึ่งเป็นความเท็จโกหกปลิ้นปล้อน


อีกจุดประสงค์ก็คือเรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว คนไม่รู้ก็พูดกันไปต่างๆนานา จริงบ้างเท็จบ้าง ส่วนใหญ่เป็นเท็จ ผมจึงต้องออกมาเล่าความจริงให้ฟังเพื่อบันทึกไว้เป็นหน้าหนึ่งของประวัติ ศาสตร์ และเป็นบทเรียนกับทุกฝ่ายว่า ทำไมจึงเกิดชายชุดดำ และเกิดปฏิบัติการของชายชุดดำขึ้นมา

เรื่องนี้มันไม่ได้ซับซ้อนไปเกี่ยวพันกับนักการเมือง แกนนำม็อบไหนๆ หรือได้รับการฝึกอาวุธแบบมืออาชีพจากที่ไหน หากสังคมและการเมืองของไทยเราสร้างความบีบคั้นกดดันอย่างถึงขีดที่สุด จนหาทางออกแบบสันติไม่ได้ ก็อาจจะเกิดขบวนการที่ชาวบ้านธรรมดาๆที่เคยแต่ทำมาหากินปกติ แต่รักความยุติธรรม ออกมารวมตัวกันเป็นกลุ่มติดอาวุธเพื่อป้องกันตัวเอง ปกป้องชีวิตประชาชนแบบที่ผมและทีมชายชุดดำเคยทำก็ได้

ไทยอีนิวส์: คุณยืนยันหรือไม่ว่ากำลังพูดความจริง หรือมีวัตถุประสงค์แอบแฝง
ชายชุดดำ: ผมจะพูดตามที่ผมได้รู้ได้ทำเท่านั้น ผมไม่มีวัตถุประสงค์แอบแฝงอะไร ความจริงไม่เป็นผลดีต่อผมเลยที่ออกมาพูด เพราะเจ้าหน้าที่บ้านเมืองกำลังตามล่าตัวผมอยู่ ในวันเกิดเหตุ10เมษา2553นั้นเจ้าหน้าที่ได้พบหลักฐานบางอย่างเชื่อมโยงถึงผม และได้ไปกดดันต่อครอบครัวของผมอย่างมากด้วย ผมจึงได้หลบหนีคดีิิออกมา ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อที่ผมพูดก็แล้วแต่จะคิดพิจารณากัน หากคิดว่าผมเป็นตัวปลอมก็ยิ่งดี ผมก็อยากให้เจ้าหน้าที่เชื่อแบบนั้น ผมจะได้กลับบ้านซะที

ไทยอีนิวส์: คุณอยากบอกอะไรมากที่สุดกับสังคมไทย
ชายชุดดำ:
ผม อยากบอกว่า ผมขอโทษที่ทำให้ทหารบาดเจ็บล้มตาย ทำให้พันเอกร่มเกล้าตาย แต่ผมเสียใจและเสียดายที่คนสั่งทหารมาฆ่าประชาชนคือเทพเทือก กับมาร์คยังอยู่สุขสบายดี แถมมาโป้ปดมดเท็จหลอกลวงคนไทยได้ในวันนี้ แต่ไม่เป็นไร เพราะชายชุดดำก็ยังไม่ตายเหมือนกัน ทุกคนรวมทั้งผมยังไม่ตาย

(ต่อไปนี้เป็นบทสัมภาษณ์ดั้งเดิม โดยไม่มีการแก้ไข)

ไทยอีนิวส์: ให้คุณเล่าถึงเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 ที่มีการสังหารพันเอกร่มเกล้าและทหารด้วยว่าความจริงของเหตุการณ์เป็นอย่างไร

ชายชุดดำ: มันเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่เสื้อแดงนปช.จัดการชุมนุมในปี พ.ศ.2552 ตอนนั้นช่วงวันสงกรานต์ เมษายน 2552 มีข่าวทหารเคลื่อนกำลังมาทางถนนวิภาวดีเพื่อเข้ามาปราบปรามผู้ชุมนุม ผมก็เดินทางไปร่วมกับผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งเพื่อขอร้องไม่ให้ทหารเข้ามาปราบ ปราม โดยไปรอสกัดที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง

ขบวนรถของทหารก็ลงตรงทาง ด่วนวิภาวดี ส่วนผมอยู่ตรงทางขาเข้าก็เห็นเหตุการณ์ด้วยตาตัวเองว่าทหารได้ทำร้ายประชาชน ที่ไปขอร้องทั้งการทำร้ายประชาชนที่อยู่บนรถตุ๊กๆเขามาดูเหตุการณ์เฉยๆก็ทำ ร้ายเขาเหมือนไม่ใช่คน ใครล้มลงหมดสติ ก็จับโยนขึ้นรถ แล้วเอารถน้ำฉีดเลือด แล้วบรรทุกคนไป

ผมเห็นคนขับแท็กซี่รายหนึ่งที่จอดรถห่างทหารไป 100 เมตร ไม่มีท่าทางว่าจะเป็นภัยคุกคามหรือมีอาวุธก็โดนทหารยิงใส่ตอนเขาเปิดประตูรถ แท็กซี่ออกมาจนตาย

ทหารทำเกินไปแล้ว ตอนนั้นผมมีอาวุธปืนสั้น.38ก็ยิงไปใส่ทหาร แบบยิงต่ำใส่ขา ไม่กะเอาให้ตาย แต่เพื่อหยุดไม่ให้ทหารทำร้ายประชาชนได้อีก ก็ได้ผลทำให้ทหารหยุดรุกไล่ประชาชน ทำให้ประชาชนได้หนีการปราบปรามของทหารได้

ไทยอีนิวส์: นั่นเป็นที่มาของการปฏิบัติการ10 เมษายน 2553 ในอีกปีถัดมา?
ชายชุดดำ:
ใช่ ครับ เราเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเห็นคนไม่เป็นคนก็รู้สึกเจ็บปวด พอเสื้อแดงนปช.จัดการชุมนุมใหญ่ปี2553 มีทหารออกมาปฏิบัติการอีกแล้ว ผมก็คิดว่ายังไงเขาก็ออกมาเพื่อฆ่าประชาชนผู้ชุมนุม เลยคิดอยากมีอาวุธ ผมก็เริ่มสะสมอาวุธ โดยมีทหารที่เขารักความเป็นธรรมเป็นคนหาอาวุธให้เรา แต่ผมไม่รู้จักชื่อเขาหรอก เราก็เรียกแต่ว่าทหารแตงโม

จากนั้นผมก็ รวมตัวกับพวกที่ออกมาชุมนุมด้วยกันและเชื่อตรงกันว่าต้องต่อสู้ด้วยอาวุธรวม กันได้ 7 คน มีผมใช้อาวุธปืนเป็นอยู่คนเดียว เพราะเคยเรียนรด.มากับมาเข้าสนามปืนเพื่อซ้อมก็ไปฝึกสอนให้เพื่อนกลุ่มนี้ แต่จนถึงวันลงมือ 10 เมษา 53ก็ยังไม่ชำนาญพอ เอาใจมาทำล้วนๆแค่เห็นภาพเดียวกันก็พอ บางคนในทีมก็แค่เหนี่ยวไกปืนเป็น

อาวุธ ที่ทีมของเรามีในวันนั้นก็คือ M203 หนึ่งกระบอก M16อีก 2 กระบอก อาก้า 3 กระบอก แต่ก่อนปฏิบัติการนั้น มีเหตุการณ์หนึ่งที่ผู้ชุมนุมเดินทางขอบคุณคนกรุงเทพฯรอบกรุง พอผ่านพรรคการเมืองใหม่ของพวกพันธมิตร โดนพวกมันปาก้อนหินใส่ ผมทราบทีหลังก็เลยไปจัดให้ชุดหนึ่ง แต่ไม่มีใครเป็นอะไรนะ แค่อยากบอกมันว่า"มึงทำอย่างนี้ได้ คนอื่นเขาก็ทำเป็น"

เรื่อง พันธมิตรมันต่อเนื่องมาจากตอนปลายปี 2551ด้วยที่พวกนี้บุกเข้าไปทำร้าย และยิงใส่สถานีวิทยุแท็กซี่ที่วิภาวดีซอย3 พวกนี้เริ่มก่อน เป็นอันธพาลรังแกกันเกินไปแล้ว ตอนนั้่นผมออกไปสู่ปกป้องวิทยุแท็กซี่ก็ไปตัวเปล่าๆ ไปรับปืน โชคดีที่รอดมาได้ ก็เริ่มจากตรงนั้นแหละ  ก็ชวนเพื่อนที่ไปตอนนั้่นว่า มันทำขนาดนี้ เราสู้มือเปล่าก็โดนอันธพาลรังแก ก็เริ่มหาอาวุธ ตอนแรกก็ปืนพกสั้น หลังๆมาทางทหารมาแตงโมก็ให้อาวุธหนัก ทั้งปืนเอ็ม16 อาก้า และกระสุนมา

ไทยอีนิวส์: เล่าเหตุการณ์10เมษาแบบละเอียดเลยว่าเป็นอย่างไร

ชายชุดดำ: ทางผมก็ไม่มี เตรียมอะไร วันนั้นผมก็ทำงานของผมเป็นปกติ ผมไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่ตำรวจ ไม่ได้เป็นมือปืน มีอาชีพปกติทั่วไป แต่ไม่ขอบอกว่าทำอะไร ตอนค่ำก็มีคนโทรมาบอกว่าทหารเข้าปราบปรามประชาชนที่บริเวณผ่านฟ้า และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกคอกวัว ผมก็นำปืนใส่รถไปกับทีมก็ไม่เกิน6-7คน เอาว่าแค่นี้แหละ

พอไปถึงลงรถได้ก็มืดแล้ว ผมเข้าไปสวนทางกับผู้ชุมนุมคนหนึ่งที่เดินถือธงชาติแล้วโดนทหารยิงจนหัวกระ โหลกเปิดจนตาย ทราบต่อมาว่าชื่อนายวสันต์ ภู่ทอง เราก็อารมณ์ขึ้นด้วยความอยากช่วยประชาชนผู้ชุมนุมไม่อยากเห็นโดนทหารฆ่าตาย แบบนายวสันต์อีก

ผมก็เริ่มใช้ปืนเอ็ม203ยิงกองกำลังทหารบริเวณหน้า โรงเรียนสตรีวิทยาก่อน แต่ตรงนั้นมีรถอยู่จอดขวางกั้นอยู่ ก็ไม่รู้ว่ามีการตายหรือไม่

จากนั้นก็ยิงขึ้นไปบนสำนักงานสลากกิน แบ่งที่มีทหารขึ้นไปยิงใส่ประชาชนอยู่บนกองสลากฯ เราก็ใช้เอ็ม16ยิงใส่ทหาร แต่ผมว่าไม่น่าจะโดนใคร แค่เพียงต้องการให้ทหารบนนั้นหยุดยิงใส่ประชาชนผู้ชุมนุมมือเปล่า

จาก นั่นเราก็ปฏิบัติการยิงใส่แถวของกองกำลังทหารที่อยู่ในซอยโรงหลังเรียนสตรี วิทย์ ผมจำได้แม่นว่าเป็นหลังร้านแมคโดนัลด์ ตรงนั้นมีกองทหารตั้งแถวเตรียมพร้อมรุกเข้ามาปราบผู้ชุมนุม ทีมพวกกันเราก็ยิงกราดใส่แถวทหาร ซึ่งทหารคงไม่คาดคิดว่าจะมีทีมเราไปยิง ก็ไม่ได้เตรียมพร้อม แถวหน้าก็โดน ถอยหลังก็ไม่ได้มันมีแถวทหารเรียงเป็นพรืด อาจจะโดนทหารแถวหลังยิงใส่โดนพวกเดียวกันเองด้วยก็เป็นได้ แต่ผมก็ยิงจนกระสุนหมดไป3ชุด ทีมเราก็ระดมยิงใส่ ก็คงมีทหารตายไปจำนวนมาก

มาก เท่าไหร่ผมก็ไม่คาดคิด คิดตอนนั้นแต่ว่าทำอย่างไรเราจะหยุดทหารได้ ไม่ให้เข้ามาเข่นฆ่าปราบปรามผู้ชุมนุมที่ไม่มีอาวุธไม่มีทางสู้ ทหารโดนเข้าไปก็สลายตัวหลบเข้าไปตามผับตามบาร์็ ไม่มีใครยิงสู้สวนมาเลย พวกเราจึงไม่มีใครบาดเจ็บล้มตายหรือสูญเสียเลย

ทั่งหมดนี้เราใช้เวลา ปฏิบัติการไม่ถึง10นาที ก็มีผลให้ทหารกระจายหลบไปหมด พอหยุดเขาได้ พวกเราก็เลิกปฏิบัติการ แล้วขับรถวนดูรอบพื้นที่ชุมนุมว่าทหารสลายไปหมดยัง พอเห็นสลายไปหมดเราก็ยุติปฏิบัติการ

ไทยอีนิวส์: เหตุการณ์สำคัญที่สุดคือพันเอกร่มเกล้าเสียชีวิต พวกคุณได้เจาะจงสังหารเขาหรือไม่?

ชายชุดดำ: ไม่เลยครับ เราไม่รู้หรอกว่าใครเป็นพันเอกร่มเกล้าหรือใครเป็นใคร จนป่านนี้ผมยังไม่รู่้ว่าพันเอกร่มเกล้าอยู่ตรงไหนในตอนเรายิง เราทำไปแค่เพื่อให้ทหารหยุดยิงหยุดฆ่าประชาชนเท่านั้น กว่าจะมารู้ว่าพันเอกร่มเกล้าตายก็ตอนออกเป็นข่าววันรุ่งขึ้น

เช้า วันรุ่งขึ้นผมก็เข้ามาวนดูพื้นที่ชุมนุมแถวผ่านฟ้า พื้นที่สาวรีย์ประชาธิปไตย พอตกเย็นก็ออกจากเขตพื้นที่ชุมนุม แต่ก็หลบอาศัยในเขตกรุงเทพฯ หลังจากนั้นเราก็แทบจะไม่มีปฏิบัติการอีก

คราว นี้ผมเล่นสงครามจิตวิทยากับฝ่ายรัฐบาล โดยแจ้งไปทางศอฉ.ว่าทหารนั่นแหละฆ่ากันเอง จนทำให้พวกเขาระแวงกันเอง จนมีเหตุทหารยิงกันเองตายแถวดินแดง

ผมอยากย้ำว่าไม่ได้ต้องการให้พันเอกร่มเกล้าหรือทหารคนไหนตายด้วยความสะใจเลย คิดแค่ว่าทำไงให้ทหารหยุดการฆ่าประชาชน

ผม อยากบอกว่าก่อนผมออกจากบ้านมาวันนั้น ผมได้จุดธูปบอกแม่พระธรณีว่า"ทำไงก็ขออย่าให้ไปโดนคนบริสุทธิ์หรือประชาชน ให้โดนเฉพาะแต่คนที่มันทำบาปทำเวรทำกรรมประชาชน" ผมก็มาทราบภายหลังว่าตอนปี2552พันเอกร่มเกล้าก็ควบคุมกำลังทหารปราบปราม ประชาชนมา ก็คงเป็นเวรกรรมของเขาด้วย ผมเชื่ออย่างนั้น


ไทยอีนิวส์: ในเหตุการณ์19พฤษภา53พวกชายชุดดำได้ออกปฏิบัติการอย่างไรบ้าง ฝ่ายทหารอ้างว่ายิงพวกผู้ก่อการร้ายชุดดำที่หลบเข้าไปในวัดปทุมวนาราม
ชายชุดดำ: เราไม่มีปฏิบัติการอะไรเลย เราหลบออกไปแล้วก่อน19พฤษภา53


ไทยอีนิวส์: มีคนคิดว่าพวกชายชุดดำต้องเป็นมืออาชีพระดับพระกาฬแน่

ชายชุดดำ: ไม่เลยครับ ผมแค่เคยเรียนรด.มา ต่อมาเข้าสนามยิงปืน ผมและทีมไม่เคยมีใครเป็นทหาร ตำรวจ คนมีสี หรือมือปืนอันธพาล เป็นชาวบ้านทั่วไปธรรมดา

เดิมผมไม่เคยสนใจการเมืองด้วยซ้ำไป เลือกตั้งยังไม่สนเลย แต่ว่าก่อนปี2552ก็มีม็อบพันธมิตรมาไล่ทักษิณ ผมก็เริ่มจากสงสารทักษิณ เป็นคนไทยขี้สงสารเหมือนคนไทยทั่วๆไป ก็ตัดสินใจไปร่วมชุมนุมกับนปช.เสื้อแดง แล้วก็ไปเจอพันธมิตรทำตัวอันธพาลไปยิงถล่ม และทำร้ายคนเสื้อแดงตรงวิภาวดีซอย3 ผมชอบความยุติธรรมก็คุยกับพรรคพวกว่าเราจะปล่อยให้เขาทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้ แล้ว ก็รวมตัวกันเป็นทีมขึ้นมาว่าจะสู้แล้ว

และมาตัดสินใจว่าต้องสู่้ก็ตอนสงกรานต์ปี2552ที่สามเหลี่ยมดินแดง เพราะทหารทำกับคนเหมือนหมา ทำตัวเป็นเดรัจฉานเข่นฆ่าทำร้ายเขาตีเขาหมดสติแล้วโยนขึ้นรถ แล้วเอารถฉีดน้ำมาฉีด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สื่อก็ไม่มีเสนอข่าว แล้วไปใช้รถฮัมเมอร์ปิดถนนไว้ นักข่าวก็ไม่มีมาทำข่าวรายงานความจริง

ไม่มีกล้อง ไม่มีทีวี ไม่มีรายงานข่าว แถมบิดเบือนว่าผู้ชุมนุมก่อความรุนแรง

ไทยอีนิวส์: พวกคุณได้รับการสนับสนุนจากทักษิณ จากฝ่ายทักษิณ หรือจากแกนนำนปช.อย่างไรบ้าง

ชายชุดดำ: ไม่เลยครับ ผมไม่รู้จักอะไรเลยกับทักษิณ หรือฝ่ายทักษิณ หรือแกนนำนปช. แต่เราเคยไปขออาวุธและกระสุนจากพวกการ์ดเสื้อแดง พวกนี้ก็ไม่ช่วยอะไรเลย หากจะเอาก็ต้องซื้อ เราเลยได้"ของ"จากทหารแตงโมมาแทน ผมก็เลยไม่ไปยุ่งอะไรกับพวกแกนนำนปช.

ผมยังเห็นว่าคนมาเป็นแกนนำอย่าเอาแต่พูดปลุกระดมว่า"สู้ไม่สู้ ?สู้จนตาย" ถึงเวลาก็ครึ่งๆกลางๆทิ้งประชาชนให้รับกรรม ทั้งที่เราปฏิบัติการ10เมษา พวกแกนนำกลับสั่งให้ถอยห้ามใช้อาวุธอยู่บนเวที ยึดอาวุธเครื่องกระสุนได้ก็เอาไปคืนทหารหมด จนเขานำมาฆ่าประชาชนอีก ก็เป็นบทเรียนว่าการต่อสู่ไม่ว่าครั้งไหนคนรับกรรมก็เป็นประชาชนที่เขาสู่จน ตัวตาย แกนนำก็ไม่มีใครสู้ตายหรอก ผมสงสารประชาชนจริงๆ พอพวกผมทำก็ต้องตกระกำลำบากหนีหัวซุกหัวซุนมาจะ 4 ปีแล้ว

แกนนำไม่ว่าม็อบไหนผมขอบอกว่าการหลอกประชาชนมาสู้ไม่สมควรทำ แม้แต่ที่มีม็อบในกรุงเทพฯเวลานี้ประชาชนก็โดนหลอกมาให้รับกรรม

ไทยอีนิวส์: ทางพรรคประชาธิปัตย์ โดยคุณสุเทพ คุณอภิสิทธิ์พูดตลอดว่า ชายชุดดำฆ่าทหารฆ่าพันเอกร่วมเกล้า และฆ่าคนเสื้อแดงด้วยกันเอง เพื่อให้พวกทักษิณบรรลุเป้าหมายทางการเมือง
ชายชุดดำ:
ผมขอยืนยันว่า เสื้อแดงตายนั่้นทหารทำ ไม่ใช่พวกผมชายชุดดำทำแน่ แต่ทหารตายนั้นเพราะโดนพวกผมทำแน่ๆ ผมมาช่วยเสื้อแดงจึงไม่ทำพวดเขาแน่ๆ

รู่ไหมว่าตอนเหตุการณ์10เมษา53ที่ผมยิงใส่ทหารนั้น มีตอนหนึ่งปืนของผมเกิดขัดขึ้นมา ก็มีมวลชนเสื้อแดงเขาเข้ามาโอบล้อมผมไว้แบบไม่กลัวตาย พวกเขาบอกว่า"พี่พวกผมจะเป็นโล่มนุษย์ปกป้องพี่เอง หากทหารยิงมาจังหวะนี่้ให้โดนพวกผมก่อน "ก็พอดีแก้ไขข้อขัดข้องได้ ในเวลานั้นมันทำให้ผมซึ่งใจมากจริงๆว่ามวลชนเขาแลกชีวิตได้เพื่อปกป้องผมให้ ช่วยเหลือไม่ให้ทหารเข่นฆ่าคนเสื้อแดงได้ ผมถามว่าเป็นผมเป็นใครจะไปฆ่ามวลชนคนเสื้อแดงลงคอหรือ?

ไทยอีนิวส์: ทีมคุณอาจไม่ได้ทำ แต่มีทีมชายชุดดำชุดอื่นทำ
ชายชุดดำ: มีทีมผมทีมเดียวครับชายชุดดำ ไม่มีทีมอื่น ไม่ต้องมาแอบอ้างหรือหาแพะ แต่่คนอื่นๆที่มีอาวุธปืนสั้น ปืนพกคงมี เพราะมีตำรวจ ทหารที่เขารักความเป็นธรรมก็มาร่วมชุมนุม

ไทยอีนิวส์: เสธ.แดงมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับชายชุดดำ?
ชายชุดดำ:
ไม่ เกี่ยวเลย เสธ.แดงก็ตายฟรี เพราะฝ่ายศัตรูคิดว่าเกี่ยวกับพวกผม ทราบไหมว่าทำไมพวกเราทีมเราไม่มีใครบาดเจ็บสูญเสีย แม้แต่ติดคุกหนีได้หมด ก็เพราะว่าเราไม่ใช่มืออาชีพ ไม่เกี่ยว ไม่มีประวัติใดๆมาก่อนที่จะไปเชื่อมโยงถึงใครได้ เพราะมันไม่เกี่ยวจริงๆ เพราะเราเป็นชาวบ้านทำมาหากินปกติ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคใดๆ ไม่มีอาชีพคนมีสี หรือเป็นซุ้มมือปืน หรือคนสั่งก็ไม่มีก็เลยไม่มีประวัติ พวกผมเลยรอดกันหมดทุกคน

ไทยอีนิวส์: ผ่านไปจะเก้ือบ4ปุีแล้ว หากย้อนกลับไปได้คุณยังจะทำแบบที่ทำไปแล้วหรือไม่
ชายชุดดำ: ไม่เลย ไม่ทำแน่นอน เหตุการณ์ผ่านไปก็เห็นได้ชัดเจนว่าประชาชนเป็นผู้รับกรรม นักการเมืองกลับไปมีอำนาจ แกนนำก็สู่ครึ่งๆกลางๆ

ผมเองก็ไม่รู้ทำบุญหรือทำบาปกันแน่ ผมถามตัวเองมาตลอดเวลา สิ่งที่ได้ทำลงไปนั้นมันดีหรือไม่ดี?

แต่หากมองย้อนกลับไปทำไมผมทำแบบนั้น ผมมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือชีวิตของมวลชน แต่ผมมีความทุกข์ที่ทำให้ทหาร ทำให้พันเอกร่มเกล้าต่องมาตาย

ไทยอีนิวส์: อนาคตจะมีชายชุดดำแบบพวกคุณอีกไหม และจะหวนกลับไปปฏิบัติการอีกหรือไม่
ชายชุดดำ: ผมอยากให้เรื่องของผม และทีมชายชุดดำของเราเป็นเรื่องเตือนใจทั่งรัฐบาลเวลานี่ ฝ่ายตรงข้าม แกนนำทั้งหลาย ทหารตำรวจว่า ผมยังเชื่อว่ามีคนแบบผม แบบทีมของผมที่พร้อมจะออกมาทำแบบที่ผมและทีมเคยทำแบบเหตุการณ์10เมษา53 หากต้องเจอแบบที่ผมเคยเจอ มันบีบคั้นจนคนแบบผมทนอยู่นิ่งๆทำพมาหากินไปวันๆไม่ได้ และเขาจะไม่ยอมทนมันต่อไป

เมื่อไหร่ที่มีเหตุการณ์ที่มันค้านความรู่้สึกคนไทยอย่างถึงที่สุด แม้เมืองไทยเมืองพุทธ ก็จะมีชายชุดดำแบบผมและทีมของผมเคยทำ ออกมาปฏิบัติการอีกแน่ ชายชุดดำจึงจะไม่หายไปจากประเทศไทย

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar