พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์: ผลพวงจากการล้มนิรโทษกรรมเหมาเข่ง
ตีพิมพ์ครั้งแรกใน “โลกวันนี้วันสุข”
ฉบับวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2556
การผลักดันนิรโทษกรรมเหมาเข่งด้วยวิธีการแปรญัตติสอดไส้นับเป็นความผิดพลาด ทางยุทธศาสตร์ที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ผลเสียหายที่เกิดขึ้นต่อขบวนประชาธิปไตยนั้นใหญ่หลวงนัก และจนกระทั่งบัดนี้ ผลของความผิดพลาดก็ยังคงคลี่คลายขยายตัวออกมาไม่หมด
ผลเฉพาะหน้าคือ การใช้เล่ห์เพทุบายทางสภายัดไส้กฎหมายได้ทำให้พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลสูญเสีย ความน่าเชื่อถือและความชอบธรรมในการผลักดันการนิรโทษกรรมในทุกรูปแบบไปจนหมด สิ้น ในทางตรงข้าม วิธีการเช่นนี้กลับโยนความชอบธรรมทางการเมืองไปให้ฝ่ายเผด็จการ ได้ฉวยโอกาสกระพือความโกรธเกลียดในหมู่คนชั้นกลางในกรุงเทพฯและหัวเมืองทั่ว ประเทศ ก่อเป็นกระแสการเคลื่อนไหวชุมนุมมวลชนขนาดใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาล เป็นช่องทางนำไปสู่การล้มล้างระบบเลือกตั้ง แทนที่ด้วยระบอบเผด็จการอย่างเปิดเผยที่พวกนั้นหมายมุ่งมาตลอด
ในสถานการณ์คับขันนี้ พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจำต้องทำการถอยหมดกระบวน ประสานให้วุฒิสภาคว่ำร่างพรบ.นิรโทษกรรมเพื่อส่งกลับสู่สภาผู้แทนราษฎร และพรรคร่วมรัฐบาลออกสัตยาบันว่า แม้ครบ 180 วัน ก็จะไม่นำกลับมาพิจารณาอีก รวมทั้งยังได้ถอนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมและปรองดองอีก 6 ฉบับที่ค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรออกมาจนหมด
ผลระยะยาวก็คือ พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลได้สูญเสียความชอบธรรมทั้งหมดที่จะผลักดันการนิรโทษ กรรมใด ๆ อีกต่อไปไม่ว่าจะเป็นนิรโทษกรรมบางส่วนหรือเหมาเข่ง รวมไปถึงการออกเป็นพระราชกำหนดอีกด้วย ซึ่งหมายความว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะไม่สามารถผลักดันการนิรโทษกรรมใด ๆ ได้อีกเลยตลอดอายุสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้อย่างแน่นอน
ประชาชนที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งสองฝ่าย ทั้งที่ยังหลบหนีหมายจับ ที่อยู่ในขั้นตอนยุติธรรมทั้งที่ได้ประกันตัวและที่ถูกจำคุก รวมถึงผู้ที่ถูกพิพากษาเด็ดขาดให้จำคุกแล้ว ทั้งหมดนี้จะต้องทนทุกข์อยู่กับคดีความและการจำคุกต่อไปอีกอย่างไม่มีกำหนด เป็นความเจ็บปวดของพวกเขา ครอบครัว ญาติมิตร และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ นี่คือบาปเคราะห์และความรับผิดชอบที่พรรคเพื่อไทยได้ก่อไว้จากนิรโทษกรรม เหมาเข่งในครั้งนี้!
เหตุการณ์ครั้งนี้ยังได้ให้บทเรียนสำคัญแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ความพยายามที่จะประนีประนอม หย่าศึก หรือเกี้ยเซี้ยมีแต่จะล้มเหลว และ “สัญญาณบวก” ใด ๆ ล้วนหลอกลวง เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้ามคือ การทำลายล้างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวอย่างถึงที่สุด นี่คือศึกแห่งความเป็นความตายของตระกูลชินวัตร หนทางข้างหน้าคือ พ.ต.ท.ทักษิณจะยอมแพ้ ยุติทุกสิ่งและใช้ชีวิตในต่างประเทศพร้อมคดีติดตัวตลอดไป หรือจะหันหน้าร่วมมือกับประชาชนผู้รักประชาธิปไตยต่อสู้กับเผด็จการจนได้ชัย ชนะแล้วกลับสู่ประเทศไทยอย่างมีเกียรติ
พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะยังเชื่อว่า ข้อเสนอครั้งนี้ของตนที่ยินยอมถึงขั้นสลายมวลชนเสื้อแดงบางส่วนและออกกฎหมาย ล้างผิดทุกฝ่าย “ยังไม่ดีพอ” และจะยังตั้งหน้าค้นหาให้พบ “ข้อเสนอที่ดีกว่านี้และปฏิเสธไม่ได้” เพื่อประนีประนอมกับฝ่ายตรงข้ามต่อไปอีก แต่หนทางนี้ก็รังแต่จะนำความเสียหายมาสู่ตัวพ.ต.ท.ทักษิณและตระกูลชินวัตร มากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจนำไปสู่การล่มสลายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและชะตากรรมของครอบครัวในต่าง ประเทศ
เหตุการณ์ครั้งนี้ยังได้สร้างความเสียหายสำคัญให้แก่ขบวนประชาธิปไตย เพราะเพื่อนร่วมเดินทางจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญญาชนที่อยู่ข้างประชาธิปไตยจำนวนมากได้สูญเสียความเชื่อถือในพรรคเพื่อ ไทยและได้ถอยห่างออกไป แน่นอนว่า คนเหล่านี้ถึงอย่างไรก็จะไม่หันไปสนับสนุนเผด็จการ แต่พวกเขาก็จะไม่สนับสนุนและร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยเช่นกัน เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์แก่คนเหล่านี้ว่า นักการเมืองพรรคเพื่อไทยก็มิได้แตกต่างไปจากนักการเมืองน้ำเน่าที่โกหกหลอก ลวง หน้าไหว้หลังหลอก ที่มีอยู่ทั่วไปในระบบรัฐสภาไทย เพื่อนร่วมเดินทางเหล่านี้จะไม่ย้อนกลับมาร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยอีกหากพรรค เพื่อไทยไม่แสดงท่าทีรับผิดชอบอย่างจริงใจต่อการกระทำทั้งหมดของตน
แกนนำของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็ประสบความเสียหาย กลุ่มแกนนำนปช.ส่วนใหญ่ได้เข้าไปเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยเหตุผลที่ต้อง การได้เอกสิทธิ์คุ้มครอง เนื่องจากแต่ละคนมีคดีการเมืองติดตัว อีกทั้งยังอาจใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองนั้นเคลื่อนไหวปกป้องรัฐบาลที่มาจากการ เลือกตั้งได้ แต่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ แกนนำนปช.เกือบทั้งหมดได้ยินยอมตามพ.ต.ท.ทักษิณ ในการผลักดันนิรโทษกรรมเหมาเข่ง เพียงเพราะกลัวจะสูญเสียตำแหน่งสส.และอนาคตทางการเมือง จึงยอมแลกด้วยการนิรโทษกรรมให้กับมือเท้าเผด็จการ บางคนถึงกับออกหน้ามาประดิษฐ์เหตุผลและคำพูดสวยหรูเพื่อสนับสนุนนิรโทษกรรม เหมาเข่งกันอย่างน่าเกลียด เสมือนว่า มวลชนคนเสื้อแดงนั้นโง่และจะหลงเชื่อเหตุผลปัญญาอ่อนอะไรก็ได้ที่พวกตนยก ขึ้นมาอ้าง แกนนำนปช.ส่วนนี้ได้สูญเสียสถานะความน่าเชื่อถือและศักดิ์ศรีของการเป็นแกน นำมวลชนไปแล้ว
พรรคเพื่อไทยมีฐานคะแนนเสียงจำนวนมากพอสมควรในหมู่ชนชั้นกลางในเมืองและหัว เมืองใหญ่ แม้ไม่มากพอที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในกรุงเทพฯและหัวเมือง แต่ก็เป็นรวมเป็นคะแนนเสียงของพรรคในระดับชาติ ที่มากพอที่จะให้ได้สส.บัญชีรายชื่อจำนวนหนึ่ง ทว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ได้ทำให้พรรคเพื่อไทยสูญเสียฐานคะแนนเสียงส่วนนี้ไป หากมีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ในวันนี้ คะแนนเสียงบัญชีรายชื่อของพรรคจะลดหายไปอย่างมากจนอาจได้จำนวนสส.ไม่ถึง ครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ส่วนพรรคเพื่อไทยจะสามารถกอบกู้ฐานคะแนนเสียงส่วนนี้กลับคืนมาได้อีกหรือไม่ ในกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้อยู่จนครบวาระในปี 2558 ก็ยังไม่มีความแน่นอนแต่อย่างใด
พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยจะต้องสรุปบทเรียนจากความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ ครั้งนี้อย่างเข้มงวด สิ่งที่เป็นเดิมพันข้างหน้ามิใช่เพียงแค่ชัยชนะของขบวนประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังมีชะตากรรมของแกนนำ มวลชนทั่วประเทศ ประชาชนที่ต้องคดีการเมืองและที่ถูกคุมขังอยู่ และที่สำคัญคือ ชะตากรรมและที่ยืนในประเทศไทยของตระกูลชินวัตรเอง
นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความยืดหยุ่นและความไวต่อสถานการณ์มากพอที่จะยุติความผิดพลาดของพรรคเพื่อ ไทยและทำการถอยได้อย่างรวดเร็วทันการณ์ ประกอบกับคำพิพากษาของศาลโลกในกรณีปราสาทพระวิหาร ที่มิได้เป็นโทษต่อประเทศไทยมากนัก ได้ทำให้กระแสการรุกของฝ่ายเผด็จการประสบภาวะชะงักงันและอ่อนตัวลง เป็นโอกาสให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้ปรับขบวนรับมือได้ทัน หากฝ่ายเผด็จการรับรู้สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปและยอมยุติการรุกครั้งนี้ ความขัดแย้งทางการเมืองก็จะกลับคืนไปสู่สภาวะ “ยัน” กันต่อไป แต่ถ้าฝ่ายเผด็จการยังคงดื้อดึงที่จะแตกหักกับฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกลไก ตุลาการในมืออีกต่อไป การนองเลือดครั้งใหม่ก็จะมิอาจหลีกเลี่ยงได้
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar