ห้วงเวลาเช่นนี้แหละคือเวลาแห่งการพิสูจน์หัวใจของคนเสื้อแดงว่า "ยังคงมีศรัทธาในพรรคเพื่อไทยหรือไม่?"
โดย ปูนนก
หลังจากที่ท่านนายกยิ่งลักษณ์ได้อ่านแถลงการณ์เกี่ยวกับ พรบ. นิรโทษกรรมไปแล้วผลที่ตามมาก็คือความผิดหวังจากผู้ให้การสนับสนุน ความสมหวังของผู้ต่อต้าน และรวมถึงเสียงถอนหายใจจากหลายๆ ฝ่ายที่ไม่ต้องการให้ท่านนายกดึงดันต่อไป ผลกระทบอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเป็นแรงกระเพื่อมตามมามากมายก็คือการตัดพ้อต่อว่า การกล่าวหากันและกันอย่างสะใจทั้งสองฝ่าย ทั้งๆ ที่เป็นคนเสื้อแดงผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยกัน ซึ่งเป็นความเศร้าสลดที่ได้เห็นเช่นนั้น
อย่าไปอาฆาตเคียดแค้น หรือกล่าวโทษกันเองไปมาเลยครับ เหตุการณ์มันผ่านไปแล้วผลได้เกิดขึ้นแล้วไม่ว่าเรื่องครั้งนี้ใครจะเป็นต้นเหตุไม่ใช่สิ่งสำคัญนัก เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือเราได้บทสรุปว่าพี่น้องคนเสื้อแดงจำนวนมากไม่พอใจกับ พรบ. ฉบับนี้ เขาต้องการ พรบ. ที่นิรโทษแค่ผู้ชุมนุมไม่เกี่ยวกับผู้สั่งการ ส่วนผู้สั่งการจะได้รับโทษจริงหรือไม่ก็คงเป็นเพียงแค่ความต้องการเท่านั้นคงไม่มีใครสามารถไปทำอะไรได้ในทางความเป็นจริง รัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย รวมถึงท่านนายกทักษิณ ก็ยังคงเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ความคิดที่ ล้ำหน้า มากกว่าผู้ที่ร่วมขบวนอยู่ต่อไป
ท่านนายกทักษิณ พรรคเพื่อไทย มองไปที่ที่จะได้เป็นหลักโดยเชื่อว่าการ Set Zero จะเป็นหนทางที่จะนำให้ประเทศนี้เดินไปได้อย่างมั่นคงและปราศจากความขัดแย้ง ส่วนกระบวนการทางยุติธรรมที่จะเล่นงานผู้สั่งการก็มีช่องทางที่จะดำเนินการได้อีกมากนัก
ทำไงได้ล่ะครับ ในเมื่อประชาชนต้องการเพียงแค่เอาผู้สั่งการสองคนนี้มาลงโทษให้ได้โดยไม่พิจารณาในด้านอื่น ประเทศก็จะต้องเดินไปแบบนั้นและเราผู้อยู่ร่วมกันก็ต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นด้วย
แต่ถึงอย่างไร...การกล่าวหาซึ่งกันและกัน การโยนความผิดไปให้กันและกัน การชี้นิ้วไปที่พี่น้องของกันและกัน มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ยิ่งพี่น้องคนที่ออกมาต่อต้าน พรบ. ฉบับนี้ แล้ว (ดูเหมือนว่า) ชนะ ยิ่งจะต้องตระหนักให้ดีว่า... "ที่จริงแล้วท่านชนะในการต่อสู้ครั้งนี้จริงหรือเปล่า" ขณะเดียวกันผู้ที่ให้การสนับสนุนก็ไม่ควรจะกล่าวโทษผู้ต่อต้าน เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร ค่อยหาทางอื่นต่อไป สงครามการต่อสู้ยังไม่จบครับ ถ้าเราไม่สามารถไว้วางใจกันและกันได้เราจะสู้กับพวกอมาตย์ได้อย่างไร
ให้กำลังใจทุกๆ ท่านนะครับ
เบื้องแรกนี้ผมคงต้องขอออกตัวอย่างตรงไปตรงมาก่อนครับว่า ผมไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดๆ จากพรรคเพื่อไทยหรือท่านนายกทักษิณ ผมไม่ใช่ทีมงานยุทธศาสตร์หรือขี้ข้าม้าใช้ใดๆ ของพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น ผมเป็นแต่เพียงประชาชนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ต้องการให้ประเทศนี้ก้าวพ้นจากวงจรอุบาทที่มีเผด็จการอำนาจมืดครอบงำอยู่ในประเทศนี้ ให้หมดไปเสียทีเพื่อประชาชนจะได้สามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ไม่มีใครมาคอยสูบเลือดสูบเนื้อและอ้างบุญคุณกันไม่รู้จบเช่นที่ผ่านมา ดังนั้นจึงขอยืนยันว่า “นายปูนนกกับพรรคเพื่อไทยไม่มีผลประโยชน์ในทางลับใดๆ ต่อกัน”
ผลจากการผลักดัน พรบ. นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย, เหมาเข่ง, ยกพวง ฯลฯ หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียกครั้งนี้ ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะท่านนายกทักษิณ ถูกกระหน่ำโจมตีอย่างรุนแรง หลายคนที่ถือว่าเป็นนักต่อสู้ทางความคิดและต้องการประชาธิปไตยถึงขั้นออกมาตัดขาดความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย บางคนชี้มือและฟันธงไปเลยว่าพรรคเพื่อไทยกำลังเหยียบย่ำผู้เสียชีวิตเพื่อให้ตนเองได้ครองอำนาจต่อไปโดยไม่สนใจความรู้สึกของประชาชน หรือกระทั่งบางคนสรุปว่าพรรคเพื่อไทยและท่านนายกทักษิณสมยอมและเกี้ยะเซียะกับอมาตย์ใหญ่อย่างสิ้นเชิงแล้วตามนิสัยพ่อค้าคือ win win
แต่ไม่ว่าใครจะพิจารณาเช่นไรหรือเชื่อเช่นไรล้วนแล้วแต่เป็นสิทธิที่จะกระทำได้ตามความเชื่อและความศรัทธาของตน ซึ่งลักษณะเช่นนี้เป็นทั้งผลดีและผลเสียในตัวของมันเอง จากกรณีวิกฤติความศรัทธาเรื่อง พรบ. นิรโทษกรรม ฉบับนี้ ถ้าเรามองกันที่เฉพาะเหตุการณ์นี้เท่านั้นโดยไม่พิจารณาอย่างครอบคลุมก็จะทำให้เราเข้าใจอย่างที่กำลังเข้าใจอยู่นี้ แต่ถ้าในฐานะที่เราเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและต้องการให้ได้มาซึ่งอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงนั้นเราควรจะพิจารณาและตอบคำถามตนเองให้รอบด้านมากกว่าที่เป็นอยู่นี้คือ
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar