torsdag 28 november 2013
สิ่งที่ผู้นำม็อบกำลังพยายาม ทำให้เกิดคือยั่วให้รัฐบาลเข้าปราบ เพื่อจะให้ฝ่ายเรามือเปื้อนเลือดเหมือนกับฝ่ายเขาบ้าง....เรารู้อย่างนี้แล้ว เราก็ต้องยืนหัวเราะในฐานะตัวเองฝ่ายดี อย่าถ่อมตัวลงไปที่ที่โจรอยู่เป็นอันขาด
November 28, 2013
เรา
หากเรามองฝูงชนที่ยึดบ้านยึดเมืองเชิงสัญลักษณ์อยู่ในขณะนี้ ในแง่กฎหมาย ระบบรัฐสภา และความยุติธรรมทางสังคม เราอาจจะปวดใจว่า ทำไมเมืองไทยจึงเป็นเช่นนี้ ความเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถยอมรับชัยชนะและความพ่ายแพ้มันหายไปไหน ทำไมความเถื่อน ดิบ และถ่อยจึงได้รับความสนับสนุนจากคนที่เรียกตนเองว่าชนชั้นกลางและปัญญาชน แต่ผมอยากบอกท่านว่าเรามองมุมนั้นไม่ได้หรอกครับ
สิ่งที่กำลังเกิดกับสังคมไทยในขณะนี้ ไม่ใช่ความถูกต้องหรือผิดพลาดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์แต่เป็นภาวะขัดผลประโยชน์อย่างรุนแรงระหว่างเมืองไทยในศตวรรษที่ ๒๐ กับเมืองไทยในศตวรรษที่ ๒๑ หรือไทยเดิมกับไทยสากลนั่นเอง โดยนำเอาทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เสื้อแดง และขบวนประชาธิปไตยมาเป็นที่ระบายทุกข์ของผู้คนที่หมดทางพัฒนาตัวเองและมีทางรอดอย่างเดียวคือปล้นชิงจากคนอื่น ทั้งปล้นอำนาจ บทบาททางการเมือง และทรัพย์ที่เขาหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ขณะนี้กำลังปล้นเพิ่มอีกอย่างหนึ่งคือ สิทธิในการเล่าเรื่องทั้งหลายจากมุมของตัวเองข้างเดียว ซึ่งได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดี จากสื่อมวลชนกระแสหลักผู้รับสัมปทานจากเจ้าของประเทศไทยโดยตรง เราจึงต้องทำงานกันหนักขึ้นก่อนที่เรื่องตอแหล (นำเรื่องเท็จไปปนเปื้อนกับเรื่องจริงส่วนน้อย) จะจุดติดในระดับระหว่างประเทศ
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเพียงฝูงเหลือบประเทศไทยรายเดิมที่ไม่ยอมตาย และแพร่พันธุ์ไปยังเลือดใหม่อีกเป็นจำนวนมากด้วยข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ จนพอที่จะหลอกออกมาได้อีกครั้งเท่านั้น ผู้ที่มาประท้วงคราวนี้แบ่งออกเป็น ๒ พวก พวกแรกคือ มวลชนจัดตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไประดมอันธพาลชาวใต้มาเป็นหัวหน้าสั่งการมวลชนกรุงเทพฯ และภูมิภาคอื่น บวกกับเสื้อเหลือง เสื้อชมพู และสลิ่มเดิมๆ ที่เคยออกมาแล้ว พวกนี้จะไม่หนีจากที่ชุมนุมเพราะไม่มีที่อื่นจะไป แถมยังมีสวัสดิการอันดีเยี่ยมไว้รองรับ ส่วนพวกหลังคือ ประชาชนตัวจริงที่รีบวิ่งมาเข้าร่วม เพราะได้ยินแว่วๆ มาว่าขบวนประชาธิปไตยจะเข้ายึดประเทศไทยอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นจะล้มเจ้า และคดโกงประเทศจนเหลือแต่กระดูกขาวๆ
ถามว่าคนกลุ่มหลังเขาก็มิใช่คนโง่เง่า มีการศึกษากันมาพอตัวทั้งนั้น แล้วทำไมเขาวิ่งวุ่นกันถึงขนาดนี้ คำตอบคือ ปัจเจกชน (คนแต่ละคน) นั้นมักฉลาด มีสติ และกระทำการใดๆ ด้วยปัญญา แต่ฝูงชน (คนที่มารวมกันเพราะถูกปลุกเร้าอย่างต่อเนื่อง) จะกลับกลายเป็นคนมุทะลุ บ้าคลั่ง ตามแห่ และแสดงด้านมืดในใจของตนเองออกมาทั้งหมดในที่ชุมนุมนั้น ใครเคยเห็นการครอบงำทางศาสนา ที่นักเทศน์ตะโกนเสียงดังกึกก้อง กระชากใจผู้ฟังที่กำลังหดหู่ ท้อถอย และอ่อนแอ จนผู้ฟังเพริศตาม ถึงขนาดลุกขึ้นมาตะโกนรับ เต้นแร้งเต้นกา ร้องห่มร้องไห้ ผิดไปจากบุคลิกในยามปกติ ท่านก็จะเข้าใจในจิตวิทยาฝูงชนที่เขากำลังทำกันอยู่ในขณะนี้
ผมมักจะนึกถึงภาพเก้าอี้ฟาดศพในเหตุการณ์ ๖ ตุลา แล้วจินตนาการว่าคนที่เคยถูกปลุกเร้าจนกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานขนาดนั้น วันนี้เขาอยู่ที่ไหนกันบ้างและยังหวนนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นด้วยอารมณ์ความรู้สึกอย่างไร หากคนเหล่านั้นมีสำนึกผิดบาปอยู่บ้าง ขอให้ออกมาเปิดตัวต่อคนในสังคมไทยและสารภาพความผิดบาปในใจนั้นเสียโดยเร็วเถิด ความหลังของท่านอาจช่วยเตือนสติคนที่มีอารมณ์อย่างเดียวกันในวันนี้ และกำลังผลักประเทศไทยไปสู่เส้นทางแห่งการนองเลือดได้บ้างกระมัง
สิ่งที่ผู้นำม็อบกำลังพยายาม ทำให้เกิดคือยั่วให้รัฐบาลเข้าปราบ เพื่อจะให้ฝ่ายเรามือเปื้อนเลือดเหมือนกับฝ่ายเขาบ้าง ขณะนี้มือเราสะอาดสะอ้าน แต่มือเขาเปื้อนเลือดและเป็นผู้ร้าย เขาต้องการเพิ่มต้นทุนความชั่วร้ายให้กับเรา เพื่อให้เราลดระดับลงมาเป็นโจรเช่นเดียวกับเขา หลังจากนั้นก็จะได้แลกเปลี่ยนกับแบบโจร ฝ่ายเขาจะได้มีอะไรติดมือไว้บ้างก่อนประชาธิปไตยอันแท้จริงจะแผ่ซ่านไปทั่ว ประเทศไทยจนเขาสู้ไม่ไหวอีกต่อไป
เรารู้อย่างนี้แล้ว เราก็ต้องยืนหัวเราะในฐานะตัวเองฝ่ายดี อย่าถ่อมตัวลงไปที่ที่โจรอยู่เป็นอันขาด เรามีเสียงข้างมาก เรายอมอดกลั้นอย่างสุดแสนเพื่อประชาธิปไตย เราเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำรัฐประหาร สูญเสียทำเนียบรัฐบาลให้กับม็อบ ผู้นำฝ่ายเราถูกทำให้เป็นปิศาจและถูกปล้นชิงทรัพย์สินส่วนตัว และเราก็ได้รับเลือกตั้งกลับมาแล้วกลับมาเล่าถึง ๔ ครั้งต่อเนื่องกัน ขอให้คิดดีๆ ถ้าจะลดตัวลงไปคลุกฝุ่นเปื้อนโคลนกับผู้แพ้ถาวรอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ยอมถูกกล่าวหาว่าอ่อนแอสักช่วงหนึ่ง ดีกว่าเปื้อนเลือดทรราชย์ที่เราอาจล้างไม่ออกครับ.
Prenumerera på:
Kommentarer till inlägget (Atom)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar