söndag 3 november 2013

.".อย่าให้อารมณ์ส่วนตัวอยู่เหนือเหตุผล.".ความรู้สึกจากส่วนลึกในหัวใจเพื่อเตือนสติ.จากเพื่อนถึงเพื่อน... ด้วยจิตคารวะ...

อย่าเจ็บจนไร้สติ อย่าคลั่งบุคคลจนไร้หลักการ หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล...ไม่เช่นนั้น เราจะสูญเสียมันไปทั้งหมด
ถามว่าผมแสดงจุดยืนชัดเจนมั้ย
ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า ผมทำหน้าที่ ตามที่ใจผมเรียกร้องออกมาอย่างสุดความสามารถแล้ว
และผมเชื่อโดยสุจริตใจว่า ไม่ว่าฝ่ายที่เห็นต่าง หรือเห็นพ้องไปกับผมนั้น จะเข้าใจสิ่งที่ผมทำ แสดงความคิดเห็น ได้โดยไม่มีความเคลือบแคงสงสัยใด ๆ ในพฤติกรรม ที่ผมได้กระทำลงไป
วันนี้ ไม่มีประโยช์นอะไร ที่จะมานั่งชี้หน้ากันว่า ควรทำแบบนั้น หรือต้องทำแบบนี้
เพราะมันเลย จุดที่ จะกระทำสิ่งนั้นได้ ไปแล้ว
เหลือแค่รอ ฟังผลและเตรียมรับมือ กับสิ่งที่กำลังจะเกิดในอนาคตอันใกล้นี้ จะดีกว่า
การตั้งกระทู้ค้าน หรือตั้งกระทู้เชียร์ ชนิดไม่ลืมหูลืมตา
มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ในภาพรวม นอกจากจะเต็มไปด้วยความเกลียดชังซึ่งกันและกัน มากขึ้น ๆ
ไม่ต่างอะไรกับ สนิมเกิดแต่เนื้อในตน เฉกเช่นคำโบราณที่พร่ำสอนกันไว้
หากถามผมว่า ผมจะเปลี่ยนจุดยืนไป ร่วมผลักดัน คัดค้าน ทำร้าย หรือ ไปเข้ากับ พรรคการเมืองชั่งช้าสามานย์ ทรยศต่ออุดมการณ์ที่ต่อสู้ร่วมกันกับเพื่อนร่วมรบตลอด ๗ ปี ที่ผ่านมาหรือไม่ คำตอบคือ ไม่
แต่ผมจะไม่ทำอะไร มากกว่า เช็ดน้ำตาให้เพื่อน เพราะผมเข้าใจในความรู้สึก ของพวกเขาได้ดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
และในอนาคต อันใกล้ ผมอาจต้องไปนั่งปลอบใจ ปลอบประโลม ให้เพื่อนอีกกลุ่ม ที่อาจจะต้องร้องไห้ เช่นกัน เพราะพลาดท่าเสียที จากการเสียค่าโง่ โดนหลอกให้เข้าทางปืน (ครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ไม่ใช่ครั้งแรก)
เพื่อนของเราไม่ผิดหรอกครับ ที่เขาจะคิดถึงตัวบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง ก่อนคนอื่นบ้าง เพราะบุคคลอันเป็นที่รักก็ทนทุกข์ทรมานมานานแสนนาน
และเพื่อนเราที่เห็นต่างก็ไม่ผิดหรอกครับ ที่เขาจะคำนึงถึงคุณค่า สหายร่วมรบ ที่บาดเจ็บล้มตายต่อหน้าพวกเขา ว่าควรเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งเหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวง
นึกถึงวันผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน
ฝนตกตัวเปียก ตั้แต่หัวจรดเท้า หรือแดดร้อนจัด จนเป็นลมล้มพับ กันไปหลายคน
ผ่านการกอดคอกันหัวเราะ ร้องไห้ ดีใจ เสียใจ ซึ้งใจในการหยิบยื่นน้ำใจให้กันและกัน จนไม่สามารถจะบอกจำนวนครั้งได้
สิ่งที่เห็นต่างกันหรือความขัดแย้งกันแค่นี้ มันไม่ได้ทำให้เพือนร่วมรบ จะท้อใจจนละทิ้งอุดมการณ์สำคัญ ไปได้
เพราะ มันสำคัญเกินกว่าจะเอาอารมณ์ส่วนตัว มาอยู่เหนือเหตุผลสำคัญตามที่กล่าวไปแล้ว สู้มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยืนเป็นเพือน นายวรัญชัย โชคชนะ กับคนไม่กี่คน เมื่อ ๗ ปีก่อน มาจนถึงวันนี้  มันเหนื่อยนะเว้ย
วันนี้ กระบวนการตัดสินใจ ทบทวนยุทธศาสตร์ มันผ่านไปแล้ว ผู้ที่เจ็บช้ำ ควร หยุดตั้งสติ แล้วคิดหาหนทาง การรักษา อำนาจอันแท้จริงของปวงชาวไทย ไม่ให้สูญเปล่า เพื่อไม่ให้มันกลับไปเริ่มต้นใหม่ กับระบอบประชาธิปไตยแบบไทย ๆ เรื่องบุคคลนั้น ก็ถือซะว่า เขาเรียกการลงทุนของเขาคืนไปบ้าง เพราะเขาก็โดนกระทำเหมือนกัน ส่วนเขาจะอยู่อย่างไร จะโดนสังคมส่วนใหญ่คิดอย่างไร ผมอยากให้ถือซะว่า เป็นเรื่องขอบุคคล แค่กระผีก มันไม่ใช่แก่นของการต่อสู้
ส่วนที่มีเป้าหมายอยู่ที่ตัวบุคคล ก็ขอให้หยุด การโฆษณาชวนเชื่อ และกล่าวหาคนที่เห็นต่างได้แล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะยิ่งดู ยิ่งอ่าน ก็เหมือนดูเพื่อนแก้ผ้ากลางที่สาธารณะ
การเดินทางไปสู่จุดหมายเดียวกัน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
การเห็นต่างทางความคิดเป็นเรื่องปกติในสังคมปัจเจก
และต่างฝ่าย ก็ต่างมีสิทธิจะแสดงออก โดยไม่ต้องมาชี้หน้าว่า เมิงเป็นศัตรูกับกู เพราะการกระทำแบบนั้นมันไม่ได้ทำให้ ผู้แสดงความเห็นดูดี ดูเท่ห เก๋ ขึ้นมา แม้แต่นิดเดียว
สำหรับตัวผม ผมภาวนาให้มันสำเร็จ เพราะนี่คือหนทางครั้งสำคัญ ที่สุดแล้วที่จะพาเพื่อน ออกจากคุก แม้นจะเจ็บปวดใจกับบางสิ่งบางอย่าง
ขอให้เป็นไปอย่างที่คิดว่า มันจะทำได้สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่หวั่นใจเหลือเกินว่า มันจะไม่สามารถทำได้
และหากมันไปเข้าทางตีน อย่างที่หวั่นใจไว้ ผมยังนึกไม่ออกว่า จะสมานหัวใจของเพื่อนร่วมรบอย่างไร ทั้งผู้ที่ยึดมั่นผู้เสียชีวิต ทั้งฝั่งรักและเทอดทูนบุคคลอย่างเหลือกำลัง และมันจะมีฝ่ายที่สามเกิดขึ้นมาอีก คือ ญาติพี่น้องของผู้ที่โดนคุมขังและติดคดี
หยุดการฟาดฟัน กันได้แล้วครับ มันไม่มีประโยชน์การใดเลยจริง ๆ
สงสารก็แต่ พี่น้องที่นั่งมองกระทู้กันอยู่ตาปริบ ๆ
คงได้แต่ร้องออกมาว่า แม่มเซ็งฉิบหายเลย
ด้วยความเคารพทุกท่าน

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar