tisdag 20 maj 2014

ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นพลังนำพาประชาธิปไตยมาสู่ประเทศนี้ได้อย่างแท้จริง พบกันที่ถนนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย คือถนนอักษะ......ก้าวให้พัน.“ประชาธิปไตยแบบไทยๆ”


โดย  ปูนนก
เราเคยได้ยินบ่อยๆ สำหรับคำกล่าวที่ว่า “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ”  นับจากวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง  24 มิถุนายน 2475 เป็นต้นมา  คณะราษฎร์ได้พยายามนำประชาธิปไตยมาสู่ประเทศไทย  เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน  แต่ประชาชนไทยอยู่กันอย่างสุขสบายมากเกินไป  มีชีวิตที่สุขสงบมากเกินไป  ประชาชนไทยไม่เคยต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพของตนเอง  พื้นฐานความคิดลึกๆ  ยังเชื่อด้วยซ้ำว่า  “ตนเองต้องถูกปกครองโดยผู้ที่มีบุญญาบารมีมากกว่า  แล้วชีวิตจะเป็นสุข”  ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่จะเห็นผู้คนจำนวนไม่น้อยแสดงความชื่นชมยินดีเมื่อทหารออกมายึดอำนาจ  หรือประกาศกฎอัยการศึก  โดยที่เขาเหล่านั้นมิได้สำเหนียกเลยแม้แต่น้อยว่าการยึดอำนาจ  หรือการประกาศกฎอัยการศึก  ก็คือการที่ทหารได้ยึดอำนาจการปกครองไปจากประชาชนเรียบร้อยแล้วนั่นเอง
 
หลายเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่มีปรากฏการณ์ กปปส.  จะเห็นได้ว่าเป้าหมายที่ตรงไปตรงมาและไม่เคยเปลี่ยนของ กปปส. ก็คือสร้างสถานการณ์ให้  “ทหารออกมายึดอำนาจ หรือ ให้องค์กรอิสระ หรือวุฒิสภาแต่งตั้งนายกคนกลาง”  กล่าวโดยง่ายก็คือทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้มีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง  และเช่นเดียวกันตลอดมา ผบ.ทบ. พล.อ. ประยุทธ  จันทร์โอชา  ก็ประกาศตลอดมาว่าจะไม่ทำในสิ่งใดที่อยู่นอกเหนือรัฐธรรมนูญ  และไม่ทำรัฐประหาร  องค์กรอิสระโดยศาลรัฐธรรมนูญ  และ ปปช.  ก็ไม่สามารถจัดการกับรัฐบาลรักษาการได้อย่างสิ้นเชิง  วุฒิสภาภายหลังที่มีการแต่งตั้งประธานวุฒิสภาแล้วก็ยังไม่สามารถตั้งนายกคนกลางได้เช่นกัน


เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า  นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ แม้จะแสดงว่าตนเองอยู่เหนือกฎหมายมากเพียงใดแต่ก็ยังเป็นแค่เพียง “เลขาธิการ กปปส. เท่านั้น”  และถ้าเป็นเช่นนั้น  “ประธาน กปปส. ก็ต้องเป็นบุคคลที่อยู่ในอันดับที่สูงส่งและยิ่งใหญ่กว่านายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  อย่างเทียบกันไม่ได้”  ด้วยเหตุนี้ในเมื่อนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นเลขาธิการ กปปส.  พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ทหารออกมายึดอำนาจ (รัฐประหาร)  ประธาน กปปส.  ก็ยิ่งต้องการให้ทหารทำรัฐประหารมากกว่าเป็นหลายเท่า  กระบวนการดำเนินการของกองทัพไทยเป็นไปในลักษณะแดนสนธยาทั้งการฝึกฝนและการปกครอง  กองทัพถูกปลูกฝังในระบบอุปถัมภ์อย่างเหนียวแน่นมีระบบรุ่นพี่ รุ่นน้อง  มีระบบการเคารพนับถือแบบเหล่าใครเหล่ามันซึ่งแยกออกจากกัน  ดังนั้นเราจึงเห็นว่า  ทหารที่เกษียณอายุไปแล้วก็ยังคงมีอิทธิพลทางความคิดอยู่ในระบบการปกครองของทหารอยู่ไม่ใช่น้อย  ด้วยลักษณะความคิดและการปกครองเช่นนี้จึงเป็นที่มั่นใจได้ว่า  พล.อ. ประยุทธ  จันทร์โอชา  ผบ.ทบ.  ต้องได้รับแรงบีบคั้นจากผู้ที่เคยมีบุญคุณ และจากประธาน กปปส. ไม่น้อย  แม้ตนเองไม่อยากทำรัฐประหารและยืนยันมาตลอด  แต่ทว่าด้วยแรงบีบคั้นที่กดดันมากขึ้นๆ  นั้นทำให้  พล.อ. ประยุทธ  จันทร์โอชา จำต้องประกาศใช้กฎอัยการศึก  เพื่อรวบอำนาจการบริหารประเทศมาไว้ที่กองทัพ  “แล้วใครกันล่ะที่ได้ประโยชน์จากการประกาศ  กฎอัยการศึกในครั้งนี้ ?”
 
การประกาศกฎอัยการศึกในครั้งนี้อาจจะพิจารณาได้เป็นสองทางด้วยกันคือ
 
ประการแรก  พล.อ. ประยุทธ   จันทร์โอชา  มีความปรารถนาดีอย่างแท้จริงที่จะให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยไม่เกิดความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นปะทะกันนองเลือด  โดยยอมเอาตัวเองเข้ามาเป็นคนกลาง  และให้กองทัพเป็นผู้รับแรงปะทะเสียเองแทนที่จะให้ประชาชนต้องสูญเสียชีวิต  ซึ่งถ้าเป็นไปเช่นนี้สิ่งที่เราจะได้เห็นต่อไปก็คือ  การบังคับใช้กฏอัยการศึกอย่างเสมอหน้า และเท่าเทียมกันต่อกลุ่มมวลชนทั้งสองฝ่าย  กปปส. และ นปช.  อีกทั้งการดำเนินงานของ  กอ.รศ. นั้นจะมีเข็มมุ่งไปสู่การเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมา... ซึ่งถ้าเป็นไปเช่นนั้น พล.อ. ประยุทธ  จันทร์โอชา  ก็จะกลายเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้วิกฤติการณ์ความขัดแย้งของบ้านเมืองในครั้งนี้


ประการที่สอง  การประกาศกฎอัยการศึกในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะ  พล.อ. ประยุทธ  จันทร์โอชา  ทนต่อแรงกดดันของประธาน กปปส. และผู้มีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญที่มีอิทธพลทั้งในทางลับและทางแจ้งไม่ได้  จึงจำใจที่จ่ะต้องประกาศใช้ พรบ. กฎอัยการศึก  เพื่อแสดงให้ผู้ที่อยู่เบื้องเหล่านั้นเห็นว่า  ตนได้กระทำอย่างเต็มที่แล้วคือยึดอำนาจการปกครองมาไว้ที่ทหารทั้งหมด  และต่อไปนี้จะทำอะไรก็ทำไป  พล.อ. ประยุทธ  จันทร์โอชาเป็นเพียงผู้ออกหน้าในการยึดอำนาจการปกครองมาให้เท่านั้น  ซึ่งถ้าเป็นดังเช่นนี้ผลที่จะเกิดตามมาก็คือ  กฎอัยการศึก  จะถูกบังคับใช้อย่างเข้มข้นกับคนเสื้อแดง และประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย  โดยจะถูกปิดสัญญาณถ่ายทอดทีวี  ถูกข่มขู่คุกคาม  และอาจจะถูกจับกุม  ฯลฯ  แต่สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นเฉพาะกับฝ่าย  นปช. และคนที่รักประชาธิปไตยเท่านั้น  ขณะที่กองทัพจะไม่กระทำสิ่งใดกับ  กปปส. และยังคงปล่อยให้มีการยึดสถานที่ราชการ  และข่มขู่ประชาชนต่างๆ อยู่ทั่วไปอยู่โดยไม่สะทกสะท้าน... ซึ่งถ้าการณ์เป็นเช่นนี้การต่อต้านอย่างรุนแรงจะเกิดตามมา  และประยุทธ  จันทร์โอชา ก็จะกลายเป็นผู้รับความผิดทั้งหมดที่มีมานั้นเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิต
 
 พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน... การประกาศใช้กฎอัยการศึกโดยไม่แจ้งให้รัฐบาลรักษาการทราบมาก่อน  ก็คือการรัฐประหารยึดเอาอำนาจของประชาชนมาไว้ที่กองทัพดีๆ นี่เอง.... เวลานี้กองทัพจึงมีอำนาจสูงสุดในการบังคับกฎหมายต่อประชาชนไทย  ไม่ใช่รัฐธรรมนูญอีกต่อไป..  เมื่อกองทัพมีอำนาจสูงสุดเช่นนี้ท่านคิดบ้างหรือไม่ว่า  “ใครกันที่เป็นผู้คุมอำนาจสั่งการในกองทัพได้อย่างเบ็ดเสร็จ?”  ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่า  “ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ  จันทร์โอชา  อย่างแน่นอน”  และไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใครข้าพเจ้าเชื่อว่าเขาก็คงไม่ต้องการให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแน่นอน  สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมาภายหลังการประกาศกฏอัยการศึกนี้ก็คือ  “การประกาศเคอร์ฟิว  การจับกุมแกนนำ  หรือผู้นำทางความคิดในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย”  และถึงที่สุดอาจจะถึงขั้น  “ตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อบริหารประเทศ  ตามแบบอย่างที่เคยทำมาแล้วสมัย  พล.อ. สุรยุทธ  จุลานนท์” 
 
คงจะถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องมีรัฐบาลที่ชอบธรรมในการบริหารประเทศเอาไว้  โดยไม่ยอมรับการยึดอำนาจของกองทัพอีกต่อไป  และเวลานี้คงจะไม่มีกลุ่มประชาธิปไตยใดที่จะมีศักยภาพมากพอที่จะเป็นที่ยอมรับของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยได้มากเท่ากับ  นปช.  แม้ว่าหลายท่านจะไม่ชอบการบริหารงานของ นปช.  แต่ทว่าขณะนี้คงเป็นช่องทางเดียวที่สามารถต่อกรกับเผด็จการอมาตย์ได้อย่างเท่าเทียมกัน... ฉะนั้นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเท่านั้นที่จะนำพาประชาธิปไตยมาสู่ประเทศนี้ได้อย่างแท้จริง...
 
แล้วพบกันที่ ถนนประชาธิปไตย  ที่ ถนนอักษะ ครับ
 
ปูนนก



สำหรับ พี่น้อง   ที่ไม่ได้ไปร่วมชุมนุม
ช่องทางรันข่าวสารเสื้อแดง
1. http://speedhorsetv.blogspot.com/(live) (เย้ กลับมาถ่ายทอดสดได้แล้ว)
2. http://www.youtube.com/watch?v=Wn5kYO4oHH0&feature=youtu.be
3. http://asiaupdate.tv/ (เลือกดูตรง Live International)
4. http://live-redshirt.blogspot.com/p/asia-update-channel-tv.html

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar