torsdag 1 maj 2014
"เจ้าศรี" ผู้มีสติปัญญาและไหวพริบเป็นเลิศ " ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้าเคารพรักพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์ โดยที่ข้าพเจ้ามิได้มีใจรักใคร่พระองค์ในทางชู้สาว"
โดย หนานเมือง
เจ้าศรี "ผู้ปฏิเสธความรักจากร.5" จอมนางแห่งราชสำนักไทย คนที่7
บนซ้าย รูปเจ้าศรีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉายด้วยฝีพระหัตถ์และทรงตั้งไว้ในห้องพระบรรทม
บนขวา รูปเจ้าศรีเมื่อกลายมาเป็นหม่อมศรีพรหมา ในหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร
ล่าง รูปคู่รูปเจ้าศรีพรหมากับหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร ในวัยชราและครอบครัว
เจ้าศรี"เป็นธิดาของเจ้าผู้ครองนครน่าน
เมื่อเจ้าศรีอายุได้ 3 ขวบพระยามหิบาลบริรักษ์ ข้าหลวงในรัชกาลที่ 5กับคุณหญิงอุ่น ภรรยา
ได้ขอเจ้าศรีจากเจ้าผู้ครองนครน่านไปเป็นบุตรบุญธรรม
เจ้าศรีจึงได้ตามพระยามหิบาลบริรักษ์เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
เจ้าศรีใช้ชีวิตวัยเด็กไปกับการเรียนหนังสืออยู่ในวังร่วมกับเจ้านายในพระราชวงศ์จักรีเป็นเวลา3ปี
ก็ต้องตามครอบครัวพระยามหิบาลฯไปประเทศรัสเซียและ
ประเทศอังกฤษเพราะท่านพระยาต้องไปปฏิบัติราชการ
ทำให้เจ้าศรีได้มีโอกาสฝึกฝนภาษาอังกฤษไปด้วย
เวลาผ่านไปหลายปีเจ้าศรีก็กลับสู่ประเทศไทย
แต่คราวนี้เจ้าศรีโตเป็นสตรีสาวที่มากความสามารถ
เป็นผู้หญิงที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าคิดกล้าพูดและกล้าทำ
เป็นหญิงสมัยใหม่ ผิดแปลกไปจากสตรีสาวชาววังทั่วไป
ไม่นานนักเจ้าศรีก็เข้ารับราชการเป็นคุณข้าหลวง
ในสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ
โดยมีหน้าที่เป็นล่ามคอยติดต่อประสานงานค้าขายกับชาวต่างชาติ
ในช่วงนั้นต้องถือว่าเป็นสตรีที่มีความสามารถโดดเด่นและ
กำลังเป็นที่จับตามองของหลายๆคนรวมถึงพระเจ้าอยู่หัว
พระเจ้าอยู่หัวเองก็ทรงพอพระทัยอยู่เป็นมาก
จนมีเสียงลือเสียงเล่าจากขุนนางบ้างข้าหลวงบ้างว่า
พระเจ้าอยู่หัวจะให้เจ้าศรีเข้าถวายตัวเป็นเจ้าจอม
ถึงขนาดจะยกขึ้นเป็นสนมเอกเลยทีเดียว เสียงลือต่างๆเริ่มเป็นที่หนาหู
ไม่นานนักเรื่องก็ไปถึงหูเจ้าศรี ถึงกับวิตกกังวลว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี
ด้านหนึ่งก็เกรงว่าจะเป็นที่ขุ่นเคืองพระทัยพระบรมราชินีนาถผู้เป็นเจ้านาย
ด้านหนึ่งก็จะเกิดข้อครหาต่างๆไม่จบสิ้น
ท่านจึงตัดสินใจคิดและหาทางออกเรื่องนี้เพียงคนเดียวโดยไม่ปรึกษาใคร
เมื่อถึงวันที่ท่านจะต้องเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว
เจ้าศรีจึงได้รู้ว่าข่าวลือต่างๆนั้นมันเป็นเรื่องจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น
พอพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสในเรื่องนี้
เจ้าศรีจึงตัดสินใจกราบบังคมทูลไปโดยตรง
แต่ที่น่าตกใจคือเจ้าศรีกลับทูลเป็นภาษาอังกฤษ
ทั้งๆที่พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งเป็นภาษาไทยด้วย
ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เมื่อแปลเป็นไทยแล้วจึงได้ความหมายว่า
"ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้าเคารพรักพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์
โดยที่ข้าพเจ้ามิได้มีใจรักใคร่พระองค์ในทางชู้สาว"
ที่เจ้าศรีทูลกลับเป็นภาษาอังกฤษนั้นก็เพราะว่า
หากทูลเป็นภาษาไทยจะทำให้ตรงเกินไปและเป็นการมิบังควร
เพราะเป็นการปฏิเสธพระเจ้าอยู่หัว
นับว่าเป็นการหาทางออกอย่างผู้มีสติปัญญาและไหวพริบเป็นเลิศ
เมื่อทูลไปเช่นนั้นแล้วพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงแย้มพระสรวลและ
เมตตาให้เป็นไปตามความต้องการของเจ้าศรี
ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อเจ้าศรีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และ
ทรงเป็นผู้ฉายรูปเจ้าศรีด้วยพระองค์เองเก็บไว้ในห้องบรรทมบนพระที่นั่งอัมพรสถานตลอดมา
เจ้าศรีครองตัวเป็นโสดจนรัชกาลที่5สวรรคต
จึงเข้าพิธีเษกสมรสกับหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร
โดยมีรัชกาลที่6เป็นเถ้าแก่สู่ขอเจ้าศรี
พร้อมกับพระราชทานนามให้ใหม่ว่า"ศรีพรมมา"
จากนั้นมาจึงมีฐานะเป็น“หม่อมศรีพรหมา”ในหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร
หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร - หม่อมศรีพรหมา ที่ฟาร์มบางเบิด
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/11/K8518042/K8518042.html
Prenumerera på:
Kommentarer till inlägget (Atom)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar