lördag 14 juni 2014

๑๔ มิ.ย. ๕๖ วันที่ยี่สิบสี่.. คสช.เชิญชวนประชาชน" สุขกันเถอะเรา" ขณะกฏเผด็จการทหารกำลังครองเมือง เหมือนโรคห่าระบาดคุกคามประชาชนอย่างหนัก..." เรื่องราวของกาลเวลาจากอดีตจนถึงปัจจุบันความเหมือนที่ไม่แตกต่าง " แล้วประชาชนได้อะไร?? ฝากให้พี่น้องเพื่อนร่วมชาติเปิดใจให้กว้างอ่านบทความ "ความสุขยุคเงียบ" นี้หลายๆครั้งอย่างมีสติ คิดทบทวนไตร่ตรองเรื่องราวความเป็นมาจะได้เข้าใจเรื่องราวความเป็นมาของปัญหาประเทศชาติ แล้วตัดสินใจเลือกอนาคตให้ลูกหลานของท่านเอง...ก่อนที่จะสายเกินไป สามัคคีคือพลังอันยิ่งใหญ่...


















"ฉันกำลังยิ้ม ฉันมีความสุข"
เขาว่างามก็ว่างามไปตามเขา เขาว่าเน่าก็เน่าตามไปทั้งสิ้น
ใส่หน้ากากยิ้มร่าจนชาชิน หยาดน้ำตาตกรินอยู่ข้างใน





"ความสุขยุคเงียบ" โดย ใบตองแห้ง         
 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2014,





ข่าวสดออนไลน์

"ความสุขยุคเงียบ" โดย ใบตองแห้ง

พ.ศ.2504 คนไทยมีความสุขไหม มีสิครับ ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม ชาวบ้านต่างมาชุมนุมรับฟังคำสั่งทางการให้เลี้ยงเป็ดและสุกร มีแต่ตาสีหัวงอน โง่เง่า ไม่รู้ว่าสุกรนั้นไซร้คือหมาน้อยธรรมดา ได้หัวเราะกันครึกครื้นเฮฮา

คน กรุง นิสิตนักศึกษา ก็มีชีวิตน่าสนุก ในยุคลีลาศสุนทราภรณ์ เชียร์บอลประเพณี สังคมมีระเบียบเรียบร้อยภายใต้ ม.17 ที่จับ จิตร ภูมิศักดิ์ และเหล่านักคิดนักประชาธิปไตยขังคุกลาดยาว ก่อนเข้าไปตายที่ชายป่าตามเพลงคาราวาน ชาวบ้านทั่วไปไม่เดือดร้อน เพราะท่านผู้นำสร้างถนนหนทาง ทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ให้ญี่ปุ่นฝรั่งมาตั้งโรงงาน

พ.ศ.2520 คนไทยมีความสุขไหม มีสิครับ หลังไล่ฆ่า ฝ่ายซ้ายเข้าป่า ชาวบ้านทั่วไปไม่เดือดร้อน หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่วิจารณ์การเมืองไม่ได้ ก็แข่งกันลงนิยายกำลังภายใน ไม่มีหนังเมเจอร์มาฉาย เพราะรัฐบาลตั้งกำแพงภาษี แต่ก็ได้ดู "วัยอลวน" "รักอุตลุด" นิสิตนักศึกษากลับสู่ยุค "มหาลัยวัยหวาน" ร้องเพลง "แฟนฉัน" แม่บ้านก็ดูละครทีวี "ดาวพระศุกร์" "ดอกโศก"

ยิ่งหลังรัฐ ประหารซ้อน 20 ต.ค. เข้าสู่ประชาธิปไตย ครึ่งใบ คนไทยยิ่งมีความสุข ประเทศก้าวกระโดดใหญ่ สู่ยุคโชติช่วงชัชวาล การค้าการลงทุนเติบโต จีดีพีพุ่งพรวด ห้างสรรพสินค้า ฟาสต์ฟู้ด ผุดเป็นดอกเห็ด มีทุกอย่างให้บริโภค

นั่นเห็นไหม ไม่เห็นเป็นไรเลย เดี๋ยวสังคมก็เดินไปได้ เงียบไปเถอะ

วัฏจักร การเมืองไทยเป็นเช่นนี้มานาน ไม่แปลกอะไร ยุคนี้สมัยนี้ดีกว่าอีก เพราะไม่ได้ไล่ฆ่าไล่จับกุมคุมขัง แค่สั่งให้เงียบไว้ แต่เคยทบทวนไหมว่า ความสุขจากความเงียบ ความสุขในโอวาท ส่งผลอะไรต่อวัฒนธรรมไทย

วัฒนธรรม ไทยที่ไม่เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ข้อสำคัญคือคุณต้องรู้จัก "รักษาตัวรอด" เมื่อมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจ คุณต้องรู้จักสยบยอมอำนาจ ไม่ใช่แค่อำนาจสูงสุด แต่ซึมลึกทุกภาคส่วน ราชการ ธุรกิจ คุณต้องรู้จัก "เอาใจนาย" แต่ก็พร้อมเอาตัวรอดเมื่อเปลี่ยนนาย เปลี่ยนขั้ว อย่าได้คิดเป็นตัวของตัวเอง ต่อสู้ระบบ จบเห่ทุกราย

ไอดอล ของสังคมไทยจึงไม่ใช่พระยาพิชัยดาบหัก ที่อยู่ในตำราเรียน แต่ทำอย่างไรจะเก่งอย่างหลวงวิจิตรวาทการ รับใช้ได้ทั้งจอมพล ป. จอมพลสฤษดิ์ ทำอย่างไรจะบริกรได้เหมือนวิษณุ เครืองาม หรือรู้จักยอมตามอย่าง ธาริต เพ็งดิษฐ์ หรือทำธุรกิจทุกรัฐบาลอย่างเจ้าสัว

วัฒนธรรม ไทยในครัวเรือน ยังสอนลูกสอนหลานว่าอย่ายุ่งการเมือง อย่ามีส่วนร่วม ถ้าอยากทำดีก็ไปรณรงค์ห้ามทิ้งขยะ สอนเด็กเข้าคิว ขี่จักรยานลดมลภาวะ ฯลฯ แต่อย่าไปม็อบ ไม่ว่าข้างไหนก็ตายฟรี ตายให้คนอื่นมีอำนาจ เราอยู่ของเราอย่างนี้ ทำมาหากินดีกว่า ถ้าต้องจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางก็จ่ายไป เก็บเงินทองไว้เสพสุข

นึกถึงคนรู้จัก มีรายหนึ่งเป็นพ่อค้า ต้องส่งลูกเรียนแถวราชดำเนิน หลายปีที่ผ่านมาเดือดร้อนมาก เวลามีม็อบเสื้อแดงแกก็ใส่เสื้อแดง ม็อบเสื้อเหลืองแกก็ใส่เสื้อเหลือง ม็อบนกหวีดก็แขวนนกหวีด ทั้งที่ไม่เข้าข้างใคร แค่เอาตัวรอด ถึงวันนี้แกคงมีความสุข ได้ทำมาหากิน

ใครก็โทษแกไม่ได้ เพราะนี่คือบทเรียนจากประวัติศาสตร์

ประวัติศาสตร์ไทยสอนว่าผู้ชนะได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ความยุติธรรม ความถูกต้อง ฉะนั้นต้องทำทุกอย่างแม้แต่ใช้กำลังเพื่อเอาชนะ

คน ไทยตระหนักเสมอว่า อำนาจคือความยุติธรรม ถ้าอยู่ข้างอำนาจเราจะได้ทุกอย่าง ถ้าสยบยอมอำนาจ อย่างน้อยเราก็รอดพ้น เราจึงจ่ายส่วยดีกว่าต่อสู้กับส่วย เราจึงอยู่กับระบบอุปถัมภ์ ฝากลูกฝากหลานเข้าโรงเรียนเข้าทำงาน ดีกว่าโวยวาย

กระนั้นภายใต้วัฒนธรรมแห่งอำนาจ ซึ่งแต่ละรอบที่เวียนมา ได้กวาดล้างคนกล้าคิดกล้าพูดกล้าวิพากษ์วิจารณ์ ไปเป็นระลอกๆ สังคมไทยก็ยังมีทางออกให้หาความสุขได้เสมอ ถ้าไม่เข้าวัด บวชชีพราหมณ์ อ่านหนังสือพระ คุณก็สามารถกินเหล้าเข้าบาร์ เข้าห้าง สนุกสนานกับวัฒนธรรมบริโภค ดูหนังดูละคร หาความสุขใส่ตัว

เห็นไหม อยู่ๆ ก็ได้ดูบอลโลก ไม่ต้องซื้อกล่อง ใครซื้อไปก่อนเสียค่าโง่ ขอไชโยให้ คสช.

ความ สุขที่รัฐจัดให้ จากบนลงล่าง ตอกย้ำให้เราตระหนักว่าเป็นคนไทยนี้ดี อยู่เฉยๆ เดี๋ยวดีเอง ไม่ต้องกระตือรือร้น ไม่ต้องอยากมีส่วนร่วม ถ้าคิดถึงส่วนรวมก็โปรดอยู่ในโอวาท แต่ละวันก็หาความสุขส่วนตัวไป

พูด อย่างนี้ไม่พอใจเรอะ? เปล่า ผมมีความสุข ผมไม่เดือดร้อน อายุจะ 60 แล้ว ผ่านยุคเงียบยุควุ่นวายมาหลายตลบ ไม่เดือดร้อนไม่ว่าจะจบยังไง แต่ใครที่ยังต้องอยู่ดูโลกอีกนาน ก็เลือกเองแล้วกันว่าคุณอยากให้วัฒนธรรมไทยเป็นอย่างนี้ ต่อไปไหม

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar