ด้านทนายความคือนายอานนท์ นำภา โพสต์ข้อความอธิบายเรื่องที่มาของข้อกล่าวหาไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ข้อกล่าวหามาจากการที่มีคนส่งข้อความที่อาจเข้าข่ายหมิ่นไปให้ทางเฟซบุ๊ก แต่เจ้าตัวไม่ได้ห้ามถือว่ามีส่วนกระทำความผิด
ก่อนหน้านั้นนายธีรพันธุ์ พันธุ์คีรี และนายอานนท์ทนายความของ น.ส. พัฒน์นรี ที่เดินทางไปพร้อมกับ น.ส. พัฒน์นรีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ลูกความของตนเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธ์ใจ เพื่อมอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหา นอกจากนั้นได้ยืนยันชัดเจนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ไม่รู้จักกับนายบุรินทร์ อินติน ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ เป็นการส่วนตัว
น.ส. พัฒน์นรี ถูกตั้งข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งเป็นการกระทำผิดร่วมกับ นายบุรินทร์ อินติน ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ขณะที่ทำกิจกรรม “ยืนเฉยๆ” ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา และจากนั้นถูกแยกสอบปากคำ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ได้ติดตามพฤติกรรมของนายบุรินทร์ผ่านการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “Burin Intin” ซึ่งพบว่ามีลักษณะต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาล และ คสช. รวมทั้งมีการแชตพูดคุยกับบุคคลอื่นโดยมีข้อความลักษณะกล่าวว่าให้ร้ายพระมหา กษัตริย์ ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
นายอานนท์ได้โพสต์ไว้ในเพจส่วนตัวด้วยว่า เขาเห็นว่าการจับและดำเนินคดีแม่ของนายสิรวิชญ์ก็เท่ากับว่า นายสิรวิชญ์น่าจะไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมใดได้อีกเพราะต้องรับหน้าที่ดูแลยาย ที่ไม่ค่อยสบายและน้องอีกสองคนแทนแม่
กรณีของแม่ของนายสิรวิชญ์ถือเป็นกรณีล่าสุดที่ทำให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียโดย เฉพาะผู้ใช้เฟซบุ๊กมีคำถามอย่างมากว่า เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้เฟซบุ๊กได้อย่างไร ก่อนหน้านี้บีบีซีได้สอบถามเรื่องนี้ไปยังเฟซบุ๊กที่ลอนดอนได้รับคำตอบอย่าง ครอบคลุมว่า เฟซบุ๊กยังยืนยันได้ว่าผู้ใช้ของตนยังสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและที่ ผ่านมาเท่าที่มีการเก็บข้อมูลปีก่อน ๆ หน้าเฟซบุ๊กยังไม่เคยส่งข้อมูลให้กับทางการไทยแต่อย่างใด #มาตรา112
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar