måndag 17 augusti 2020

ประชาชนปลดแอก: สำรวจแนวร่วม "1 ความฝัน" จาก 10 สิงหา ถึง 16 สิงหา

"ไม่ว่าหลาน ๆ จะพูดถึง 10 ข้อเรียกร้อง หรือข้อเสนอ 0 หรือใช้คำว่าความฝัน มันก็คือเรื่องเดียวกัน..." แนวร่วม นปช. ที่เข้าร่วมชุมนุมกับ “คณะประชาชนปลดแอก” กล่าว

ประชาชนปลดแอก: สำรวจแนวร่วม "1 ความฝัน" จาก 10 สิงหา ถึง 16 สิงหา

  • หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
  • ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
ผู้ชุมนุมชูไอแพดที่เขียนข้อความแสดงความเห็น

ผู้จัดการชุมนุมในนาม "คณะประชาชนปลดแอก" ได้ออกแถลงการณ์ยืนยัน 3 ข้อเรียกร้องเดิม ภายใต้ 2 หลักการ และ 1 ความฝัน คือการมี "ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ" ส่งท้ายกิจกรรมการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อ 16 ส.ค. โดยไม่มีการพูดถึง 10 ข้อเรียกร้องซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์แบบตรง ๆ หลังปัญญาชนบางส่วนชี้ว่าปรากฏการณ์ "10 สิงหา" เป็นสิ่งที่ "ทะลุเพดาน"

แต่ถึงกระนั้นผู้เข้าร่วมชุมนุมทั้งรุ่นเยาว์และรุ่นใหญ่ต่างระบุตรงกันว่าผู้ร่วมชุมนุมเข้าใจสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นดี ทว่าแต่ละคนอาจมีวิธีแสดงออกแตกต่างกัน

บีบีซีไทยสำรวจแนวร่วม "1 ความฝัน" จาก 10 สิงหา ถึง 16 สิงหา

เพดาน นปช. หยุดแค่ "ไพร่-อำมาตย์" แต่ นศ. "แทงทะลุฝ้า"

ชายวัยเกษียณเดินทางจากบ้านพักย่านพุทธมณฑล จ.นครปฐม เพียงลำพัง เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "ประชาชนปลดแอก" ตั้งแต่บ่ายสามโมง หลังเพื่อนของเขาส่งภาพบรรยากาศที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยให้ดูผ่านแอปพลิเคชันไลน์ตั้งแต่ช่วงหัวบ่าย

"นี่มาครั้งแรกเลยนะ อยากมาดูให้เห็นกับตา มาให้กำลังใจนักศึกษาเขา ลองดูสิเด็ก ๆ ทั้งนั้นที่มาชุมนุม นั่งกันเรียบร้อยเชียว" ชายวัย 62 ปี ผู้ไม่ประสงค์จะเปิดเผยชื่อกล่าวกับบีบีซีไทยขณะกวาดสายตามองสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ปรากฏภาพเยาวชนจำนวนมากกำลังส่งเสียงโห่ฮารับมุกของผู้ปราศรัยบนเวที สลับกับการจิ้ม-จ้องหน้าจอสมาร์ทโฟน

"นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 40 กว่าปีเลยนะ ที่นักศึกษาเขาออกมานำจริง ๆ เราไม่เคยเห็นภาพแบบนี้ตั้งแต่ 14 ตุลา 2516" เขาขยายความ ก่อนกล่าวต่อไปว่าไม่ใช่แค่นักศึกษา แต่นักเรียนมัธยมก็เข้าร่วมขบวนการด้วย

"ผมนี่จบเตรียมอุดมนะ ดูกลุ่ม 'เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ' จัดแฟลชม็อบที่โรงเรียนแล้วก็ภูมิใจที่เด็ก ๆ เขาตื่นตัวทางการเมือง เพราะเขามีข้อมูลข่าวสารของเขา มีคำศัพท์ใหม่ ๆ มาอธิบายความคิด... ว่าแต่ไอ้ 'เกียม' นี่มันแปลว่าอะไร" เขาโยนคำถามพลางหัวเราะ

แกนนำเยาวชน 31 คน
คำบรรยายภาพ,

แกนนำเยาวชน 31 คน ที่มีรายงานว่าถูกดำเนินคดีขึ้นมาแสดงตัวบนเวทีในช่วงท้ายของการชุมนุม 16 ส.ค. เบื้องหลังเป็นป้าย 3 ข้อเรียกร้อง 2 หลักการ และ 1 ความฝัน

"แล้ว 'มุ้งมิ้ง' ล่ะ" เขาพยายามเข้าใจความหมายของอีกคำ ก่อนสะดุ้งเล็ก ๆ หลังทราบคำอธิบายและ พูดเสียงดังว่า "อ้าว อย่างนั้นมันหลอกด่าเด็กนี่"

แม้สวมเสื้อหลากสีมาร่วม "ปลดแอก" แต่ชายชาวนครปฐมผู้นี้ยอมรับว่าเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคยไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงมาหลายครั้ง และเห็นว่าเพดานการปราศรัยของแกนนำ นปช. เมื่อ 10 ปีก่อน ต่ำกว่าเพดานของนักศึกษาในปัจจุบันมาก โดย นปช. จงใจหยุดอยู่ที่แค่คำว่า "ไพร่-อำมาตย์" ขณะที่นักศึกษา "แทงทะลุฝ้าเพดาน" ไปแล้ว ทำให้มี 10 ข้อออกมา

"ผมคิดเองนะว่าคนที่มาอยู่ตรงนี้ (ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย) ก็เห็นด้วยกับ 10 ข้อทั้งนั้นล่ะ แต่ใครจะเห็นด้วยมาก น้อย หรือบางข้อ อันนี้แล้วแต่ ที่แน่ ๆ คือทุกคนเห็นปัญหาถึงออกมา รุ่นแก่ ๆ อย่างผมอาจไม่กล้าพูด แต่เด็กเขากล้า" ผู้ผ่านประสบการณ์การชุมนุม นปช. กล่าว

เข็มนาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มแล้ว แต่ชายคนนี้ยังนั่งอยู่คนเดียวบนบาทวิถีชิดที่วงเวียนอนุสาวรีย์ฯ

"เพื่อนผมกลับไปนานแล้วล่ะ แต่เราอยากอยู่ให้มันเหล่ายัวะ (คับคั่ง คึกคัก) ให้มันครึกครื้นหน่อย"

กระทั่งมีเสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นจากเยาวชนหญิง 3 คน "ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของค่าจัดกิจกรรมของประชาชนปลดแอกได้นะคะ" เขาจึงลุกขึ้นควักเงินในกระเป๋าสตางค์ นำไปหย่อนใส่กล่องอย่างพึงใจ ก่อนเดินจากไปจากจุดที่ปักหลักอยู่นาน 6 ชม.

"เราเป็นห่วง เอา 3 ข้อก่อนได้ไหม"

ขณะที่บาทวิถีอีกฝั่ง บริเวณหน้าร้านอาหารเมธาวลัย ศรแดง ถ.ราชดำเนินกลาง มีแนวร่วม นปช. อีก3 คนตั้งใจสวมใส่เสื้อสีแดงมาร่วมชุมนุม ภายหลังกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ของประชาชนอีกขั้วความคิดที่เรียกตัวเองว่า "ศูนย์กลางประสานนักศึกษาอาชีวะ ประชาชนปกป้องสถาบันฯ" หรือ ศอปส. เสร็จสิ้นลง พวกเขาก็เข้ายึดพื้นที่แทนและปักหลักอยู่ตรงจุดนั้น

นายสงคราม ลับเงิน ชาวนครพนม วัย 62 ปี และนายชัยระวี สีหไตรย์ ชาวนนทบุรี วัย 63 ปี ยืนกระพือ "ตีนตบ" สัญลักษณ์ต่อต้านการรัฐประหารปี 2549 และอุปกรณ์ตอบโต้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ใช้ "มือตบ" เป็นอาวุธขับไล่ "ระบอบทักษิณ"

เสียงป๊อกแป๊ก ๆ ที่ดังขึ้นจากแรงเขย่า เร่งเร้าความสนใจของผู้ชุมนุมรุ่นเยาว์ที่เดินผ่านไปมา จนต้องขอเข้าบันทึกภาพนิ่งและวิดีโอ อีกทั้งยังมีแนวร่วม นปช. แวะเวียนมาทักทายทั้งคู่อย่างมิขาดสาย

ผู้ชุมนุมเสื้อแดง
คำบรรยายภาพ,

นายชัยระวี สีหไตรย์ ชาวนนทบุรี วัย 63 ปี (ซ้าย) และ นายสงคราม ลับเงิน ชาวนครพนม วัย 62 ปี

"คนเสื้อแดงเรามาเสริมทัพ มาให้กำลังใจหลาน ๆ มาเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา พวกเขาจะได้อุ่นใจและรู้ว่าพวกเราอยู่ตรงนี้" นายสงครามกล่าวกับบีบีซีไทย

ขณะที่นายชัยระวีเสริมว่า ลุง ป้า น้า อา ที่เข้าร่วมชุมนุมครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดงแทบทั้งนั้น คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ เพียงแต่ไม่ได้สวมเสื้อแดงออกจากบ้าน

ไม่ถึงสัปดาห์หลังรัฐประหารปี 2557 นายสงครามและนายชัยระวีปรากฏตัวที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในชุดเสื้อแดงที่มีข้อความว่า "โค่นอำมาตย์ ทรราชย์" ชุดเดียวกับที่สวมใส่มาร่วมชุมนุมกับ "ประชาชนปลดแอก" แม้ไม่เคยหยุดใส่เสื้อแดง แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยถูกจับกุม ตั้งข้อหา หรือเรียกไปปรับทัศนคติ

ในทัศนะของแนวร่วม นปช. คู่นี้ การแสดงจุดยืนทางการเมืองไม่จำเป็นต้องผ่านทำคำพูด หรือทำเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอไป แต่อาภรณ์ที่ห่อหุ้มกายก็สามารถสะท้อนความคิดเห็นได้ และทำให้ผู้สื่อสารปลอดภัยกว่า

"มีคนชอบประดิษฐ์วาทกรรม ชอบกล่าวหาคนเสื้อแดงว่าเป็นพวกล้มล้างไม่ใช่หรือ" นายชัยระวีพูดพลางชี้ไปที่เสื้อของตัวเอง

ผูุ้ชุมนุมชูป้ายที่เขียนว่า "คนเสื้อแดง"
คำบรรยายภาพ,

"คนเสื้อแดง" ประกาศตัวในที่ชุมนุมของคณะประชาชนปลดแอกเมื่อ 16 ส.ค.

แนวร่วม นปช. วัย 60 ปีเศษพูดตรงกันว่ารู้สึก "กังวลใจ" ต่อคำประกาศ 10 ข้อเรียกร้องที่เกี่ยวกับสถาบันฯ เพราะเห็นประสบการณ์มามากจากแกนนำเสื้อแดงหลายคนที่ต้องลี้ภัยไปต่างแดน หรือถูก "อุ้มหาย" ไปเฉย ๆ

"ไม่ว่าหลาน ๆ จะพูดถึง 10 ข้อเรียกร้อง หรือข้อเสนอ 0 หรือใช้คำว่าความฝัน มันก็คือเรื่องเดียวกัน ไม่ใช่เราไม่เห็นด้วยนะ แต่เราเป็นห่วง เอา 3 ข้อก่อนได้ไหม ทุกคนจะได้ร่วมกันได้ อย่าเพิ่งได้คืบจะเอาศอก" นายชัยระวีบอก

"นศ. กำลังทำในสิ่งที่น่ากลัว มีความเสี่ยง แต่ไม่ได้บอกว่ามันไม่จริง"

ในขณะที่ผู้ชุมนุมรุ่นใหญ่กำลังคิดถึงการสื่อสารแบบไร้เสียง นักศึกษาจากหลายสถาบันในนามกลุ่ม "การละครที่ไม่เป็นทางการ" ได้ลงมือทำแล้ว โดยเปิดการแสดงกลางฝูงชนบนท้องถนนคู่ขนานกับกิจกรรมบนเวทีใหญ่

การแสดงเริ่มต้นจากการปรากฏตัวของ "เทวดา" ที่ฉุดกระชากลากหญิงสาวผู้เป็น "ทาส" 2 นางเข้ามา และพยายามชักจูงให้เดินไปตามทิศทางที่ต้องการ กระทั่งเด็กนักเรียนหญิงผู้มีการศึกษาลุกขึ้นมาตั้งคำถามต่อพฤติกรรมของเทวดา ทาสทั้ง 2 นางก็เกิดอาการ "ตาสว่าง" ก่อนที่ทั้งหมดจะช่วยกันจับเทวดาให้คว่ำคะมำลงกับพื้น

การแสดงละครในที่ชุมนุม
คำบรรยายภาพ,

เทวดากับ "ทาส" ในยุคโบราณและทาสในชุดนักศึกษา

ละครฉากนี้จบลงในเวลาราว 10 นาที ทว่านักแสดงผู้รับบททาสเฉลยกับบีบีซีไทยว่าไม่ว่ายุคก่อนหรือตอนนี้ สังคมไทยก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นี่คือสารหลักที่พวกเขาต้องการสื่อถึงผู้ชม

นักแสดงทั้ง 5 คนใช้เวลาซักซ้อมคิวเพียง 1 คืน ก็สามารถแสดงกันได้อย่างเข้าขา เนื่องจากทั้งหมดเป็นนักศึกษาและอดีตนักศึกษาสาขาการละคร ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้เยาวชนกลุ่มนี้เปิดการแสดงบน ถ.ราชดำเนิน เพราะเห็นว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นกิจกรรมของประชาชน พวกเขาจึงมีสิทธิสื่อสารโดยตรงในฐานะประชาชน และไม่มีข้อจำกัดว่าต้องขึ้นไปแสดงบนเวทีใหญ่เท่านั้น

"การพูดผ่านละครทำให้ปลอดภัยขึ้น เพราะศิลปะเปิดโอกาสให้ตีความได้ ไม่ได้ผูกมัดความจริงไว้เพียงหนึ่งเดียว" นักแสดงหญิงวัย 25 ปีกล่าว

การ "ยกเพดาน" ข้อเรียกร้องของนักศึกษาบางส่วนสู่ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ทำให้การชุมนุมวันที่ 16 ส.ค. ถูกจับตามองว่าจะมีแนวร่วมมากน้อยแค่ไหน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ สมาชิกกลุ่มการละครที่ไม่เป็นทางการวัย 21 ปีให้ความเห็นว่า "มีคนบอกว่าสังคมเรายังไม่พร้อมที่จะพูดเรื่องนี้ นักศึกษากำลังทำในสิ่งที่น่ากลัว มีความเสี่ยง แต่ไม่ได้บอกว่ามันไม่จริง" และยอมรับว่ารู้สึกกังวลใจที่เห็นแกนนำบางส่วนถูกออกหมายจับ เรารู้ว่ามันจะเกิด แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐควรทำให้มันเกิด

เช่นเดียวกับสมาชิกอีกคนวัย 25 ปีที่มองว่า การตั้งคำถามว่าเพดานสูงไปหรือไม่ สุดโต่งไปหรือไม่ เป็นเรื่องที่มาพูดคุยมาต่อรองในเชิงอำนาจกันได้โดยใช้ข้อเท็จจริงและเหตุผล

10 ข้อเรียกร้องเพื่อตอบโจทย์ 1 ความฝัน

ถึงขณะนี้ความเห็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ปรากฏใน "แฟลชม็อบ" ถูกสื่อสารเอาไว้อย่างน้อย 3 ระดับ

  • ข้อเสนอให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เสนอรายละเอียดโดยนายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 3, 9 และ 10 ส.ค.
  • ประกาศกลุ่ม "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม" ฉบับที่ 1 เรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ 10 ข้อ อ่านโดย น.ส. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง โฆษกสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ในการชุมนุมที่ มธ. เมื่อ 10 ส.ค.
  • แถลงการณ์ "คณะประชาชนปลดแอก" เสนอ 1 ความฝันคือการมี "ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ" ในการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อ 16 ส.ค.

น.ส.ปนัสยายืนยันว่า "เราได้ดันเพดานขึ้นแล้ว และเราจะไม่ลดเพดานของเราลงอย่างแน่นอน" แต่ถึงกระนั้นเธอได้ปฏิเสธความขัดแย้งระหว่างนักกิจกรรม 2 กลุ่ม "ข้อเรียกร้อง 10 ข้อในการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เพื่อให้ตอบโจทย์กับ 1 ความฝันของคณะประชาชนปลดแอก"

ส่วนนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี เลขาธิการคณะประชาชนปลดแอก กล่าวกับบีบีซีไทยว่า ไม่สามารถระบุได้ว่าประชาชนที่ออกมาร่วมชุมนุมทุกคนเห็นด้วยกับ 10 ข้อเรียกร้อง ส่วนการไม่พูดถึงประเด็นนี้บนเวที "ก็ไม่ใช่เพราะได้เราไม่เห็นด้วย แต่ 10 ข้อนั้น ขอกันเอาไว้เป็นข้อเสนอของกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม"

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar