söndag 23 augusti 2020

'เพราะทุกคนคือแกนนำ' #thenextonemaybeyou

ประชาไท Prachatai.com

2 tim

ชุมนุม 'เพราะทุกคนคือแกนนำ' #thenextonemaybeyou ย้ำให้รัฐบาลหยุดคุกคามประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพตามหลักการประชาธิปไตย

ที่มาภาพ: Sirachai Shin Arunrukstichai/iLaw

23 ส.ค. 2563 ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่าเมื่อเวลา 15.00 น. บริเวณที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร กลุ่มนิสิตนักศึกษา 4 สถาบัน จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภาคีนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ กลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย (SCFD) และกลุ่มพะยอมเก๋า จากมหาวิทยาลัยรังสิต จัดกิจกรรม "เพราะทุกคนคือแกนนำ #thenextonemaybeyou" เพื่อย้ำให้รัฐบาลหยุดคุกคามประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพตามหลักการประชาธิปไตย

ทั้งนี้ ก่อนการชุมนุมจะเริ่ม กรุงเทพมหานครไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ เนื่องจากไม่ได้มีการประสานขอใช้สถานที่มาก่อน จึงนำแผงเหล็กมากั้นโดยรอบลานคนเมือง พร้อมใช้เจ้าหน้าที่เทศกิจและรถตู้มาปิดพื้นที่เพื่อสกัดกั้น แต่เมื่อตัวแทนกลุ่มนักศึกษาเข้ามาขอเจรจา สุดท้าย กทม. จึงยอมให้จัดการชุมนุมได้เฉพาะด้านหลังลานคนเมืองเท่านั้น


[ จุดยืนและข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคก้าวไกล ]
.
ในสถานการณ์ปัจจุบัน พรรคก้าวไกลมีจุดยืนและข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น 3 ประการ ได้แก่ (1) ตั้ง สสร. เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ได้ทั้งฉบับ (2) ปิดสวิตช์ ส.ว. ด้วยการยกเลิกรัฐธรรมนูญ ม. 269-272 และ (3) ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ม. 279 เพื่อยกเลิกการรับรองให้ประกาศคำสั่ง คสช. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและชอบด้วยกฎหมาย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
.
1) การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยไม่ไปจำกัดว่าห้ามแก้หมวดใดหมวดหนึ่ง จะเป็นทางออกอย่างสันติให้สังคมไทยสามารถหาฉันทามติร่วมกันได้ว่าระบบการเมืองแบบไหนที่เรายอมรับที่จะอยู่ร่วมกัน
'
พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมไปแล้วหนึ่งฉบับเพื่อแก้ไข ม. 256 ให้มีการตั้ง สสร. แต่พรรคก้าวไกลไม่ร่วมลงชื่อด้วย เนื่องจากไปกำหนดไว้ว่า ห้าม สสร. แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 1 และ 2 พรรคก้าวไกลเห็นว่า ข้อกำหนดดังกล่าวยิ่งไปสร้างความเข้าใจผิดในสังคม เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมามีการแก้ไขบทบัญญัติในหมวด 1 และ 2 มาโดยตลอด ไม่ใช่เรื่องต้องห้ามแต่อย่างใด และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของไทยมีการจำกัดขอบเขตอยู่แล้วว่า การแก้ไขที่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือรูปแบบของรัฐ จะกระทำมิได้ ดังที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ม. 255
.
ดังนั้น พรรคก้าวไกลจะไปอภิปรายเพื่อขอแก้ไขประเด็นดังกล่าวเมื่อการพิจารณาเรื่อง สสร. เข้าสู่การประชุมของรัฐสภา ด้วยเรายืนยันในหลักการที่ว่า อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญหรืออำนาจสูงสุดในการเขียนรัฐธรรมนูญนั้น เป็นของประชาชน เมื่อประชาชนเลือกตั้ง สสร. ไปจัดทำรัฐธรรมนูญแล้ว สสร. ต้องแก้ไขใหม่ได้ทั้งฉบับ สสร. เช่นนี้จะสามารถสะท้อนและโอบรับเจตจำนงของประชาชนได้ทุกกลุ่ม ไม่ปิดกั้นความคิดและความฝันของประชาชนกลุ่มใด สุดท้ายเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเองว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีเนื้อหาอย่างไรผ่านเวที สสร. และการลงประชามติ
.
2) การยื่นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อยกเลิกบทเฉพาะกาล ม. 269-272 เป็นสิ่งที่ต้องผลักดันในลำดับถัดไปให้ทันในสมัยประชุมนี้ เพราะ ส.ว. 250 คนที่ คสช. แต่งตั้งมาและมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ถือเป็นกลไกสำคัญในการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร หากเราสามารถยกเลิกอำนาจของ ส.ว. ในการเลือกนายกฯ ได้เมื่อไร ประเทศก็สามารถเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ไม่ว่าด้วยการลาออกของนายกฯ หรือการยุบสภา ให้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ สสร. จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่แล้วเสร็จ
.
3) พรรคก้าวไกลเสนอให้ยกเลิกบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ม. 279 เพื่อมิให้มีการรับรองประกาศ-คำสั่ง คสช. และการกระทำที่เกี่ยวเนื่อง ให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและชอบด้วยกฎหมายไปตลอดกาล เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญรับรองตรวจสอบประกาศ-คำสั่ง คสช. และการกระทำที่เกี่ยวเนื่องได้
.
การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อ (2) และ (3) นั้น จำเป็นจะต้องใช้เสียง 1 ใน 5 ของ ส.ส. ที่มีอยู่ ซึ่งเท่ากับ 98 เสียง ปัจจุบันพรรคก้าวไกลมี ส.ส. อยู่เพียง 54 เสียง ดังนั้น เราจะพยายามขอเสียงจากพรรคการเมืองอื่น เพื่อยกเลิกหัวใจสำคัญในการสืบทอดอำนาจ คสช. ให้ได้ทันภายในสมัยประชุมนี้
.
ด้วยความเชื่อมั่นในอำนาจสูงสุดของประชาชน
.
#ก้าวไกล #ประชุมสภา #รัฐธรรมนูญ #ประชาชนปลดแอก #เยาวชนปลดแอก #ให้มันจบที่รุ่นเรา

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar