fredag 21 augusti 2020

Update : ความเสื่อมของ คสช. กับ (ความไม่มี)"บารมี" ของวชิราลงกรณ์..

ความเสื่อมของ คสช. กับ (ความไม่มี)"บารมี" ของวชิราลงกรณ์

ผมนั่งคิดเรื่องนี้มาหลายวัน การที่ คสช.เสื่อมลงในระยะใกล้ๆนี้ นอกจากเรื่องรูปธรรมความล้มเหลวของ คสช.เองแล้ว (จากเรื่องเศรษฐกิจ ถึงเรื่องนาฬิกา) ผมคิดว่า ในภาพกว้างออกไป ที่เป็น "ภูมิหลัง-ปริบททางประวัติศาสตร์" เรื่องนี้แยกไม่ออกจากการที่กษัตริย์องค์ใหม่เอง - วชิราลงกรณ์ - เป็นกษัตริย์ที่ไม่มีบารมีที่ได้รับการยอมรับในสังคมวงกว้างด้วย

คือตราบใดที่ในหลวงภูมิพลยังอยู่ เผด็จการทหารใดๆขึ้นมามีอำนาจ ก็ยังสามารถอ้างอิงได้ว่า ครองอำนาจเพื่อปกป้องราชบัลลังก์ และด้วยบารมีของรัชกาลที่ 9 คำอ้างทำนองนี้ ไม่ใช่อะไรที่เลื่อนลอยในความรู้สึกของคนจำนวนไม่น้อย "อำนาจนำทางวัฒนธรรม" ของรัชกาลที่ 9 เป็น "แบ๊กกราวน์" อยู่ด้านหลังที่ทำให้เผด็จการทหารที่ครองอำนาจได้ประโยชน์ไปด้วย (เรื่องนี้เป็นอะไรในลักษณะ "แบ๊กกราวน์" ที่มองไม่เห็นเสียเยอะ เป็นในแง่ของความรู้สึก ความคิด เช่น ออกมาเป็นรูปธรรมความรู้สึกทำนอง ถ้าบ้านเมืองวุ่นวาย จะ "ระคายเคืองพระองค์ท่าน" หรือที่มีการพูดกันประมาณว่า "อย่าทำให้พ่อไม่สบายใจ ไม่มีความสุข" เป็นต้น)

ลองนึกย้อนกลับไปช่วงสองปีเศษหลังรัฐประหารที่ในหลวงภูมิพลยังมีพระชนม์ชีพอยู่ (22 พฤษภา 2557 - 13 ตุลาคม 2559 และช่วงที่ตามมาหลังจากนั้นอีกระยะหนึ่ง) กับช่วงหลังจากนั้นจนถึงขณะนี้ ผมคิดว่า บรรยากาศหรือความรู้สึกในสังคมต่างออกไป

การที่วชิราลงกรณ์ทำตัวเป็น "กษัตริย์ไซด์ไลน์" อยู่เมืองไทยไม่ถึงครึ่ง ยิ่งทำให้ "อำนาจบารมี" ของสถาบันกษัตริย์ เจือจางไปอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับรัชกาลก่อน

อันที่จริง เรื่องนี้ ในระยะยาวออกไป มีนัยยะสำคัญต่อสังคมไทยอย่างมาก (มากกว่าเรื่อง คสช.) สังคมไทยที่อาศัยบารมีีของกษัตริย์ในแง่ตัวบุคคล สำหรับผูกโยงสังคมเข้าด้วยกัน เป็นเหมือน "เอกลักษณ์" ของประเทศ ของความเป็น "คนไทย" กระทั่งเป็นเหมือนศาสนา-ศาดา ทดแทน (substitute religion / substitute Bhuddha) ... ในอนาคตจะอาศัยอะไรมาแทน (ไม่ว่าในแง่อุดมการณ์ สถาบัน หรือกระทั่งตัวบุคคล)...

ภาพประกอบกระทู้ ผมไม่ได้ทำเองนะครับ ระหว่างที่ผมเสิร์ชหาเมื่อครู่ ไปเจอจากเว็บไซต์ "ทีนิวส์" (55) ก็ต้องขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ https://goo.gl/FXKb36 เหมาะพอดีกับเรื่องที่ผมต้องการเขียน

Bilden kan innehålla: 4 personer

"ตามรูทีน"

ใครติดตามเฟซบุ๊คผมมานาน คงพอจำได้ว่า ผมเคยเล่าแล้วว่า หลังๆ เวลา "กษัตริย์ไซด์ไลน์" บินจากไทยไปมิวนิค บ่อยครั้ง อย่างแรกที่ทำคือ เอา "เครื่องบินส่วนตัว" จากภาษีราษฎร บินจากมิวนิคไปซูริค แล้วบินกลับ

เมื่อวานนี้ก็เช่นกัน หลังมาถึงมิวนิค (ออกจากไทยคืนวันศุกร์ ถึงสายๆเมื่อวาน) ก็เอาเครื่อง HMK หรือ His Majesty the King บินจากมิวนิค ออกราว 4 โมงเย็นกว่าใกล้ 5 โมง ถึงซูริค 5 โมงเศษ ทิ้งห่างครึ่งชั่วโมงเศษ ก็บินกลับ ถึงมิวนิค 6 โมงครึ่ง

เมื่อเร็วๆนี้ มีเพื่อนคนไทยกลุ่มหนึ่งไปเที่ยวซูริค อยากรู้ว่า กษัตริย์ไซด์ไลน์หรือใครก็ตามที่กษัตริย์บินไปส่ง ไปพักโรงแรมไหนในซูริค เพราะถ้าไปบ่อยๆแบบนี้ น่าจะมีโรงแรมที่พักประจำ ก็เลยลองเดินเที่ยวเซอร์เวย์ตามโรงแรมหรูๆต่างๆ เผื่อจะเห็นร่องรอยบ้าง (ไม่ต้องตกใจ ซูริคเมืองเล็กครับ 55) แต่ก็หาไม่ได้ว่าเป็นโรงแรมไหน (ถ้าบังเอิญ "ศูนย์ปฏิบัติการมิวนิค" มาอ่านตรงนี้ จะกรุณาสงเคราะห์ส่งชื่อโรงแรมให้ผมก็ดีครับ เผื่อคราวหน้า เพื่อนๆผมจะไปซูริค ผมจะได้แนะนำโรงแรมให้เขาไปพักตาม "พระองค์ท่าน" หรือคนใกล้ชิดพระองค์ท่านบ้าง อิอิ)

.............

การเอาภาษีราษฎร ไปถลุงเล่นแบบนี้ ที่คุณหมอเหรียญทองเรียกว่า "สิทธิส่วนพระองค์อย่างเสรี" แต่ไม่มีประเทศอารยะแล้วที่ไหนในโลกเขาเรียกกัน (ใครตามเฟซบุ๊คผมมานาน ก็คงจำได้ว่า ผมเคยเล่าแล้วว่า สมัยหนึ่งราชวงศ์อังกฤษ มีแผนจะซื้อเครื่องบินประจำตำแหน่งสำหรับราชินี โดนสื่อด่าจนต้องยอมล้มเลิก) อันที่จริง ไม่มีประเทศไหน ให้ประมุขโดยเฉพาะที่เป็นกษัตริย์ ไปใช้ชีวิต "ส่วนตัว" ด้วยภาษีราษฎรในเมืองนอก ครึ่งหนึ่งของปีแบบนี้ .... ไม่งั้น มีกษัตริย์ไปทำไม หรือใช้ภาษีราษฎรมหาศาลหล่อเลี้ยงกษัตริย์ไปทำไม ไม่ทราบ?

แต่คนไทย "หัวอ่อน" ครับ ปล่อยให้เขา "ตบหน้า" แบบนี้อย่างเงียบๆได้ หลายคนยังชอบโชว์ความเป็นคน "จงรักภักดี" ด้วยซ้ำ อย่างที่เห็นกัน

ผมเคยพูดไปเหมือนกันว่า คนอย่างประวิตร - "อย่างหนาตราช้าง นาฬิกาเพื่อน" - วงษ์สุวรรณ สามารถมีข้อแก้ตัวหนึ่งที่ได้ผลมากๆเลย "พวกคุณมาโวยวายใส่ผมทำไมว่าคอร์รัปชั่น แหม โน่น ดูพระองค์ท่านสิ พวกคุณสองมาตรฐานนี่หว่า ..." (ฮา)

Ingen fotobeskrivning tillgänglig.

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar