วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 23:00 น. ข่าวสดออนไลน์ ตำรวจจัดการจราจรวันซ้อมใหญ่-เสด็จพยุหยาตราทางชลมารค เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. ดูแลงานจราจร เปิดเผยถึงมาตรการการดูแลความปลอดภัยและจราจรในวันซ้อมใหญ่พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ว่า ในวันที่ 6 พ.ย. ที่เป็นวันซ้อมใหญ่ และวันพิธีจริงวันที่ 9 พ.ย. นั้น ขบวนจะเริ่มบริเวณสะพานพระราม 8 ไปถึงวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ซึ่งบช.น.ได้เตรียมแผนรองรับปัญหาไว้แล้ว ซึ่งเส้นทางเชื่อมต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยาและริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเส้นทางที่เสด็จฯ ผ่านจะเป็นหน้าที่ของตำรวจแต่ละสน. จัดกำลังเข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านจราจร พล.ต.ต.วรศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าที่เป็นเส้นทางที่ขบวนเสด็จฯ จะลอดผ่านจะใช้กำลังของตำรวจจราจรจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) และตำรวจจราจรกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ดูแลทั้งสองฟากฝั่งโดยจะปิดไม่ให้รถสัญจรผ่านเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อไม่ให้กระทบการจราจร ซึ่งระยะเวลาที่ปิดถนนอาจมีรถสะสมบ้างแต่หลังขบวนเสด็จฯ ผ่านก็จะเปิดให้ใช้ตามปกติพร้อมแนะนำให้ประชาชนที่มาเฝ้าฯ รอรับเสด็จควรใช้รถบริการสาธารณะดีกว่ารถยนต์ส่วนตัวเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด |
onsdag 31 oktober 2012
......เสด็จพยุหยาตราทางชลมารค?????......
......เปิดโปง.."กรณีลอบสังหารลิ้ม โกเต๊ก" ......ขณะนั่งรถไปกับกิ๊ก เป็นการเล่นละครตลกแหกตาประชาชน กำกับบทโดยเจ้าของคอกม้า
ข่าวจากคฑาวุธ"นายแน่มาก"31-10-55
โดย เคนจิ
ผมฟังจากที่ไอ้ลิ้ม โกเต็ก เวลานี้เล่นลับ ลวง พลาง ออกมาเล่นละครด่าพวกเดียวกันเอง แต่สุดท้ายเมื่อถึงวันดีเดย์ ไอ้โกเต็กมันก็จะกระโดดผสมโรงด้วยนั้น มันตรงกับที่ผมคิดไว้หลายข้อ แต่หนึ่งในนั้นที่สนธิลิ้ม มันรอเวลาชำระสะสางท่านยุดเหล่ ที่หนีเอาตัวรอดคนเดียวทิ้งเพื่อน ลูกน้องตอนนี้ต้องเจอวิบากกรรม ทีมฆ่าสนธลิ้มในครั้งนั้น เป็นทีมสังหารจากบูรพาพยัคฆ์ ไอ้ลิ้มมันยังแค้นฝังหุน ถึงแม้นตัวมันไม่ได้โดนยิงและได้รับบาดเจ็บจริงๆ เหตุเพราะกิ๊กข้างๆ (สุทธาวัลย์หลานรักป้าปากแดง) กระชิบก่อนเกิดเหตุ มันเลยวางแผนเปลี่ยนรถนั่ง โดยรถคันที่โดนยิงไม่มีไอ้ลิ้มนั่งอยู่ แต่มันเปลี่ยนไปนั่งรถที่วิ่งตามคันที่ถูกยิง และนั่งคู่มากับกิ๊กมันตามหลังรถตู้สีดำ ที่โดนห่ากระสุน เป็นร้อยๆนัด"ต่อหน้าต่อตา"(นาทีที่15.20-16.30)
การข่าวในช่วงนั้นเรื่อง การจ้างทีมกันตนาสร้างฉากว่าสนธิลิ้มถูกยิง บอกตรงๆมันเหี้ยกันทั้งทีมนะ ทั้งหมอ พยาบาลและผู้เกี่ยวข้อง แต่ที่ผมสงสัยมาตลอดคือ"มันโดนยิงแผลขนาดเย็บไปครึ่งกบาล แต่เหตุไฉน??เย็บแผลเป็นหลายสิบเข็บ เป็นรูปตะขาบบนกบาลขนาดนั้น"แต่ไม่ยักจะมีแผล ร่องรอยแม้นแต่แมวข่วน
ที่ผมยกเรื่องนี้มาให้ทุกคนคิดอีกรอบก็เพราะว่า เรื่องเล็กๆแต่ไม่เล็กขนาดนี้พวกเขายัง"แหกตา"ประชาชน แล้วมีหรือเรื่องอื่นๆที่ใหญ่กว่านั้น พวกเขาจะไม่ทำกัน"แสตนอินด์"ที่พวกเราเห็นอยากให้จับตาดูกันครับ
ปล.สุดยอดของความเหี้ยจริงๆครับ ผมจะรอดูไอ้ที่นัดวันจันทร์ จะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าหรือเปล่า หรือจะเลี่ยงบาลีอะไรต่อไป...เฮ้ย!!!เหนื่อยกับการกระทำของคนหย่าย คนโตในประเทศ"ตอแหลแลนด์"???นี่เสียจิงๆคร๊าบบบ
โดย เคนจิ
ผมฟังจากที่ไอ้ลิ้ม โกเต็ก เวลานี้เล่นลับ ลวง พลาง ออกมาเล่นละครด่าพวกเดียวกันเอง แต่สุดท้ายเมื่อถึงวันดีเดย์ ไอ้โกเต็กมันก็จะกระโดดผสมโรงด้วยนั้น มันตรงกับที่ผมคิดไว้หลายข้อ แต่หนึ่งในนั้นที่สนธิลิ้ม มันรอเวลาชำระสะสางท่านยุดเหล่ ที่หนีเอาตัวรอดคนเดียวทิ้งเพื่อน ลูกน้องตอนนี้ต้องเจอวิบากกรรม ทีมฆ่าสนธลิ้มในครั้งนั้น เป็นทีมสังหารจากบูรพาพยัคฆ์ ไอ้ลิ้มมันยังแค้นฝังหุน ถึงแม้นตัวมันไม่ได้โดนยิงและได้รับบาดเจ็บจริงๆ เหตุเพราะกิ๊กข้างๆ (สุทธาวัลย์หลานรักป้าปากแดง) กระชิบก่อนเกิดเหตุ มันเลยวางแผนเปลี่ยนรถนั่ง โดยรถคันที่โดนยิงไม่มีไอ้ลิ้มนั่งอยู่ แต่มันเปลี่ยนไปนั่งรถที่วิ่งตามคันที่ถูกยิง และนั่งคู่มากับกิ๊กมันตามหลังรถตู้สีดำ ที่โดนห่ากระสุน เป็นร้อยๆนัด"ต่อหน้าต่อตา"(นาทีที่15.20-16.30)
การข่าวในช่วงนั้นเรื่อง การจ้างทีมกันตนาสร้างฉากว่าสนธิลิ้มถูกยิง บอกตรงๆมันเหี้ยกันทั้งทีมนะ ทั้งหมอ พยาบาลและผู้เกี่ยวข้อง แต่ที่ผมสงสัยมาตลอดคือ"มันโดนยิงแผลขนาดเย็บไปครึ่งกบาล แต่เหตุไฉน??เย็บแผลเป็นหลายสิบเข็บ เป็นรูปตะขาบบนกบาลขนาดนั้น"แต่ไม่ยักจะมีแผล ร่องรอยแม้นแต่แมวข่วน
ที่ผมยกเรื่องนี้มาให้ทุกคนคิดอีกรอบก็เพราะว่า เรื่องเล็กๆแต่ไม่เล็กขนาดนี้พวกเขายัง"แหกตา"ประชาชน แล้วมีหรือเรื่องอื่นๆที่ใหญ่กว่านั้น พวกเขาจะไม่ทำกัน"แสตนอินด์"ที่พวกเราเห็นอยากให้จับตาดูกันครับ
ปล.สุดยอดของความเหี้ยจริงๆครับ ผมจะรอดูไอ้ที่นัดวันจันทร์ จะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าหรือเปล่า หรือจะเลี่ยงบาลีอะไรต่อไป...เฮ้ย!!!เหนื่อยกับการกระทำของคนหย่าย คนโตในประเทศ"ตอแหลแลนด์"???นี่เสียจิงๆคร๊าบบบ
"ยุยงให้ราษฎรเป็นกบฏ ยุยงทหารให้ก่อการปฏิวัติ " จะเป็นการพิสูจน์ความศักสิทธิ์ของกฎหมายไทยให้สังคมได้รู้ว่ามีมาตรฐานเดียว.
กองปราบออกหมายเรียก "เสธ.อ้าย-สนธิ" รับทราบข้อหากบฏ 7 พ.ย.นี้
Started by TWEETY,
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 31 ตุลาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่ นายคารม พลพรกลาง ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมทีมทนายความกลุ่มคนเสื้อแดง
เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ให้ความดำเนินคดีกับ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
และ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม
ในข้อหายุยงให้ราษฎรเป็นกบฏ ยุยงทหารให้ก่อการปฏิวัติ
และแสดงความคิดเห็นไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
กรณีที่บุคคลทั้ง 2 ออกมาแสดงความคิดเห็นอันเป็นการล้มล้างรัฐบาล
เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า หลังจากสอบปากคำ นายคารม และตรวจสอบพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำมามอบให้แล้ว
พนักงานสอบสวนจึงได้ทำการส่งหมายเรียกให้ นายสนธิ และ พล.อ.บุญเลิศ
มารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวที่กองปราบปรามในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ เวลา 10.00 น.
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า
จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า
นายสนธิ ได้พูดในรายการสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา ที่ บ้านพระอาทิตย์ ส่วน พล.อ.บุญเลิศ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับลวงพราง ของสถานีวิทยุ อ.ส.ม.ท. เมื่อวันที่ 21 มกราคม
ซึ่งพนักงานสอบสวนพบว่าคดีดังกล่าวมีมูลจึงออกหมายเรียก
ให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา
http://www.matichon....9&subcatid=1905
....."รัฐธรรมนูญโจร"....เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแน่นอนแล้วว่า "รัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐" เป็นรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นโดยพวกโจรที่ปล้นอำนาจมาจากประชาชน เพื่อกำหนดทางให้ขันทีเฒ่าขึ้นสู่บัลลังก์ "ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์" ซึ่งมีอำนาจเทียบเท่ากษัตริย์ เมื่อเปรมได้อำนาจก็จะได้ทำการเปลี่ยนผ่านรัชกาลตามแผนที่วางไว้ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยากซับซ้อนอะไรที่ประชาชนจะทำความเข้าใจ ว่าใครคือผู้ต้องการอำนาจที่แท้จริงและอยู่เบื้องหลังเหตการณ์ก่อความวุ่นวายทั้งหมดเพื่อทำลายฝ่ายต้องการประชาธิปไตยและให้บรรลุแผนการที่วางไว้ โดยเริ่มจากส่งไอ้ลิ้มและพวกพันธมิตรออกมาก่อกวนแล้วยึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณ แล้วตั้งรัฐบาลของตนเองขึ้น"ยุทธเขายายเที่ยง" ต่อมาล้มรัฐบาลสมัครล้มรัฐบาลสมชาย แล้วตั้งนายกพระราชทาน"อภิสิทธิ์"จากพรรคเหี้ยประชาธิปัตย์ทาสผู้จงรักภักดีขึ้นมาเป็นรัฐบาล นี่คือเบื้องหลังก่อนมาถึงสงคราม"สี่ก็ก"ตอนสุดท้าย "ศึกสายเลือดVSขันฑีเฒ่าเจ้าเล่ห์ " สำหรับไอ้ลิ้มเป็นม้านอกสายตาแต่อย่าประมาทความเหี้ยชั่วช้าสารเลวของมัน ขอให้ประชาชนเตรียมตัวให้พร้อมอดทนรอชมข้างสนามรบอีกไม่นานเกินรอ.
โดย หมอตำแย
..... เมื่อถึงฤดูใบไม้ต้องผลัดใบแล้วเพราะใบเหลืองใกล้หล่นเต็มที แต่ที่ยังไม่ยอมร่วงหล่นออกไปเพราะเป็นเรื่องภายใน"ศึกสายเลือด"เดียวกัน ถึงกับต้องส่งออร์เดิร์ฟชุดแรกลงที่สนามม้านางเลิ้ง
..... ตาม"กฎ"(ต่อจากวันนี้ไปโปรดอ่านแบบตัวสะกดที่ผิดบ้าง-ตัวย่อหรือใกล้เคียงบ้างเพราะ"พี่ใหญ่"เตือนมา ถ้าพูดให้ถูกชัดเจนทุกตัวอักษรแล้วคนที่ถูกจับไม่ใช่คนอ่าน แต่เป็นตัว"หมอ"หวังว่าคงเข้าใจนะคะ) ตาม
"Q"เรื่องขึ้นครอง"อำนาจสืบราชสาวก"ต้องเป็น"ชายสี่"ในเร็วๆวันนี้เพราะ"อาเหล่ากง"สิ้นสภาพอีกทั้ง"ชายสี่"ก็อายุมากพอที่จะรับเป็น"สาวก"ได้ทุกเมื่อ แต่ด้วยความหวาดระแวงของ"อาเหล่ากง"ว่าถ้า"ชายสี่"ขึ้นมานั่ง"บนลัง"เมื่อไหร่จะปันใจไปให้คนอื่นเพราะ"ชายสี่"หัวอ่อนกลัวโดนกล่อมและเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองโดย
ไม่ยอมฟังเหตุจากคนอื่นไม่ว่าจะเป็นของใครทั้งนั้น
..... จากจุดนี้จึงทำให้"อาเหล่ากง"วางแผนซ้อนแผนคุยกับ"เฒ่ากงกง"ให้ไปจับมือกับ"แปะลิ้ม"และ"ลิ่วล้อ"อีกหลายสำนักให้ช่วยกัน"เป่าปี่ตีกลอง"ให้ป่วนเมือง ถ้าได้โอกาสหรือจังหวะเข้าก็ยึด"หัวหาด"กันไปเลยแล้วช่วยกันเข็น"เทพทอม"ที่ไม่มีความสามารถในการบริหารบ้านเมือง แต่เป็น"ลูกรัก"และไว้ใจมากที่สุดของลูกทั้งหมดขึ้นมาแทน"ชายสี่"
..... แต่"เฒ่ากงกง"และ"แปะลิ้ม"จอมหักหลังทั้งสองได้วางแผนตลบหลัง"อาเหล่ากง"อีกชั้นโดยใช้วิชามาร"ผลาญจอมทัพ" ถ้ายึด"หัวหาด"ได้ก็หวังว่าจะครองเสียเองมีหรือคนอย่าง"แปะลิ้ม"จะให้คนอื่น
..... ฝ่าย"ขุนพลเหล่ประยุทธ์"ได้เนื้อก้อนใหญ่ชนิดแทบไม่ติดมันเลย จาก"นายกปู"ที่แบ่งให้กำลังตัด"ก้อน
เนื้อ"แบ่งกันภายใน"ขุนพล"ด้วยกันจึงไม่ขอร่วม"สังฆกรรม"ในการ"เป่าปีตีกลอง" เพราะเสียว"กองทัพแดง"
เหมือนกันและเป็นที่แน่นอนทหารเสือฯคนนี้ปากกินที่นี่ แต่ใจยังใฝ่หาคุณ"ป้าปากแดง"ซึ่งไว้ใจได้เพียง50%เท่านั้น
..... เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะยุติกันได้ง่ายๆเพราะเรื่องนี้ได้แบ่งออกไปถึง 4 ก๊กคือ
1. "ก๊กอาเหล่ากง"ที่มี"เฒ่ากงกงและแปะลิ้ม"เป็นเครื่องมือที่จะใช้ออกไปกว้านหา"ลิ่วล้อ"มาสนับสนุน
2. ก๊กที่สองก็คือ"ก๊กชายสี่"ที่ได้รับเสียงเชียร์สนับสนุนจากมวลชนกลุ่มใหญ่และเสียงบางส่วนอีกจากอีกสี่
เหล่าทัพและกำลังแยกเขี้ยวขู่ฮึ่มๆอยู่กับฝ่าย"เทพทอม"เพื่อไม่ให้เข้ามาใกล้
3. ก๊กที่สามก็คือ"ก๊กเทพทอม"ที่กำลังช่วยกันพลักดัน"เทพทอม"ขึ้นมา แต่ยากเพราะเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็น
ด้วยเพราะไร้ฝีมือนอกจากทำ"ส้มตำ" แต่"อาเหล่ากง"เห็นด้วยเพราะสั่งได้อบ่างใจที่ต้องการ
4. ก๊กที่สี่ก็คือ"เฒ่ากงกงกับแปะลิ้ม"ที่ยังประมาทและวางใจยังไม่ได้เพราะ"เฒ่ากงกง"เคยให้ประโยชน์ทำ
"ดินให้เป็นนายพล"มาแล้วหลายนายและแปะลิ้มก็เคยเป็นคนโปรดของ"ป้าปากแดง"มาแล้ว ส่วนคุณ"ป้าปากแดง"ยังไม่ได้ออกฤทธิ์เพราะเก็บตัวปิดปากเงียบอยู่
..... เรื่องนิยาย"สี่ก๊ก"ยังคงจะยังไม่จบลงง่ายๆเพราะต่างฝ่ายต่างจ้องหาจังหวะที่จะใช้กุศโลบายของตัวเพื่อ
"เสียบ"ขึ้นไปนั่ง"บนลัง"และถ้าใครทำก่อนก็จะมีโอกาสมากกว่า แต่ก็"หงายไพ่"ที่อยู่ในมือให้คนเห็นกันทั่วหล้า
ว่า"ใครทำ"และที่เคยบอกเอาไว้ว่าปลายฝนต้นหนาว"ประเทศสยามต้องเปลี่ยนแปลง"นั้นคงจะต้องเลื่อนออก
ไปอีกสักระยะหนึ่งเพราะสาเหตุมาจากหลายปัจจัยเช่น"อาเหล่ากง - อาเหล่าม่า - ชายสี่ - หญิงถั่ว"ที่กำลังจ่อ
คิวเป็นทิวแถวที่จะต้องส่ง"ดวงวิญญาณ"ในปลายปีนี้ แต่กลับฟื้นคืนชีพได้ต้องบอกว่าทั้ง"ยาและหมอ"เก่งเจ้า
ค่ะ
..... ตาม"กฎ"(ต่อจากวันนี้ไปโปรดอ่านแบบตัวสะกดที่ผิดบ้าง-ตัวย่อหรือใกล้เคียงบ้างเพราะ"พี่ใหญ่"เตือนมา ถ้าพูดให้ถูกชัดเจนทุกตัวอักษรแล้วคนที่ถูกจับไม่ใช่คนอ่าน แต่เป็นตัว"หมอ"หวังว่าคงเข้าใจนะคะ) ตาม
"Q"เรื่องขึ้นครอง"อำนาจสืบราชสาวก"ต้องเป็น"ชายสี่"ในเร็วๆวันนี้เพราะ"อาเหล่ากง"สิ้นสภาพอีกทั้ง"ชายสี่"ก็อายุมากพอที่จะรับเป็น"สาวก"ได้ทุกเมื่อ แต่ด้วยความหวาดระแวงของ"อาเหล่ากง"ว่าถ้า"ชายสี่"ขึ้นมานั่ง"บนลัง"เมื่อไหร่จะปันใจไปให้คนอื่นเพราะ"ชายสี่"หัวอ่อนกลัวโดนกล่อมและเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองโดย
ไม่ยอมฟังเหตุจากคนอื่นไม่ว่าจะเป็นของใครทั้งนั้น
..... จากจุดนี้จึงทำให้"อาเหล่ากง"วางแผนซ้อนแผนคุยกับ"เฒ่ากงกง"ให้ไปจับมือกับ"แปะลิ้ม"และ"ลิ่วล้อ"อีกหลายสำนักให้ช่วยกัน"เป่าปี่ตีกลอง"ให้ป่วนเมือง ถ้าได้โอกาสหรือจังหวะเข้าก็ยึด"หัวหาด"กันไปเลยแล้วช่วยกันเข็น"เทพทอม"ที่ไม่มีความสามารถในการบริหารบ้านเมือง แต่เป็น"ลูกรัก"และไว้ใจมากที่สุดของลูกทั้งหมดขึ้นมาแทน"ชายสี่"
..... แต่"เฒ่ากงกง"และ"แปะลิ้ม"จอมหักหลังทั้งสองได้วางแผนตลบหลัง"อาเหล่ากง"อีกชั้นโดยใช้วิชามาร"ผลาญจอมทัพ" ถ้ายึด"หัวหาด"ได้ก็หวังว่าจะครองเสียเองมีหรือคนอย่าง"แปะลิ้ม"จะให้คนอื่น
..... ฝ่าย"ขุนพลเหล่ประยุทธ์"ได้เนื้อก้อนใหญ่ชนิดแทบไม่ติดมันเลย จาก"นายกปู"ที่แบ่งให้กำลังตัด"ก้อน
เนื้อ"แบ่งกันภายใน"ขุนพล"ด้วยกันจึงไม่ขอร่วม"สังฆกรรม"ในการ"เป่าปีตีกลอง" เพราะเสียว"กองทัพแดง"
เหมือนกันและเป็นที่แน่นอนทหารเสือฯคนนี้ปากกินที่นี่ แต่ใจยังใฝ่หาคุณ"ป้าปากแดง"ซึ่งไว้ใจได้เพียง50%เท่านั้น
..... เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะยุติกันได้ง่ายๆเพราะเรื่องนี้ได้แบ่งออกไปถึง 4 ก๊กคือ
1. "ก๊กอาเหล่ากง"ที่มี"เฒ่ากงกงและแปะลิ้ม"เป็นเครื่องมือที่จะใช้ออกไปกว้านหา"ลิ่วล้อ"มาสนับสนุน
2. ก๊กที่สองก็คือ"ก๊กชายสี่"ที่ได้รับเสียงเชียร์สนับสนุนจากมวลชนกลุ่มใหญ่และเสียงบางส่วนอีกจากอีกสี่
เหล่าทัพและกำลังแยกเขี้ยวขู่ฮึ่มๆอยู่กับฝ่าย"เทพทอม"เพื่อไม่ให้เข้ามาใกล้
3. ก๊กที่สามก็คือ"ก๊กเทพทอม"ที่กำลังช่วยกันพลักดัน"เทพทอม"ขึ้นมา แต่ยากเพราะเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็น
ด้วยเพราะไร้ฝีมือนอกจากทำ"ส้มตำ" แต่"อาเหล่ากง"เห็นด้วยเพราะสั่งได้อบ่างใจที่ต้องการ
4. ก๊กที่สี่ก็คือ"เฒ่ากงกงกับแปะลิ้ม"ที่ยังประมาทและวางใจยังไม่ได้เพราะ"เฒ่ากงกง"เคยให้ประโยชน์ทำ
"ดินให้เป็นนายพล"มาแล้วหลายนายและแปะลิ้มก็เคยเป็นคนโปรดของ"ป้าปากแดง"มาแล้ว ส่วนคุณ"ป้าปากแดง"ยังไม่ได้ออกฤทธิ์เพราะเก็บตัวปิดปากเงียบอยู่
..... เรื่องนิยาย"สี่ก๊ก"ยังคงจะยังไม่จบลงง่ายๆเพราะต่างฝ่ายต่างจ้องหาจังหวะที่จะใช้กุศโลบายของตัวเพื่อ
"เสียบ"ขึ้นไปนั่ง"บนลัง"และถ้าใครทำก่อนก็จะมีโอกาสมากกว่า แต่ก็"หงายไพ่"ที่อยู่ในมือให้คนเห็นกันทั่วหล้า
ว่า"ใครทำ"และที่เคยบอกเอาไว้ว่าปลายฝนต้นหนาว"ประเทศสยามต้องเปลี่ยนแปลง"นั้นคงจะต้องเลื่อนออก
ไปอีกสักระยะหนึ่งเพราะสาเหตุมาจากหลายปัจจัยเช่น"อาเหล่ากง - อาเหล่าม่า - ชายสี่ - หญิงถั่ว"ที่กำลังจ่อ
คิวเป็นทิวแถวที่จะต้องส่ง"ดวงวิญญาณ"ในปลายปีนี้ แต่กลับฟื้นคืนชีพได้ต้องบอกว่าทั้ง"ยาและหมอ"เก่งเจ้า
ค่ะ
"๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕" วันครบรอบ ๖ปี การจากไปของลุง" นวมทอง ไพรวัลย์" เราขอคารวะดวงวิญญาณและรำลึกถึงวีระชนผู้กล้าหาญที่รักความถูกต้องยุติธรรมและหวงแหนประชาธิปไตยที่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องประชาธิปไตย " นวมทอง ไพรวัลย์ ได้สละชีพกระทำอัตวินิบาตรกรรม เพื่อให้คนได้ตระหนักถึงคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความหมายสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ความอัปยศอัปลักษณ์ของอำนาจรัฐประหาร" ด้วยความคารวะ.......
สืบทอดเจตนารมณ์ “นวมทอง ไพรวัลย์” และภาระกิจต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังไม่สิ้นสุด
โดย เปลวเทียน ส่องทาง
สำหรับคนเสื้อแดงและผู้รั กประชาธิปไตย คงไม่มีใครลืมประวัติศาสตร์ ของสามัญชนที่ชื่อ “นวมทอง ไพรวัลย์” ผู้คัดค้านอำนาจเผด็จการรั ฐประหาร พิทักษ์ประชาธิปไตย
คืนวันที่ 31 ตุลาคม 2549 นายนวมทองผูกคอตายกั บราวสะพานลอย บริเวณถนนวิภาวดีรังสิตฝั่ งขาออก เยื้องกับที่ตั้งสำนักงานหนังสื อพิมพ์ไทยรัฐ (บริษัท วัชรพล จำกัด)
โดยในจดหมายลาตายระบุว่า ต้องการลบคำสบประมาทของ พันเอก อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษก คปค. ที่ว่า ไม่มีใครมีอุดมการณ์ มากขนาดยอมพลีชีพได้
ในคืนที่นายนวมทองแขวนคอตาย เขาตั้งใจสวมเสื้อยืดสีดำ สกรีนข้อความเป็นบทกวี ที่เคยใช้ในการต่อสู้เพื่ อประชาธิปไตย โดยด้านหน้าเป็นบทกวีของรวี โดมพระจันทร์ ที่ว่า
ในคืนที่นายนวมทองแขวนคอตาย เขาตั้งใจสวมเสื้อยืดสีดำ สกรีนข้อความเป็นบทกวี ที่เคยใช้ในการต่อสู้เพื่
ตื่นเถิดเสรีชน
อย่ายอมทนก้มหน้าฝืน
ดาบหอกกระบอกปืน
หรือทนคลื่นกระแสเรา
แผ่นดินมีหินชาติ
ที่ดาดาษความโฉดเขลา
ปลิ้นปล้อนตะลอนเอา
ประโยชน์เข้าเฉพาะตน
อย่ายอมทนก้มหน้าฝืน
ดาบหอกกระบอกปืน
หรือทนคลื่นกระแสเรา
แผ่นดินมีหินชาติ
ที่ดาดาษความโฉดเขลา
ปลิ้นปล้อนตะลอนเอา
ประโยชน์เข้าเฉพาะตน
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549 นายนวมทอง ซึ่งเป็นอดีตพนักงานการไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย บางกรวย ได้ขับรถยนต์แท็กซี่ พุ่งเข้าชนรถถังเบา M41A2 Walker Bulldog ป้ายทะเบียนตรากงจักร 71116 ของคณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และได้รับบาดเจ็บสาหัส
นวมทอง ไพรวัลย์ ได้สละชีพกระทำอัตวินิบาตรกรรม เพื่อให้คนได้ตระหนักถึงคุณค่ าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความหมายสำคั ญของระบอบประชาธิปไตย ความอัปยศอัปลักษณ์ของอำนาจรั ฐประหาร
นวมทอง ไพรวัลย์ จึงเป็นสัญญลักษ์แห่งอุดมการณ์ ประชาธิปไตย ที่ปรารถนาถึงสังคมไทยเป็นสั งคมที่มี “เสรีภาพ เสมอภาคและภราดรภาพ” ไม่ต่างไปจากความใฝ่ฝั นของคณะราษฎร เมื่อปี2475 แต่อย่างใดเลย
นวมทอง ไพรวัลย์ จึงเป็นสัญญลักษ์แห่งอุดมการณ์
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ความขัดแย้ง ระหว่าง “ฝ่ายอำนาจอำมาตยาธิปไตย” กับ “ฝ่ายพลังประชาธิปไตย” ก็ยังไม่จบสิ้น นับตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากปั
แม้ว่า ภายหลังจากการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากจั
ขณะเดียวกัน “คณะนิติราษฎร์” ได้มีข้อเสนอเพื่อแก้
ดังนั้น ภาระกิจในการต่อสู้เพื่อประชาธิ
1.ปล่อยผู้บริสุทธิ์ที่ถูกจับกุ มคุมขังทางการเมืองอย่างไม่มี เงื่อนไข และต้องให้สิทธิประกันผู้ต้องขั ง ตามหลักการสิทธิมนุษยชนที่ กระบวนการยุติธรรมพึงมีดั่ งอารยะประเทศ เช่น กรณี“สมยศ พฤกษาเกษมสุข” “สุรชัย แซ่ด่าน” และอีกหลายคนทั้งหมด เพราะพวกเขามิใช่อาชญากร เพียงแต่มีความคิดเห็นที่แตกต่ าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ในระบอบประชาธิปไตย และพวกเขาถูกใส่ร้ายป้ายสี ทางการเมือง
2.นำคนสั่งฆ่าสั งหารประชาชนในเหตุการณ์เมษา- พฤษภาอำมหิต 53 มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อสร้างความยุติธรรมในสั งคมและเพื่อมิให้”ฆาตรกรลอยนวล” เหมือนเช่นที่ผ่านมาตลอดอีกทั้ งเพื่อทำ”ความจริง”ให้ปรากฎ มิใช่”ปรองดอง”อย่างไร้ความยุติ ธรรม
3.รัฐบาลและสมาชิกสภาผู้ แทนราษฎร ต้องแก้ไขพรบ.กลาโหม และดำเนินการปฏิรูปกองทัพให้เป็ นประชาธิปไตยสอดรับกับยุคสมัยสั นติภาพเพื่อนไร้พรมแดน พร้อมกับลดงบประมาณให้เหมาะสม
4.ขอสนับสนุนข้อเสนอของคณะนิติ ราษฎร์ แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 และพรบ.คอมพิวเตอร์ รวมทั้งข้อเสนอเพื่อแก้ไขปั ญหารากเหง้าทั้งมวลของปั ญหาการเมืองไทยที่ไม่เป็ นประชาธิปไตย ซึ่งเป็นภาระกิจที่รัฐบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องดำเนินกระบวนการต่ างๆตามกลไกรัฐสภา ให้บรรลุเป็นรูปธรรม
5.ขอสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 โดยมีหลักการสำคัญของ “ระบอบประชาธิปไตยรัฐสภา” “อำนาจอธิปไตยมาจากประชาชน” “เคารพสิทธิเสรีภาพและเคารพศั กดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” คือรูปธรรมต้ องลดอำนาจของระบอบอำมาตยาธิ ปไตยโดยเฉพาะอำนาจขององคมนตรี กองทัพและกระบวนการยุติธรรม ส่งเสริมและสร้างเงื่อนไขให้ สถาบันพรรคการเมืองพัฒนาให้ก้ าวหน้าขึ้น รวมทั้งส่งเสริมสิทธิพื้ นฐานของสถาบันต่างๆ เช่น สหภาพแรงงาน องค์กรเกษตรกรและอื่นๆด้วยเช่ นกัน
6. ขอเรียกร้องให้ฝ่ายนิ ยมอำมาตยาธิปไตย ยอมรับกติกาประชาธิปไตย ตาม หลักการหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง คนเท่ากัน เสียงส่วนน้อยต้องยอมรับเสียงส่ วนใหญ่ โดยเสียงส่วนใหญ่ไม่ละเลยเสี ยงส่วนน้อยตามหลั กอารยะประเทศประชาธิปไตย ก่อนที่ความขัดแย้ง ความเกลียดชังจะนำไปสู่ความล่ มสลายของสังคมไทยอย่างที่ไม่ ควรให้เกิดขึ้น
2.นำคนสั่งฆ่าสั
3.รัฐบาลและสมาชิกสภาผู้
4.ขอสนับสนุนข้อเสนอของคณะนิติ
5.ขอสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 โดยมีหลักการสำคัญของ “ระบอบประชาธิปไตยรัฐสภา” “อำนาจอธิปไตยมาจากประชาชน” “เคารพสิทธิเสรีภาพและเคารพศั
6. ขอเรียกร้องให้ฝ่ายนิ
tisdag 30 oktober 2012
.........ถามใครคือคนเขียนประวัติศาสตร์ไทย? ........เป็นคำถามที่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ..... ต้องหาคำตอบให้ตัวเองก่อน การที่ประยุทธ์จะเป็นข้าทาสผู้จงรักภักดีก็ไม่มีใครว่าอะไรเพราะเป็นสิทธิส่วนตัว เราขอบอกประยุทธ์ว่าประชาชนไทยรู้ความจริงความเป็นมาของประวัติศาสตร์ชาติไทยมากกว่าคุณเสียอีก จึงทำให้พวกเขาตาสว่างทั้งประเทศ.
....................................................................................................
" คนไทยต้องรู้จักประวัติศาสตร์ ความสำคัญของสถาบันกษัตริย์ ถ้าไม่รู้ก็รักประเทศชาติไม่ถูกต้องและถูกทาง" ประยุทธ์ จันทร์โอชากล่าว#แนวหน้า30/10/55../..
....................................................................................................
โดย ปั้นจิ้ม
๑.ประวัติศาสตร์ ชาติไทย มีให้อ่าน
ก็ประมาณ สอบให้พ้น คนศึกษา
เรื่องการศึก ครั้งใด ได้ผ่านมา
ลงภาษา ลิขิต พิชิต ทรชน
๒.ครั้นศึกษา กลับไปอ่าน คู่การศึก
ทำให้นึก สงสัย ให้ฉงน
ไม่แปลกใจ ประวัติไทย ให้เยาวชน
โ้ป้ปดปน เป็นจริง อิงฤทธา
๓.ให้นึกหวล ขึ้นมา เพลานี้
ถ้อยวจี ปั้นแต่ง แรงสรรหา
ล้วนมาจากแ๊ก๊งค์ปากแดง และแมงดา
เกาะแข้งขา ห้อยโหน ตะโกนนำ
๔.อ้างเอาสิทธิ์ ไม่ชิดไพร่ ใกล้ของสูง
แล้วชักจูง ทูลเพ็จ ไม่เข็ดจำ
ไม่เคยคิด ชีวิต ติดบาปกรรม
ร่วงถลำ วันใด ใครนำพา
๕.ประวัติศาสตร์ อาจกำหนด ด้วยบทใหม่
ผู้กำชัย ไม่ใช่หรือ คือภาษา
จะตอกย้ำ อำนาจเถื่อน บิดเบือนมา
ประวัติศาสตร์อันชั่วช้า มาละเลง
๖.ถึงเวลา เขียนบทใหม่ ในประวัติ
เอาให้ชัด คัดให้ตรง ลงตัวเผง
ส่วนเกล็ดเล็กเกล็ดน้อย ค่อยบรรเลง
ไพร่ร้องเพลง เอ็งร้องไห้...ไอ้กินเมือง....
........โรคระบาดที่ภาคใต้.......โรคตาสว่างได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วลงสู่ภาคใต้ ฝากบอกมายังพรรคประชาธิปัติย์ ถ้ายังไม่ปรับปรุงตัวเองจากการเป็นพรรค"แก๊งสเตอร์" ขัดขวางทำลายความเจริญของประเทศชาติ มาเป็นพรรคการเมืองที่มีนโยบายตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยแล้ว ในอนาคตข้างหน้าสมาชิกพรรคพรรคแมลงสาบทางภาคใต้คงเป็นโรคตาสว่างทั้งหมดอย่างแน่นอน.!
โดย บินหลา : prachatalk
มีข่าวดี(เล็กๆ)มาบอก
ผลการเลือกตั้งนายกอบจ.ปัตตานีเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา..พรรคแมลงสาบแพ้หลุดลุ่ย
โดยนาย"เศรษฐ์ อัลยุฟรี"เบอร์2 คว้าชัย...สามารถเอาชนะ นาย “มะหะมะ มะเด็ง” ผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์เกือบ 4.7 หมื่นคะแนน 139,336 : 92,
005
ซึ่งนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี สนับสนุนโดยคนของพรรคเพื่อไทย
และที่เกิดการพลิกล็อกไปตามๆกันก็คือ ในเขตฐานที่มั่นของพรรคปชป.(อ.โคกโพธ์) นายมะหะมะ ได้เพียง 1,000 กว่าคะแนนเท่านั้น
ส่วนนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ได้ 14,000กว่าคะแนน เรียกว่าถล่มทลายจริงๆ
พรรคปชป.ไม่เคยแพ้ในเขตนี้ และผูกขาดชนะเลือกตั้งมาเป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว เรียกว่าแพ้หมดรูปจริงๆ!
เชิญชมภาพพี่น้องชาวภาคใต้ที่ป่วยติดเชื้อโรคระบาด ตามลิ้งค์ข้างล่าง
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=n4q1MIB7RMM
" ไดโนเสาร์" มันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเพราะมันเป็นสัตว์โบราณ เปิดหน้าอีแอบที่อยู่เบื้องหลังเสธอ้ายหัวหน้าม็อบสอบตก "สู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ก็เลยต้องไล่" ถามว่าใคร คำตอบคือ"พรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง"
โดย สายลมรัก
กระทู้นี้ผมขอชื่นชมเสธอ้าย ที่แกตรงไปตรงมาดี (หรือโง่ก็ไม่รู้)
กระทู้นี้ผมขอชื่นชมเสธอ้าย ที่แกตรงไปตรงมาดี (หรือโง่ก็ไม่รู้)
เสธอ้ายไปออกรายการตอบโจทย์ ทางทีวี ไทยพีบีเอส
ผลสรุปของการซักถามเหตุและผล ของการเป็นแกนนำประชาชนทนไม่ไหว ในครั้งนี้ก็คือ
"สู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ก็เลยต้องไล่"
คำ ๆ นี้ เป็นบทสรุปทุกอย่างว่า เพราะอะไรต้องมาไล่
สู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ที่ถึงขนาดลงทุน ดราม่าร้องไห้สะอื้นฮัก ๆ น้ำตาท่วมลานเวอร์เทรด เลยทีเดียวเจียว แต่ก็ยังแพ้ราบคาบ
หนอย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ถาวร เสลดเนียม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ไม่ได้พิมพ์ผิด แต่ตั้งใจพิมพ์) ยังมีหน้าไป ท้า เฉลิมว่าเปิดโปงชื่อมาเลยว่าพรรคไหน หนุนม๊อบสนามม้า
หรือว่านี่มันจะเป็นหนังเรื่อง " ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง " ภาคสี่ของประเทศไทย
โดยมีอ้าย บางเบิด กับ สงค์ ศิษย์สั่น เป็นพระเอกตามท้องเรื่องในภาคนี้
ภาดแรก พระเอก ชื่อสนธิ....ลิ้ม กับ สนธิบัง เป็นพระเอกตามท้องเรื่อง
ภาคสอง มี "รัญ จัดให้" .....(เปิดพจนานุกรม ปลดสมัคร) เป็นตัวช่วย
ภาคสาม มี "เหล่ ตั้งที่เซฟเฮ้าส์กูสิ" เป็นตัวเอก
--------------------------------------------------------------------------
แต่เผอิญ ประเทศนี้ มีระบอบการปกครองที่ ประกาศ(ลวงชาวโลก) ไว้ว่า
ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
จึงไม่สามารถจะหลีกเลี่ยง ให้ประชาชน แสดงฉันทามติในกล่องเลือกตั้งได้
ลอร์ดออฟเดอะริง ชนิดเลือดท่วมแผ่นดินจึงบังเกิด ให้เห็น ตั้งแต่ กันยายน 2549 จนถึงปัจจุบัน
แล้วจะสงสัยทำหอกอะไร ว่า เอ.....
ทำไมบ้านเมืองเราแตกแยกหนออออ ?
ทำไมคนไทยไม่รักกันหนอ ?
ทำไมเราถึงทะเลาะกันขนาดนี้หนอ ?
ฟังพวกมันออกมารำพึงรำพัน ดราม่าแล้วอยากจะบอกกลับไปว่า
จะถามหา พ่อ เมิงเหรอไอ้แสรดดดดดดดดดดดดดด
นี่กูเขียน จนจะทำเป็นหนังสือขายได้แล้ว ยังไม่ออสโมสิต ผ่านเข้าไปในกะโหลกพวกเมิงบ้างหรือ
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค หลักการดับทุกข์เบื้องต้นหนะ รู้จักมั้ย
เอามาวิเคราะห์ดู...........
ทำไมชาติถึงไม่สงบ ทำไมถึงพัฒนาไปไหนไม่ได้ และยังคงเป็นประเทศพัฒนาช้า หรือกำลังพัฒนา ได้อย่างมั่นคง
เหลือวิธีเดียว ไม่ต้องมีเลือกตั้ง ปิดประเทศ อยู่กันแบบเกาหลีเหนือ หรือพม่า แต่จะว่าไป จะไปแดกดันพม่า ก็คงจะไม่ได้แล้ว เพราะพม่า มันก็ชักจะอายชาวโลกเป็น เลยเริ่มคืนสิทธิของประชาชนให้โลกใบนี้เห็น
แต่ของพี่ไทยนี่สิ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า .......แม่มยังอยู่ในกะลา หาทางออกไม่ได้อยู่เลย.....
ผลสรุปของการซักถามเหตุและผล ของการเป็นแกนนำประชาชนทนไม่ไหว ในครั้งนี้ก็คือ
"สู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ก็เลยต้องไล่"
คำ ๆ นี้ เป็นบทสรุปทุกอย่างว่า เพราะอะไรต้องมาไล่
สู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ที่ถึงขนาดลงทุน ดราม่าร้องไห้สะอื้นฮัก ๆ น้ำตาท่วมลานเวอร์เทรด เลยทีเดียวเจียว แต่ก็ยังแพ้ราบคาบ
หนอย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ถาวร เสลดเนียม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ไม่ได้พิมพ์ผิด แต่ตั้งใจพิมพ์) ยังมีหน้าไป ท้า เฉลิมว่าเปิดโปงชื่อมาเลยว่าพรรคไหน หนุนม๊อบสนามม้า
หรือว่านี่มันจะเป็นหนังเรื่อง " ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง " ภาคสี่ของประเทศไทย
โดยมีอ้าย บางเบิด กับ สงค์ ศิษย์สั่น เป็นพระเอกตามท้องเรื่องในภาคนี้
ภาดแรก พระเอก ชื่อสนธิ....ลิ้ม กับ สนธิบัง เป็นพระเอกตามท้องเรื่อง
ภาคสอง มี "รัญ จัดให้" .....(เปิดพจนานุกรม ปลดสมัคร) เป็นตัวช่วย
ภาคสาม มี "เหล่ ตั้งที่เซฟเฮ้าส์กูสิ" เป็นตัวเอก
--------------------------------------------------------------------------
แต่เผอิญ ประเทศนี้ มีระบอบการปกครองที่ ประกาศ(ลวงชาวโลก) ไว้ว่า
ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
จึงไม่สามารถจะหลีกเลี่ยง ให้ประชาชน แสดงฉันทามติในกล่องเลือกตั้งได้
ลอร์ดออฟเดอะริง ชนิดเลือดท่วมแผ่นดินจึงบังเกิด ให้เห็น ตั้งแต่ กันยายน 2549 จนถึงปัจจุบัน
แล้วจะสงสัยทำหอกอะไร ว่า เอ.....
ทำไมบ้านเมืองเราแตกแยกหนออออ ?
ทำไมคนไทยไม่รักกันหนอ ?
ทำไมเราถึงทะเลาะกันขนาดนี้หนอ ?
ฟังพวกมันออกมารำพึงรำพัน ดราม่าแล้วอยากจะบอกกลับไปว่า
จะถามหา พ่อ เมิงเหรอไอ้แสรดดดดดดดดดดดดดด
นี่กูเขียน จนจะทำเป็นหนังสือขายได้แล้ว ยังไม่ออสโมสิต ผ่านเข้าไปในกะโหลกพวกเมิงบ้างหรือ
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค หลักการดับทุกข์เบื้องต้นหนะ รู้จักมั้ย
เอามาวิเคราะห์ดู...........
ทำไมชาติถึงไม่สงบ ทำไมถึงพัฒนาไปไหนไม่ได้ และยังคงเป็นประเทศพัฒนาช้า หรือกำลังพัฒนา ได้อย่างมั่นคง
เหลือวิธีเดียว ไม่ต้องมีเลือกตั้ง ปิดประเทศ อยู่กันแบบเกาหลีเหนือ หรือพม่า แต่จะว่าไป จะไปแดกดันพม่า ก็คงจะไม่ได้แล้ว เพราะพม่า มันก็ชักจะอายชาวโลกเป็น เลยเริ่มคืนสิทธิของประชาชนให้โลกใบนี้เห็น
แต่ของพี่ไทยนี่สิ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า .......แม่มยังอยู่ในกะลา หาทางออกไม่ได้อยู่เลย.....
......"ปัญหาเร่งด่วน" .....ฝากถึงรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ ทบวงมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา โรงเรียนต่างๆโปรดสำรวจดูคุณภาพของท่านได้แล้ว สุดท้ายถึงประชาชนผู้รักความก้าวหน้าทุกท่าน.... การวิจัยดังกล่าวเตือนว่า ความสามารถด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษของประชากรในชาติเป็นปัจจัยสำคัญต่อการค้า นวัตกรรม และรายได้ของชาตินั้นๆ ถ้าหากการใช้ภาษาอังกฤษค่อนข้างต่ำศักยภาพของประเทศในด้านต่างๆ ก็จะกระทบตามไปด้วย
|
....."ข่าวการเมือง".....พรรคเพื่อไทยได้ลงมติเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่แล้วคือ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ.
วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 17:10 น. ข่าวสดออนไลน์ "ปู" ร่วมยินดีเพื่อไทยเลือก "จารุพงศ์" นั่งหัวหน้าพรรค-"ภูมิธรรม" เลขาฯ ตามคาด
วันที่ 30 ต.ค. ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ขณะนี้เริ่มมีรัฐมนตรี ส.ส. และแกนนำของพรรคทยอยเดินทางมายังพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก อาทิ นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายพายัพ ชินวัตร แกนนำ สส.ภาคอีสาน เพื่อเข้าประชุมประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2555 มีวาระสำคัญเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ในเวลา 13.30 น. โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาร่วมประชุมด้วย
โดยพรรคเพื่อไทยได้แจ้งให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ประมาณ 300 กว่าราย เดินทางมาแสดงตนด้วยตัวเอง โดยกระบวนการเลือกตั้งจะเป็นการลงคะแนนลับ โดยจะให้สมาชิกหย่อนบัตรเลือกตั้ง 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการหย่อนบัตรเลือกหัวหน้าพรรค ซึ่งพรรคเปิดโอกาสให้สมาชิกเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมได้โดยอิสระ หลังจากนั้นจะเป็นการหย่อนบัตรเลือกคณะกรรมการบริหารอื่นๆ ที่เหลือในคราวเดียว ประกอบด้วย รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รองเลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรค นายทะเบียนพรรค โฆษกพรรค และกรรมการอื่น ๆ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 9 คน แต่ไม่เกิน 29 คน ตามระเบียบสำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งและข้อบังคับพรรคเพื่อไทย นอกจากการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคแล้ว ยังมีวาระที่จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณารับรองรองการปรับปรุงระเบียบข้อบังคับพรรคที่ล้าสมัย เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของพรรคอีกด้วย นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล เปิดเผยว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยจะประชุมใหญ่วิสามัญ ในเวลา 13.30 น. วันนี้ ยังไม่ได้มีการหารือกันเรื่องบุคคลที่เหมาะสมในตำแหน่งต่างๆ โดยย้ำว่า ยังไม่เป็นที่แน่นอนในเรื่องนี้ และมีแค่ข่าวออกมาตามสื่อ ซึ่งผู้ถูกพูดถึงก็ยังไม่ออกมายอมรับ เข้าใจว่าน่ามีคนเสนอชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมขึ้นมา และหากไม่ปฏิเสธ ก็จะมีการลงมติกันต่อไป ขณะเดียวกันจะยังไม่มีการหารือเรื่องการวางตัวผู้ที่จะลงชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครทั้งนี้ไม่เคยได้ยินเรื่องที่ นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคจะลาออก แต่ถ้ายังเป็น ส.ส. อยู่แล้วจะลาออก เท่ากับว่าต้องพ้นสมาชิกภาพไปด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่พรรคเพื่อไทยว่า เป็นไปอย่างคึกคัก มีรัฐมนตรี ส.ส. รวมทั้งสมาชิกพรรค ทยอยเดินทางเข้าร่วมประชุมใหญ่วิสามัญพรรรคเพื่อไทย อาทิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เป็นต้น เพื่อลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ประธานในที่ประชุมได้แจ้งวาระการประชุม และขั้นตอนการลงคะแนน ซึ่งจะแบ่งเป็นสองรอบคือรอบแรกการเลือกหัวหน้าพรรค และรอบที่สองเลือกกรรมการบริหารพรรค โดยมีตัวแทนจากกกต.ร่วมสังเกตการณ์การประชุมด้วย ทั้งนี้พ.อ.อภิวันทน์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ เสนอชื่อนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย เพียงรายชื่อเดียว จากนั้นที่ประชุมได้ลงคะแนนด้วยวิธีหย่อนบัตรจนครบ เมื่อนับคะแนนแล้วได้ 332 คะแนน จากนั้นนายจารุพงศ์ ได้เสนอชื่อกรรมการบริหารพรรครวม 18 คน ประกอบด้วยรองหัวหน้าพรรค 5 คน คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี นายปลอดประสพ สุรัสวดี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ พอ.อ.วรวิทย์ ชินะนาวิน และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ เลขาธิการพรรค คือนายภูมิธรรม เวชชยชัย มีนายธานี ยี่สาร และนายดนุพร ปุณณกันต์ เป็นรองเลขาธิการพรรค ส่วน กรรมการบริหาร 7 คน ได้แก่ พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ นายภาคิน สมมิตร นายกมล บันไดเพชร นายพิทยา พุกกะมาน นายวิมล จันทร์จิราวุฒิกุล นายปรีชา ชนะนันท์ นายวรวีร์ มะกูดี และเสนอชื่อ นายเอกธนัช อินทร์รอด เป็นนายทะเบียนพรรค นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เป็นเหรัญญิกพรรค และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ เป็นโฆษกพรรค ซึ่งที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นชอบตามที่นายว่าที่หัวหน้าพรรคเสนอ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ร่วมโหวตลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เสร็จสิ้น นายกฯได้ร่วมรับประทานอาหารว่างโดยมีแกนนำพรรค ทั้งนายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานวิปรัฐบาล นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวรวัจน์ เอื้อภิญญกุล รมว.วิทยาศาสตร์ นายภูมิธรรม เวชชยชัย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรค ร่วมโต๊ะอาหารด้วย โดยนายอุดมเดช เปิดเผยภายหลังว่า มีการพูดคุยถึงกำหนดการประชุมสภาฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับว่าให้ทุกคนเข้าร่วมประชุม อย่างไรแก็ตามข่าวแจ้งว่านายอุดมเดช ได้แจ้งให้ทราบถึงมติของฝ่ายค้านที่ได้ยื่นญัติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงปลายเดือยพ.ย. นี้ โดยในวงสนทนา พูดหยอดล้อกันว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงสามารถชี้แจงได้เพราะพวกเราเป็นคนทำงาน จากนั้นนายจารุพงศ์ กล่าวขอบคุณในที่ประชุมหลังได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค ว่า ขอขอบคุณทุคนที่ได้มอบตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้กับตน ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญยิ่ง ขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ซึ่งตนเพียงคนเดียวคงไม่สามารถที่จะทำงานได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกๆคน ในการดำเนินนโยบายพรรคให้เกิดความต่อเนื่องและบรรลุเป้าหมายของพรรค นอกจากนี้ ตนขอยืนยันว่าจากที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ก็จะขอทำงานเชื่อมโยงประสานกับ ส.ส.ทุกคนและ ผวจ.เพื่อทำงานให้กับประชาชน ยืนยันว่าการทำงานในลักษณะ 2 IN 1 ของตน จะเป็นที่พอใจของประชาชน และเชื่อว่าจะผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้ “ผมจะรักษามรดกที่หัวหน้ายงยุทธ เคยได้ดำเนินการไว้และเดินหน้าอย่างต่อเนื่องและจะทำให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำรัฐบาลต่อไป ภายใต้แกนนำที่ชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายจารุพงศ์ กล่าว ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตนขอเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการพรรคชุดใหม่ เชื่อว่าการเลือกตั้งในวันนี้เป็นอีกหนึ่งมิติของพรรคในการรวมพลังของสมาชิกพรรคทุกคน เชื่อว่าจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปได้พร้อมกันและเชื่อว่าจะสามารถดำเนินนโยบายต่างๆตามที่หาเสียงไว้กับประชาชน เชื่อว่ากรรมการบริหารชุดใหม่จะประสานการทำงานกับสมาชิกพรรคเพื่อทำงานรับใช้ประชาชนเพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดี มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน การเลือกตั้งในวันนี้ตนดีใจที่เสียงเป็นเอกภาพและเอกฉันท์ ซึ่งต้องขอขอบคุณนายยงยุทธ อดีตหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดเก่าที่ช่วยกันทำหน้าที่และสามารถทำให้ชนะการเลือกตั้งจะได้เข้ามาเป็นรัฐบาลถึงทุกวันนี้และหวังว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จะสานต่อสิ่งที่นายยงยุทธได้ทำไว้ ขอให้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทำงานอย่างจริงจังเพื่อประชาชนต่อไป และขออวยพรให้กรรมการบริหารพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรค นำธงชัยของพรรคเพื่อไทยก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง และตนพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อให้พรรคก้าวหน้าต่อไป |
|
..... "We all support the democratically elected Government by the Majority of Thai People."...."เราขอสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจาก..ประชาชน.".... เป็นข้อเสนอแนะที่มีคุณค่ามากในการยกระดับการต่อสู้ให้เป็นสากล เป็นการประชาสัมพันธ์ที่ลงทุนน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้สื่อหนังสือพิมย์นอกจากนี้ยังเป็นการเผยแพร่ให้ชาวโลกได้รู้ได้เข้าใจว่าประชาชนไทยออกมาเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย นอกจากนี้การทำป้ายยังเป็นการชี้ให้เห็นถึงการมีสิทธิเสรีภาพทางความคิดที่ถูกต้องตามกฎหมาย.
โดย ดวงจำปา
เห็นป้ายเหล่านี้แล้ว รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่พี่น้องภายในประเทศมีความตื่นตัวกันมากในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ท่านทั้งหลายคงทราบแล้วว่า ประเทศในกลุ่มอาเซียนกำลังจะเปิดตัวกันอีกสองสามปีข้างหน้า
จึงอยากฝากผู้ทำป้ายหรือ แบนเนอร์ทุกๆ ท่าน ช่วยนำความคิดที่มีอยู่ ขยายตัวออกไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านด้วย
หมายถึง การใช้ ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาสากล รวมไปถึงการใช้ภาษาไทยแบบควบคู่
การต่อสู้ ไม่ได้อยู่ภายในประเทศเท่านั้น แต่โลกที่ไร้พรมแดนอย่างอินเตอร์เนท สามารถทราบได้ว่า ท่านกำลังสื่อสารในเรื่องอะไร
เสียเวลาเพิ่มขึ้นอีกไม่ถึงชั่วโมง
รวมทั้งท่านสามารถประกาศจุดยืนให้ทั่วทั้งโลกได้ทราบว่า เราต่อต้านรัฐประหารกัน
เปรียบประหนึ่งท่านดูข่าว การประท้วงของชาวจีน หรือ ชาวเกาหลี ในประเทศของเขา
แต่ท่านไม่สามารถอ่านภาษาเขาออก จึงหมดความรู้สึก หรือเข้าใจถึงเหตุผลของการประท้วง
ดิฉันดูการประท้วงในตะวันออกกลางเป็นหลัก
และเห็นการใช้ภาษาอังกฤษอย่างง่ายๆ ซึ่งสร้างความเข้าใจให้กับคนดูทั่วโลก
มันเป็นแนวโน้มในการสร้างความ "เอนเอียง" มาสู่ฝ่ายเราได้ตลอดเวลา เพราะหลักการประชาธิปไตย เป็นหลักการสากลของโลก
เรื่องแบบนี้ ใช้คำง่ายๆ เป็นต้นว่า
We all support the democratically elected Government by the Majority of Thai People.
ขอให้ท่านลองคิดดูง่ายๆ ว่า น้ำหนักของประโยคนี้ จะงดงามแค่ไหนในโลกอินเตอร์เนท ซึ่งสามารถ search จาก Google ได้เป็นล้านๆ English results แทนที่จะเป็นแค่ Thai results อย่างเดียว
Think Globally, Act Locally เสมอค่ะ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ
แล้วงานที่ต้องการสร้าง มันจะเริ่มขยายตัวต่อไปเอง เมื่อมีการรับช่วงกันเป็นทอดๆ ค่ะ
Doungchampa Spencer - https://www.facebook.com/dou
måndag 29 oktober 2012
".เช็กแถว! ใครอยู่สายไหน? เบื้องหลังครม.ยิ่งลักษณ์ 3." .ข่าวจากหนังสือพิมย์...โปรดใช้พิจารณาในการอ่าน เพื่อความรู้เขา รู้เรา......
เช็กแถว! ใครอยู่สายไหน? เบื้องหลังครม.ยิ่งลักษณ์ 3
อย่างที่สังคมไทยส่วนใหญ่รับทราบ การปรับครม. ยิ่งลักษณ์3ในครั้งนี้ แบ่งออกคร่าวๆ เป็น 3 สายใหญ่ๆ ได้แก่
- สายนายใหญ่+นายหญิง
- สายคนในครอบครัว ( ยิ่งลักษณ์+เจ๊แดง)
- สายพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ อย่างที่เห็นเมื่อมีการทำการแยกสายแล้ว ก็อย่างที่สังคมไทยรับรู้กันมาอย่างช้านาน โดยเฉพาะคนที่ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมือง (คอการเมือง) ก็จะเห็นได้ชัดว่า สายตรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาจรวมกับสายคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาพ.ต.ท.ทักษิณ นับว่าน่าจะเป็นสายใหญ่ที่ยังคงอิทธิพลมากที่สุด ในครม.ยิ่งลักษณ์ 3 เนื่องจากมีบุคคลที่เกี่ยวข้องและมีภาพโยงกับ นายใหญ่และนายหญิง เข้าไปมีตำแหน่งมากที่สุด
นสพ.ไทยรัฐ 29-10-55
....".ความลับแตก ภาพควันหลงจากม็อบสอบตก".......เบื้องหลังความจริงเกี่ยวกับจำนวนคนมาชุมนำที่แท้จริง ซึ่งพวกผิดหวังจากม็อบพยายามโกหกหลอกตัวเองว่ามีคนมาร่วมชุมนุมจำนวนมากมายตามที่ให้ข่าว ช่างน่าสงสารเสียสติจนกระทั่งเขียนจำนวนตัวเลขปลอบใจตัวเอง
| |||
เจาะลึกม็อบสนามม้า จากพันทิป ดูกันหรือยังครับ
มีเพื่อนเราจากพันทิปลงทุนไปเหนื่อยเพื่อถ่ายภาพมุมต่างๆมาให้ดูกันครับแถมต้องทนฟังเสียงของพิธีกรสารพัดโคษกอีกต่างหาก
ผมไปถ่ายรูปมาเรียบร้อย ที่ "ม็อบสนามม้า".... พยายามเดินถ่ายให้ทั่วทุกมุม เพื่อให้ เพื่อสนามชิก ได้เห็นจำนวนจริงๆของคนที่มาชุมนุม โดยทำภาพประกอบอธิบาย จุดที่คนอยู่ให้ด้วย จะทยอยเอาภาพลงนะครับ....ขออนุญาต เพิ่มคำอธิบายและวิจาร์ไปด้วยนะครับ ที่สำคัญ นับยังไงก็ไม่เกิน 3000 คน(ที่นั้่งมีนิดเดียว) ครับ และ เกือบทั้งหมด เป็นคนที่เกณฑ์กันมา(ถามมากับปาก)... เชิญชมครับ รูปแรกขอนำเสนอ พื้นที่ที่มีคนนั่งก่อน 1. แถบสีแดง คืนคนที่นั่งบนอัฒจันทร์ 2. แถบสีแดงเล็ก คือพวกขาประจำมานั่งข้างล่าง(มีเหตุผลบางข้อ) 3. สีเหลือ คือ เวที หมายเหตุ ส่วนที่ไม่มีสี คือ ไม่มีคนอยู่นะครับ ทุกท่านสามารถดูรูปจริงประกอบได้เลย จากคุณ : veerachai_t ดูชัดๆ คนอยู่เบื้องหลังล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มุมนี้..ผมไปยืนสุดรั่ว เพื่อให้เห็นพื้นที่อัฒจันทร์ให้มากที่สุดครับ.. อธิบายพื้นที่ทั้งหมดของ อัฒจันทร์ ที่มีคนนั่งอยู่... จากมุมกล้องทำให้เหมือนอัฒจันทร์สั้น แต่ จริงๆก็ยาวครับ...... แต่ "ผู้รู้"หลายท่านก็คง "คำนวณ" จำนวนที่นั่งได้นะครับ ว่า ไม่เกิน 2000 คน รวมพื้นที่อื่นก็ ไม่เกิน 3000 คน ใครว่ามากกว่านี้ ...ยืนยัยนว่า "โกหก" ครับ ปล ม๊อบที่มา รู้สึกจะมีการแยกกลุ่มนะครับ เพราะมากันคนละสาย(จะเอารูปมาลงประกอบ พวกขาประจำ มาอัดกันตรงอัฒจันทร์ด้านหน้าเวทีทั้งหมดครับ ตาฝรั่งหัวล้านที่บังหน้ากล้อง นั้นเป็นนักข่าว..... ตอนนี้ "หมอตุลยฺ" กำลังขึ้นพูด ท่าทางระริกระรี คงเหมาเอาว่าที่มาฟังนั้นคนของตัวเอง(ของตัวเอามาน่าจะซัก 30 คน)......พูดสไตร์เดิม...ด่านายกฯยิ่งลักษณ์ | |||
|
....ใคร? คือผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง"แก๊งดต.ยาบ้า100ล้าน".....เป็นเรื่องสำคัญเพราะยาเสพติดได้ระบาดไปทั่วทุกชนชั้นในสังคมไทยไม่ละเว้น จากสังคมคนชั้นสูงมีเงินมีอำนาจถึงสังคมชุมชนคนยากจน เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศชาติ ยาเสพติดได้ทำลายอนาคตทรัพยากรมนุษย์เป็นจำนวนมากมายทำให้ตายทั้งเป็น ซึ่งทำให้เป็นภาระของครอบครัวและประเทศชาติต้องรับผิดชอบ ดังนั้นเราขอให้ตำรวจจงมีความกล้าหาญอย่าเกรงกลัวกับอิทธิพลใดๆ.ในการทำหน้าที่กวาดล้าง.......
|
" เมฆขลา ล่อแก้ว" ท่าร่ายรำที่ชี้นิ้วใส่ตัวเองฆ่าตัวตายของพวกรามสูร "ฝูงเหี้ยผู้จงรักภักดี" เด็กเส้นที่เคยตัว ...... .ท้ายนี้ประชาชนขอฝากข้อความถึงอำมาตย์......เมื่อถึงเวลาเราจะลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ "....
โดย สายลมรัก
เมื่อถึงเวลาเราจะลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
เมื่อถึงเวลาเราจะลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ม๊อบสนามม้า กำลังเล่นบท
"ถึงแม้เจ้าจะไม่เคยทำน้ำให้ขุ่น แต่ในสมัยพ่อของเจ้าก็เคยทำเอาไว้"
หนึ่งในวลีสรุปบทสุดท้ายของนิทานอีสป เรื่อง หมาป่ากับลูกแกะ
โดยมี อ้ายรับงาน กับ สงค์ โรคจิต ออกมาเล่นบทนำ รวมพลคนทนไม่ไหว ขับไล่รัฐบาล ชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่า มีเหตุผลอันใดที่จะขับไล่รัฐบาล
นอกจาก กล่าวหาลอย ๆ ชนิดไม่มีหลักฐานใด ๆ รองรับ และที่มันน่าขันที่สุด ประสงค์ แกจับไมค์ ด้วยมือสั่นหงัก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ว่า เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นว่า คนในประเทศชาติมีความแตกแยกมากขนาดนี้
เสร็จแล้วก็ชี้หน้าไปที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่อีกสี่นิ้วมันทิ่มไปที่หน้าอกตัวมันเอง ผมไม่รู้ว่า สื่อมวลชนที่เข้าไปรายงานข่าว เขารู้สึกกันอย่างไร....
ใครว๊ะเป็นคนแบ่ง ?
ใครว๊ะ..เป็นคนทำให้แตกแยก ?
ใครเล่า ที่ทำให้เกิดกีฬาสี ?
ความจำพวกเมิงสั้นมากเลยน๊ะเนี่ยยย
----------------------------------------------------
ใครกัน ชี้นิ้วมาที่คนเสื้อแดง บอกว่าจ้างมา
ใครกันที่ชี้นิ้วมาที่คนต่อต้านเผด็จการทหารว่า เป็นขี้ข้าทักษิณ
ใครกานนนนนนนนนน วานบอกกกกกก............................................
ไปหาใบแปะก้วย มาต้มทั้งกินทั้งทา ในตุ่มเดียวกันเลยพวกเมิง
เผื่อสติปัญญา ที่มันฝ่อ ลีบ เล็ก ....จะคิดได้บ้างว่า ใครกันเป็นคนทำให้ชาติแตกแยก
ใคร ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ (ว๊ะ) ?
พาเขาตาสว่างกันเข้าหน่อย ทำเป็นโกรธเกรี้ยว ......หุยฮา...
ยิ่งเสะอ้าย บางเบิดเนี่ยยย (ขอตั้งฉายาให้แม่มซะที)
ไม่รู้ว่าแม่มเรียนจบมาได้อย่างไร ถึงได้โง่+สิ้นคิด ในการตั้งข้อกล่าวหา ประชาชนในประเทศได้ขนาดนี้
เพราะพวกเขาใช้สีแดง เราจึงสรุปว่าพวกนี้เป็นพวกล้มเจ้า เพราะสีแดงเป็นสีของคอมมิวนิสต์ (ฮา)
ฟังแล้วอยากจะยุบโรงเรียนนายร้อย ........หรือไม่ก็ให้โรงเรียนนี้ ขุดบ่อเลี้ยงปลา เอาไว้ในโรงเรียน แล้วออกกฏเหล็ก ให้นักเรียนนายร้อยกินปลา วันละ 1 มื้อ จะได้ไม่เป็นนายพล โง่ ๆ เยี่ยงเสธอ้ายย...อีก
วันนี้.....พูดกันตรงไปตรงมา กันแบบแมน ๆ
สรุปได้ชัดเจนแล้วว่าไม่มีอะไรจะอ้าง หมายถึงกูจะล้มเมิงดื้อ ๆ นั่นแหละ
ไม่ต้องอ่านกันหลายชั้น อ่านมันซื่อ ๆ ง่าย ๆ นี่แหละ
บทต่อไปก็คือ ยึดทำเนียบ และตามมาด้วยยึดสนามบิน เหมือนที่เคยทำมา
มันจะสรุปบทส่งท้ายด้วยการ เรียกร้องให้ยึดอำนาจ หรือไม่ก็หาทางยุบพรรค อีก แต่นาทีนี้คงยาก เพราะยิ่งลักษณ์ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมการบริหารพรรคเลย (โดนไปสองทีแล้ว คงไม่มีใครตกหลุมพรางอีก)
ฉะนั้น หวยมันจะออกมาที่ ยึดอำนาจสถานเดียว
มองไปมองมาไอ้พวกเหี้ยนี่มันเหมือน เด็กเส้นที่เคยตัว.....
เคยชินกับการเกเร ทำให้ชาติบ้านเมืองวิบัติแล้ววิ่งไปหลบหลังอำนาจพิเศษ
เสร็จแล้วก็ตระโกนท้าทายว่า มีใครหน้าไหนกล้าทำอะไรกับพวกกูมั้ย
ช้าก่อนเว้นเฮ้ยยยย นั่นหนะมันแค่รัฐบาล......
วันนี้ประชาชนเรือนล้าน เรียนรู้ ซึมซับ จดจำ กับบทเรียนในอดีตได้ดี
แถมตาสว่างกันไปค่อนประเทศแล้วซะด้วย
ผมมองเห็นเค้าลางของพายุใหญ่ .....มันเริ่มก่อตั้งเป็นดีเปรสชั่นในใจของประชาชนค่อนประเทศแล้ว...... และกำลังจะกลายเป็นพายุไซโคลน หรือทอร์นาโด ได้ง่าย ๆ
หากพวกเขาสิ้นสุดการอดทน กับพฤติกรรมกวนส้นตรีนซ้ำซาก
นี่ก็จวนจะเก็บเกียวข้าวเสร็จแล้ว..เอาข้าวเก็บขึ้นยุ้งฉาง ก็น่าจะได้เวลากระทืบ แมลงสาป
ครั้งนี้ ขอร้อง รัฐบาลไม่ต้องให้กองทัพออกมาจุ้น
เมิงปิดตรงไหน กูล้อมซ้ำตรงนั้น ไม่ต้องเข้าออก หากออกมาเราก็จะเอาตรีนยันเข้าไปที่เดิมอีกที (อยากยึดนักใช่มั้ย)
และขอบอกเลยว่า ครั้งนี้จัดหนัก บทเรียนครั้งที่แล้ว มันสอนให้ประชาชนรู้ว่า พูดกันด้วยปาก ขอร้องกันดี ๆ มันก็ลอบกัด
มันยิงมา เราก็ยิงไป
ไม่ฆ่ากันตายเกลื่อนเมืองซักที แม่มคงไม่รู้สึก
เพราะเบื้องหลังไอ้พวกนี้ มันพ่ายแพ้ซ้ำซากจนขาดสติไปหมดแล้ว....
คนเสื้อแดงผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านเป็นผ่านตายมาเยอะแล้ว
ถ้าว๊อนทนัก เดี๋ยวเราจะจัดให้ Confirm มา ณ กระทู้นี้
"ถึงแม้เจ้าจะไม่เคยทำน้ำให้ขุ่น แต่ในสมัยพ่อของเจ้าก็เคยทำเอาไว้"
หนึ่งในวลีสรุปบทสุดท้ายของนิทานอีสป เรื่อง หมาป่ากับลูกแกะ
โดยมี อ้ายรับงาน กับ สงค์ โรคจิต ออกมาเล่นบทนำ รวมพลคนทนไม่ไหว ขับไล่รัฐบาล ชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่า มีเหตุผลอันใดที่จะขับไล่รัฐบาล
นอกจาก กล่าวหาลอย ๆ ชนิดไม่มีหลักฐานใด ๆ รองรับ และที่มันน่าขันที่สุด ประสงค์ แกจับไมค์ ด้วยมือสั่นหงัก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ว่า เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นว่า คนในประเทศชาติมีความแตกแยกมากขนาดนี้
เสร็จแล้วก็ชี้หน้าไปที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่อีกสี่นิ้วมันทิ่มไปที่หน้าอกตัวมันเอง ผมไม่รู้ว่า สื่อมวลชนที่เข้าไปรายงานข่าว เขารู้สึกกันอย่างไร....
ใครว๊ะเป็นคนแบ่ง ?
ใครว๊ะ..เป็นคนทำให้แตกแยก ?
ใครเล่า ที่ทำให้เกิดกีฬาสี ?
ความจำพวกเมิงสั้นมากเลยน๊ะเนี่ยยย
----------------------------------------------------
ใครกัน ชี้นิ้วมาที่คนเสื้อแดง บอกว่าจ้างมา
ใครกันที่ชี้นิ้วมาที่คนต่อต้านเผด็จการทหารว่า เป็นขี้ข้าทักษิณ
ใครกานนนนนนนนนน วานบอกกกกกก............................................
ไปหาใบแปะก้วย มาต้มทั้งกินทั้งทา ในตุ่มเดียวกันเลยพวกเมิง
เผื่อสติปัญญา ที่มันฝ่อ ลีบ เล็ก ....จะคิดได้บ้างว่า ใครกันเป็นคนทำให้ชาติแตกแยก
ใคร ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ (ว๊ะ) ?
พาเขาตาสว่างกันเข้าหน่อย ทำเป็นโกรธเกรี้ยว ......หุยฮา...
ยิ่งเสะอ้าย บางเบิดเนี่ยยย (ขอตั้งฉายาให้แม่มซะที)
ไม่รู้ว่าแม่มเรียนจบมาได้อย่างไร ถึงได้โง่+สิ้นคิด ในการตั้งข้อกล่าวหา ประชาชนในประเทศได้ขนาดนี้
เพราะพวกเขาใช้สีแดง เราจึงสรุปว่าพวกนี้เป็นพวกล้มเจ้า เพราะสีแดงเป็นสีของคอมมิวนิสต์ (ฮา)
ฟังแล้วอยากจะยุบโรงเรียนนายร้อย ........หรือไม่ก็ให้โรงเรียนนี้ ขุดบ่อเลี้ยงปลา เอาไว้ในโรงเรียน แล้วออกกฏเหล็ก ให้นักเรียนนายร้อยกินปลา วันละ 1 มื้อ จะได้ไม่เป็นนายพล โง่ ๆ เยี่ยงเสธอ้ายย...อีก
วันนี้.....พูดกันตรงไปตรงมา กันแบบแมน ๆ
สรุปได้ชัดเจนแล้วว่าไม่มีอะไรจะอ้าง หมายถึงกูจะล้มเมิงดื้อ ๆ นั่นแหละ
ไม่ต้องอ่านกันหลายชั้น อ่านมันซื่อ ๆ ง่าย ๆ นี่แหละ
บทต่อไปก็คือ ยึดทำเนียบ และตามมาด้วยยึดสนามบิน เหมือนที่เคยทำมา
มันจะสรุปบทส่งท้ายด้วยการ เรียกร้องให้ยึดอำนาจ หรือไม่ก็หาทางยุบพรรค อีก แต่นาทีนี้คงยาก เพราะยิ่งลักษณ์ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมการบริหารพรรคเลย (โดนไปสองทีแล้ว คงไม่มีใครตกหลุมพรางอีก)
ฉะนั้น หวยมันจะออกมาที่ ยึดอำนาจสถานเดียว
มองไปมองมาไอ้พวกเหี้ยนี่มันเหมือน เด็กเส้นที่เคยตัว.....
เคยชินกับการเกเร ทำให้ชาติบ้านเมืองวิบัติแล้ววิ่งไปหลบหลังอำนาจพิเศษ
เสร็จแล้วก็ตระโกนท้าทายว่า มีใครหน้าไหนกล้าทำอะไรกับพวกกูมั้ย
ช้าก่อนเว้นเฮ้ยยยย นั่นหนะมันแค่รัฐบาล......
วันนี้ประชาชนเรือนล้าน เรียนรู้ ซึมซับ จดจำ กับบทเรียนในอดีตได้ดี
แถมตาสว่างกันไปค่อนประเทศแล้วซะด้วย
ผมมองเห็นเค้าลางของพายุใหญ่ .....มันเริ่มก่อตั้งเป็นดีเปรสชั่นในใจของประชาชนค่อนประเทศแล้ว...... และกำลังจะกลายเป็นพายุไซโคลน หรือทอร์นาโด ได้ง่าย ๆ
หากพวกเขาสิ้นสุดการอดทน กับพฤติกรรมกวนส้นตรีนซ้ำซาก
นี่ก็จวนจะเก็บเกียวข้าวเสร็จแล้ว..เอาข้าวเก็บขึ้นยุ้งฉาง ก็น่าจะได้เวลากระทืบ แมลงสาป
ครั้งนี้ ขอร้อง รัฐบาลไม่ต้องให้กองทัพออกมาจุ้น
เมิงปิดตรงไหน กูล้อมซ้ำตรงนั้น ไม่ต้องเข้าออก หากออกมาเราก็จะเอาตรีนยันเข้าไปที่เดิมอีกที (อยากยึดนักใช่มั้ย)
และขอบอกเลยว่า ครั้งนี้จัดหนัก บทเรียนครั้งที่แล้ว มันสอนให้ประชาชนรู้ว่า พูดกันด้วยปาก ขอร้องกันดี ๆ มันก็ลอบกัด
มันยิงมา เราก็ยิงไป
ไม่ฆ่ากันตายเกลื่อนเมืองซักที แม่มคงไม่รู้สึก
เพราะเบื้องหลังไอ้พวกนี้ มันพ่ายแพ้ซ้ำซากจนขาดสติไปหมดแล้ว....
คนเสื้อแดงผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านเป็นผ่านตายมาเยอะแล้ว
ถ้าว๊อนทนัก เดี๋ยวเราจะจัดให้ Confirm มา ณ กระทู้นี้
" รำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง " นอนสดุ้งผวาเพราะหลักฐาณความจริงถูกนำมาเปิดเผยว่าตัวเองนั่งทับขี้ไว้.
โดย บลาบลาบลา
โดยม่ได้ แต่ให้กันได้"
เรื่องของตน ใช่ไหม..โทษใครหนอ
กทม. ยุคดัมมี่ นี่แหละหนา
สารพัด สิ่งที่เห็น ตามเป็นมา
ร้อยปัญหา บีบรัด ไล่มัดคอ....
นอน..ให้หลับ หลับให้ลง ขอจงหลับ
ยังคอยนับ วันเวลา ตาค้างถ่อ
โน่นไม่เสร็จ นี่ไม่ทัน กลั้นใจรอ
สุดท้ายหงอ เฉไฉ ไปไม่เป็น....
อะไรๆ ที่ทำไป ไม่สำเร็จ
แถมมดเท็จ โน่น นี่ นั่น มันแสนเข็ญ
ข้างๆ คูๆ งานลำบาก สุดยากเย็น
หลายคนเห็น สุดขำ ย้ำ "เอ๋อ" จริง....
จากอุโมงค์ยักษ์ ถึงฟุตซอล อ้อน..รอหน่อย
ไม่ซ้ำรอย เสร็จทันใจ ได้ทุกสิ่ง
คนกลับมอง ว่ากลับกลอก หลอกเหมือนลิง
แอบขำกลิ้ง คำแก้ตัว มั่วร่ำไป....
มือถือไวน์ ไฟส่องหน้า ตาเบิ่งค้่าง
มันอ้างว้าง หมองหม่น จนหวั่นไหว
ร้อยปัญหา ถาโถม โหมกวนใจ
เอ๋อ..เอาไง รีบบอกมา อย่ากวนTEEN....
๓ บลา / ๒๙ ต.ค.๕๕
โดย พิณลำโขง
ไม่สงสัย พรรคนี้ไง ดีแต่พูด
ปากหูรูด ไม่มี ชี้วิสัย
วาทกรรม อำพราง กร่างเกินใคร
ปฏิบัติ ไม่ได้ ไม่เอาดี
สารพัน ปัญหา ที่คาหมก
พอโดนจก ถูกแผล แถเร็วรี่
โทษปีกลอง โทษตนไหม? รำไม่ดี
ระอาเอือม เกินที่ จะบอกใคร
คนกรุงเทพฯ เคยโอ่ตน คนฉลาด
ขอปรามาส ฉลาดเลือก กันแค่ไหน
หากเลือกเอ๋อ เพราะหลงมนต์ ก็จนใจ
ได้รู้ไว้ คนเมืองใหญ่ ไร้ปัญญา.
"ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ" ....ตัวอย่างชีวิตชาวนาไทย ..... ที่ประชาชนชาวนาไทยเจ้าของแผ่นดินรักและหวงแหน จะต่อสู้ปกป้องรักษาไว้ให้ลูกหลานไม่ยอมให้ใครมาทำลายหรือยื้อแย่งเอาไปจากพวกเขา.
ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ สยามประเทศ
ใยอาเพท ยกพวก มากลั่้นแกล้ง
ระเบียบมี วิธีใช้ ไม่สำแดง
คิดแอบแฝง มาโค่นล้ม ระดมมาร
บ้านเมืองลด ถดถอย ด้อยเศรษฐกิจ
เพราะโดนพิษ อมาตยา มาหักหาญ
มันทำลาย สิ่งดีดี มีมานาน
สุขสำราญ ของพี่น้อง ต้องเบี่ยงเบน
โดย นำดัง
.....อวสาน‘ถิ่นกาขาว’!...." กาดำ.สัตว์นรกในร่างคน.".. เวลาในการต่อสู้กับ “กาดำ” ที่แสร้งทำตัวเป็น “กาขาว” ใกล้จะจบลงแล้ว ด้วยว่า “กาขาว” ได้ถูก “โรคตาสว่าง” ลอกคราบสีจนล่อนจ้อนเหลือแต่เพียงความดำมืดของจิตใจเท่านั้น การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายยังคงมีอยู่และน่าจะรุนแรงอย่างถึงที่สุด นอกเสียจากบริวารจะถอยออกมาแล้วพูดวลีเด็ดว่า “มันจบแล้วครับนาย” ก็น่าจะยังคงอยู่กันแบบกระท่อนกระแท่นต่อไปได้
tisdagen den 24:e juli 2012
อวสาน‘ถิ่นกาขาว’!
อวสาน‘ถิ่นกาขาว’!
คอลัมน์/บทความ -
เรื่อง อวสาน‘ถิ่นกาขาว’!
โดย Pegasus
มา ถึงวันนี้คนไทยประจักษ์ชัดแล้วว่า คำทำนายเรื่อง “ถิ่นกาขาว” หมายถึงอะไร เดิมทีบอกว่าเป็นเรื่องฝรั่งผิวขาวเข้ามาเต็มเมือง คำทำนายถิ่นกาขาวยังบอกว่าเป็นกลียุคเพราะโจรครองเมือง พอประมวลเหตุการณ์ทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วก็มาถึงข้อสรุปว่า ถิ่นกาขาวหมายถึงกาที่แท้จริงมีสีดำ ทำการอำพรางความดำของตัวเองด้วยการเอาสีขาวมาทาให้คนเข้าใจผิด
นับ ว่าผู้ทำนายเหตุการณ์นี้แม่นเหมือนตาเห็น เพราะโจรที่ครองเมืองอาศัยข้ออ้างว่าตนเองเป็นคนดี มีคุณธรรม แต่แอบทำความชั่วตามนิสัยเดิมของตน จนในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผยออกมา คนแล้วคนเล่า กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ว่าแท้จริงแล้วคนดี มีคุณธรรมทั้งหลาย ก็คือกาดำนั่นเอง
บัดนี้ได้เวลาเปิดโปงกาดำเหล่านี้ให้หมดเปลือก และขับไล่ออกจากบ้านนี้ไปให้พ้น เพื่อเปิดรับนกที่ดีมีคุณธรรมที่แท้จริง เช่น นกพิราบขาวที่รักสันติ รักประชาธิปไตย และรักมนุษย์ด้วยกัน ช่วงนี้เป็นการปะทะกันระหว่างความดีคือฝ่ายประชาชน กับฝ่ายชั่วคือสมุนเผด็จการอำมาตย์ จุดจบไม่ว่าจะเร็วหรือช้าเพียงใดก็ตาม ประชาชนจะชนะเสมอ ไม่ว่าจะต้องสูญเสียไปมากเพียงใดก็ตาม แต่การทำให้จบแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจะก่อให้เกิดความสูญเสียน้อยกว่าการปล่อย เวลาให้ทอดยาวออกไป และประชาชนต้องเสียสละกันต่อไป
แต่เมื่อฝ่ายการ เมืองคิดสู้โดยมีประชาชนหนุนหลังและมหาอำนาจสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี รวมถึงเพื่อนบ้านที่แสนดีอย่างญี่ปุ่นแล้ว เผด็จการที่ไหนจะทนแรงพัดโหมกระหน่ำของกระแสประชาชน กระแสประชาธิปไตย กระแสแห่งเสรีภาพและความยุติธรรมที่โหยหามานานหลายสิบปีได้
ถึงเวลา นี้เครื่องมือในการควบคุมถิ่นกาขาว ไม่ว่าจะเป็นสื่อ องค์กรในบังคับต่างๆ ตุลาการ และทหารต่างก็ชักบันไดหนี จนทุกอย่างจวนตัวหมดไม่สามารถทำลายฝ่ายประชาธิปไตยได้ดังใจ ยิ่งการถอยของฝ่ายตุลาการ เพราะการฟ้องคดีไม่เนียน ความรู้ไม่มี ผิดขั้นผิดตอน ผิดหลักกฎหมาย เพราะมีคนสั่งจนร้อนรนไปหมด ในที่สุดจุดอ่อนก็มีมากมายจนไปไม่ได้ ทำให้เหลือเพียงการจะใช้กำลังทหารที่พอคุมได้ให้ออกมายึดอำนาจก่อนที่ ทุกอย่างจะสายเกินไป ซึ่งก็ขาดความชอบธรรมอีก และทำให้ถูกปราบปรามได้ง่ายดาย ข้าราชการที่เคยเข้ามาประจบประแจงก็จะถอยห่างออกไป หมดคนที่เคยห้อมล้อม มีแต่ความเย็นเยียบของความเปล่าเปลี่ยว หาคนไว้ใจได้ไม่มีความโดดเดี่ยวหงอยเหงาเช่นนี้ช่างกัดกินชีวิตเสียเหลือ เกิน ไม่ว่าจะมีเงินทองมากล้นเพียงใดก็ตาม ก็เพียงซื้อความสมบูรณ์ทางร่างกาย แต่หาความสุขสมบูรณ์ทางจิตใจสักน้อยนิดไม่มี ไม่ช้าก็จะทรุดและหลุดลอยไปในที่สุด
ประเด็นอยู่ตรงนี้ ที่ถิ่นกาขาวต้องหมดไปพร้อมกับความเคียดแค้นและไฟริษยาอาฆาตต่อเพื่อนมนุษย์ ไฟโทสะที่ร้อนจะพาไปหาธาตุร้อน คือไฟนรกที่แผดเผาจนหมกไหม้ชั่วกาลนาน ผู้ที่นิยมยินดีก็จะอาสาตามไปหมกไหม้ในนรกด้วยความเต็มใจ เพราะตั้งใจจะติดตามกันไปอยู่แล้ว
แต่ประชาชนคนไทยและผู้รัก ประชาธิปไตยต้องระวังไม่ให้เอาจิตไปผูกพันกับวัตถุที่จะไปยังนรกอเวจี ด้วยการดีใจหรือสะใจกับความทุกข์ของผู้อื่น แม้ว่าจะทำกับประชาชนไว้มากก็ตาม เพราะหากไปผูกติดไว้เมื่อตนเองจะหมดลมหายใจก็อาจถูกลากลงไปในนรกด้วย อย่าได้ประมาทเป็นอันขาดทีเดียว
เวลาในการต่อสู้กับ “กาดำ” ที่แสร้งทำตัวเป็น “กาขาว” ใกล้จะจบลงแล้ว ด้วยว่า “กาขาว” ได้ถูก “โรคตาสว่าง” ลอกคราบสีจนล่อนจ้อนเหลือแต่เพียงความดำมืดของจิตใจเท่านั้น การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายยังคงมีอยู่และน่าจะรุนแรงอย่างถึงที่สุด นอกเสียจากบริวารจะถอยออกมาแล้วพูดวลีเด็ดว่า “มันจบแล้วครับนาย” ก็น่าจะยังคงอยู่กันแบบกระท่อนกระแท่นต่อไปได้
ฝ่ายประชาชนเองก็อย่า ชะล่าใจ ปล่อยให้คนกลุ่มนี้ตั้งตัวได้หรือมีการสืบทอดอำนาจกันได้อีกต่อไป ในเวลานี้สิ่งที่ควรทำคือ รวมตัวกันเป็นกลุ่มๆละ 50 คน แล้วเชื่อมโยงไปกลุ่มอื่นๆอีก 3-4 กลุ่ม เพื่อว่ามีความจำเป็นจะได้ช่วยกัน เงื่อนไขคือต้องไม่ให้มีการปิดล้อมสังหารเหมือนเดิม แต่ประชาชนจำนวนมากต้องไปเร็วมาเร็ว ตลบหลังได้หลายๆชั้น ในที่นี้ควรจะเป็น 4 ชั้น ระวังพลเรือนที่ทหารติดอาวุธปลอมตัวเข้าไปปะปน เพื่อสังหารหรือสร้างสถานการณ์ หาโอกาสไปรับการฝึกอบรมการป้องกันตัวเองกับตำรวจหรือทหารฝ่ายประชาธิปไตย เมื่อเกิดเหตุการณ์ยาวนานจะได้เข้าเป็นกำลังหนุนได้
ประเทศไทยมีประมาณ 1,000 อำเภอ 9,000 ตำบล หากครึ่งหนึ่งเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ก็จะเท่ากับ 500 อำเภอ 4,500 ตำบล ถ้าประชาชนรวมกันได้ 2,000 คนที่จะต่อสู้ในยามจำเป็นได้ 1 อำเภอ 1 สถานีตำรวจก็จะเป็นจำนวนคนที่มีคุณภาพอย่างน้อย 1 ล้านคน ซึ่งมาจากชาวบ้านเพียงตำบลละ 200-250 คน ที่เป็นคนหนุ่มที่มีสติและความแข็งแรงเท่านั้น ไม่รวมทหารแปรพักตร์อีกจำนวนหนึ่ง เท่านี้ทหารก็ยากจะใช้กำลังหรือรัฐประหารได้
แต่ถ้าเมื่อสั่งแล้ว ทั้งตุลาการ ข้าราชการ และทหารนิ่งเฉย “กาขาว” ก็หมดสภาพ ประชาชนก็ขับเคลื่อนประเทศไปได้โดยมีแนวร่วมคือรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย จะดี จะชั่ว ประชาชนจะช่วยกันดูแลเอง ความสงบ สันติอย่างถาวรจะมาสู่สังคมไทย และนั่นหมายถึงการหมดยุค “ถิ่นกาขาว” ที่หลอกลวงประชาชนมาตลอดหลายสิบปี เข้าสู่สังคมยุคศิวิไลซ์ที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง และทุกคนมีกินกันทั่วหน้าชั่วลูกชั่วหลาน
ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 8 ฉบับ 369 วันที่ 21-27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 หน้า 10 คอลัมน์ เพื่อชาติประชาชน โดย Pegasus
คอลัมน์/บทความ -
เรื่อง อวสาน‘ถิ่นกาขาว’!
โดย Pegasus
มา ถึงวันนี้คนไทยประจักษ์ชัดแล้วว่า คำทำนายเรื่อง “ถิ่นกาขาว” หมายถึงอะไร เดิมทีบอกว่าเป็นเรื่องฝรั่งผิวขาวเข้ามาเต็มเมือง คำทำนายถิ่นกาขาวยังบอกว่าเป็นกลียุคเพราะโจรครองเมือง พอประมวลเหตุการณ์ทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วก็มาถึงข้อสรุปว่า ถิ่นกาขาวหมายถึงกาที่แท้จริงมีสีดำ ทำการอำพรางความดำของตัวเองด้วยการเอาสีขาวมาทาให้คนเข้าใจผิด
นับ ว่าผู้ทำนายเหตุการณ์นี้แม่นเหมือนตาเห็น เพราะโจรที่ครองเมืองอาศัยข้ออ้างว่าตนเองเป็นคนดี มีคุณธรรม แต่แอบทำความชั่วตามนิสัยเดิมของตน จนในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผยออกมา คนแล้วคนเล่า กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ว่าแท้จริงแล้วคนดี มีคุณธรรมทั้งหลาย ก็คือกาดำนั่นเอง
บัดนี้ได้เวลาเปิดโปงกาดำเหล่านี้ให้หมดเปลือก และขับไล่ออกจากบ้านนี้ไปให้พ้น เพื่อเปิดรับนกที่ดีมีคุณธรรมที่แท้จริง เช่น นกพิราบขาวที่รักสันติ รักประชาธิปไตย และรักมนุษย์ด้วยกัน ช่วงนี้เป็นการปะทะกันระหว่างความดีคือฝ่ายประชาชน กับฝ่ายชั่วคือสมุนเผด็จการอำมาตย์ จุดจบไม่ว่าจะเร็วหรือช้าเพียงใดก็ตาม ประชาชนจะชนะเสมอ ไม่ว่าจะต้องสูญเสียไปมากเพียงใดก็ตาม แต่การทำให้จบแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจะก่อให้เกิดความสูญเสียน้อยกว่าการปล่อย เวลาให้ทอดยาวออกไป และประชาชนต้องเสียสละกันต่อไป
แต่เมื่อฝ่ายการ เมืองคิดสู้โดยมีประชาชนหนุนหลังและมหาอำนาจสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี รวมถึงเพื่อนบ้านที่แสนดีอย่างญี่ปุ่นแล้ว เผด็จการที่ไหนจะทนแรงพัดโหมกระหน่ำของกระแสประชาชน กระแสประชาธิปไตย กระแสแห่งเสรีภาพและความยุติธรรมที่โหยหามานานหลายสิบปีได้
ถึงเวลา นี้เครื่องมือในการควบคุมถิ่นกาขาว ไม่ว่าจะเป็นสื่อ องค์กรในบังคับต่างๆ ตุลาการ และทหารต่างก็ชักบันไดหนี จนทุกอย่างจวนตัวหมดไม่สามารถทำลายฝ่ายประชาธิปไตยได้ดังใจ ยิ่งการถอยของฝ่ายตุลาการ เพราะการฟ้องคดีไม่เนียน ความรู้ไม่มี ผิดขั้นผิดตอน ผิดหลักกฎหมาย เพราะมีคนสั่งจนร้อนรนไปหมด ในที่สุดจุดอ่อนก็มีมากมายจนไปไม่ได้ ทำให้เหลือเพียงการจะใช้กำลังทหารที่พอคุมได้ให้ออกมายึดอำนาจก่อนที่ ทุกอย่างจะสายเกินไป ซึ่งก็ขาดความชอบธรรมอีก และทำให้ถูกปราบปรามได้ง่ายดาย ข้าราชการที่เคยเข้ามาประจบประแจงก็จะถอยห่างออกไป หมดคนที่เคยห้อมล้อม มีแต่ความเย็นเยียบของความเปล่าเปลี่ยว หาคนไว้ใจได้ไม่มีความโดดเดี่ยวหงอยเหงาเช่นนี้ช่างกัดกินชีวิตเสียเหลือ เกิน ไม่ว่าจะมีเงินทองมากล้นเพียงใดก็ตาม ก็เพียงซื้อความสมบูรณ์ทางร่างกาย แต่หาความสุขสมบูรณ์ทางจิตใจสักน้อยนิดไม่มี ไม่ช้าก็จะทรุดและหลุดลอยไปในที่สุด
ประเด็นอยู่ตรงนี้ ที่ถิ่นกาขาวต้องหมดไปพร้อมกับความเคียดแค้นและไฟริษยาอาฆาตต่อเพื่อนมนุษย์ ไฟโทสะที่ร้อนจะพาไปหาธาตุร้อน คือไฟนรกที่แผดเผาจนหมกไหม้ชั่วกาลนาน ผู้ที่นิยมยินดีก็จะอาสาตามไปหมกไหม้ในนรกด้วยความเต็มใจ เพราะตั้งใจจะติดตามกันไปอยู่แล้ว
แต่ประชาชนคนไทยและผู้รัก ประชาธิปไตยต้องระวังไม่ให้เอาจิตไปผูกพันกับวัตถุที่จะไปยังนรกอเวจี ด้วยการดีใจหรือสะใจกับความทุกข์ของผู้อื่น แม้ว่าจะทำกับประชาชนไว้มากก็ตาม เพราะหากไปผูกติดไว้เมื่อตนเองจะหมดลมหายใจก็อาจถูกลากลงไปในนรกด้วย อย่าได้ประมาทเป็นอันขาดทีเดียว
เวลาในการต่อสู้กับ “กาดำ” ที่แสร้งทำตัวเป็น “กาขาว” ใกล้จะจบลงแล้ว ด้วยว่า “กาขาว” ได้ถูก “โรคตาสว่าง” ลอกคราบสีจนล่อนจ้อนเหลือแต่เพียงความดำมืดของจิตใจเท่านั้น การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายยังคงมีอยู่และน่าจะรุนแรงอย่างถึงที่สุด นอกเสียจากบริวารจะถอยออกมาแล้วพูดวลีเด็ดว่า “มันจบแล้วครับนาย” ก็น่าจะยังคงอยู่กันแบบกระท่อนกระแท่นต่อไปได้
ฝ่ายประชาชนเองก็อย่า ชะล่าใจ ปล่อยให้คนกลุ่มนี้ตั้งตัวได้หรือมีการสืบทอดอำนาจกันได้อีกต่อไป ในเวลานี้สิ่งที่ควรทำคือ รวมตัวกันเป็นกลุ่มๆละ 50 คน แล้วเชื่อมโยงไปกลุ่มอื่นๆอีก 3-4 กลุ่ม เพื่อว่ามีความจำเป็นจะได้ช่วยกัน เงื่อนไขคือต้องไม่ให้มีการปิดล้อมสังหารเหมือนเดิม แต่ประชาชนจำนวนมากต้องไปเร็วมาเร็ว ตลบหลังได้หลายๆชั้น ในที่นี้ควรจะเป็น 4 ชั้น ระวังพลเรือนที่ทหารติดอาวุธปลอมตัวเข้าไปปะปน เพื่อสังหารหรือสร้างสถานการณ์ หาโอกาสไปรับการฝึกอบรมการป้องกันตัวเองกับตำรวจหรือทหารฝ่ายประชาธิปไตย เมื่อเกิดเหตุการณ์ยาวนานจะได้เข้าเป็นกำลังหนุนได้
ประเทศไทยมีประมาณ 1,000 อำเภอ 9,000 ตำบล หากครึ่งหนึ่งเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ก็จะเท่ากับ 500 อำเภอ 4,500 ตำบล ถ้าประชาชนรวมกันได้ 2,000 คนที่จะต่อสู้ในยามจำเป็นได้ 1 อำเภอ 1 สถานีตำรวจก็จะเป็นจำนวนคนที่มีคุณภาพอย่างน้อย 1 ล้านคน ซึ่งมาจากชาวบ้านเพียงตำบลละ 200-250 คน ที่เป็นคนหนุ่มที่มีสติและความแข็งแรงเท่านั้น ไม่รวมทหารแปรพักตร์อีกจำนวนหนึ่ง เท่านี้ทหารก็ยากจะใช้กำลังหรือรัฐประหารได้
แต่ถ้าเมื่อสั่งแล้ว ทั้งตุลาการ ข้าราชการ และทหารนิ่งเฉย “กาขาว” ก็หมดสภาพ ประชาชนก็ขับเคลื่อนประเทศไปได้โดยมีแนวร่วมคือรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย จะดี จะชั่ว ประชาชนจะช่วยกันดูแลเอง ความสงบ สันติอย่างถาวรจะมาสู่สังคมไทย และนั่นหมายถึงการหมดยุค “ถิ่นกาขาว” ที่หลอกลวงประชาชนมาตลอดหลายสิบปี เข้าสู่สังคมยุคศิวิไลซ์ที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง และทุกคนมีกินกันทั่วหน้าชั่วลูกชั่วหลาน
ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 8 ฉบับ 369 วันที่ 21-27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 หน้า 10 คอลัมน์ เพื่อชาติประชาชน โดย Pegasus
söndag 28 oktober 2012
....... The old gang gets a crowd......แก๊งคนแก่ไดโนเสาร์ข้าทาสผู้จงรักภักดี....
โดย คุณดวงจำปา
โพสต์ใน Facebook: https://www.facebook.com/photo.php?fbid=348907618539477
อ้างอิง: The old gang gets a crowd
สำหรับผู้ที่หวังว่า กลุ่มผู้ทำการรณรงค์ซึ่งนำโดยพลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์และกลุ่มพิทักษ์สยามของเขา ซึ่งเป็นกลุ่มแนวหน้าของฝ่ายกษัตริย์นิยมรอยัลลิสต์จะเป็นเพียงกลุ่มที่ส่งเสียงร้องแบบซู่ซ่าแล้วหยุดเงียบไปนั้น รายงานข่าวจากรูปภาพเป็นจำนวนมากจากหนังสือพิมพ์ มติชน ได้เสนอว่า มันไม่ใช่อย่างที่คิดกัน ตามที่เวปของ PPT ได้เสนอมาก่อนนั้น “แก๊งคนแก่” ได้กลับมารวมตัวกันจนได้ และนี่คือการทดสอบเกี่ยวกับการสนับสนุนของแก๊งคนแก่ ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายเสื้อเหลือง, กลุ่มผู้คลั่งฝ่ายสถาบันกษัตริย์, กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, กลุ่มทหารที่เกษียณอายุไปแล้ว, กลุ่มที่มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันกับฝ่ายองคมนตรี และกลุ่มย่อยๆ อีกหลายกลุ่ม
เวป PPT คาดคะเนว่า จำนวนผู้คนที่ออกมาร่วมการประท้วงนั้น จะเป็นการย้อมใจให้กับผู้ที่มีความปรารถนาต่อการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่สนับสนุนนโยบายของนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร อีกครั้งหนึ่ง ถ้าการบ่อนทำลายเหล่านี้ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องแล้ว เราก็สามารถคาดหวังกันได้ว่า กลุ่มเสื้อเหลืองผู้รอบรู้ด้วยยุทธวิธีต่างๆ จะใช้กลยุทธ์ด้วยการ “โจมตีแบบหลบๆ ซ่อนๆ” ของพวกเขาด้วยเหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันกับในครั้งนี้ให้เพิ่มจำนวนขึ้นมาอีกหลายครั้ง และการสนับสนุนนั้น จะถูกแสดงให้เห็นจากกลุ่มระดับผู้นำของฝ่ายกองทัพซึ่งหนุนหลังอยู่ความเห็นของผู้แปล:
เมื่อมีแผนการที่พยายามล้มล้างรัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน มันจึงเป็นหน้าที่หนึ่งของประชาชนที่จะใช้การสื่อสารและแจกจ่ายข้อมูลให้เป็นประโยชน์ ในขณะนี้ โอกาสที่จะใช้วิธีเดิมๆ เช่นการ forward mail มันถือว่าเป็นเรื่องที่ล้าหลัง ท่านผู้รักประชาธิปไตยควรจะใช้การสื่อสารในโลกอินเตอร์เนทให้เป็นประโยชน์ และพยายามเปิดเวทีด้วยการใช้โลกล้อมประเทศ เหมือนอย่างที่ดิฉันกล่าวไว้เสมอว่า ในปัจจุบัน การสื่อสารเป็นเรื่องของที่โลกไร้พรมแดนเสียแล้ว และวิธีการเก่าๆ มันไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้เช่นเก่าอย่างมีประสิทธิภาพ
และที่สำคัญที่สุดก็คือ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริงจะไม่เป็นแบบสงบสันติอย่างแน่นอน เพราะเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งไม่ใช้วิธีการตามกติกา ดังนั้น ก็ขอให้ท่านจงเตรียมพร้อม รับฟังและวิเคราะห์ว่า อะไรเป็นความจริงและเป็นความเท็จ เพื่อท่านสามารถสร้างจุดยืนของตนเองด้วยความมั่นใจว่า สิ่งที่ท่านทำหรือกำลังจะกระทำอยู่นั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามสติปัญญาที่ท่านมั่นใจให้ความแน่ใจและชัดเจนอย่างแท้จริง
Doungchampa Spencer
อ้างอิง: The old gang gets a crowd
สำหรับผู้ที่หวังว่า กลุ่มผู้ทำการรณรงค์ซึ่งนำโดยพลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์และกลุ่มพิทักษ์สยามของเขา ซึ่งเป็นกลุ่มแนวหน้าของฝ่ายกษัตริย์นิยมรอยัลลิสต์จะเป็นเพียงกลุ่มที่ส่งเสียงร้องแบบซู่ซ่าแล้วหยุดเงียบไปนั้น รายงานข่าวจากรูปภาพเป็นจำนวนมากจากหนังสือพิมพ์ มติชน ได้เสนอว่า มันไม่ใช่อย่างที่คิดกัน ตามที่เวปของ PPT ได้เสนอมาก่อนนั้น “แก๊งคนแก่” ได้กลับมารวมตัวกันจนได้ และนี่คือการทดสอบเกี่ยวกับการสนับสนุนของแก๊งคนแก่ ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายเสื้อเหลือง, กลุ่มผู้คลั่งฝ่ายสถาบันกษัตริย์, กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, กลุ่มทหารที่เกษียณอายุไปแล้ว, กลุ่มที่มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันกับฝ่ายองคมนตรี และกลุ่มย่อยๆ อีกหลายกลุ่ม
เวป PPT คาดคะเนว่า จำนวนผู้คนที่ออกมาร่วมการประท้วงนั้น จะเป็นการย้อมใจให้กับผู้ที่มีความปรารถนาต่อการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่สนับสนุนนโยบายของนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร อีกครั้งหนึ่ง ถ้าการบ่อนทำลายเหล่านี้ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องแล้ว เราก็สามารถคาดหวังกันได้ว่า กลุ่มเสื้อเหลืองผู้รอบรู้ด้วยยุทธวิธีต่างๆ จะใช้กลยุทธ์ด้วยการ “โจมตีแบบหลบๆ ซ่อนๆ” ของพวกเขาด้วยเหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันกับในครั้งนี้ให้เพิ่มจำนวนขึ้นมาอีกหลายครั้ง และการสนับสนุนนั้น จะถูกแสดงให้เห็นจากกลุ่มระดับผู้นำของฝ่ายกองทัพซึ่งหนุนหลังอยู่ความเห็นของผู้แปล:
เมื่อมีแผนการที่พยายามล้มล้างรัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน มันจึงเป็นหน้าที่หนึ่งของประชาชนที่จะใช้การสื่อสารและแจกจ่ายข้อมูลให้เป็นประโยชน์ ในขณะนี้ โอกาสที่จะใช้วิธีเดิมๆ เช่นการ forward mail มันถือว่าเป็นเรื่องที่ล้าหลัง ท่านผู้รักประชาธิปไตยควรจะใช้การสื่อสารในโลกอินเตอร์เนทให้เป็นประโยชน์ และพยายามเปิดเวทีด้วยการใช้โลกล้อมประเทศ เหมือนอย่างที่ดิฉันกล่าวไว้เสมอว่า ในปัจจุบัน การสื่อสารเป็นเรื่องของที่โลกไร้พรมแดนเสียแล้ว และวิธีการเก่าๆ มันไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้เช่นเก่าอย่างมีประสิทธิภาพ
และที่สำคัญที่สุดก็คือ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริงจะไม่เป็นแบบสงบสันติอย่างแน่นอน เพราะเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งไม่ใช้วิธีการตามกติกา ดังนั้น ก็ขอให้ท่านจงเตรียมพร้อม รับฟังและวิเคราะห์ว่า อะไรเป็นความจริงและเป็นความเท็จ เพื่อท่านสามารถสร้างจุดยืนของตนเองด้วยความมั่นใจว่า สิ่งที่ท่านทำหรือกำลังจะกระทำอยู่นั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามสติปัญญาที่ท่านมั่นใจให้ความแน่ใจและชัดเจนอย่างแท้จริง
Doungchampa Spencer
Prenumerera på:
Inlägg (Atom)