lördag 20 oktober 2012

.....คำเตือนโปรดระวังโจรปล้น!....ทหารเอกขุนศึกคู่ใจอำมาตย์ขันทีเฒ่าเจ้าเล่ห์ "สุรยุทธ์ ณ.เขายายเที่ยง" ลูกทรพีของสหายคำตัน ทหารเอกคนนี้ได้เก็บตัวเงียบเชียบไม่เปิดเผยตัวเป็นข่าวเหมือนคนอื่น แต่เขาคือผู้วางแผนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ก่อความวุ่นวายทั้งหมด โดยให้ศาลรัฐธรรมนูญขัดขวางการทำงานของรัฐบาลและรัฐสภา นอกจากนี้ยังวางแผนให้พวกสมุนรับใช้ทาสที่ไม่ยอมปลดปล่อยตัวเองออกมาก่อเหตุการณ์ต่างๆเพื่อยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ในขณะเดียวกันอำมาตย์เฒ่าชราก็ออกมาบอกประชาชนให้สามัคคีกัน เป็นการชี้ให้เห็นว่าเวลาแห่งการรอคอยของประชาชนใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว ฉนั้นขอให้ผู้รู้ ผู้ตื่นตัว ผู้ตาสว่างรักความยุติธรรมทุกหมู่เหล่าอย่าประมาท โปรดเตรียมพร้อมตลอดเวลา เพราะอำมาตย์และพวกสมุนขุนศึกทาสรับใช้รู้ตัวแล้วว่าทางเลือกสุดท้ายคือเป็นโจรปล้นอำนาจจากประชาชนอีกครั้ง เพราะถ้าไม่ทำก็ตายทำก็ตายดังนั้นจึงจะยอมตายด้วยมือและเท้าของประชาชนไทย!!!!!

โดย  พิเภกอินเตอร์

อาการของ"ป๋า"เป็นอาการคนพ่ายแพ้ แพ้หมดรูป แพ้ปัญญา แพ้ความรู้ แพ้ความคิด แพ้วิกฤตศรัทธา แพ้บารมี...!!!

-บั้นปลายของชีวิต"ป๋า"....เขาคือผู้พ่ายแพ้ เป็น"อ้ายขี้แพ้"ที่หมดรูป

การกระทำใดใดของชายชาติทหาร ย่อมทรนงองอาจสมเป็นชาตินักรบ

กล้าทำกล้ารับ แม้เบื้องหน้าต้องเผชิญกับความตาย...

วันนี้จึงขอนำความเป็นชายชาติทหาร ของพลเอก ฉลาด หิรัญศิริ มาเล่าให้ฟัง

สิ่งที่ชายชาติทหารท่านนี้ได้กระทำ ไม่ขอชี้ผิดถูก แต่ที่นำมาพูด คือความเป็นชายชาติทหาร

เมื่อมีการปฏิวัติครั้ง เมษา ฮาวาย ท่านกระทำการพลาดไป ปฏิวัติไม่สำเร็จ

มีการสังหาร พลตรี อรุณ ทวาทศิน ผู้บัญชาการกองพลที่ ๑ โดยพลเอก ฉลาด เป็นผู้ลงมือ

ขณะมีการประชุมตกลงในห้องประชุมเกิดการต่อสู้แย่งชิงอาวุธ โดย พลตรี อรุณ เข้าแย่งปืน เอ็ม 16 จากนายทหาร

การต่อสู้แย่งชิงชุุลมุน พลเอก ฉลาด ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้น ได้ชักปืนสั้นยิงสังหาร พลตรี อรุณ เสียชีวิต
หลังปฏิวัติล้มเหลว ได้มีการขอลี้ภัยไปยังไต้หวัน และหนึ่งใน 5 กบฏนั้น มีเสธอ้าย พันตรี บุญเลิศ รวมอยู่ด้วย

ขณะรอเครื่องบินเพื่อลี้ภัย มีคำสั่งลับให้จับบุคคลทั้งห้า อันมี เสธหนั่นรวมอยู่ด้วย กลับมารับโทษ

ตลอดการสอบสวน พลเอก ฉลาด รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และยินยอมเซ็นรับโทษประหาร...นั้นคือสิ่งที่ทหารกล้าเขาทำ

ต่างจาก"ป๋า"ริบลับ ไม่ว่ามีการปฏิวัติรัฐประหารกี่ครั้ง เขาปฏิเสธไม่ยอมรับ"อย่างหน้าตาย"

ทั้งสิ้นที่่กล่าวมา การกระทำของ"ป๋า"ถือเป็นเรื่องของความขี้ขลาดตาขาว...ไม่ควรที่ทหารกล้าถือเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

ณ นาทีนี้ "ป๋า"จึงเป็นเพียงผู้ฉวยโอกาส เป็นอ้ายขี้ขลาด และ ขี้แพ้ แต่ไม่ยอมรับความจริง เหมือนชายชาติทหารที่ควรเป็น...!!!

ทางเลือกสุดท้ายของ"ป๋า" และ "ประชาธิปัตย์"...จึงเหลือเพียง"ปล้น"....!!!
-เตียบ่อหลัน(แซ่เตีย ชื่อ บ่อหลัน)อีกนามคือ"เปงติงสู"

เบื้องหน้าคล้ายวิญญูชน เบื้องหลังกลับโสมมและสามานย์...

เป็นหัวหน้า และประธานที่ปรึกษา "หนึ่งในสิบขันที"

หน้าฉากให้คำปรึกษา หลังฉากกลับบัญชานายของมัน

วางตนเป็นศูนย์กลางจักรวาล ให้ทุกสิ่งหมุนรอบตัวมัน

ผู้ใดคิดต่างจากนั้นมันสังหารสิ้น...!!!

สำคัญตนผิดว่าเป็นผู้กล้า เป็นทหารม้าอาสาศึกแทนนาย...ตัดสินใจแทนผู้อื่น

ความเป็นจริงหาใช่เช่นว่า มันคือ"เห็บม้า"ที่อาศัยเลือดผู้อื่น

ไม่มีตำแหน่งหน้าที่สั่งการ ทำตัวเทียมนาย เอาหน้าพิงเจ้า เอาหลังพิงวัง...นั้นแหละ"เตียบ่อหลัน"!!!
-สายน้ำไม่ไหลกลับฉันใด การตัดสินใจผิดพลาดก็ฉันนั้น
มีเพียงเลยตามเลย ตกกระไดคอหักตายคือทางรอด!!!

คำสั่งของผู้มากบารมี เหมือนเสมหะที่บ้วนออกไป
คิดเลียคืนมาใหม่ ความเย้ยหยันย่อมเกิดทั่วไป อายทั้งยุทธ์ภพ....

ผิดแล้ว จำต้องเดินหน้าหาความผิดอันมหันต์ยิ่งขึ้น
"โค่นจอมยุทธ์ชินฯ" ให้ได้ กำจัดนักสู้อาภรณ์แดงให้สิ้น

ด้วยเวลาอันจำกัด ชีวิตที่ยังดุจไม้ใกล้ฝั่ง
"อวงเล่งกง"จำต้องเปิดศึกใหญ่เร็ววัน....!!!

อันแผนสกัด"อวงเล่งเกี้ย" เพื่อชู "ซิเล่งทง" ตามแผน"เปงติงสู"
คือ.....จุดประกายสงครามใหญ่ ก่อนวันสิ้นประมุขค่าย "ฟ้าดิน"
มีคำสั่งลับ "กำจัดพวกมันให้สิ้น" หัวหน้าตึกสาขา "อาภรณ์แดง"...!!!???
ขอแก้ข้อมูลนิดฮะ..โดย. Savor

กบฎที่ ฉลาด หิรัญศิริ เป็นคนนำคือ กบฎ 26 มีนาคม 2520

ฉลาดเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะทำรัฐประหาร หลังจากการสังหารหมู่ในธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 6 ตุลาฯ 2519

แต่สุดท้าย สงัด ชลออยู่ ตัดหน้าทำไปก่อน...

กบฎ 26 มีนาฯ จึงน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากตอนนั้น


ส่วนกบฎเมษาฮาวาย หรือที่รู้จักกันในชื่อ "กบฎยังเติร์ก"

เป็นการยึดอำนาจจากเปรมนั่นแหละ...

การก่อการคราวนี้ทหารเตรียมพร้อมมาอย่างดีมาก เรียกได้ว่าปึ้ก ( ผู้ที่เกี่ยวข้องใช้คำว่า "พร้อมไม่แพ้ 24 มิ.ย. 2475 เลยทีเดียว )

ฝ่ายเปรมไม่มีอะไรไปสู้ได้เลย และก็กำลังจะแพ้อยู่รอมร่ออยู่แล้ว...

แต่แล้วไปๆมาๆ อยู่ดีๆฝ่ายเปรมกลับพลิกสถานการณ์ขึ้นมาได้เปรียบได้ จนสุดท้ายเป็นฝ่ายชนะในที่สุด...

ทุกๆท่านคงทราบกันดีว่า สาเหตุที่เปรมพลิกสถานการณ์ขึ้นมาได้นั้น... เป็นเพราะอะไร...

"งานปฏิวัติ เป็นงานซึ่งต้องทำไม่เฉพาะแต่เปลี่ยนระบอบการปกครอง เปลี่ยนระบอบการเศรษฐกิจ การคลัง และการศึกษาเท่านั้น

งานปฏิวัติจะต้องทำให้ตลอดถึงการเปลี่ยนลักษณะนิสัยใจมนุษย์..."


หลวงวิจิตรวาทการ

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar