โดย พ่อจูม่ง...
เมื่อ หลายปีก่อน สมัยที่คณะลิเก ตอแหลแลนด์ยังเฟื่องฟู เจ้าของโรงลิเกได้ตกลงให้ตาทัก เปิดขายข้าวมันไก่แก่ชาวบ้านในบริเวณโรงลิเกด้วย ด้วยความที่ข้าวมันไก่ของตาทักมีรสอร่อยและตาทักเองก็มีอัธยาศํยดี ทำให้ชาวบ้านติดอกติดใจเป็นอย่างยิ่ง ชาวบ้านที่ยอมจ่ายค่าตั๋วมายังโรงลิเกก็เพราะอยากลิ้มรสข้าวมันไก่อันเลื่อง ชื่อของตาทัก อีกทั้งตาทักยังได้จัดโปรโมชั่นกินข้าวมันไก่แถมน้ำยาล้างตา ผลิตภัณท์ใหม่ของตาทักไปด้วย ทำให้เจ้าของโรงลิเกสะสมความไม่พอใจเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะกลัวว่าชาวบ้านจะให้สนใจตาทักมากกว่าคณะลิเกของตน จึงได้วางแผนให้ก๊วนไอ้เหล่ ปล่อยฝูงหมาข้างต้นมารุมกัดตาทัก และแอบเผาร้านข้าวมันไก่ในคืนหนึ่งที่ตาทักติดธุระต้องไปนอนค้างต่างอำเภอ ไอ้เหล่พร้อมพวกยังกล่าวอาฆาตไม่ให้ตาทักเหยียบเข้ามาบริเวณโรงลิเกอีกด้วย ชาวบ้านที่รู้แผนอันแยบยลของเจ้าของโรงลิเกต่างไม่พอใจและรุมสวดกันนับแต่ วันนั้นเป็นต้นมา ทำให้ลิเกคณะตอแหลแลนด์เริ่มซบเซา ชาวบ้านไม่ตีตั๋วมาดูกันอีก ทำให้เจ้าของโรงลิเกกลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่ง
ต่อมาเจ้าของโรงลิเกได้วางแผนนำไอ้มัก หมารูปหล่อที่หลอกว่ามีเพดดิกรีออกมาโชว์ตัว โดยหวังว่าจะทำให้ชาวบ้านเกิดความเอ็นดูและยอมจ่ายตังเข้ามาดูลิเกอีก แต่แผนดังกล่าวก็ไม่ได้รับการตอบรับจากชาวบ้าน เดินผ่านไปผ่านมาข้างโรงลิเกไม่สนใจคณะลิเกอีกต่อไป ไอ้เหล่เด็กเก็บตั๋วพร้อมพรรคพวกเกิดความไม่พอใจจึงได้แอบเอาปืนยิงนกไปซุ่ม ยิงหัวกะบาลชาวบ้าน พร้อมๆกับปล่อยไอ้มักและไอ้เถือก วิ่งไปไล่งับขาชาวบ้าน เกิดความโกลาหลไปทั่วโรงเจและจับกลุ่มวิพากวิจารณ์ถึงความไม่ถูกต้องดัง กล่าว อีกทั้งภายในโรงเจก็เป็นเขตอภัยทาน ชาวบ้านยิ่งโกรธเคืองเป็นทวีคูณ นอกจากนั้นยังมีข่าวรั่วไหลออกมาว่า เพิ้ง ลูกสาวของเจ้าของโรงลิเกเป็นผู้สั่งให้ไอ้เหล่ไปแอบยิงพร้อมปล่อยไอ้มักและ ไอ้เถือกออกมากระทำดังกล่าว
เพิ้ง เป็นลูกสาวคนโปรดของเจ้าของโรงลิเก มีนิสัยไม่ค่อยจะแน่ชัด ดูทั่วไปเหมือนเป็นคนใจบุญ แต่ข่าวที่เล็ดลอดออกมาจากคณะลิเกมาว่า แท้จริงเพิ้งเป็นคนขี้งก อาฆาตมาดร้ายตลอดเวลา เพิ้งไม่พอใจที่ชาวบ้านไม่ยอมมาดูลิเกเหมือนเดิม ทำให้คณะลิเกขาดรายได้ไปจำนวนมาก เพิ้งหมายมั่นว่าจะได้เป็นเจ้าของโรงลิเกต่อไป เพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมาขณะที่คณะลิเกเฟื่องฟู คณะลิเกได้สะสมชุดลิเก และเครื่องประดับไว้มากมายสุดเหลือคณานับ คณะลิเกได้รับการยกย่องจากนิตรสารแฟล๊บว่า เป็นคณะลิเกที่รวยที่สุด เพิ้งจึงหวังที่จะได้เป็นเจ้าของโรงลิเกต่อไป
ความทะเยอทะยานของเพิ้งและไอ้เหล่ ไม่คลาดสายตาของโอ๋ พี่ชายของเพิ้ง โอ๋นั้นก็ชอบกินข้าวมันไก่ของตาทักเช่นกัน อีกทั้งตาทักก็ชอบแอบเอาเนื้อไก่ส่วนที่ดีที่สุดให้โอ๋ได้กินบ่อยๆ โอ๋จึงรู้สึกอยากจะช่วยตาทักให้ได้กลับเข้ามาขายข้าวมันไก่บริเวณโรงลิเกอีก แต่โอ๋ก็ต้องเก็บตัวเงียบๆเพราะว่า โอ๋นั้นไม่ได้เป็นลูกคนโปรดของเจ้าของโรงลิเก แต่โอ๋ก็ยังมีความรู้สึกมั่นใจเพราะตามประเพณีที่สืบทอดกันมาของคณะลิเกตอ แหลแลนด์ โอ๋จะต้องเป็นเจ้าของคนต่อไปอย่างแน่นอน ยกเว้นแต่ว่าเพิ้งจะรวมหัวกับไอ้เหล่และฝูงหมาไล่งับไม่ให้เข้าไปยังโรงลิเก
การสืบทอดเป็นเจ้าของโรงลิเกคนใหม่ทำความว้าวุ่นใจเป็นอย่างยิ่งตลอดหลายปี ที่ผ่านมาแก่เจ้าของโรงลิเก อีกทั้งสุขภาพร่างกายก็เสื่อมถอยลงทุกวัน ทำให้บ่อยครั้งที่เจ้าของโรงลิเกวัยชราต้องแอบมานั่งทอดอาลัยดูสายน้ำที่ไหล ผ่านด้านหลังโรงลิเก เพ้อรำพันตลอดเวลาว่า “เวลาผ่านไปดั่งสายน้ำ ไหลไปไม่เคยไหลย้อนกลับ” เจ้าของโรงลิเกอยากกลับมาเป็นหนุ่มกระชุ่มกระชวยอีก เพื่อจะได้แสดงลิเกและมีรายได้ไปซื้อชุดลิเกและเครื่องประดับมาสะสมให้ยิ่ง ขึ้นไปอีก คิดถึงลูกหลานแล้วก็ให้เป็นห่วง อาการของเจ้าของโรงลิเกถูกเฝ้าจับตามองจาก พริ้ม ลูกสาวคนสุดท้องตลอดเวลา และพริ้มเองก็เป็นคนเดียวที่คอยนำข่าวมาประกาศหน้าโรงลิเกว่า “พ่อยังสบายดีคร่า พร้อมจะออกมาวิ่งให้ดูในเวลาอันใกล้” ทำให้แม่ยกที่ยังติดใจคณะลิเกตอแหลแลนด์ไม่เสื่อมคลาย คลายกังวลไปได้
จริงๆแล้วเจ้าของโรงลิเก มีลูกสาวทั้งหมด3 คน คนโตนั้นชื่อ สูสี ได้แอบไปมีครอบครัวที่ต่างอำเภอโดยไม่ได้บอกกล่าว ทำให้เจ้าของโรงลิเกโมโหจนไล่ออกจากคณะลิเก และไม่ให้มายุ่งเกี่ยวอีกต่อไป สูสี นั้นไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัว จึงได้แอบกลับมาอยู่ในหมู่บ้านใกล้โรงเจ และเปิดคณะแสดงงิ้วเพื่อหาเลี้ยงชีพ คณะงิ้วของสูสี แสดงไปทั่วโดยอาศัยชื่อเสียงของเจ้าของโรงลิเกเป็นใบเบิกทาง ทำให้แม่ยกทั้งหลายเกรงใจเพราะถ้าไม่อุดหนุนดูงิ้วก็จะอดดูลิเก คณะงิ้วของสูสีนั้นใช้ชื่อว่า “อั๊วหล่ายเจ๊ก” แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “อยากเป็นที่หนึ่ง” นับแต่ สูสี ได้มีคณะงิ้วเป็นของต้วเอง ก็ได้เร่งรีบแสดงไปทั่วอำเภอ ทำรายได้ให้แก่ สูสี จำนวนมาก ทำให้สูสีสามารถสะสมชุดงิ้วและเครื่องประดับให้แก่คณะของตน และบางครั้งสูสีก็ไปหารายได้เสริม สร้างหนังกลางแปลง เพื่อเอาไว้ฉายตามหมู่บ้าน เวลาที่พวกพ่อค้าเอายาไปแหกตาขายพวกชาวบ้าน สร้างเองแสดงเอง จนหอสมุดประจำหมู่บ้านทนไม่ไหว ต้องรีบทำใบประกาศรับรองความเก่งกาจให้แก่ สูสี จนเป็นที่ร่ำรือไปทั่วแวดวงร้านขายกะปิและขายปลาช่อนในหมู่บ้าน
คอยติดตามตอนต่อไป
รักนะจรุฟๆ
พ่อจูม่ง
ประธานสมาคม แดงเทียม แดงหาแดก แห่งประเทศไทยในพระราชาชูรส คลิ๊กลิ้งขวามือนี้เพืออ่านความเดิมตอนที่แล้วhttp://www.interneto...B9%80%E0%B8%81/
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar