เหนื่อยแสนเหนื่อย ล้าแล้วล้าอีก
เมื่อใดจะได้พักซักที เมื่อไรเราจะชนะ เราจะถึงจุดหมายกันไหม หลากหลายคำถาม
หลากหลายความคิด พรั่งพรูออกมาจากสมอง
เราเดินมาถูกทางหรือไม่ ถ้าไม่ถูก แล้วเราจะเดินไปในเส้นทางไหนถึงจะไม่หลงทาง เราจะเชื่อผู้นำทางคนไหนดี อะไรคือของแท้อะไรคือของเทียม
เหล่านี้คือหลากหลายความคิด ที่หลายท่านยังสับสนมองไม่ออก ไม่รู้จะเชื่อใครดี คล้ายว่าจะเดินต่อไปก็กลัวไม่ถูกทาง อะไรแบบนั้น
ทบทวนกันซักนิด จากจุดเริ่มต้น แท้จริง เราสู้เพื่ออะไร สู้กับใคร กันแน่
จากวันที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยถูกขับไล่โดยเจ๊กขบฎนามสนธิ ลิ้มทองกุล นับจากวันนั้นเป็นต้นมา เราเห็นอะไรกันบ้าง
ใช่แบบนี้ไหม
เห็นพล.อ. เปรม ออกมาให้ท้ายสนธิ เดินสายด่าท่านทักษิณ ยุยงทหารให้แข็งข้อกับรัฐบาลและสุดท้ายก็ ยึดอำนาจมันซะเลยจากฝีมือทหารของกองทัพไทย
ได้เห็นลูกกระแป๋งพล.อ.เปรม นามสุรยุทธ์ทายาทประธานองค์มนตรี ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนที่ แล้วก็บริหารประเทศไทยแทนรัฐบาลที่มาจากประชาชนเลือก บริหารงานไปวันๆแบบเช้าชามเย็นชาม ไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆทั้งสิ้น เพื่อรอเวลาให้รัฐธรรมนูญฉบับ”หัวคูน” คลอดออกมาเท่านั้น
ณ ตอนนั้น พวกเราออกกันมาต่อสู้มากมายกันแล้ว วันนั้นเมื่อปี49ย้อนหลังไป6ปีกว่าๆ เราสู้กับอะไร และสู้เพื่อใคร จำได้ไหม
คำตอบใช่แบบนี้ไหม เราสู้กับอำนาจเถื่อน เราสู้กับอำนาจเผด็จการ เราสู้กับทหาร และสู้กับสื่อทุกชนิดที่ผลิตภายใต้กลาครอบของประเทศไทย จนกำเนิดเว็บไซด์ต่อต้านเผด็จการมากมายในโลกไซเบอร์ที่เป็นช่องทางเดียวจะ รู้ความจริงได้จากสื่อในประเทศนี้
จำได้ไหม ตอนนั้นเรามีใครกันบ้างที่หาญกล้าออกมาเป็นแกนนำชนกับส้นตีนทหารแบบไม่กลัวตาย เขาเหล่านั้นตอนนั้นเขาหวังอะไร
“คุก”ได้กักขังพวกเขาไปกี่คนแล้วตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
จำกันได้ไหม?
ต่อมาเราเห็นอะไรต่อจากอำนาจเถื่อน
สองมาตรฐานของศาลไทยใช่หรือไม่ ถ้าคนไหนอยู่กับสนธิมันไม่เคยผิดไม่ว่าจะทำอะไร แต่ถ้าใครอยู่กับประชาชน แค่หายใจแรงๆศาลไทยก็ตัดสินประหารชีวิตได้แล้ว(แค่อุปมา) จริงไหม
เห็นผู้พิพากษา ออกมาเป็นแร้งเป็นกา จนได้ดิบได้ดีกันหลายคน ปลายกระบอกปืนยังมีตาชั่งแขวนอยู่ว่ากันอย่างนั้นเลย เรียกซะอย่างโก้ “ตุลาการภิวัติ” ซึ่งในทางปฏิบัติแปลว่า “ตุลาการที่มีธงนำมาตั้งแต่คดียังไม่ขึ้นสู่บัลลังก์”
ผู้พิพากษาเปลี่ยนอาชีพใหม่กันหลายคน เป็นกกต.ก็มี เป็นปปช.ก็มี เป็นคตส.ก็มีฯลฯ กระทั้งบางคนเป็นปลัดกระทรวงเลยก็ยังมี ทุกตัวประกอบเหล่านี้ ล้วนเอาศักศรีของความเป็นมนุษย์ที่เคยมีคนยกย่องนับถือเครื่องทรงที่เคยสวม ใส่ตอนขึ้นบัลลังก์มาหากินหาผลประโยชน์กันทั้งนั้น นั้งเทียนเขียนคำบรรยายยกแม่น้ำที่ออกสีดำทั้งห้าออกมากลั่นแกล้งคนซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าอยู่แบบนั้น
จำได้ไหม ณ ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น เราพวกเราทำอะไรกันบ้าง สาหัสสากันกันแค่ไหน ไม่เหนื่อยไม่ล้าไม่กลัวฝน ไม่กลัวหนาว ทนกันอยู่แบบนั้น ซ้ำๆซากๆกันเกือบทุกวันจนกระทั้ง ต้องเดินทางไปเจอส้นตีนทหารที่บ้านสี่เสากันจนได้ สาหัสกันไปกี่คนเป็นคดีความกันไปกี่คน เข้าคุกนับเป็นครั้งแรกกี่คน
และเหมือนเดิม ข่าวที่ไหนมีเหตุการณ์ที่ถ่ายทอดตรงไปตรงมาให้เห็นกันบ้าง ใช่เว็บไซด์อย่างเดียวเท่านั้นใช่ไหม
ถามว่า “เราสู้กับใคร” ณ ตอนนั้น
จนกระทั้งมีการเลือกตั้ง มีการปล้นอำนาจของประชาชนไปอีกครั้ง จากเผด็จการสายตรงที่มีชื่อเป็นทางการว่า”ศาลรัฐธรรมนูญ” ทำการรัฐประหารซ้ำอีกครั้ง แล้วหลังจากนั้นได้เกิดอะไรขึ้น
ปี52 ห่ากระสุนปืน ยิงเข้าใส่ประชาชนอย่างบ้าคลั่ง ยิงไปเก็บศพไป ล้างถนนไป ตายฟรีๆไปเท่าไร ที่ไม่รู้ เพราะหาศพไม่เจอ อีกส่วนหนึ่งเข้าไปนอนในกรงเหมือนเดิม
คำถามซ้ำ”เราสู้กับใคร”ณ ตอนนั้น
การกระทำซ้ำๆซากๆที่กระชากหัวใจจากประชาชน ของระบอบตุลาการภิวัติและอำนาจเหนือธรรมชาติ ทำให้มวลชนคนเสื้อแดงมากขึ้นจนเป็นล้านและหลายล้านคน แทบจะทุกหัวระแหงของประเทศไทยไปที่ไหนก็มีแต่คนเป็นเสื้อแดงทั้งนั้น
คำถามอีกครั้ง “คนเสื้อแดงสู้กับใคร” ทำไมยิ่งสู้คนยิ่งเพิ่มขึ้น
กาลเวลาเลื่อนของมันมาเรื่อยๆ แต่ทุกย่างก้าวของคนเสื้อแดง มีแต่เจ็บ มีแต่ตาย มีแต่ช้ำ มีแต่หมดเนื้อหมดตัวอยู่แบบนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกระทั้งก่อนจะเกิด “การฆาตกรรมหมู่ ล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์สัญชาติไทย” ที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร
“เหนือมนุษย์”ได้ส่งสองฆาตกรอำมหิตเข้า มาบริหารประเทศ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีทั้งสองฆาตกรที่ประวัติมีแต่ความฉาว โฉ่ ในเรื่องคาวโลกีย์และสุดยอดของความเลว ที่พร้อมจะทำอะไรก็ได้ในประเทศนี้ไม่ว่าจะถูกจะผิดไม่รู้ เพียงว่าได้สนองตัณหาให้กับ”เหนือมนุษย์”แค่นั้นพวกเขาสามารถทำได้ทั้งหมด โดยไม่มียางอายหรือความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ใดๆทั้งสิ้น ใช้ชิวหาตวัดกวัดแกว่งทำลายร้างคนเสื้อแดงได้ทุกกรณีทุกเรื่อง จากขาวทำให้เป็นดำ จากดำทำให้เสมือนว่ามันมีขาวอยู่ข้างในนั้น หลอกล่อประชาชนส่วนน้อยของประเทศให้ยังคงสถานะเป็นฐานหลักปักขี้เลนของตน เองอยู่
สองตัวฆาตรกรบริหารประเทศอยู่แบบนี้เสมือนว่า ทุกอย่าง ที่พวกเขาทำไม่เคยเห็นหัวเจ้าของประเทศตัวจริงกันเลย
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เมื่อคนเสื้อแดงมากขึ้น ความคิดก็หลากหลายมากตามไปด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ หลายคนมีแนวทางใหม่ๆเป็นของตนเองไม่ยอมรับแนวทางการต่อสู้แบบเดิมๆอีกแล้ว
แต่ ทุกความคิดก็มีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน นั้นคือ ต้องเอารัฐบาลที่”เหนือมนุษย์”ส่งมา ออกไปให้ได้ แม้ว่าแนวทางจะไม่เหมือนกันเลยก็ตามที ทุกอย่างก็มารวมตัวกันที่ใจกลางกรุงเทพมหานครจนได้ มีเวทีเล็ก มีเวทีใหญ่ มีเวทีย่อย มีกลุ่มเล็กลุ่มน้อยตั้งเต้นกันเป็นกระบวนยาวเหยียด เต็มถนนราชดำเนิน
แล้วทุกกลุ่มทุกแนวความคิดที่ออกมาสู้ ก็สังเวยชีวิตกันไปถ้วนหน้า มีทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะ ทุกระดับความรู้ ไม่ว่า จะมีแนวทางกันแบบไหนโดนกันหมด
ขอถามเหมือนเดิมอีก “พวกเขา คนเสื้อแดงสู้กับใคร”
มาณ.บัดนี้ แม้ว่าในด้านการเมือง ประชาชนได้บริหารประเทศก็จริงอยู่ แต่ การต่อสู้ก็ยังคงอยู่
กระบวนทัพใหญ่ เปลี่ยนในทางการต่อสู้แบบใหม่ “สู้ไปกราบไป” เรียกกันว่า “นักสู้หัวเข่าด้าน” กันไปแล้ว
ทัพเล็ก ทัพน้อย ที่สมทบกันมา ไม่พอใจวิธีการล้าหลังแบบนั้นอีก เริ่มแยกตัวออกมา
มาถึงตรงนี้แหละที่ต้องระวัง
อะไรคือของจริง อะไรคือแนวทางที่จะยึดหลักเอาไว้ ใครเดินผิด ใครเดินถูกกันแน่ หรือกระทั่งแดงเทียมมีจริงหรือไม่ ต้องตั้งหลักให้ดี
ตั้งแต่ผมเขียนเริ่มต้นเกริ่นมาจนถึงขณะนี้ มีคำถามเดียวมาตลอด “เราสู้อยู่กับใคร”
ท่านทั้งหลายได้คำตอบกันหรือยัง ถ้าได้คำตอบในหัวใจแล้วว่า “ เราสู้อยู่กับใคร”
ให้เชื่อได้ว่า ท่านเดินไม่ผิดทางแล้วครับ ท่านเดินมาถูกทางแน่แท้
ตัวอย่าง หัวกระบวนที่ชัดเจนและถุกทางแน่นอนก็คือ “กลุ่มนิติราษฎร์”
ถ้าเป็นนักการเมือง ก็ต้อง ดูที่การแสดงออกเวลานี้ครับ แล้วหันไปมองอดีตด้วย
ที่กล่าวมานี้มิใช่ว่า กลุ่มอื่นๆจะไม่ถูกทางนะครับ เพียงแต่ผมชี้แนวทางให้เห็นกันชัดๆแค่นั้น ที่เหลือต้องพิจารณาต่อ
และก็ไม่ใช่อีก ถ้ากลุ่มไหนไม่เด่นชัดว่าสู้กับอะไรแน่ จะมองว่ากลุ่มนั้นไปผิดทางก็ไม่ใช่อีก มีอีกหลายปัจจัยที่จะต้องดูกัน
สูตรสำเร็จง่ายๆแบบนี้ดีกว่า
2.ท่านชื่นชอบใครได้ทั้งหมด แนวทางอาจจะเปลี่ยนได้บ้าง แต่ จุดหมายต้องคงที่
1. ถ้า เราจะต้องเสียสละอะไรซักอย่างไม่ว่าจะเป็นชีวิต ทรัพย์สิน อิสรภาพ สิ่งที่จะได้มาต้องเป็นของประชาชนทุกคนได้รับ ไม่ใช่ของคนคนเดียวหรือกลุ่มเดียวเท่านั้น
0.อันนี้สำคัญมาก แค่พฤติกรรมเขาเปลี่ยนไป อย่าเพิ่งสรุปว่าเขาไม่ใช่ ให้ดูอดีตประกอบด้วย บางที่สัญชาติญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ย่อมมีกันทุกคน สู้แล้วต้องติดคุก สู้แล้วต้องตาย มันก็ต้องปรับตัวเป็นเรื่องธรรมดาครับ
เส้นทางการต่อสู้อันคดเคี้ยวนี้ มันอาจจะมีบ้างที่คนหลงทางแล้วหายไป เดินไม่ถึงจุดหมายปลายทาง อาจจะมีบ้างที่หมดแรงหมดกำลังต้องหยุดพักชั่วคราวก่อน และอาจจะมีอุปสรรคสำหรับอีกหลายคนที่ต้องทำมาหากินไม่สามารถเดินไปตลอดเส้น ทางอันยาวไกลนี้ได้
แต่เชื่อเถอะ เราถึงเส้นชัยแน่นอน เมื่อเวลาและจังหวะมาลงตัวพอดี เราจำเป็นต้องอาศัยเพื่อนร่วมทางทุกคนให้ร่วมเดินกับเราด้วยทั้งหมด ไม่ว่าใครจะเดินไปในเส้นทางไหนได้ทั้งนั้น แต่ขอให้เดินเท่านั้นพอ
อย่าหยุดเดิน การหยุดเดินคือการพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงครับ
เหนื่อยแสนเหนื่อย ล้าแล้วล้าอีก ใช่ไหมย้อนกลับไปดูเพื่อนเราครับ จะให้เขาตายฟรี เช่นนั้นหรือ
เราเดินถูกทางหรือไม่ อัน นี้เป็นสิ่งที่ต้องมั่นใจครับ ท่านจะเชื่อใครก็ไม่เป็นไรว่าจะเดินไปในเส้นทางไหน เพียงแต่การเดินของท่านทิศทางสุดท้ายคือยอดภูผาสูงชันที่ตั้งตระหง่านอยู่ เบื้องหน้าแค่นั้น ท่านไปถูกทางแน่นอนครับ จะมุดน้ำ จะลงเหว จะเหาะไป จะดำดินไปหรือจะเดินแบบปกติธรรมดา ก็สุดแต่ท่านจะเลือก มั่นใจได้เลยถึงเส้นชัยแน่นอนครับ
สุดท้ายของการเขียนในครั้งนี้
ผมเพียงแต่หวังว่า ให้เราทุกคนลดทิฐิกันเองลงมาบ้าง อภัยกันได้ก็ควรอภัย แค่นั้นน่าจะเพียงพอสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ครับ
เราเดินมาถูกทางหรือไม่ ถ้าไม่ถูก แล้วเราจะเดินไปในเส้นทางไหนถึงจะไม่หลงทาง เราจะเชื่อผู้นำทางคนไหนดี อะไรคือของแท้อะไรคือของเทียม
เหล่านี้คือหลากหลายความคิด ที่หลายท่านยังสับสนมองไม่ออก ไม่รู้จะเชื่อใครดี คล้ายว่าจะเดินต่อไปก็กลัวไม่ถูกทาง อะไรแบบนั้น
ทบทวนกันซักนิด จากจุดเริ่มต้น แท้จริง เราสู้เพื่ออะไร สู้กับใคร กันแน่
จากวันที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยถูกขับไล่โดยเจ๊กขบฎนามสนธิ ลิ้มทองกุล นับจากวันนั้นเป็นต้นมา เราเห็นอะไรกันบ้าง
ใช่แบบนี้ไหม
เห็นพล.อ. เปรม ออกมาให้ท้ายสนธิ เดินสายด่าท่านทักษิณ ยุยงทหารให้แข็งข้อกับรัฐบาลและสุดท้ายก็ ยึดอำนาจมันซะเลยจากฝีมือทหารของกองทัพไทย
ได้เห็นลูกกระแป๋งพล.อ.เปรม นามสุรยุทธ์ทายาทประธานองค์มนตรี ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนที่ แล้วก็บริหารประเทศไทยแทนรัฐบาลที่มาจากประชาชนเลือก บริหารงานไปวันๆแบบเช้าชามเย็นชาม ไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆทั้งสิ้น เพื่อรอเวลาให้รัฐธรรมนูญฉบับ”หัวคูน” คลอดออกมาเท่านั้น
ณ ตอนนั้น พวกเราออกกันมาต่อสู้มากมายกันแล้ว วันนั้นเมื่อปี49ย้อนหลังไป6ปีกว่าๆ เราสู้กับอะไร และสู้เพื่อใคร จำได้ไหม
คำตอบใช่แบบนี้ไหม เราสู้กับอำนาจเถื่อน เราสู้กับอำนาจเผด็จการ เราสู้กับทหาร และสู้กับสื่อทุกชนิดที่ผลิตภายใต้กลาครอบของประเทศไทย จนกำเนิดเว็บไซด์ต่อต้านเผด็จการมากมายในโลกไซเบอร์ที่เป็นช่องทางเดียวจะ รู้ความจริงได้จากสื่อในประเทศนี้
จำได้ไหม ตอนนั้นเรามีใครกันบ้างที่หาญกล้าออกมาเป็นแกนนำชนกับส้นตีนทหารแบบไม่กลัวตาย เขาเหล่านั้นตอนนั้นเขาหวังอะไร
“คุก”ได้กักขังพวกเขาไปกี่คนแล้วตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
จำกันได้ไหม?
ต่อมาเราเห็นอะไรต่อจากอำนาจเถื่อน
สองมาตรฐานของศาลไทยใช่หรือไม่ ถ้าคนไหนอยู่กับสนธิมันไม่เคยผิดไม่ว่าจะทำอะไร แต่ถ้าใครอยู่กับประชาชน แค่หายใจแรงๆศาลไทยก็ตัดสินประหารชีวิตได้แล้ว(แค่อุปมา) จริงไหม
เห็นผู้พิพากษา ออกมาเป็นแร้งเป็นกา จนได้ดิบได้ดีกันหลายคน ปลายกระบอกปืนยังมีตาชั่งแขวนอยู่ว่ากันอย่างนั้นเลย เรียกซะอย่างโก้ “ตุลาการภิวัติ” ซึ่งในทางปฏิบัติแปลว่า “ตุลาการที่มีธงนำมาตั้งแต่คดียังไม่ขึ้นสู่บัลลังก์”
ผู้พิพากษาเปลี่ยนอาชีพใหม่กันหลายคน เป็นกกต.ก็มี เป็นปปช.ก็มี เป็นคตส.ก็มีฯลฯ กระทั้งบางคนเป็นปลัดกระทรวงเลยก็ยังมี ทุกตัวประกอบเหล่านี้ ล้วนเอาศักศรีของความเป็นมนุษย์ที่เคยมีคนยกย่องนับถือเครื่องทรงที่เคยสวม ใส่ตอนขึ้นบัลลังก์มาหากินหาผลประโยชน์กันทั้งนั้น นั้งเทียนเขียนคำบรรยายยกแม่น้ำที่ออกสีดำทั้งห้าออกมากลั่นแกล้งคนซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าอยู่แบบนั้น
จำได้ไหม ณ ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น เราพวกเราทำอะไรกันบ้าง สาหัสสากันกันแค่ไหน ไม่เหนื่อยไม่ล้าไม่กลัวฝน ไม่กลัวหนาว ทนกันอยู่แบบนั้น ซ้ำๆซากๆกันเกือบทุกวันจนกระทั้ง ต้องเดินทางไปเจอส้นตีนทหารที่บ้านสี่เสากันจนได้ สาหัสกันไปกี่คนเป็นคดีความกันไปกี่คน เข้าคุกนับเป็นครั้งแรกกี่คน
และเหมือนเดิม ข่าวที่ไหนมีเหตุการณ์ที่ถ่ายทอดตรงไปตรงมาให้เห็นกันบ้าง ใช่เว็บไซด์อย่างเดียวเท่านั้นใช่ไหม
ถามว่า “เราสู้กับใคร” ณ ตอนนั้น
จนกระทั้งมีการเลือกตั้ง มีการปล้นอำนาจของประชาชนไปอีกครั้ง จากเผด็จการสายตรงที่มีชื่อเป็นทางการว่า”ศาลรัฐธรรมนูญ” ทำการรัฐประหารซ้ำอีกครั้ง แล้วหลังจากนั้นได้เกิดอะไรขึ้น
ปี52 ห่ากระสุนปืน ยิงเข้าใส่ประชาชนอย่างบ้าคลั่ง ยิงไปเก็บศพไป ล้างถนนไป ตายฟรีๆไปเท่าไร ที่ไม่รู้ เพราะหาศพไม่เจอ อีกส่วนหนึ่งเข้าไปนอนในกรงเหมือนเดิม
คำถามซ้ำ”เราสู้กับใคร”ณ ตอนนั้น
การกระทำซ้ำๆซากๆที่กระชากหัวใจจากประชาชน ของระบอบตุลาการภิวัติและอำนาจเหนือธรรมชาติ ทำให้มวลชนคนเสื้อแดงมากขึ้นจนเป็นล้านและหลายล้านคน แทบจะทุกหัวระแหงของประเทศไทยไปที่ไหนก็มีแต่คนเป็นเสื้อแดงทั้งนั้น
คำถามอีกครั้ง “คนเสื้อแดงสู้กับใคร” ทำไมยิ่งสู้คนยิ่งเพิ่มขึ้น
กาลเวลาเลื่อนของมันมาเรื่อยๆ แต่ทุกย่างก้าวของคนเสื้อแดง มีแต่เจ็บ มีแต่ตาย มีแต่ช้ำ มีแต่หมดเนื้อหมดตัวอยู่แบบนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกระทั้งก่อนจะเกิด “การฆาตกรรมหมู่ ล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์สัญชาติไทย” ที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร
“เหนือมนุษย์”ได้ส่งสองฆาตกรอำมหิตเข้า มาบริหารประเทศ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีทั้งสองฆาตกรที่ประวัติมีแต่ความฉาว โฉ่ ในเรื่องคาวโลกีย์และสุดยอดของความเลว ที่พร้อมจะทำอะไรก็ได้ในประเทศนี้ไม่ว่าจะถูกจะผิดไม่รู้ เพียงว่าได้สนองตัณหาให้กับ”เหนือมนุษย์”แค่นั้นพวกเขาสามารถทำได้ทั้งหมด โดยไม่มียางอายหรือความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ใดๆทั้งสิ้น ใช้ชิวหาตวัดกวัดแกว่งทำลายร้างคนเสื้อแดงได้ทุกกรณีทุกเรื่อง จากขาวทำให้เป็นดำ จากดำทำให้เสมือนว่ามันมีขาวอยู่ข้างในนั้น หลอกล่อประชาชนส่วนน้อยของประเทศให้ยังคงสถานะเป็นฐานหลักปักขี้เลนของตน เองอยู่
สองตัวฆาตรกรบริหารประเทศอยู่แบบนี้เสมือนว่า ทุกอย่าง ที่พวกเขาทำไม่เคยเห็นหัวเจ้าของประเทศตัวจริงกันเลย
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เมื่อคนเสื้อแดงมากขึ้น ความคิดก็หลากหลายมากตามไปด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ หลายคนมีแนวทางใหม่ๆเป็นของตนเองไม่ยอมรับแนวทางการต่อสู้แบบเดิมๆอีกแล้ว
แต่ ทุกความคิดก็มีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน นั้นคือ ต้องเอารัฐบาลที่”เหนือมนุษย์”ส่งมา ออกไปให้ได้ แม้ว่าแนวทางจะไม่เหมือนกันเลยก็ตามที ทุกอย่างก็มารวมตัวกันที่ใจกลางกรุงเทพมหานครจนได้ มีเวทีเล็ก มีเวทีใหญ่ มีเวทีย่อย มีกลุ่มเล็กลุ่มน้อยตั้งเต้นกันเป็นกระบวนยาวเหยียด เต็มถนนราชดำเนิน
แล้วทุกกลุ่มทุกแนวความคิดที่ออกมาสู้ ก็สังเวยชีวิตกันไปถ้วนหน้า มีทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะ ทุกระดับความรู้ ไม่ว่า จะมีแนวทางกันแบบไหนโดนกันหมด
ขอถามเหมือนเดิมอีก “พวกเขา คนเสื้อแดงสู้กับใคร”
มาณ.บัดนี้ แม้ว่าในด้านการเมือง ประชาชนได้บริหารประเทศก็จริงอยู่ แต่ การต่อสู้ก็ยังคงอยู่
กระบวนทัพใหญ่ เปลี่ยนในทางการต่อสู้แบบใหม่ “สู้ไปกราบไป” เรียกกันว่า “นักสู้หัวเข่าด้าน” กันไปแล้ว
ทัพเล็ก ทัพน้อย ที่สมทบกันมา ไม่พอใจวิธีการล้าหลังแบบนั้นอีก เริ่มแยกตัวออกมา
มาถึงตรงนี้แหละที่ต้องระวัง
อะไรคือของจริง อะไรคือแนวทางที่จะยึดหลักเอาไว้ ใครเดินผิด ใครเดินถูกกันแน่ หรือกระทั่งแดงเทียมมีจริงหรือไม่ ต้องตั้งหลักให้ดี
ตั้งแต่ผมเขียนเริ่มต้นเกริ่นมาจนถึงขณะนี้ มีคำถามเดียวมาตลอด “เราสู้อยู่กับใคร”
ท่านทั้งหลายได้คำตอบกันหรือยัง ถ้าได้คำตอบในหัวใจแล้วว่า “ เราสู้อยู่กับใคร”
ให้เชื่อได้ว่า ท่านเดินไม่ผิดทางแล้วครับ ท่านเดินมาถูกทางแน่แท้
ตัวอย่าง หัวกระบวนที่ชัดเจนและถุกทางแน่นอนก็คือ “กลุ่มนิติราษฎร์”
ถ้าเป็นนักการเมือง ก็ต้อง ดูที่การแสดงออกเวลานี้ครับ แล้วหันไปมองอดีตด้วย
ที่กล่าวมานี้มิใช่ว่า กลุ่มอื่นๆจะไม่ถูกทางนะครับ เพียงแต่ผมชี้แนวทางให้เห็นกันชัดๆแค่นั้น ที่เหลือต้องพิจารณาต่อ
และก็ไม่ใช่อีก ถ้ากลุ่มไหนไม่เด่นชัดว่าสู้กับอะไรแน่ จะมองว่ากลุ่มนั้นไปผิดทางก็ไม่ใช่อีก มีอีกหลายปัจจัยที่จะต้องดูกัน
สูตรสำเร็จง่ายๆแบบนี้ดีกว่า
2.ท่านชื่นชอบใครได้ทั้งหมด แนวทางอาจจะเปลี่ยนได้บ้าง แต่ จุดหมายต้องคงที่
1. ถ้า เราจะต้องเสียสละอะไรซักอย่างไม่ว่าจะเป็นชีวิต ทรัพย์สิน อิสรภาพ สิ่งที่จะได้มาต้องเป็นของประชาชนทุกคนได้รับ ไม่ใช่ของคนคนเดียวหรือกลุ่มเดียวเท่านั้น
0.อันนี้สำคัญมาก แค่พฤติกรรมเขาเปลี่ยนไป อย่าเพิ่งสรุปว่าเขาไม่ใช่ ให้ดูอดีตประกอบด้วย บางที่สัญชาติญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ย่อมมีกันทุกคน สู้แล้วต้องติดคุก สู้แล้วต้องตาย มันก็ต้องปรับตัวเป็นเรื่องธรรมดาครับ
เส้นทางการต่อสู้อันคดเคี้ยวนี้ มันอาจจะมีบ้างที่คนหลงทางแล้วหายไป เดินไม่ถึงจุดหมายปลายทาง อาจจะมีบ้างที่หมดแรงหมดกำลังต้องหยุดพักชั่วคราวก่อน และอาจจะมีอุปสรรคสำหรับอีกหลายคนที่ต้องทำมาหากินไม่สามารถเดินไปตลอดเส้น ทางอันยาวไกลนี้ได้
แต่เชื่อเถอะ เราถึงเส้นชัยแน่นอน เมื่อเวลาและจังหวะมาลงตัวพอดี เราจำเป็นต้องอาศัยเพื่อนร่วมทางทุกคนให้ร่วมเดินกับเราด้วยทั้งหมด ไม่ว่าใครจะเดินไปในเส้นทางไหนได้ทั้งนั้น แต่ขอให้เดินเท่านั้นพอ
อย่าหยุดเดิน การหยุดเดินคือการพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงครับ
เหนื่อยแสนเหนื่อย ล้าแล้วล้าอีก ใช่ไหมย้อนกลับไปดูเพื่อนเราครับ จะให้เขาตายฟรี เช่นนั้นหรือ
เราเดินถูกทางหรือไม่ อัน นี้เป็นสิ่งที่ต้องมั่นใจครับ ท่านจะเชื่อใครก็ไม่เป็นไรว่าจะเดินไปในเส้นทางไหน เพียงแต่การเดินของท่านทิศทางสุดท้ายคือยอดภูผาสูงชันที่ตั้งตระหง่านอยู่ เบื้องหน้าแค่นั้น ท่านไปถูกทางแน่นอนครับ จะมุดน้ำ จะลงเหว จะเหาะไป จะดำดินไปหรือจะเดินแบบปกติธรรมดา ก็สุดแต่ท่านจะเลือก มั่นใจได้เลยถึงเส้นชัยแน่นอนครับ
สุดท้ายของการเขียนในครั้งนี้
ผมเพียงแต่หวังว่า ให้เราทุกคนลดทิฐิกันเองลงมาบ้าง อภัยกันได้ก็ควรอภัย แค่นั้นน่าจะเพียงพอสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ครับ
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar