เวียดนาม รับแล้ว ร่วมค้า ข้าว ยางพารา ร่วมสู่ธุรกิจแสนล้าน
ครม.ไทย-เวียดนาม ไปได้สวย แถลงร่วม 2 ชาติ บรรลุเอ็มโอยู 3 ฉบับ เศรษฐกิจ - การเมือง ความมั่นคง - สังคมวัฒนธรรม “ปู” ปลื้มเวียดนามร่วมถกประชุมข้าว ยางพารา เน้นร่วมส่งออก - รักษาเสถียรภาพราคา จับมือทำแผนปฎิบัติการป้องอาชญากรรมข้ามชาติ ก่อการร้าย ไทยยินดีประสานอาเซียนจีน สร้างสันติภาพในทะเลจีนใต้ “ โต้ง” มั่นใจการค้าไทย - เวียดนามขยายตัว หนุนกู้ยืมพัฒนาเมกะโปรเจ็กส์ร่วมกัน เผย บิ๊กเนม ไทคม - ไทยซัมมิท ร่วมแจม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนาม วันนี้ (27 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายเหวิน เติ้น สุง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 2 ว่า ในการประชุมครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จทั้งสองฝ่าย ได้ลงนามข้อตกลงร่วมกัน 3 ฉบับ คือ 1 แถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการประชุม ครม.ไทย เวียดนามครั้งที่ 2 , 2.แถลงการร่วมว่าด้วยวิสัยทัศน์ความมั่นคง ไทย เวียดนาม ปี 2555-2559 และ 3.ข้อตกลงก่อตั้งสภาธุรกิจไทย เวียดนาม
ทั้งนี้ ความร่วมมือด้านการเมือง ความมั่นคงและกลาโหม ทั้งสองฝ่าย เห็นตรงกันในการจัดทำแผนปฏิบัติการแลกเปลี่ยนความร่วมมือ โดย เฉพาะไม่อนุญาตให้บุคคลหรือองค์กรใดๆ ใช้อาณาเขตต่อต้านประเทศซึ่งกันและกัน รวมถึงความร่วมมือการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ และการปราบปรามการก่อการร้าย ในระดับทวิและพหุพาคี
นอกจากนี้ไทย และเวียดนาม ได้บรรลุข้อตกลง ที่จะส่งเสริมให้เกิดสันติภาพในภูมิภาค เสถียรภาพและความมั่นคง ในการเดินเรือ ในทะเลตะวันออก โดยเฉพาะการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธี ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือ ระหว่างอาเซียน จีน เพื่อนำไปสู่ การแก้ไขปัญหาข้อพิพาททะเลจีนใต้
สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเน้นส่งเสริม ความร่วมมือในการส่งออกข้าว เอื้ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมความร่วมมือในภาคธุรกิจ เปิดเส้นทางการบินใหม่ระหว่างทั้งสองประเทศ และแก้ปัญหาการทำประมงบริเวณน่านน้ำ ขณะที่ความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม ทั้งสองฝ่ายมีความตกลงด้านแรงงาน พร้อมกับแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมประชาชนทั้ง สองชาติ ด้านการศึกษาและภาษา
นอกจากนี้การก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ทั้งสองชาติพร้อมส่งเสริมสนับสนุนบทบาทของอาเซียนให้มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ การใช้และการบริหารจัดการแม่น้ำโขงอย่างหยั่งยืน การรักษาสิ่งแวดล้อม และผลประโยชน์ของประชาชน ในประเทศ ชายฝั่ง
ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร กล่าวว่า การประชุมบรรลุผลสำเร็จทั้ง 2 ชาติ ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ ร่วมกัน เพื่อผลักดัน ข้อตกลงต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการร่วมมือ ในการสร้างความมั่นคง ด้านอาหารและการเกษตร เน้นข้าว และยางรา โดยข้าวทางไทยและเวียดนามจะมีการจัดประชุมหารือ เพื่อส่งเสริมการส่งออกข้าวให้บ่อยครั้งขึ้นสำหรับยางพารา เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่รัฐบาลเวียดนามตอบรับการประชุม ยางพารา ที่กรุงเทพมหานครในเดือยธันวาคมนี้
ทั้งนี้ สองชาติ มีความร่วมมือ ด้วยกันเกี่ยวกับการส่งเสริมการเชื่อมโยง เส้นทางคมนาคม และการส่งเสริมแก้ปัญหาข้อพิพาททะเลจีนใต้
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะตัวแทนฝ่ายที่เข้าร่วมหารือกลุ่มย่อยด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าจะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยยืนยันที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตทางการค้าไว้ที่ 20% ต่อปีระหว่างปี 2555-25558 รวมถึงการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม เพื่อสานต่อการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างกัน
ส่วนเรื่องสินเค้าเกษตร ยังเห็นชอบร่วมกันให้ขยายความร่วมมือกรอบทวิภาคี และจัดการประชุมหารือเรื่องข้าวในระดับต่างๆ ให้บ่อยขึ้น เพื่อยกระดับความความร่วมมือของประเทศผู้ผลิตข้าวเพื่อการส่งออกในกลุ่มอาเซียนให้สูงขึ้น นอกจากนั้นเวียดนามยังตกลงที่จะเข้าร่วมประชุมไตรภาคีด้านยางพารา เพื่อสร้างความแข็งแรงในการรักษาเสถียรภาพราคายางอีกด้วย
นอกจากนั้นทั้ง 2 ประเทศยังเห็นร่วมกันที่จะดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยจะจัดให้มีเงินกู้ยืมเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระหว่างกัน ในลักษณะการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ PPP ทั้งนี้ยังเห็นร่วมกันว่า ควรเร่งรัดให้เกิดการลงนาม MOU เรื่องการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างชายแดน ผ่านเส้นทางถนน R9 ที่จะครอบคลุมระหว่างเมืองหลวงทั้ง 2 ประเทศ และเชื่อมโยงถึงท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนถนน R8 และ R12 ก็จะเร่งผลักดันให้เกิดเป็นระเบียงเศรษฐกิจฝั่งตะวันออกและตะวันตกต่อไป โดยจะทำหารือร่วมกัน 3 ฝ่ายทั้งไทย เวียดนามและลาวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายชื่อนักธุรกิจไทยที่ร่วมเดินทางมาประชุม ครม.ร่วมไทย - เวียดนามรวมถึงเข้าพบนายกรัฐมนตรี และ คณะ ในครั้งนี้ มีทั้งหมด 38 คน โดยมีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ นส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท , นายณรงค์เดช บุณฑี และ นายสุรเกียรติ สุขถาวร บริษัท ไทคม จำกัด (มหาชน)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนาม วันนี้ (27 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายเหวิน เติ้น สุง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 2 ว่า ในการประชุมครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จทั้งสองฝ่าย ได้ลงนามข้อตกลงร่วมกัน 3 ฉบับ คือ 1 แถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการประชุม ครม.ไทย เวียดนามครั้งที่ 2 , 2.แถลงการร่วมว่าด้วยวิสัยทัศน์ความมั่นคง ไทย เวียดนาม ปี 2555-2559 และ 3.ข้อตกลงก่อตั้งสภาธุรกิจไทย เวียดนาม
ทั้งนี้ ความร่วมมือด้านการเมือง ความมั่นคงและกลาโหม ทั้งสองฝ่าย เห็นตรงกันในการจัดทำแผนปฏิบัติการแลกเปลี่ยนความร่วมมือ โดย เฉพาะไม่อนุญาตให้บุคคลหรือองค์กรใดๆ ใช้อาณาเขตต่อต้านประเทศซึ่งกันและกัน รวมถึงความร่วมมือการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ และการปราบปรามการก่อการร้าย ในระดับทวิและพหุพาคี
นอกจากนี้ไทย และเวียดนาม ได้บรรลุข้อตกลง ที่จะส่งเสริมให้เกิดสันติภาพในภูมิภาค เสถียรภาพและความมั่นคง ในการเดินเรือ ในทะเลตะวันออก โดยเฉพาะการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธี ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือ ระหว่างอาเซียน จีน เพื่อนำไปสู่ การแก้ไขปัญหาข้อพิพาททะเลจีนใต้
สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเน้นส่งเสริม ความร่วมมือในการส่งออกข้าว เอื้ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมความร่วมมือในภาคธุรกิจ เปิดเส้นทางการบินใหม่ระหว่างทั้งสองประเทศ และแก้ปัญหาการทำประมงบริเวณน่านน้ำ ขณะที่ความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม ทั้งสองฝ่ายมีความตกลงด้านแรงงาน พร้อมกับแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมประชาชนทั้ง สองชาติ ด้านการศึกษาและภาษา
นอกจากนี้การก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ทั้งสองชาติพร้อมส่งเสริมสนับสนุนบทบาทของอาเซียนให้มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ การใช้และการบริหารจัดการแม่น้ำโขงอย่างหยั่งยืน การรักษาสิ่งแวดล้อม และผลประโยชน์ของประชาชน ในประเทศ ชายฝั่ง
ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร กล่าวว่า การประชุมบรรลุผลสำเร็จทั้ง 2 ชาติ ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ ร่วมกัน เพื่อผลักดัน ข้อตกลงต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการร่วมมือ ในการสร้างความมั่นคง ด้านอาหารและการเกษตร เน้นข้าว และยางรา โดยข้าวทางไทยและเวียดนามจะมีการจัดประชุมหารือ เพื่อส่งเสริมการส่งออกข้าวให้บ่อยครั้งขึ้นสำหรับยางพารา เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่รัฐบาลเวียดนามตอบรับการประชุม ยางพารา ที่กรุงเทพมหานครในเดือยธันวาคมนี้
ทั้งนี้ สองชาติ มีความร่วมมือ ด้วยกันเกี่ยวกับการส่งเสริมการเชื่อมโยง เส้นทางคมนาคม และการส่งเสริมแก้ปัญหาข้อพิพาททะเลจีนใต้
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะตัวแทนฝ่ายที่เข้าร่วมหารือกลุ่มย่อยด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าจะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยยืนยันที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตทางการค้าไว้ที่ 20% ต่อปีระหว่างปี 2555-25558 รวมถึงการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม เพื่อสานต่อการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างกัน
ส่วนเรื่องสินเค้าเกษตร ยังเห็นชอบร่วมกันให้ขยายความร่วมมือกรอบทวิภาคี และจัดการประชุมหารือเรื่องข้าวในระดับต่างๆ ให้บ่อยขึ้น เพื่อยกระดับความความร่วมมือของประเทศผู้ผลิตข้าวเพื่อการส่งออกในกลุ่มอาเซียนให้สูงขึ้น นอกจากนั้นเวียดนามยังตกลงที่จะเข้าร่วมประชุมไตรภาคีด้านยางพารา เพื่อสร้างความแข็งแรงในการรักษาเสถียรภาพราคายางอีกด้วย
นอกจากนั้นทั้ง 2 ประเทศยังเห็นร่วมกันที่จะดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยจะจัดให้มีเงินกู้ยืมเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระหว่างกัน ในลักษณะการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ PPP ทั้งนี้ยังเห็นร่วมกันว่า ควรเร่งรัดให้เกิดการลงนาม MOU เรื่องการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างชายแดน ผ่านเส้นทางถนน R9 ที่จะครอบคลุมระหว่างเมืองหลวงทั้ง 2 ประเทศ และเชื่อมโยงถึงท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนถนน R8 และ R12 ก็จะเร่งผลักดันให้เกิดเป็นระเบียงเศรษฐกิจฝั่งตะวันออกและตะวันตกต่อไป โดยจะทำหารือร่วมกัน 3 ฝ่ายทั้งไทย เวียดนามและลาวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายชื่อนักธุรกิจไทยที่ร่วมเดินทางมาประชุม ครม.ร่วมไทย - เวียดนามรวมถึงเข้าพบนายกรัฐมนตรี และ คณะ ในครั้งนี้ มีทั้งหมด 38 คน โดยมีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ นส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท , นายณรงค์เดช บุณฑี และ นายสุรเกียรติ สุขถาวร บริษัท ไทคม จำกัด (มหาชน)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar