måndag 21 september 2020

วันนี้ แฮชแท็ก #ยกเลิก112 กลับมาอีกครั้ง ขึ้นเป็นเทรนด์ยอดนิยมในทวิตเตอร์ไทย จนถึงเวลาราว 20.30 น. มียอดทวีต 3.5 แสนครั้งแล้ว อ่านมุมมองเรื่องนี้ของเลขาธิการคณะก้าวหน้า

ปิยบุตร แสงกนกกุล: "สังคมอารยะไม่ควรเอาคนเข้าคุกเพียงเพราะถูกด่า ถูกหมิ่นประมาท"

ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของ ร.9 และ ร.10

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงพระเมตตา ไม่ให้ใช้"

นายปิยบุตรกล่าวถึงเรื่องนี้ในระหว่างการเสวนาหัวข้อ "#ถ้าการเมืองดี เราจะคุยเรื่องสถาบันกษัตริย์กันอย่างไร" ที่คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.

"พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่มีต่อการใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 อันนี้ก็เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในที่สาธารณะ ที่ประจักษ์ชัดแน่นอน ที่นี้ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ผมก็คิดว่าถ้าอย่างนั้นทำไมเราถึงไม่ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไปเลย ก็ในเมื่อตัวพระมหากษัตริย์ทั้งสองรัชกาล ติดต่อกันไม่พึงประสงค์จะให้มีการใช้กฎหมายมาตรานี้ ถ้าแบบนี้จะคงอยู่ไว้ทำไม ยกเลิกไปเลยครับ"

นายปิยบุตร ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. กล่าวว่า แม้จะไม่มีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ก็ยังมีกฎหมายหมิ่นประมาทที่นำมาใช้ได้

เมื่อกลาง มิ.ย. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์เรียกร้องให้คนไทยสำนึกในพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงไม่ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาดำเนินคดีกับผู้ที่ล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์

นายกฯ กล่าวเตือนนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการอุ้มหายผู้ลี้ภัยไทยว่าอาจจะ "เสียอนาคต-หางานทำไม่ได้"

"สิ่งที่อยากจะบอกคนไทยทุกคน มาตรา 112 ไม่ได้ใช้เลย เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงพระเมตตา ไม่ให้ใช้ นี่คือสิ่งที่ท่านทรงทำให้แล้ว แล้วคุณก็ละเมิดกันไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้ หมายความว่ายังไง ต้องการอะไรกัน วันนี้ผมจำเป็นต้องพูด เพราะต้องการให้บ้านเมืองสงบ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ปิยบุตร แสงกนกกุล
คำบรรยายภาพ,

นอกจากเสนอให้ยกเลิกมาตรา 112 แล้ว นายปิยบุตรยังเสนอให้ยกเลิกโทษอาญาในกฎหมายหมิ่นประมาทด้วย

นายปิยบุตรเสนอที่เวทีเสวนาที่ มธ. ด้วยว่า อยากให้ยกเลิกโทษอาญาสำหรับความผิดเกี่ยวกับหมิ่นประมาททุกชนิด

"ตัวผมเองผมอาจเห็นไปไกลกว่าเดิมด้วย มันอยู่ที่ถกเถียงกัน ผมเห็นว่าความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นทั้งหมดเนี่ย ไม่ว่าจะประมุขของรัฐ ทูต เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ศาล คนธรรมดาทั้งหมด ความผิดฐานหมิ่นประมาทไม่ควรมีโทษทางอาญา…โลกอารยะปัจจุบันการใช้เสรีภาพในการว่ากันไปว่ากันมา มันไม่ควรเอาไปถึงเข้าคุก คุณไม่พออกไม่พอใจ คุณรู้สึกว่าถูกละเมิดก็ไปหาทางร้องค่าสินไหมทดแทน สังคมอารยะไม่ควรเอาคนเข้าคุกเพียงเพราะถูกด่า ถูกหมิ่นประมาท"

นายปิยบุตรยังกล่าวถึงข้อเรียกร้อง 10 ประการเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของนักศึกษาในการชุมนุมที่ มธ. เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ด้วยว่าอยากให้สังคมพิจารณาเนื้อหามากกว่าท่าทีที่อาจมีอารมณ์ร่วม ซึ่งเขามองว่าเนื้อหาของข้อเรียกร้องและการปราศรัยนั้นไม่ได้มีการยุยงปลุกปั่น และเห็นว่าการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นจะเกิดขึ้นได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ ปัญญาชนฝ่ายนิยมเจ้า (รอยัลลิสต์) นักวิชาการ และทุกภาคส่วน

คนเปิดหนังสือเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทย
คำบรรยายภาพ,

นักศึกษาถือหนังสือเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทยที่เขียนโดยนายอานนท์ นำภา หนึ่งในผู้ออกมาเรียกร้องให้มีการพูดถึงสถาบันกษัตริย์ได้อย่างเปิดเผย

กล่าวถึงสถาบันกษัตริย์ "ด้วยความเคารพ"

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และอดีตแกนนำ "กลุ่มเสื้อหลากสี" ผู้ร่วมเสวนาอีกคนกล่าวว่า หากจะถามหาการเมืองที่ดีคงไม่มีวันนั้น เพราะคงไม่มีใครถูกใจการเมืองไปเสียทุกอย่าง และหากเจาะจงไปยังสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถืออำนาจตามที่ประชาชนมอบให้ ก็ขอให้กล่าวถึงด้วยความเคารพ

"ก็จะมีการตั้งขึ้น เจริญขึ้น เสื่อมลง แล้วอาจจะกลับขึ้นมาใหม่ หรืออาจจะสูญหายไปก็ขึ้นอยู่กับคุณงามความดี หรือความไม่ดีของสถาบันนั้น ๆ ของประเทศนั้น เป็นวัฏจักรของความเจริญ...ถ้าเกิดสถาบันกษัตริย์ทำอะไรที่ผิดรัฐธรรมนูญ สถาบันก็อยู่ไม่ได้"

นพ.ตุลย์กล่าวเพิ่มเติมว่า การพูดถึงสถาบันกษัตริย์สามารถทำได้ตามความเชื่อของแต่ละคน แต่ต้องมีการตรวจสอบเนื้อหา อีกทั้งใช้ความเป็นสุภาพชนในการถกเถียงกันด้วยเหตุด้วยผล และหากมีการเผยแพร่ออกสู่สาธารณะไม่ว่าจะทางใดก็ตามก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา

แนะไล่นายกฯ ก่อนแก้รธน.

ด้านนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งมีที่มาจากการรัฐประหาร กล่าวว่า ประชาชนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นแตกต่างออกไปจากพระมหากษัตริย์ ดังที่เคยเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 แต่ต้องเป็นการพูดคุยในพื้นที่ที่เหมาะสม

สำหรับกระแสข่าวว่าจะมีการรัฐประหารในอนาคตนั้น นายธีรภัทรประเมินว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ยาก เพราะก่อนหน้านี้กำลังพลหลักที่ออกมาสนับสนุนการรัฐประหารมักมาจากกรมทหารราบที่ 1 และ 11 ซึ่งในขณะนี้ขึ้นตรงกับพระมหากษัตริย์ ดังนั้นพระองค์คงไม่เห็นด้วย

ผู้หญิงชูผ้าที่มีข้อความเรารักในหลวง
คำบรรยายภาพ,

ผู้สนับสนุนกลุ่ม "ไทยภักดี" ซึ่งประกาศว่าจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมตัวกันที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 ส.ค.

"ไม่ว่าจะยุบสภา แก้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องยาก ต้องไล่ พล.อ.ประยุทธ์ออกไปก่อน ผมสนับสนุนเต็มที่ และสิ่งนี้ต้องทำให้ตรงประเด็นว่าปัญหาอยู่ที่รัฐบาล ถ้าไม่แก้ที่รัฐบาลก่อนก็จบ ผมเสนอให้มีรัฐบาลแห่งชาติ ให้มีคนกลาง แต่นักศึกษาก็ไม่เอาด้วย ผมก็ไม่ว่าอะไร" ศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าว

ทั้งนี้นายธีรภัทร์เสนอแนะว่า ควรมีการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองทั้งหมด คล้ายกับการมีคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ในอดีต และให้ผู้ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองในต่างประเทศกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ เพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้

ในขณะที่ผู้ร่วมเสวนาอีกคน คือ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กล่าวว่าคนรุ่นใหม่ส่วนหนึ่งมองว่า สถาบันกษัตริย์ในขณะนี้มีอำนาจล้นเกินกว่าที่กฎหมายจะควบคุมได้

น.ส.ปนัสยายังได้อธิบายถึงข้อเรียกร้องที่ประกาศในเวทีชุมนุม "ธรรมศาสตร์จะไม่ทน" ที่ มธ. ศูนย์รังสิต ว่ามีเป้าหมายก็เพื่อยกระดับให้การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และกระทำได้โดยปกติ

รุ้ง ปนัสยา ชูสามนิ้ว หน้าหลังตึกโดม หน้าอนุสาวรีย์ปรีดีย์ พนมยงค์
คำบรรยายภาพ,

น.ส.ปนัสยาวางพวงหรีดไว้อาลัยผู้บริหาร มธ. ที่ไม่อนุญาตให้ใช้มหาวิทยาลัยเป็นที่ชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar