söndag 27 september 2020

ใบตองแห้ง: ม็อบสันติรัฐหน้าแหก ..


ม็อบใหญ่ #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร จบลงอย่างสันติ แต่บรรลุเป้าหมาย มีวิธีสร้างเซอร์ไพรส์อย่างพลิกล็อก แสบสันต์ ซึ่งถ้าไม่ใช่คนรุ่นใหม่คงคิดอย่างนี้ไม่ได้

รัฐบาลสร้างสถานการณ์ตึงเครียด ระดมกำลังตำรวจมากมายมหาศาล ตั้งแผงเหล็ก เอารถเมล์ขวาง วางบังเกอร์รั้วลวดหนาม สกัดกั้นไม่ให้ม็อบเดินขบวนไปทำเนียบรัฐบาล ทำให้สังคมหวาดหวั่นว่าจะเกิดการปะทะ ทั้งหมดนั้นเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะแม้ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะห้ามม็อบเข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาล 50 เมตร แต่ก็มีโทษเพียงจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้วยความผิดแค่นี้ ถ้าม็อบเดินขบวนไปจริง ตำรวจจะสั่งตะลุมบอน สลายม็อบ ใช้รถฉีดน้ำ ใช้แก๊สน้ำตา ใช้โล่กระบอง ฯลฯ ถามว่ามีเหตุผลเพียงพอหรือ

ถ้าทำจริง รัฐบาลนั่นแหละจะถูกประณาม ว่าทำร้ายประชาชนเพียงเพราะจะเดินขบวนไปยื่นหนังสือ แล้วสลายตัว ไม่ได้จะยึดทำเนียบแบบม็อบมีเส้น

แต่มาตรการขี่ช้างข่มขู่ใช้ความรุนแรงก็กลายเป็นชกลม บังเกอร์กลายเป็นรอเก้อ เมื่อแกนนำม็อบพลิกล็อกเฉียบคม สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการปักหมุดคณะราษฎรที่ 2 กลางสนามหลวง แล้วพลิกทิศเคลื่อนไปยื่นข้อเรียกร้องต่อประธานองคมนตรี ผ่าน ผบช.น.ที่แนวสกัดของตำรวจ

พลิกล็อก เฉียบคม ไม่รู้จงใจหลอกตั้งแต่ต้นหรือเปล่า แต่พวกที่กล่าวหาว่าม็อบจะสร้างความรุนแรง หน้าแหกกันไปเป็นแถบ ๆ

ลองกลับไปอ่านแก้วสรร อติโพธิ หาว่าม็อบสงบแต่ปาก เป็นมวลชนแห่งการจงเกลียดจงชัง ก้าวร้าวราวกับเรดการ์ด ไม่มีความสามารถความรับผิดชอบในการนำ ไว้วางใจไม่ได้ ลับ ๆ ล่อ ๆ มีเบื้องหลัง ฯลฯ

ตรงกันข้ามเลย แกนนำได้แสดงวุฒิภาวะ มีความรับผิดชอบต่อมวลชน ไม่พามวลชนไปเสี่ยงปะทะ ทั้งที่หากเกิดการปะทะ ก็ชี้หน้ารัฐบาลได้ว่าสั่งตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

ขณะที่หากจะมีการเอาผิดตามกฎหมาย แกนนำก็รับผิดชอบเอง เช่นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุม การยึดธรรมศาสตร์ หรือปักหมุดสนามหลวง

ซึ่งจะต้องต่อสู้กันในสาระของกฎหมาย ว่าอย่างมาก กทม.ก็เอาผิดได้เพียงทำให้เสียทรัพย์ เพราะเจาะพื้นปูนปักหมุด จะอ้างความผิดฐานบุกรุกทำลายโบราณสถาน จำคุกสิบปีปรับหนึ่งล้านบาทไม่ได้ เพราะความผิดเช่นนั้นใช้กรณีที่ถือค้อนบุกเข้าไปทุบเศียรพระวัดมหาธาตุ ไม่ใช่พื้นปูนที่ กทม.เพิ่งเทราดได้ปีสองปีนี่เอง

ชาวเน็ตยังเย้ยหยันว่าจะเอาผิดฐานหลอกลวงเจ้าหน้าที่รัฐหรือเปล่า ทำให้ตำรวจต้องไปตั้งบังเกอร์รื้อบังเกอร์กันจ้าละหวั่น

ฝ่ายตรงข้ามอาจเย้ยหยัน รวมคนเป็นแสน ทำได้แค่นี้? อะไรคือแค่นี้ นี่คือการแสดงพลัง “ให้มันจบที่รุ่นเรา” ซึ่งไม่จำเป็นต้องแตกหักฉับพลัน เพราะไม่ใช่ “ม็อบมีเส้น” ปูทางรัฐประหาร ม็อบแต่ละครั้งคือการปลุกพลัง ไปสู่การต่อสู้ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจ ความตกต่ำของรัฐบาล การขัดขวางไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญของ 250 ส.ว.

ถ้าผู้มีอำนาจไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้อง ไม่ปรับไม่เปลี่ยน ไม่ว่าข้อเรียกร้องขั้นต่ำหรือ “ติดเพดาน” ก็จะทำให้ความขัดแย้งยิ่งปะทุขึ้น แม้ระหว่างนี้ รัฐคงมุ่งเล่นงานดำเนินคดีแกนนำ แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มาก เพราะหนึ่ง ถ้ายิ่งจับกุมคุมขังยิ่งสร้างความโกรธแค้น สอง ธรรมชาติของม็อบคือไร้แกนนำ แม้ท่ามกลางการต่อสู้ แกนนำบางคนโดดเด่นขึ้นมาเป็นที่ยอมรับ แต่หากจับแกนนำเหล่านี้ไป ใครนัดชุมนุม ม็อบก็มา

พูดด้านกลับคือรัฐบาลนั่นแหละทำอะไรก็ลำบาก ใช้ไม้แข็ง ใช้อำนาจเกินเหตุ ก็ยิ่งปลุกความเกลียดชัง การบริหารประเทศก็จะล้มเหลว แค่อยู่เฉย ๆ ก็มีแผลโผล่มาทุกวัน ทำได้แค่ตั้งรับและถูกกระหน่ำ ในสถานการณ์ที่แย่ลง ๆ

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ https://www.kaohoon.com/content/389622

ฟังการอภิปราย ส.ว. ในที่ประชุมรัฐสภา แล้วก็เฮฮากับคนรุ่นลูกรุ่นหลาน ส.ว.ย่อมาจากสมาชิกวุฒิสภา ภาษาพูดออกเสียงว่า “สอวอ” แต่คนรุ่นใหม่ในโลกไซเบอร์ พูดอะไรชอบเติมท้ายว่า “อ่ะ” หรือที่ถูกน่าจะเขียน “อะ” แปลว่าครับค่ะเออว่ะ ได้ทั้งนั้น

ญัตติแก้รัฐธรรมนูญเป็นการประชุมครั้งสำคัญ ซึ่ง 250 ส.ว.โดดออกมาอยู่หน้าโฟกัส เพราะหลังจาก 249 คนโหวตพรึ่บให้ตู่เป็นนายกฯ ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ก็ไม่ค่อยมีวาระให้ประชาชนสนใจ รู้แต่ว่าโหวตผ่านงบ โดยไม่อภิปรายงบกลาโหมแม้แต่คำเดียว ใครมาประชุมบ้างไม่มาบ้าง ชาวบ้านก็ไม่รู้

พอเห็น พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา นั่งในสภาจึงฮือฮาเป็นไวรัล พากันสงสัย เกี่ยวไหมกับพายุฝนถล่มทลาย

ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างใหม่ทั้งฉบับ จะผ่านไหม? เพราะต่อให้ ส.ส.รัฐบาลฝ่ายค้านร่วมแรงร่วมใจ ก็ต้องใช้ ส.ว. 1 ใน 3 ส่วนญัตติฝ่ายค้านอีก 4 ฉบับ ให้ตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ ให้แก้ระบบเลือกตั้ง ฯลฯ ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีทางผ่าน แค่ยื่นญัตติให้ประชาชนเห็นสันดานของผู้มาจากการแต่งตั้งและนักการเมืองรับใช้

ตอนที่เขียนนี้ยังไม่รู้ แม้ดู ส.ว.ผู้อภิปรายส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แต่พวกที่นั่งเงียบๆ อาจโหวตเห็นด้วยก็ได้ กระนั้นถ้าพลิกโผ ประชาชนคงไม่เชื่อว่าเต็มใจ คงเชื่อว่ามีใบสั่ง ให้ลดกระแสต้านของประชาชน (ในทางกลับกัน ถ้าคว่ำ ก็คงมีใบสั่งให้ลุย)

แต่ไม่ว่า ส.ว.จะโหวตอย่างไร อารมณ์ความรู้สึกประชาชนคงไม่ต่างจากสมชัย ศรีสุทธิยากร “ผมดูพี่อภิปรายวันเดียว ให้ทำงานต่ออีกวันก็จะอ้วกแล้ว” (เพียงแต่อ้วกคงกระเซ็นใส่อดีต กกต.ที่ทำประชามติด้วย)

ท่าทีเหล่า ส.ว.เหมือนดูข่าวช่องเดียวกัน ช่องปาท่องโก๋การบินไทย จนเชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยไม่มีพลังแล้ว ม็อบฝ่อแล้ว ไม่กล้าเดินไปทำเนียบ #19กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร กลายเป็นโดนต่อต้าน คนส่วนใหญ่เอาใจช่วยปลาวาฬ อดมื้อกินมื้อสนับสนุนการลงทุนของประกันสังคม

คำอภิปรายของ ส.ว.ทั้งหลาย ไม่ห่วงใยทรัพย์สินประชาชนเลย ว่าคนที่ดูไลฟ์สดอาจเผลอขว้างมือถือ ไม่รู้สึกรู้สาเลยว่า ถ้ามีการชุมนุมอีกครั้ง แอมมี่อาจขึ้นเวทีร้องเพลง “วันทูทรีโฟร์ไฟว์ ..... ซิกส์เซเวนเอทไนน์ .....” โดยมวลชนเพิ่มเสียงตะโกนไล่ตู่พ่วง ส.ว.

ตรรกะตรรกกรวยที่เอามาอ้าง ล้วนน่าสะอิดสะเอียน แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับคือล้มล้างการปกครอง เฮ้ย แล้วใครวะ ฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

ส.ว.มาจากประชามติ 16 ล้านเสียง เฮ้ย วันนั้นบอกประชาชนหรือเปล่า ถ้ามีเลือกตั้ง ตู่กับป้อมจะสรรหา ส.ว.มาโหวตตัวเอง เห็นแต่พูดคลุมเครือ ประชามติมัดมือชก ถ้าไม่รับอาจไม่ได้เลือกตั้ง ถ้าไม่รับอาจได้ฉบับที่เลวกว่า คนจำนวนมากก็หยวนยอม

พอนักศึกษาทำเอกสารคัดค้าน ตาเฒ่ามีชัยก็ชี้ว่า “ปลอม” ตำรวจจับ รังสิมันต์ โรม, ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ เข้าคุก วันนี้ก็อยู่ในสภาเป็นประจักษ์พยาน รัฐธรรมนูญสารพัดพิษโฆษณา คนไทยจะมีหมอประจำบ้าน เป็นไงล่ะ วันนี้กระทั่งคลินิกบัตรทองก็ไม่มีให้เข้า

แน่จริง ออกมาท้าสิ มีประชามติเมื่อไหร่ ให้ถามประชาชนด้วย ยังอยากให้ 250 ส.ว.อยู่ต่อไหม ถ้าประชาชนไม่ให้อยู่ พร้อมคืนเงินเดือน (ไม่แน่จริงนี่หว่า)

ส.ว.บางคนอภิปรายเรื่อง “คนดีย์” อ้างคำพูด Elizabeth Warren ผู้นำพรรคเดโมแครต “ประเทศไม่ได้อยู่ได้เพราะประชาธิปไตย ไม่ได้อยู่ได้เพราะรัฐธรรมนูญ ไม่ได้อยู่ได้เพราะกฎหมาย แต่ประเทศจะยั่งยืนอยู่ได้ด้วยกำลังของพลเมืองดี”

ฮาโคตรเลย มันเป็น Fake News ถูกเอามาบิดเบือนตัดตอนโดยเพจ คสช. ส่งต่อกันในไลน์กลุ่มสวัสดีวันจันทร์ โลกออนไลน์ค้นคำพูดจริงมาให้ดูนานแล้ว คนระดับ ส.ว.ยังเอามาอ้างในสภา มีสติปัญญาแค่ไหนกัน

การอ้างคนดีย์ ก็ไม่ต่างจากศรีนวลบอกว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม พูดอยู่ได้ทั้งที่ประชาชนเห็นรัฐประหารสืบทอดอำนาจผสมพันธุ์นักการเมืองยี้

อนุรักษนิยมรุ่นเก่าอ้างคนดี ไม่เอาประชาธิปไตยเพื่อรักษาคุณธรรมจริยธรรม เมื่อก่อนยังพอถูไถเพราะมีตัวแบบให้ชู แต่วันนี้ไม่มีแล้ว อนุรักษนิยมสมัยนี้ไม่มีคนดีให้อ้าง มีแต่อ้างว่าถึงเขาจะค้าแป้ง ก็ยังดีกว่าพวกชังชาติล้มเจ้า

ส.ว.จะลงมติอย่างไรก็เอาที่สบายใจ ประชาชนตัดสิน ส.ว.ไปแล้ว พึงทราบว่าประชาชนไม่ได้ต้องการแค่แก้รัฐธรรมนูญหรอกนะ เพราะกติกากฎหมายใต้อำนาจที่เป็นอยู่ ก็เหมือนทุบพื้นปูนสนามหลวงมีความผิดทำลายโบราณสถาน แต่อนุสาวรีย์หลักสี่หาย ไม่ยักไปตามเอาผิดใคร

ความวิบัติมันมาไกลจนแก้รัฐธรรมนูญก็ไม่พอ ประชาชนต้องการไปถึงรื้อโครงสร้างอำนาจ ถ้าแก้รัฐธรรมนูญได้ ก็ยังพอบรรเทา แต่ถ้าแก้ไม่ได้ โดยเฉพาะ ส.ว.ขัดขวางกางขาคร่อมเก้าอี้ไม่ให้แก้

ส.ว.ก็กำลังช่วยปูไปสู่การรื้อโครงสร้างเร็วขึ้น 

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/newspaper-column/news_4980199

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar