ประยุทธ์ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ปรามม็อบชุมนุมใหญ่ชนวนแพร่โควิดรอบสอง ทำลายเศรษฐกิจประเทศ ขอแก้ปากท้องก่อนค่อยแก้รัฐธรรมนูญ
ได้ผลไหม
ได้สิ ได้เสียงโห่ฮาขบขันเย้ยหยันสมเพช ไม่ใช่แค่ฝ่ายม็อบ
ชาวบ้านทั่วไปก็หัวเราะลั่น เพราะมันสะท้อนว่ารัฐบาลบ้อท่า
จนปัญญาสกัดม็อบต้องอ้างโควิด ซึ่งเป็นศูนย์มาร้อยกว่าวัน
แม้พบดีเจพบนักบอลบุรีรัมย์ก็ไม่แพร่เชื้อคนใกล้ชิด
เป็นซากเชื้อเสียมากกว่า ถ้าจะระบาดรอบสองจริง
ขึ้นรถไฟฟ้ายังแออัดกว่าไปม็อบกลางแจ้ง
สำหรับคนจะไปม็อบ ยิ่งฟังยิ่งโกรธ ไม่มีใครกลัว คนที่ยังลังเลก็เหมือนถูกยั่ว ไม่ไปไม่ได้แล้วนะ
ถามจริง
ยังมีใครเชื่อมั่นประยุทธ์แก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ประยุทธ์ทำเศรษฐกิจพังมานานแล้ว พังก่อนโควิดด้วยซ้ำ โควิดมาช่วยสร้างภาพ
ปราบโควิดเป็นศูนย์ ภูมิใจประเทศไทยเหนือใครในโลก แต่วิธีปราบโควิดแบบทหาร
คือฉิบหายเท่าไหร่ไม่ว่า ขอให้บรรลุเป้าโควิดเป็นศูนย์ สร้าง Mindset
แห่งความกลัว จนบัดนี้ยังต้องฉุกเฉินชั่วชาติ
ไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามา
เศรษฐกิจพังเห็นๆ
เพราะรัฐไร้ฝีมือไร้ประสิทธิภาพ เงินกู้ 4 แสนล้าน
เพิ่งอนุมัติไม่ถึงแสนล้าน สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 5 แสนล้าน เพิ่งอนุมัติแค่ 1
แสนล้าน รัฐบาลคิดเป็นแค่แจกเงิน ชิมช้อปใช้ เที่ยวช่วยชาติ เพิ่มวันหยุด
ยุข้าราชการหลังยาว
ไปไม่รอดหรอก ใครก็ดูออก ประยุทธ์ยังมาโทษม็อบ ประเทศพังใครรับผิดชอบ อ้าว ทำพังมา 6 ปี เคยรับผิดชอบไหม
กระแสวันนี้ถ้าเป็นสมัย
รสช. ม็อบตะโกนไล่ “ประยุทธ์ออกไป” ก็จะมีคนออกมาล้นหลาม
ล้นสนามหลวงไปถึงสยามถึงอนุสาวรีย์ชัย เพราะประชาชนไม่เอาแล้ว
ไม่พอใจทั้งผู้นำ และนักการเมือง
ปัดโธ่ สนามท่าเรือไฟดับ ยังมีคนตะโกน “ประยุทธ์ออกไป” ให้เฮลั่น
เพียงแต่
“ซากรัฐประยุทธ์” ที่พังแล้ว ประชาชนไม่เอาแล้ว
ยังอยู่ได้ด้วยโครงสร้างอำนาจ ด้วยเสียงข้างมากในสภา
ที่ได้มาจากสูตรเศษมนุษย์ การยุบพรรคดูด ส.ส. ด้วย 250
ส.ว.ที่ตู่ตั้งมาโหวตตู่ ด้วยกองทัพ รัฐราชการ อำนาจกฎหมาย องค์กรอิสระ
ที่ผนึกกันเป็น “รัฐพันลึก”
รัฐธรรมนูญ 2560 วางกับดักไม่สามารถไล่
“ประยุทธ์ออกไป” อย่างน้อยต้องแก้รัฐธรรมนูญปิดสวิตช์ 250 ส.ว. ต้องแก้ระบบ
เลือกตั้งใหม่ แล้วค่อยยุบสภา แต่เท่านั้นไม่พอ
ยังต้องปฏิรูปใหญ่รื้อทุกอำนาจ กองทัพ กระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระ ฯลฯ
กับดักที่วางไว้ทำให้มีต้นทุนสูง
เช่น 250 ส.ว.ดันทุรัง กองทัพ องค์กรอิสระ ยังหนุนรัฐบาล ก็ไม่มีทางแก้ได้
ซินแสก็ขู่ว่าจะวุ่นวายเลือดนองท้องช้าง จนคนรู้สึกว่าไม่มีทางไล่ประยุทธ์
ไม่คุ้ม ต้องจำทน จนเหลืออด แล้วก็ยังจำทน จนเหลืออดๆๆ
ขณะที่ซากรัฐประยุทธ์ยังคงอำนาจอยู่ต่อไปๆๆ
ฝ่ายความมั่นคงประเมินไม่ผิดว่า นี่ไม่ใช่ม็อบครั้งสุดท้าย
เพราะจะต้องมีอีกๆๆ แต่ใช้คำพูดผิดว่า “ซ้อมใหญ่”
เพราะนี่ของจริงไม่ใช่ซ้อม และจะใหญ่ไปเรื่อยๆ
“ประยุทธ์พังแล้ว”
เป็นปัญหาที่ผูกกันทั้งระบบและตัวบุคคล ไม่สามารถแยกออก จะเปลี่ยนตัวก็ยาก
มีแต่พังไปเรื่อยๆ ปัญหาตัวบุคคลยิ่งทำให้เห็นปัญหาโครงสร้าง ปัญหาเชิงระบบ
คนรุ่นใหม่จึงทั้งไม่เอาประยุทธ์ และมองข้ามประยุทธ์ไปถึงโครงสร้างแล้ว
นิสิตปี
1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวในงานเสวนามุมมองต่อรัฐประหารว่า
คนรุ่นใหม่ไม่ใช่แค่ต้องการเปลี่ยนผู้เล่นในเกม แต่ต้องการเปลี่ยนเกม
รักษาโรคถึงต้นตอ โดยการเคลื่อนไหวยังสร้างมาตรฐานใหม่ เรื่องเพศ เชื้อชาติ
ศาสนา ชนชั้น พูดอีกอย่างคือไม่ใช่ต้องการเปลี่ยนรัฐบาลเท่านั้น
แต่ต้องการปฏิรูปการเมือง อำนาจ โครงสร้าง วัฒนธรรม
คนรุ่นใหม่มาจากไหน
ก็คือคนชั้นกลางในเมืองรุ่นใหม่ ลูกหลานคนที่เคยไล่ทักษิณ ยิ่งลักษณ์
ยึดสนามบิน ปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้ง เพ้อฝันการเมืองใสสะอาด
แล้วอกหักผิดหวังกับรัฐประหารสืบทอดอำนาจผสมพันธุ์นักการเมืองยี้
ขณะที่คนรุ่นลูกสนธิกำลังกับเสื้อแดง
“ถนนทุกสายมุ่งสู่สนามหลวง” คนรุ่นพ่อแม่แม้ยังไม่เอาประชาธิปไตย แต่ก็
ไม่ปกป้องประยุทธ์แข็งขันเหมือนก่อน
เครือข่ายต้านม็อบก็ปลุกไม่ขึ้น
มีแต่พวกสุดโต่ง ไล่ธนาธรออกนอกประเทศ หาว่าอเมริกาอยู่เบื้องหลัง ฯลฯ
ปัญญาชนฝ่ายอนุรักษนิยมคับคั่งครั้งพันธมิตร กปปส. ไม่รู้หายไปไหนหมด
เหลือแต่สื่อดาวสยาม
ล่าสุด ศิลปิน กปปส. ยังโดดเกาะรถไฟ
แถลงไล่ประยุทธ์หนุนม็อบนักศึกษา แกนนำพันธมิตร กปปส. พูดในที่เสวนา
ฉวยโอกาสฟอกตัว ไม่เอาประยุทธ์แล้วนะ
ประยุทธ์พังแล้ว
จากตัวบุคคลลามไปถึงระบบ เกิดแผ่นดินไหวในคนรุ่นใหม่
คนชั้นกลางในเมืองที่เคยเป็นฐานอนุรักษนิยม ก็เสื่อมศรัทธาต่ออำนาจ
ถ้าเป็นสมัยก่อน “ประยุทธ์ออกไป” แก้ได้ด้วยรัฐประหารหรือนายกฯ คนกลาง
แต่นี่ประยุทธ์มาจากรัฐประหาร วิธีการเดิมๆ จึงแก้ไม่ได้
นี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่เครือข่ายอำนาจแก้ไม่ตก ไม่ว่าจะจัดการม็อบอย่างไร
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar