onsdag 22 april 2015

สถาบันกษัตริย์กับความมั่นคงของชาติ



สถาบันกษัตริย์กับความมั่นคงของชาติ
โดย  แสงตะวัน

พวกชนชั้นศักดินาและทหารเผด็จการมักจะอ้างอยู่เสมอว่าการใช้ ม. ๑๑๒ ก็ดี การใช้ ม. ๔๔ ก็ดีเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ
โดยอ้างเหตุผลว่าความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์คือความมั่นคงของชาติ  ก่อนอื่นเราต้องคำนึงถึงการให้นิยามของคำว่า “ชาติ” เสียก่อนว่ามีความหมายถึงอะไร  “ ชาติ “ หมายถึงเขตแดน หรือ ( territory ) ที่มีคนหลายเชื้อชาติหลายชนเผ่าอาศัยอยู่รวมกันเป็นสังคมของชุมชน
มีรัฐบาลที่มาจากประชาชน  โดยประชาชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของอำนาจนั้น  ซึ่งผู้เขืยนหมายถึงระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยไม่ใช่เหมือนระบอบเผด็จการแบบประเทศไทย
โดยธรรมชาติของสังคมมนุษยชาติ ตั้งแต่เกิดมีชุมชนขึ้นมาในโลก อำนาจการปกครองสูงสุดเป็นของปวงชน   แต่ในประเทศไทย  อำนาจสูงสุดของปวงชนถูกกษัตริย์ภูมิพลแย่งชิงเอาไปตั้งแต่
วันที่ ๙ มิถุนา พ.ศ. ๒๔๘๙ โดยการฆ่าพีชายของตนเองรัชกาล
ที่ ๘  เมื่อกษัตริย์ภูมิพลขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ ๙ ได้สนับสนุนให้ทหารยึดอำนาจตลอดมาจนถึงเวลานี้มีการยึดอำนาจมาแล้วถึง ๒๐ ครั้ง รวมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ ๒๒ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ดังนั้นถ้าจะอ้างถึงคำพูดของ Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ถ้ากษัตริย์เป็นทรราช นั่นไม่ใช่เพราะความผิดจากการบริหารราชการแผ่นดินของเขา แต่เขาเป็นทรราชก็ด้วยลักษณะของความเป็นกษัตริย์นั่นแหละ

สถาบันกษัตริย์

สถาบันกษัตริย์คือโครงสร้างส่วนบนของสังคมเป็นเพียงสถาบันส่วนหนึ่งของสังคมไม่เหมือน “ ชาติ “ เพราะถ้าไม่มีชาติก็ไม่มีกษัตริย์ แต่ถ้าไม่มีกษัตริย์ “ ชาติ “ ก็อยุ่ได้ ดังนั้นชาติไม่จำเป็นต้องมีกษัตริย์ เหมือนกับหลายๆประเทศทั่วโลกที่ไม่มีกษัตริย์ประเทศเหล่านั้นก็เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ประชาชนมีความเสมอภาค มีสิทธิเสรีภาพ มีประชาธิปไตย มีการกินดีอยู่ดี มีสวัสดิการสังคมที่รับประกันให้คนในสังคมที่เกิดมา จนตายมีหลักประกันความปลอดภัยทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา มีบ้านอยู่อาศัย ไม่มีการกดขี่ห่มเหงเอารัดเอาเปรียบกันเหมือนในระบอบสังคมเผด็จการภูมิพลและครอบครัว

ฉนั้นสถาบันกษัตริย์จึงไม่ใช่ “ ชาติ “ แต่เป็นเพียงสถาบันกาฝากทีประชาชนต้องเสียเงินเลี้ยงดูถึงปีละ หมื่นเจ็ดพันล้านบาทไม่รวมค่าบริจากและวิธีการรีดไถอื่นๆ จนกษัตริย์กลายเป็นบุคคลทีร่ำรวยที่สุดในโลก อำนาจการปกครองทุกอย่างไปรวมศูนย์อยู่ที่กษัตริย์  ศาล ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ พรรคการเมือง สื่อสารมวลชน  ไปจนถึง สถาบันสงค์ และองค์กรอิสระต่างๆ  เมื่อมาถึงปลายรัชกาลที ๙ ชึ่งเป็นรัชกาลปัจจุบันประชาชนได้เข้าใจถึงความทารุณโหดร้ายของกษัตริย์ภูมิพล ถึงการโกหกหลอกลวงการตีสองหน้า อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจและสั่งฆ่านักศึกษาประชาชนมาอย่างมากมายมาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะการสังหารหมู่ประชาชนในใจกลางเมืองหลวง เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมากถึง ๙๑ ศพ บาดเจ็บและหายสาบสูญเป็นจำนวนหลายพันคน เมื่อเป็นเช่นนี้ประชาชนชาวไทยส่วนมากจึงไม่ต้องการให้มีระบอบการปกครองแบบกษัตริย์อีกต่อไป ทำให้สถาบันกษัตริย์ต้องสั่นสะเทือนและอ่อนแอลงประกอบกับการเจ็บป่วยของกษัตริย์และราชินีที่ไม่รู้ว่ายังอยู่หรือตายไปแล้ว

ในสภาพการณ์เช่นนี้พวกลิ่วล้อบริวารของกษัตริย์ทีเกาะและทำมาหากินอยู่กับกษัตริย์ กลัวว่าตนเองจะเสียผลประโยชน์ก็ใช้ กฎหมายครอบจักรวาฬ ทั้ง ม. ๑๑๒ และ ม. ๔๔ อย่างไม่มีขอบเขตโดยอ้างว่าเป็นความมั่นคงของชาติเพื่อกดหัวประชาชนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของพวกตน.

  

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar