torsdag 2 april 2015

" สถาบันครอบครัว.พ่อ แม่ ลูก". จุดเริ่มต้นหล่อหลอมสร้างทรัพยากรมนุษย์"ดีชั่ว"แก่สังคม ฝากให้ทุกครอบครัว ทุกชนชั้น ทุกเพศ ทุกวัย อ่านแล้วคิดไตร่ตรองสำรวจดูตัวเองในฐานะสมาชิกของครอบครัว ที่อาศัยอยู่ร่วมกันในสังคมไทย...

 By  songvit



ลูกแม่
ที่แม่เขียนจดหมายให้หนูก็ด้วยสาเหตุ 3 ประการนี้
1. เพราะลูกกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
2. มีหลายอย่างที่นอกจากพ่อกับแม่แล้ว ไม่มีใครกล้าบอกสิ่งเหล่านี้กับลูก
3.สัญญาระหว่างเราก็คือ พ่อกับแม่ตั้งใจทำงานหาเงิน ลูกตั้งใจเรียนหนังสือ เราจะได้ไม่กังวลต่อกัน
เรื่องที่ 1
คนเราไม่จำเป็นต้องมีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ แต่จะไร้จุดหมายไม่ได้ ต่อการเรียนนั้น ไม่ว่าที่ผ่านมาลูกจะพยายามหรือตั้งใจหรือเก่งสักแค่ไหน หากสอบไม่ผ่านลูกก็ต้องถูกรีไทร์ แม่หวังว่าลูกจะเข้าใจ การบ้านเยอะหรือที่กระเป๋าหนังสือของลูกหนักหรือต้องไปเรียนทุกๆวันนั้น ไม่ใช่พ่อกับแม่แล้งน้ำใจ แต่นี่คือหน้าที่ของลูกในตอนนี้ ขอให้ลูกทำให้ดีที่สุด แค่นี้พ่อกับแม่ก็พอใจแล้ว
เรื่องที่ 2
ลูกเป็นลูกคนเดียวของพ่อกับแม่ โดยทั่วไปบ้านไหนมีลูกโทน เด็ก
คนนั้นก็จะกลายเป็นลูกเทวดา แต่ในโรงเรียนลูกเทวดามีมาก ไม่มีใครสนใจลูกหรอก นอกเหนือจากเกรดการเรียนของลูกสูง ความสามารถของลูกมีมากกว่าคนอื่นๆ ลูกมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นๆ เหล่าครูบาอาจารย์ถึงเห็นลูกเป็นเหมือนของวิเศษ ในสังคมก็เช่นเดียวกัน ในอนาคตลูกจะเป็นเศรษฐีหรือยาจก จะอยู่กระต๊อบหรือคอนโดหรู ถูกคนอื่นดูถูกหรือมีแต่คนเคารพ ก็อยู่ที่ตัวลูกเอง
เรื่องที่ 3
ตอนนี้ลูกเป็นนักเรียน การเรียนคือสิ่งสำคัญที่สุด แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด ลูกเรียนดีแต่สุขภาพไม่ค่อยดี ก็ไม่ดีนะลูก เขาว่ากันว่าเวลาเลี้ยงรุ่น สิ่งที่เขาคุยแข่งกันก็ประมาณนี้นะลูก
อายุ 20 แข่งผลการเรียน
อายุ 30 แข่งความสามารถ
อายุ 40 แข่งประสบการณ์
อายุ 50 แข่งทรัพย์สมบัติ
อายุ 60 แข่งพละกำลัง
อายุ 70 แข่งใบนัดหมอ
อายุ 80 แข่งฉีกปฏิทิน
ชีวิตคนเราอยู่ได้ไม่กี่สิบปี สิ่งสำคัญก็คือสุขภาพนะลูก หาเวลาออกกำลังกายบ้างนะ
เรื่องที่ 4
อนาคตของคนเรา อยู่ที่ความรู้ ความสามารถและท่าที
ความรู้ ได้มาจากการเรียน
ความสามารถ ได้มาจากการลงแรงฝึกฝนทำอย่างจริงจัง
ท่าที หล่อหลอมออกมาจากนิสัยความเคยชิน
แม่เห็นว่าลูกไม่ค่อยมีน้ำอดน้ำทนสักเท่าไหร่ ตอนนี้ยังไม่สายนะลูกที่หนูจะฝึกฝน แม่หวังว่าในอนาคตสิ่งที่ลูกทำ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ขอให้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อทั้งตัวลูกเองและคนอื่นๆนะลูก
เรื่องที่ 5
ที่โรงเรียน เหล่าครูบาอาจารย์ไม่ได้มีหน้าที่ทำดีต่อลูกนะ นอกเสียจากว่าลูกเคารพท่านเหล่านั้นก่อน เพื่อนๆของลูกเขาก็ไม่ได้มีหน้าที่มาทำดีกับลูกนะ นอกเหนือจากว่าลูกใส่ใจเพื่อนๆ และในชีวิตของลูก ก็ไม่มีใครเกิดมาเพื่อมีหน้าที่ทำดีต่อลูก นอกเหนือจากพ่อกับแม่ อย่าคิดว่าเมื่อวันใดโลกนี้ขาดลูกไป โลกมันจะหมุนต่อไปไม่ได้อีก และอย่าได้ดูแคลนว่าตัวเองไม่มีคุณค่าหรือความสำคัญอะไร จนละเลยไม่สนในตัวเองนะลูกนะ
เรื่องที่ 6
การคบเพื่อนก็เหมือนกับการลงทุน เมื่อจะลงทุนก็ต้องมีผลกำไรนะ หากลูกคบเพื่อนคนใดคนหนึ่ง แต่สุดท้ายเพื่อนคนนี้ไม่ได้ทำให้ลูกดีหรือเจริญขึ้น นั่นแปลว่าลูกล้มเหลวในการลงทุน ลูกจงเลือกคบคนที่ดีมีคุณธรรม และที่สำคัญ เมื่อเพื่อนของลูกตกทุกข์ได้ยาก ลูกต้องยื่นมือเข้าไปช่วย เพราะอะไร? เพราะคนที่หัวเราะไปพร้อมกับเรานั้นลืมง่าย คนที่ร้องไห้พร้อมกับเรานั้นลืมยาก เหมือนสุภาษิตที่ว่า “ให้ฟืนยามหน้าหนาวดีกว่าแต้มลายบนผ้างาม”นะลูก
เรื่องที่ 7
สักวันหนึ่ง ลูกก็ต้องมีความรัก แม่เป็นผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน อยากจะเตือนลูกว่า “ยามแรกรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน พอเริ่มนานน้ำตาลยังว่าขม” เรื่องความรักนั้นหนีไม่พ้น ฉันรักคุณคุณไม่รักฉัน คุณรักฉันฉันไม่รักคุณ ฉันและคุณเรารักกัน ใครๆ ก็อยากได้ประโยคที่ 3 นี้ แต่มันนับเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยเสียเหลือเกิน เพราะฉะนั้น ยามที่ลูกรักใคร ก็อย่าหลงหัวปักหัวปำ จับมือกับสาวสวย เปิดใจกับสาวที่รักลูกจริง พูดคุยกับสาวที่ประสบความสำเร็จ ใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงธรรมดา เอาอย่างนี้ก็ได้แล้วนะ
เรื่องที่ 8
ชีวิตของคนเรานั้น ใช่จะสมหวังตลอดไป และไม่มีใครผิดหวังตลอดชีวิต ยามลูกสมหวัง ลูกต้องรู้มีสติ ลูกต้องรู้ว่าในโลกใบนี้มีคนที่เก่งกว่าลูกอยู่อีกเยอะแยะมากมาย จงจำไว้ว่าเราเป็นเพียง
อนุภาคเล็กๆ ในโลกใบนี้
ยามผิดหวัง อย่าได้ถดถอย ต้องยืนหยัดให้ถึงที่สุด เมื่อก่อนเดินมายังไง ตอนนี้ก็เดินต่อไปอย่างนั้น
เรื่องที่ 9
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่คนใด ต่างก็อยากให้ลูกอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา แต่ลูกๆต่างก็ต้องโตขึ้นในวันหนึ่ง แม่เชื่อว่าโลกของลูกยิ่งมาจะยิ่งกว้างใหญ่ และเมื่อนั้น โลกของลูกก็จะยิ่งห่างไกลจากโลกของพ่อและแม่ แน่นอนว่าคนที่เป็นพ่อแม่ ก็อยากครอบครองพื้นที่ในโลกของลูกให้มากที่สุด ทำไมนะเหรอ? ก็เพราะโลกของพ่อกับแม่และลูกนั้น ยิ่งมายิ่งแตกต่างกันนะสิ! เวลาของพ่อกับแม่ยิ่งมาก็ยิ่งน้อยลงไปทุกที พ่อกับแม่ก็ยังมีความรู้สึกนะลูก พ่อกับแม่ยังอยากให้ลูกอยู่ใกล้ๆ ลูกจ๋า ข้อนี้ลูกอ่านแล้วเข้าใจพ่อกับแม่ไหมลูก
เรื่องที่ 10
เราเป็นพ่อแม่ลูกกันแค่ในชาตินี้ ต่อให้ชาตินี้พ่อกับแม่ไม่อาจเดินไปพร้อมกับลูกตลอดชีวิต แต่เมื่อใดที่พายุลมฝนกระหน่ำ พ่อกับแม่จะหาวิธีปกป้องลูกให้ดีที่สุด แม้ไม่สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่สู้ไปกับลูก แต่ขอให้ลูกรู้ไว้ ยามที่ลูกมีความทุกข์ความเจ็บปวดใด พ่อกับแม่จะช่วยบรรเทา ไม่ว่าเวลาในชาตินี้ของพ่อกับแม่จะเหลืออีกมากน้อยเท่าไหร่ ขอให้ลูกถนอมเวลาที่ได้อยู่กับพ่อแม่ไว้นะ เพราะชาติหน้า เราคงไม่มีโอกาสได้เกิดมาเป็นพ่อแม่ลูกกันอีก
ที่มา
www.facebook.com/NusonBooks



Inga kommentarer:

Skicka en kommentar