söndag 26 maj 2013

“กรรมสิทธิ์ในรัฐ” ประเทศที่เจริญแล้ว ชนะใจประชาชนได้เป็นผู้ควบคุมอำนาจรัฐ แต่ประเทศตอแหลแลนด์นี้ ชนะใจประชาชนได้แต่ถูก ควบคุมด้วยอำมาตย์ใหญ่

by  ดาบมะเขือเทศ

กาหลิบ 26/05/2013
May 26, 2013 (2)

เมื่อคืนผมเดินทางไปยังกรุงพนมเปญ กัมพูชา เพื่อร่วมงานแต่งงานของลูกชายสมาชิกรัฐสภา เสี่ยง นำ และลูกสาวของครอบครัววงศ์สวัสดิ์ ผู้คนก็มากมาย งานก็ออกมาใหญ่โตสวยงามตามความคาดหมาย ผมพบพรรคพวกมากมายหลายท่านทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นรอง ซึ่งกรุณาถามผมแบบคนคิดถึงกันว่าเมื่อไหร่จะกลับบ้านเสียทีเล่า บางท่านสั่งเลยว่ากลับได้แล้ว บ้านเมืองรอให้ไปช่วยกันทำงานรับใช้อยู่ ผมก็ถามกลับไปอย่างสนิทสนมกันว่า ที่ถามอย่างนี้เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์การเมืองไทยแท้ๆ เป็นอย่างไร หรือเพราะท่านทั้งหลายทำใจแล้วว่า เมืองไทยเราจะไม่ดีไปกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ จึงจะให้ผมกลับไปรับสภาพกึ่งเมืองขึ้นที่รัฐบาลและขบวนการประชาชนเผชิญอยู่ ผมบอกกับพี่ๆ และเพื่อนๆ ที่ได้พบกันว่าผมอยากกลับบ้านใจจะขาด ใครจะไม่อยากกลับไปสู่รากเหง้าของเราเองซึ่งที่ไหนในโลกก็ไม่มี แต่งานของเรายังเพิ่งเริ่มต้น จะให้ละทิ้งไปได้อย่างไร ทุกคนรู้นี่ครับว่าการเปลี่ยนแปลงแนวคิดขั้นพื้นฐานในเมืองไทยไม่สามารถทำ ได้ในประเทศไทย และสถานการณ์ปัจจุบันไม่อาจแก้ได้โดยชนะเลือกตั้งอีกร้อยรอบ อยากรู้ว่าเมืองไทยอยู่ตรงไหนในทางการเมืองและโครงสร้างสังคม ก็ดูได้ไม่ยาก ดูตรงการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการออกกฎหมายนิรโทษกรรมก็แจ่มแจ้งนักแล้ว ก็แค่ปวงชนชาวไทยจะขอให้รัฐบาลที่เขาเลือกมากับมือช่วยแก้ไขความไม่เป็นธรรม ที่ฝ่ายตรงข้ามสร้างเป็นปมขึ้นมา คนที่ควรสงบแล้วขนาดคุณวสิษฐ เดชกุญชรยังต้องดิ้นพราดออกมาตะโกนว่า เจ้าข้าเอ๊ย! สถาบันฯ ถูกรังแก! ประชาชนถูกรังแก! ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายกุมอำนาจที่แท้จริงในรัฐไทย ถ้าผมเขียนการ์ตูนเป็น ผมว่าจะเขียนภาพฆาตกรที่มีอาวุธครบมือเดินอาดๆ เข้ามา พอถูกเด็กขัดขาจนเซไปหน่อย ก็ออกอาการเปลี่ยนบุคลิกไปเลย ตะโกนด้วยเสียอันแหลมเล็กว่า “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! อย่างน่าสงสารสำหรับคนที่ไม่รู้ความจริง (หรือรู้ดีแต่ไม่ยอมมอง)

การสร้างหรือปรับกลยุทธ์ของรัฐไทยจึงไม่ใช่เรื่องหลักของไทย เรามีปัญญาที่ไม่ต่างจากใครในโลกนักหรอกครับ แต่ปัญหาไทยอยู่ที่ “กรรมสิทธิ์ในรัฐ” ต่างหาก ขณะนี้สภาพของเราคล้ายบริษัทครอบครัวที่ประสบความสำเร็จมาตลอดเวลานับร้อยปี แต่พี่น้องเกิดทะเลาะกันหลังพ่อล้มป่วยลง เราก็เกิดทุ่มเถียงกันว่า ใครจะเป็นผู้กุมบังเหียนบริษัท ในขณะที่คู่แข่งปรับตัวเอาๆ จนบริษัทคู่แข่งที่เราเคยเหยียดหยามว่ากระจอกที่สุด ก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้แล้ว เราจูงมือกันไปหาพ่อเพื่อให้พ่อตัดสิน พ่อก็ไม่ตัดสิน แถมยังเข้าข้างฝ่ายหนึ่งมาร่วมต่อต้านอีกฝ่ายหนึ่งเสียด้วย เราเคยนึกว่าพ่อเลือกอย่างนั้นเพราะพ่อคิดว่าเราไม่ดี เราเคยคิดแบบคนเป็นลูกว่าเราคงเลวเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลักฐานก็ชัดเจนขึ้นว่าวิธีคิดของพ่อมิได้เป็นเช่นนั้น เลย พ่อเลือกเข้าข้างคนที่พ่อถือว่าเป็นลูก และส่งสัญญาณให้กำจัดคนที่พ่อฟันธงลงมาแล้วว่าไม่ใช่ลูก เพราะพ่อร่วมประโยชน์อยู่กับลูกคนนั้น เกมนี้จึงไม่มีกรรมการ มีแต่ผู้เล่น คนที่นั่งคอยนอนคอยให้กรรมการจุติลงมาเกิดเพื่อดับทุกเข็ญในห้วงหลายปีที่ ผ่านมานั้น บัดนี้เหงือกแห้งกันไปหมดแล้ว
ผมนำมาเทียบกับบริษัท เพื่อให้เห็นประเด็นกรรมสิทธิ์ได้โดยง่าย แต่ผมรู้ครับว่ารัฐมิใช่บริษัท ใครที่คิดว่ารัฐกับบริษัทเหมือนกันและมีศักดิ์ที่เท่ากันคนนั้นคิดผิด บริษัทมีหน้าที่แข่งขันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเกือบทั้งหมดก็เป็นไปเพื่อกำไรสูงสุด แต่รัฐมีภารกิจที่เหนือไปกว่านั้น คือทำให้คนในรัฐผาสุก ได้รับสิทธิ เสรีภาพ และความเป็นมนุษย์อย่างเต็มที่ และทำให้คนค้ากำไรและไม่ค้ากำไรอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องคิดฆ่ากัน แต่เราใช้สัญลักษณ์บริษัทครอบครัวมามองการเมืองไทยในขณะนี้ได้ เผื่อบางท่านอาจงงอยู่จนถึงทุกวันนี้ว่าเขาทะเลาะอะไรกัน จน อะ เกาหลี กลายเป็น เดอะ เกาหลี ไปแล้ว.
RE: "กาหลิบ"
ประเทศที่เจริญแล้ว ชนะใจประชาชนได้เป็นผู้ควบคุมอำนาจรัฐ
แต่ประเทศนี้ ชนะใจประชาชนได้แต่ถูก ควบคุมด้วยอำมาตย์ใหญ่

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar