torsdag 9 maj 2013

แถลงการณ์ที่สูญเปล่า : ประชาธิปัตย์ขนานแท้จริงจริง


วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556


แถลงการณ์ที่สูญเปล่า : ประชาธิปัตย์ขนานแท้จริงจริง

โดย จาตุรนต์ ฉายแสง (8 พฤษภาคม 2556)


อ่านแถลงการณ์พรรคประชาธิปัตย์ต่อกรณีปาฐกถามองโกเลียแล้ว บอกได้ตามตรงว่าไม่ผิดคาดเลย ประชาธิปัตย์ยังไงก็เป็นประชาธิปัตย์อยู่นั่นแหละ

แถลงการณ์พรรคประชาธิปัตย์ฉบับนี้ไม่น่าจะทำความเสียหายให้เกิดแก่นายกรัฐมนตรีแต่เท่าใด ถ้าจะเกิดความเสียหาย ก็คงจะเป็นความเสียหายต่อประเทศชาติ ซึ่งก็ยังน้อยกว่าที่พรรคประชาธิปัตย์เคยทำมาก่อนหน้านี้มากนัก ผู้ที่เสียหายมากที่สุดจากการออกแถลงการณ์ฉบับนี้น่าจะได้แก่พรรคประชาธิปัตย์และผู้นำพรรคคือคุณอภิสิทธิ์นั่นเอง

แถลงการณ์พรรคประชาธิปัตย์ฉบับนี้มุ่งตอบโต้นายกรัฐมนตรี แต่คำกล่าวหาต่างๆก็ไม่มีอะไรใหม่และไม่มีน้ำหนัก เป็นเพียงคำกล่าวหาเดิมๆที่พรรคประชาธิปัตย์ชอบใช้โจมตีนายกรัฐมนตรีเป็นประจำ โดยไม่ได้อิงหลักประชาธิปไตยหรือหลักนิติธรรมแต่อย่างใด ที่น่าแปลกและไม่ทราบว่าพรรคประชาธิปัตย์จะนึกถึงหรือรู้ตัวหรือไม่ก็คือ แถลงการณ์ฉบับนี้ได้ตอกย้ำและเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่า ปาฐกถามองโกเลียของนายกรัฐมนตรีนั้นถูกต้องและเป็นความจริงอย่างแน่ชัดแล้ว

ทำไมผมจึงพูดอย่างนั้น

แถลงการณ์ฉบับนี้ได้แสดงให้ชาวโลกเห็นว่า มีผู้ไม่เชื่อในประชาธิปไตย ผู้ที่มีปฏิกิริยาต่อการพัฒนาประชาธิปไตย และพยายามขัดขวางทำลายประชาธิปไตยอยู่ในประเทศไทยตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวไว้จริงๆ และตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ พรรคประชาธิปัตย์กับคุณอภิสิทธิ์นั่นเอง

แถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ได้แก้ต่างและสร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหารในปี2549อย่างไม่ละอายเลยแม้แต่น้อย พรรคประชาธิปัตย์พูดถึงปัญหาต่างๆของบ้านเมืองก่อนการรัฐประหาร เช่น ปัญหาคอรัปชั่น ความขัดแย้งในสังคม และปัญหาการแทรกแซงองค์กรอิสระเป็นต้น ในทำนองเดียวกันกับที่คณะรัฐประหารเคยกล่าวอ้างเกือบจะทุกประการ แล้วก็พูดถึงการที่"ฝ่ายทหารเข้าแทรกแซง"อย่างนิ่มๆเรียบๆ แบบที่ไม่เห็นว่าเป็นปัญหาอะไรเลย

นี่เท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ได้ย้ำทัศนคติของตนที่ว่า หากบ้านเมืองมีปัญหา การรัฐประหารก็สามารถเป็นทางออกที่ชอบธรรมได้ ทัศนคติอย่างนี้เป็นเรื่องตรงข้ามกับหลักการประชาธิปไตยที่คนทั่วโลกเข้าใจกัน

ต้องย้ำว่าฝ่ายประชาธิปไตยนั้นถือว่า ไม่ว่าบ้านเมืองที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยจะมีปัญหาอย่างไร ก็ไม่สามารถใช้ปัญหาเหล่านั้นเป็นเหตุผลให้เกิดความชอบธรรมในการรัฐประหารได้

ความจริงถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะใช้คำอธิบายที่คุณอภิสิทธิ์เคยใช้ อธิบายการรัฐประหารหลังเกิดการรัฐประหารใหม่ๆมาขยายความอีกสักหน่อยก็จะยิ่งทำให้ผู้อ่านเข้าใจจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ดียิ่งขึ้น คือควรจะบอกด้วยว่า "การรัฐประหารนั้นเป็นเผด็จการแต่เพียงรูปแบบ แต่เนื้อหาเป็นประชาธิปไตย" และ "การรัฐประหารเป็นการถอยหลังเพียงชั่วคราวเพื่อให้ประชาธิปไตยก้าวหน้าต่อไป" อะไรทำนองนี้

ที่ว่าแถลงการณ์ฉบับนี้ทำความเสียหายต่อประเทศชาติ ก็อยู่ตรงที่ไปแสดงให้ชาวโลกเขาเห็นว่าพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่เก่าแก่ที่สุด ที่เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งเป็นรัฐบาลมาหยกๆ ไม่มีสำนึกที่เป็นประชาธิปไตย และจะออกแถลงการณ์ถึงประชาคมโลกทั้งที กลับไม่เสนออะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างหรือพัฒนาประชาธิปไตยได้บ้างเลย

นอกจากรับรองความชอบธรรมของการรัฐประหารอย่างเป็นทางการต่อชาวโลกแล้ว แถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ยังรับรองหรือแม้กระทั่งเชิดชูมรดกที่คณะรัฐประหารมอบไว้ให้แก่ประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญหรือการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญในทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและขัดต่อหลักนิติธรรมอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

พรรคประชาธิปัตย์พูดรับรองรัฐธรรมนูญโดยไม่ได้พูดถึงที่มาและผู้ร่าง พูดถึงการลงประชามติโดยไม่พูดถึงสภาพบังคับ บีบคั้น และไม่มีทางเลือกของประชาชน

เมื่อพูดถึงการพ้นจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนก็ให้ข้อมูลไม่ครบ จงใจไม่พูดถึงสาระสำคัญ เช่น เมื่อพูดถึงการที่นายสมัคร สุนทรเวชต้องพ้นจากตำแหน่งจากการกระทำซึ่งขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้บอกว่าการกระทำนั้นคือการทำกับข้าวออกทีวี

เมื่อพูดถึงการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะพรรคพลังประชาชนถูกยุบในข้อหาทุจริตในการเลือกตั้ง ก็ไม่ได้บอกว่าเหตุที่ทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทั้งรัฐบาลต้องล้มไปคือการทุจริตในการเลือกตั้งที่ว่านั้น เกิดจากการที่กกต.เชื่อว่ากรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งจ่ายเงินให้แก่ผู้สนับสนุนรายหนึ่งเป็นเงิน 20,000 บาท หรือประมาณ 600 เหรียญสหรัฐก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง

ข้อมูลที่ตกไปและผมช่วยเติมให้นี้ ใครๆเขาก็รู้กันทั่วโลกมานานแล้ว ลองนึกดูเถิดครับว่า เมื่อผู้ที่เขาติดตามความเป็นไปของเมืองไทยได้อ่านแถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เขาจะรู้สึกอย่างไรกัน

พรรคประชาธิปัตย์ได้อธิบายเช่นเดียวกับที่คุณอภิสิทธิ์มักอธิบายอยู่บ่อยๆเช่นกันว่า เป็นการสมควรและชอบธรรมแล้วที่นายกรัฐมนตรี 3 คนพ้นจากตำแหน่งไป ทั้งๆที่นายกรัฐมนตรี 3 คนนั้นต่างก็มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และต้องพ้นจากตำแหน่งไปไม่ด้วยการรัฐประหาร ก็ด้วยการใช้อำนาจที่คณะรัฐประหารได้มอบให้ไว้

แถลงการณ์ฉบับนี้จึงไม่ใช่การแสดงถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์ยืนหยัดต่อหลักการว่าด้วยเสรีประชาธิปไตยอย่างที่อวดอ้าง แต่เป็นการแสดงให้เป็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เชื่อถือหลักประชาธิปไตย และยังเป็นพลังต่อต้านประชาธิปไตยด้วย

พรรคประชาธิปัตย์ยังได้ทำลายภาพพจน์ของประเทศไปพร้อมกับการแสดงความบ้องตื้นและการไม่รับผิดชอบของผู้นำของตน ด้วยการอธิบายเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรีว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นการชุมนุมที่ขัดต่อกฎหมาย นำโดยพวกก่อการร้ายและกองกำลังติดอาวุธ ประชาชนและเจ้าหน้าที่บาดเจ็บล้มตายล้วนเกิดจากการกระทำของพวกก่อการร้ายและกองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ทั้งสิ้น ทั้งๆที่การพิสูจน์พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรื่อยมากลับไม่พบผู้ก่อการร้าย ไม่พบกองกำลังติดอาวุธ แต่กลับพบว่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิตรายแล้วรายเล่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในขณะนั้น

พรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง และในการออกแถลงการณ์ต่อชาวโลกก็ยังยืนยันที่จะไม่แสดงความรับผิดชอบ หรือแม้แต่จะแสดงความเสียใจใดๆ มีแต่โยนความผิดให้ผู้อื่นทั้งที่ปราศจากหลักฐานและข้อพิสูจน์ใดๆมารองรับ

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ผมจึงกล่าวว่าผู้ที่เสียหายที่สุดจากการออกแถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ก็คือ พรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์เอง 

อ่านคำแถลงฉบับนี้แล้วยิ่งรู้สึกว่าคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีที่มองโกเลียเป็นการพูดความจริงที่เป็นประโยชน์ต่อประชาคมโลก ที่ทำให้เกิดความเข้าใจต่อปัญหาที่เป็นจริงของประชาธิปไตยไทย รวมทั้งเห็นความจำเป็นที่จะต้องสร้างและพัฒนาประชาธิปไตยร่วมกันต่อไป

ขณะเดียวกัน ก็ยิ่งเห็นว่าดีแล้วที่เป็นนายกฯยิ่งลักษณ์ไปปราศรัยที่มองโกเลีย ไม่ใช่คุณอภิสิทธิ์ เพราะถ้าเป็นคุณอภิสิทธิ์ไปปราศรัยในเวทีประชาธิปไตยอย่างนี้ คนไทยทังประเทศคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน

http://www.facebook.com/Chaturon.FanPage 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar