söndag 26 maj 2013

ล้อมคอก ‘อำมาตย์’ รู้เช่นเห็นชาติใครทำลาย ปชต.....

“หมอสันต์” ล้อมคอก ‘อำมาตย์’
รู้เช่นเห็นชาติใครทำลาย ปชต.


      ศ.เกียรติคุณ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย กล่าวเปิดการเสวนา "2 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549" ส่งผลร้ายต่อสังคมไทย ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เสียหายนับแสนๆ ล้านบาท ระบุ “รัฐประหาร” ครั้งล่าสุด เปิดโฉมหน้า “อำมาตยาธิปไตย” ที่หนุนหลังเผด็จการทุกยุคทุกสมัยคือใคร? และจุดยืนที่เปลี่ยนไปของคนที่เคยออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยคือใคร? ทำให้สังคมไทยตาสว่าง!!!

      การเมือง คือ การปกครองที่มีมานานที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากประกอบกันขึ้นเป็นชาติ มีความอยู่ดีกินดี มีความสุข มีความรัก ความสามัคคีกัน ถ้าการเมืองมีความหมายเช่นนี้ ทุกคนจะรู้ในทันทีว่า “ก้าวหน้า” หรือ “ถอยหลัง” เพราะ 3 ปีที่ผ่านมาเราไม่มีความสงบ มีแต่ความแตกแยกในแผ่นดิน เศรษฐกิจในชาติพังพินาศเป็นแสนล้าน ถ้าบ้านเมืองเราเป็นอย่างนี้แปลว่าเราถอยหลังด้วยเช่นกัน พวกเราประชาชนที่ปกติยุ่งแต่การทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง เรามักเป็นเหยื่อของชนชั้นปกครองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเรียกว่านักการเมือง หรือพวกอำมาตย์ก็ตาม คือนักปกครอง ซึ่งถ้าปกครองดีเรา มีความสุข ถ้าไม่ดี เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้

      ที่จริงผมเป็นเหยื่อตั้งแต่เป็นนิสิตนักศึกษาแพทย์ปี 2 มีการเลือกตั้งสกปรกขึ้นในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม พวกเราเดินขบวนมายังทำเนียบรัฐบาล และสามารถพังประตูเข้าไปได้แล้ว จอมพล ป. ออกมาพบ และสัญญาว่าจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ เราแยกย้ายกันกลับบ้านไป ปรากฏว่าเราเป็นเหยื่อของผู้บงการที่อยู่ข้างหลังที่เราไม่เห็นมืออย่างชัดเจน ซึ่งต่อมาเราเห็นว่า จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถูกโค่น แล้ว จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขึ้นมาปกครองประเทศ เป็นเผด็จการยิ่งกว่าสมัย จอมพล ป. หลายเท่า 
  
      จากนั้นมีเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ที่พวกเราได้ร่วมในการต่อสู้เพื่อที่จะฟื้นระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาอีก ปรากฏว่าเราได้ทำการสนับสนุนพรรคการเมืองที่เรียกว่า พรรคเทพ จนเขาได้รับการเลือกตั้ง แล้วได้พรรคเทพขึ้นมาปกครอง แล้วพรรคเทพทำกับเราแทบล่มจม เพราะเราเปิดระบบเสรี โดย คุณชวน หลีกภัย และให้ประเทศเข้าสู่ความล่มจม ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ทั้งๆ ที่เรื่องเกิดตั้งแต่รัฐบาลสมัยคุณชวน กับรัฐบาล คุณอานันท์ ปันยารชุน

      จะเห็นได้ว่านักปกครองที่ทำให้เรากลายเป็นเหยื่อ พวกเราต้องประสบชะตากรรมอย่างทุกวันนี้ เมื่อเราเลือก ส.ส. ของพรรคเทพขึ้นมา เขาสัญญากับเราอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเมื่อเข้ามาแล้วจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน แต่พอเข้าได้มาเป็นผู้แทนในสภา เขาไม่ได้ทำสิ่งนั้นเลย นี่คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้

       ผมว่าการมีกลุ่มพันธมิตรฯ หรือพันธมารอยู่นี้เป็นผลดีกับประเทศไทย คือประเทศไทยจะมีจิตวิญญาณแห่งความถูกต้องชอบธรรมมากขึ้น เพราะแม้แต่ในกรรมการบริหารสมาพันธ์ประชาธิปไตย ที่ก่อตั้งขั้นเมื่อ 14 พฤษภาคม 2535 ณ โรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งมี 7 คนด้วยกัน คือ ผม นพ.เหวง โตจิราการ ครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล บัดนี้เห็นชัดเจน ถ้าเราไม่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เราไม่รู้จิตใจของพวกเขาที่แท้จริงว่ามีความรู้สึกเบื้องหลังอย่างไร ตอนนั้นเราร่วมกันต่อสู้รัฐบาลเผด็จการที่สืบทอดอำนาจมาจากรัฐประหาร ทุกคนบอกว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง หรือ ส.ส. แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาต้องการนายกรัฐมนตรีที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง 

      หลายสิบปีที่เราทำงานร่วมกันมา เราไม่รู้จักพวกเขาเลย จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์พันธมิตรพันธมารขึ้น ผมเชื่อว่าทุกวันนี้ประชาชนรู้สึกแล้วว่าที่เราเติบโตช้ากว่าประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ทั้งที่เมื่อ 50 ปีก่อน เขาแพ้ประเทศไทย แต่ขณะนี้เขาก้าวหน้าไปกว่าเรามาก และเรารู้ว่าอะไรอยู่เบื้องหลังที่ทำให้บ้านเราไม่เจริญก้าวหน้า และการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ได้เปิดมือมืดที่อยู่ข้างหลังนี้ ที่ทำให้บ้านเมืองของเราไม่เติบโต ประชาชนไม่ได้อยู่ดีมีสุข นี่คือเรื่องที่ดีที่เราได้รับจากการรัฐประหาร เราสามารถรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังมือมืดต่างๆ ที่อยู่หลังเหตุการณ์ตั้งแต่ 2500 ตุลาคม 2516 ตุลาคม 2519 พฤษภาคม 2535 และรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทำให้เราได้ตาสว่างว่าอะไรที่ทำให้เราไม่ก้าวหน้า ทำให้เราได้รู้ว่าในภายหน้าเราต้องปฏิรูปหรือเปลี่ยนแปลงการปกครองของเราต่อไป เพื่อให้ประชาชนของเราอยู่ดีมีสุขมากขึ้น 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar