เปิดนิทรรศการภาพถ่ายชุดสุดท้ายของฟาบิโอ บันทึกก่อนถูกยิงตายในเหตุสลายการชุมนุมปี53
เมื่อ 17 พ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย หรือเอฟซีซีที อาคารมณียาเซ็นเตอร์ ถนนเพลินจิต มีการเปิดนิทรรศการภาพถ่ายชุดสุดท้ายของนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพอิตาลี ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณแยกสารสิน ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553โดยภาพชุดดังกล่าว น.ส.อลิซาเบต้า โปเลงกี น้องสาวของนายฟาบิโอเป็นผู้พบในเครื่องคอมพิวเตอร์ของพี่ชาย และนำออกจัดแสดงครั้งนี้เป็นครั้งแรก มีจำนวน 33 รูป อาทิ รูปการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ การปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมเสื้อแดงกับทหารที่แยกบ่อนไก่ รูปพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ขณะตรวจแนวป้องกันของฝ่าย นปช. รูปผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อเหลือง รูปกลุ่มเสื้อหลากสีที่สีลม และรูปสุดท้ายถ่ายเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2553 เป็นรูปผู้ชุมนุมเสื้อแดงหลบกระสุนอยู่ในบังเกอร์ยางรถยนต์ แต่รูปของวันที่ 19 พ.ค. ไม่มีใครหาพบ เนื่องจากกล้องถูกขโมยไปหลังจากนายฟาบิโอถูกยิงเสียชีวิต
น.ส.อนัสสยาซานยัล ประธานสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย
หรือเอฟซีซีที กล่าวว่า น.ส.อลิซาเบตต้าต้องการให้ผลงานภาพถ่ายของนายฟาบิโอ
พี่ชาย เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชน
และกิจกรรมนี้เสมือนการรำลึกเพื่อนร่วมอาชีพคนหนึ่งที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติ
หน้าที่ด้วย เหตุการณ์การสลายชุมนุมเมื่อปี 2553
มีผู้สื่อข่าวต่างประเทศเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
เป็นบทเรียนให้แก่อาชีพนักข่าวว่า
แม้แต่การชุมนุมที่ระยะแรกเป็นไปอย่างสันตินั้น
อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ในเวลาต่อมา
ผู้สื่อข่าวจึงควรฝึกฝนและหาวิธีป้องกันตัวเองเมื่อปฏิบัติงานในพื้นที่
เสี่ยง ต้องรำลึกไว้เสมอว่าแม้แต่การเตรียมตัวที่ดีที่สุด
ก็ไม่ได้แปลว่าจะทำให้ปลอดภัยได้เสมอไป
เหตุการณ์เมื่อปี 2553 มีความท้าทายต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความคลุมเครือ หลายเรื่องยังไม่มีความชัดเจน หลายศพยังไม่ชี้ชัดว่าใครเป็นคนยิง กระสุนมาจากไหน และสังคมไทยขาดวัฒนธรรมการตามหาความจริง และลงโทษผู้กระทำผิดในเหตุการณ์เช่นนี้Ž ประธานเอฟซีซีที กล่าว
น.ส.อนัสสยากล่าวอีกว่า ในช่วงความรุนแรงเมื่อปี 2553 มีผู้สื่อข่าวต่างประเทศบางคนถูกโจมตีว่าไม่เป็นกลาง อย่างนายแดน ริเวอร์ ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ที่ถูกกล่าวหาว่าเข้าข้างเสื้อแดง เพราะรายงานสดจากฝั่งผู้ชุมนุมนปช.อย่างใกล้ชิด จนบางคนชอบพูดว่านักข่าวฝรั่งไม่เข้าใจสังคมไทย มองว่าทัศนคตินี้บ่งบอกถึงการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของคนไทยส่วนหนึ่ง ที่ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นที่ต่างไปจากตัวเอง ทั้งที่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศส่วนใหญ่พยายามเข้าใจประเทศไทย และมีความตั้งใจนำเสนอเหตุการณ์ในไทยอย่างเป็นกลาง
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar