fredag 24 januari 2014
"มารหัวขน " ของระบอบประชาธิปไตย พวกชนชั้น"สูงศักดิ์" และ พวกชนชั้นกลาง"ไร้ศักดิ์" หลายกลุ่มผลประโยชน์ที่กลัวการเปลี่ยนแปลง คนพวกนี้คือพวกเหลือบที่เกาะกินเลือดเนื้อของประชาชนไทยและโกงกินผลประโยชน์ของประเทศชาติ นอกจากนี้ยังขัดขวางการพัฒนาความเจริญของประเทศชาติและต่อต้านทำลายการปกครองในระบอบประชาะธิปไตย....นี่คือระบอบอำมาตย์เผด็จการราชาธิปไตย...ของพระราชาเพื่อประชาชนของพระราชาเท่านั้น....
จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair
" สื่อมวลชน คนไทย และการสร้างความจริง " : อย่าปล่อยให้คนไทย ตกเป็นเหยื่อ ของสื่อที่อยู่ใต้เท้าระบอบอำมาตย์มาตลอด
ขณะนี้ สื่อไทยได้ทำให้กลุ่มต่อต้านประชาธิปไตย มีขนาดใหญ่เกินจริง สื่อมวลชนนั้นขยายภาพของการต่อ ต้านการเลือกตั้ง จนทำให้คนรู้สึกราวกับว่า ใครๆก็ต่อต้านการเลือกตั้ง ถ้าหยุดการเลือกตั้งไว้ แล้วประเทศจะสงบ (!?) สื่อมวลชนได้ขยายเสียงให้กับคนที่เกลียด พ.ต.ท.ทักษิณ จนราวกับว่าแทบทุกคน ทุกหนแห่งเกลียดทักษิณ และในที่สุด ผู้คนบางส่วนที่ไม่ได้ติดตามเรื่องราวตั้งแต่ต้น ก็จะคล้อยตามเสียงของสื่อมวลชน สื่อมวลชนเสนอสิ่งที่คนกรุงคิด จนราวกับว่าทั้งประเทศก็คิดเช่นนี้ และนำไปสู่อุดมการณ์กลวงๆ ที่สร้างความงุนงง ปนสมเพช ให้กับคนทั้งโลก
"สื่อมวลชน" เป็นอาวุธที่สำคัญเสมอ ในการครองอำนาจเสมอ และสื่อมวลชนไม่เคยเป็นอิสระ พวกเขาถูกอิทธิพลต่างๆครอบงำเสมอ ไม่ว่าจะกลุ่มทุนที่ออกค่าโฆษณาให้ ไม่ว่าจะอิทธิพล เส้นสาย การเมือง หรืออคติของ บก. และที่คงไม่ต้องอธิบายมาก " สื่อมวลชนไม่กล้าเตะต้องระบอบอำมาตย์ "
สื่อมวลชนนั้น หลอกหลอม (ไม่ใช่หล่อหลอม) และปลูกฝัง ความเชื่อให้คนในชาติ ตั้งแต่เขาเป็นทารก เติบโต เข้าเรียน โตเป็นผู้ใหญ่ ...หากคุณคิดจะหาสัจจะความจริง โดยการเชื่อสิ่งที่สื่อบอก คุณก็กำลังทำผิดอย่างยิ่ง
....
อย่างไรก็ตาม มันมีทฤษฏีการสื่อสารที่สำคัญอยู่อย่างหนึ่ง ที่ผมจะเอามาอธิบายปรากฎการณ์ม๊อบธงชาติที่เราเห็นอยู่นี้ มันมีชื่อว่า "วงเกลียวแห่งความเงียบ" (Spiral of Silence Theory) กล่าวว่า
1. เมื่อคนเสพสื่อมวลชนเข้ามากๆ ผู้คนบางกลุ่มก็จะเริ่มรู้สึกตัว ว่าความคิดของตัวเองนั้นไม่ตรงความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ (เนื่องจากไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นจากสื่อมวลชน) ในขณะที่บางกลุ่มจะคิดว่าตัวเองเป็นเสียงส่วนมาก ที่ดี และมีเหตุผล เพราะว่าคิดเห็นคล้ายๆสื่อ
2. ผู้คนกลุ่มแรกจะเริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นเสียงส่วนน้อย (ซึ่งจริงๆอาจจะไม่ใช่ แต่ะเป็นเพราะว่าความคิดเห็นในแบบนั้นไม่ถูกนำเสนอออกมาผ่านสื่อมากกว่า) จึงทำให้ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น
3. อีกฝ่ายหนึ่งที่มีความเห็นสอดคล้องกับสื่อมวลชนก็ได้ใจใหญ่ ยิ่งแสดงความคิดเห็นดังขึ้นๆ จึงทำให้ช่องว่างความแตกต่างทางความคิด ความรู้สึกนั้นขยายตัวมากขึ้น คนกลุ่มที่คิดว่าตนเองเป็นเสียงส่วนน้อยก็จะคิดว่าเราเป็นส่วนน้อยมากๆ (เสีย Self) คนส่วนใหญ่ก็จะคิดว่าเห็นไหมหละ "ใครๆก็คิดแบบนี้" จนสุดท้ายกลุ่มที่เห็นต่างจากความคิดเห็นที่ถูกแสดงออกผ่านสื่อมวลชนก็จะเงียบในที่สุด
สื่อไทยนั้น ตั้งแต่อดีตมา ล้วนเป็นกระบอกเสียงให้กับระบอบอำมาตย์ และพยายามลดทอนเสียงของประชาธิปไตย , พวกเขาเลือกหยิบภาพที่สวยงามของสิ่งอันล้าหลัง และพยายามปกปิดสิ่งที่ดีงาม ที่มีประสิทธิภาพแท้จริง ของสิ่งใหม่ๆ พวกเขาใส่ร้ายได้แค่นักการเมือง (ไม่ปฏิเสธว่ามีจริง) แต่พวกเขาไม่เคยแม้แต่จะสงสัย หรือแตะต้อง พวกในกลุ่มเครือข่ายของระบอบอำมาตย์ พวกเขานั้นสยบยอมอย่างสิ้นเชิง
และในที่สุด ผลที่ออกมาก็คือ "ชนชั้นกลางที่มีความคิดแบบไทยๆ" ที่เห็นได้ชัดในพวกที่มีอีโก้สูง เช่น ชนชั้นกลางบางส่วน หรือผู้มีการศึกษาในม้อบ กปปส. ที่พวกเขาต่างขยันเหลือเกิน ในการโชว์ความโง่ให้โลกได้เห็นอยู่ทุกวันๆ ในกะลาของอคติ ในมายาของความเป็นไทย
อย่างไรก็ตาม...
"พื้นที่สื่อ คือสนามรบครับ" ผู้รักประชาธิปไตยเองก็ต้องตระหนักในเรื่องนี้ ในการรบนั้นการครองพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำหรับเนื้อหาประชาธิปไตยนั้น เราไม่ต้องห่วงเลย มันดีงามในตัวมันเองอยู่แล้ว ถ้าเราครองพื้นที่ได้ ความคิดแบบประชาธิปไตย ก็จะเป็นเหมือนน้ำดีที่เข้าไปขับไล่น้ำเสีย ความคิดประชาธิปไตยทำให้คนเติบโต และลุกขึ้นยืนจากการคลานเข่า
ผมจึงอยากฝากผู้ที่มีความสามารถ มีเวลา และงบประมาณ มากพอ ว่าให้ช่วยขยายเสียงให้กับเน้อหาทางประชาธิปไตย ขยันโพส ขยันแชรืเนื้อหาทางประชาธิปไตย ให้แผ่กว้าง และเข้าถึงผู้คนให้ได้มากที่สุด ก่อนที่สื่อของพวกอนุรักษ์นิยม หรือกปปส. จะมาครองพื้นที่ และสร้างความจริงเทียมต่อประชาชนไป ผมอยากฝากบอกหลักการครองสื่อ 3 ข้อ ดังนี้ครับ
1. Ubiquity: พลังแห่งการเข้าถึงทุกคนทุกแห่ง
2. Cumulation: การนำเสนอในสิ่งซ้ำๆ ถี่ สะสมความคิดให้กับผู้ชม
3. Consonance: ความสอดคล้องกันของสื่อต่างๆ ที่ช่วยกันนำเสนอเรื่องราวในมุมที่คล้ายๆกัน ทำให้ยิ่งดูเหมือนว่า ความคิดเห็นอันนั้นเป็นความจริง
"อย่าปล่อยให้คนไทย ตกเป็นเหยือของสื่อที่อยู่ใต้เท้าระบอบอำมาตย์มาตลอด"
Prenumerera på:
Kommentarer till inlägget (Atom)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar