She's coming....นายกฯ ยิ่งลักษณ์ มาถึง บก.ทอ.แล้ว นักข่าวตะโกนทักทาย หันมา ยิ้มให้มี ผบ.ทอ. ปลัดกลาโหม มารับก่อนขึ้นหารือนอกรอบผบ.สส.เหล่าทัพ |
ภาพ วาสนา นาน่วม (1/23/2557)
เมื่อต้องเผชิญกับกองกำลังป่าเถื่อนฝ่ายประชาธิปไตยกำลังจะพ่ายแพ้แล้วหรือ?
โดย ปูนนก
การเดินขบวนไปตามท้องถนนในสถานที่ต่างๆ ของม๊อบ กปปส. และม๊อบ คปท. ในเวลานี้ต่างล้วนมีวัตถุประสงค์เดียวกันก็คือ “ยั่วยุให้เกิดเหตุรุนแรงและการสูญเสียของมวลชนขึ้นให้จงได้” แม้จะมีการลอบยิงรายวัน และเกิดระเบิดขึ้นในม๊อบ กปปส. สองครั้ง แต่การปลุกปั่นนี้ก็ยังไม่สามารถส่งผลให้เกิดการปะทะที่รุนแรงอะไรมากไปกว่าที่ผ่านมา กองทัพยังคงอยู่ในที่ตั้ง แม้ ผบ.ทบ. จะออกมาพูดในเชิงข่มขู่ปรามเจ้าหน้าที่รัฐในการควบคุมดูแลความสงบอยู่เสมอ แต่ก็ยังไม่กล้าพอที่จะเคลื่อนกำลังออกมาทำการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐอย่างแท้จริง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าคงจะมีอะไรบางสิ่งที่ยับยั้งการเคลื่อนพลของกองทัพที่จะออกมาทำรัฐประหารเอาไว้ไม่สิ่งใดก็สิ่งหนึ่ง เพราะสถานการณ์ขณะนี้ด้วยการเรียกร้องอย่างแข็งกร้าวของ กปปส. เช่นนี้ และด้วยเงื่อนไขแห่งความแตกแยกของมวลชนมากมายเช่นนี้ ไม่เคยมีสักครั้งที่กองทัพจะพลาดการยึดอำนาจรัฐไปได้
เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ.. มวลชนจากสาขาอาชีพต่างๆ หรือแม้กระทั่งกองกำลังบางส่วนของกองทัพเองก็แสดงตัวออกมาต่อต้านรัฐบาล การจับกุมทหารเรือที่สังกัดกองกำลังหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือที่แสดงตัวชัดเจนว่าเป็นการ์ดของ กปปส. อีกทั้ง ผบ. ของกองกำลังหน่วยรบพิเศษนี้ก็ออกมาแสดงความเห็นข่มขู่และแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลอย่างชัดเจน และในที่สุดรัฐบาลก็ประกาศใช้ พระราชกำหนดบริหารราชการในสภาวะฉุกเฉินเพื่อจะควบคุมสถานการณ์มิให้เกิดความรุนแรงมากกว่าที่เป็นอยู่
พระราชกำหนดบริหารราชการในสภาวะฉุกเฉิน (พรก. ฉุกเฉิน) นั้นเป็นเสมือนการติดอาวุธให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลในการควบคุมดูแลการชุมนุมในครั้งนี้ อีกทั้งยังเป็นดาบอาญาสิทธิ์สำหรับการจัดการกับกองกำลังใดๆ ที่จะคิดล้มรัฐบาลด้วยวิถีทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย การที่รัฐบาลแต่งตั้งให้ พล.อ. นิพันธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหมดำรงตำแหน่งจอมพลในภาวะการณ์เช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาอย่างแน่นอนเพราะแม้ในภาวะปกติจะเป็นเพียงตำแหน่งเพื่อเป็นเกียรติ์ แต่ในภาวะที่เกิดการรัฐประหารยึดอำนาจขึ้นในประเทศตำแหน่งจอมพลจะมีผลอย่างมากในการสั่งการกองกำลัง และพล.อ. นิพันธ์ ทองเล็ก ได้แสดงตัวออกมาอย่างชัดเจนว่าเป็นนายทหารที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย
ม๊อบ คปท. เดินทางไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติและมวลชนที่บ้าคลั่งได้ทำลายป้ายชื่อและตราแผ่นดินอันทรงเกียรติ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจนหมดสิ้น สิ่งที่ปรากฏในสื่อแสดงให้เห็นถึงความกักขฬะป่าเถื่อนของม๊อบที่อ้างตัวว่าเป็นคนดี ที่ดูเหมือนจะปลดปล่อยความเลวร้ายของตัวเองออกมาจนหมดสิ้น และการกระทำเช่นนี้ยังความเคียดแค้นเจ็บช้ำให้แก่ตำรวจผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ม๊อบ คปท. ต้องการก็คือ การโต้ตอบอย่างอาฆาตแค้นขาดสติจากฝ่ายรัฐ เพราะนั่นคือสิ่งที่ม๊อบ คปท. และ กปปส. ต้องการให้เกิดขึ้นเพื่อสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนในการบริหารประเทศของรัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์ และใช้เป็นข้ออ้างในการที่ทหารจะนำกำลังพลออกมาทำรัฐประหารยึดอำนาจ
แต่ทว่าการที่รัฐบาลดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรมากกว่าการตั้งรับและเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวนั้น อันที่จริงการตั้งรับที่รัฐบาลกระทำอยู่ในขณะนี้นั้นคือ ปฏิบัติการรุกที่ได้ผลที่สุด เพราะฝ่ายเผด็จการอำนาจนิยมที่หนุนหลังม๊อบ กปปส. อยู่พยายามเร่งให้การต่อสู้ครั้งนี้จบลงให้ได้โดยเร็วเพราะรู้ตัวเองดีว่า ตนอยู่ในฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตามกฏหมายและไม่สามารถดำรงความชอบธรรมเอาไว้ได้ บางทีเราอาจจะไม่ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่า การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจทางการเมืองในขณะนี้มิได้ส่งผลที่เกิดขึ้นกันเพียงเฉพาะในประเทศไทยนี้เท่านั้นแต่ผลที่เกิดขึ้นกำลังมีผลกระทบออกไปสู่ประเทศต่างๆ ทั่วทั้งภูมิภาคและทั่วโลกด้วย ดังนั้นความขัดแย้งนี้จึงมิได้ตัดสินแพ้ชนะกันที่กองกำลังหรือมวลชนเพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ทว่ามันส่งผลเกี่ยวพันไปถึงนานาชาติด้วย
จีน, สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, รัสเซีย, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, อาเซียน และอีกหลากหลายประเทศล้วนเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนรัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งทั้งสิ้น ดังนั้นการที่ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ยึดถือความชอบธรรมอันเป็นสากลคือรักษาระบอบประชาธิปไตยเอาไว้นั้นจึงเป็น “หลักยึดและกำแพงป้องกันอันแข็งแกร่ง” ที่ฝ่ายเผด็จการอำนาจนิยมไม่สามารถทำลายได้ เป็นที่ทราบกันดีโดยเปิดเผยแล้วว่าม๊อบ กปปส. และ คปท. นั้นล้วนมีผู้มีอำนาจทางการเมืองในระดับสูงรวมถึงอำนาจมืดและมือที่มองไม่เห็นให้การสนับสนุนอยู่ ดังนั้นประชาชนจึงได้เห็น “ความกร่างและการย่ามใจ” อย่างมากของกลุ่มคนเหล่านี้ที่กระทำความชั่วร้ายต่างๆ ได้อย่างไม่เกรงกลัวกฏหมายแต่อย่างใดซึ่งได้สร้างความเคียดแค้น ขุ่นเคืองใจ และเกลียดชังให้ทับทวีเพิ่มขึ้นในจิตใจของผู้คนที่มีใจเป็นธรรมโดยทั่วไป
แต่ทว่า... ถ้าหยุดเพื่อพิจารณากันอย่างรอบคอบสักนิดแล้วตั้งคำถามอย่างจริงจังกับตัวเองว่า “การกระทำอันชั่วร้ายป่าเถื่อนของม๊อบ คปท. หรือ กปปส. เช่นนี้จะนำพวกเขาไปสู่ชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้จริงหรือ?” เราก็น่าจะตอบตัวเองได้ว่า “ไม่เป็นเช่นนั้น” แม้ว่าพวกเขาจะพยายามสำแดงความป่าเถื่อนปิดล้อมสถานที่ราชการ.. ตัดน้ำตัดไฟ.. ทำลายทรัพย์สิน ข่มขู่ประชาชนผู้เห็นต่างหรือแม้กระทั่งสำแดงพลังว่ามีกลุ่มมวลชนมากมายให้การสนับสนุนนั้น แต่ความจริงก็คือความจริงที่ไม่อาจปิดบังได้ว่า "พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มเผด็จการอำนาจนิยมที่เป็นคนส่วนน้อยของประเทศ ที่กำลังจะพ่ายแพ้ต่อพลังแห่งประชาชนส่วนใหญ่ผู้เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริงของประเทศนี้”
ทุกวันนี้ดูเหมือนรัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถอยแล้วถอยอีกและกำลังดูเหมือนจะจนหนทาง หมดทางเดินต้องยอมแพ้ แต่ทว่าสิ่งที่ปรากฏจริงกลับตรงกันข้ามรัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์ ยังคงถือความชอบธรรมในการเป็นรัฐบาลรักษาการณ์เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง และการเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งนี้จะส่งผลสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่อฝ่ายเผด็จการอำนาจนิยมคือ “เป็นการชี้ชัดว่าฝ่ายใดรักษาระบอบประชาธิปไตยและฝ่ายใดไม่ต้องการระบอบประชาธิปไตย” อันเป็นกติกาสากลของโลกนี้
พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยจำจะต้องอดทนต่อการยั่วยุทั้งปวงแม้ว่าบางเรื่องบางเหตุการณ์มันแทบจะทนไม่ได้ แต่ก็จำเป็นต้องทนให้ได้เพื่อชัยชนะอันชอบธรรมและสมบูรณ์ที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้... เพราะการต่อสู้ด้วยการสงบนิ่งเพื่อรักษาความชอบธรรมนี้คือการต่อสู้อันน่ากลัวที่สุดที่ฝ่ายเผด็จการอำนาจนิยมหวั่นไหวและกำลังจะพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง... ขอให้พี่น้องที่รักของเราทุกคนร่วมใจกันส่งแรงใจไปให้กำลังใจท่านนายกยิ่งลักษณ์.. คณะรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือทีมงานทุกๆ คนที่กำลังเผชิญหน้าต่อสู้กับความชั่วร้ายป่าเถื่อนนี้ ให้มีความหนักแน่นมั่นคงและปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวงด้วย..
และขอให้พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุกๆ ท่านมั่นใจเถิดว่าฝ่ายประชาธิปไตยแม้อาจจะพ่ายแพ้ในบางศึกสมรภูมิ แต่เราจะต้องชนะในสงครามนี้... ขอเป็นกำลังใจแก่ทุกๆ ท่านครับ
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar